วันนี้(30มค.2550)ตุลาการรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนพยานบุคคลของอัยการสูงสุดซึ่งเป็นผู้ร้องคดียุบพรรคไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย เป็นนัดที่ 3 โดยจะสืบพยาน 5 ปาก คือ นายทวี สุวรรณพัฒน์ นายยุทธพงศ์ หรือ พงษ์ศรี ศิวาโมกข์ นายธีรชัย หรือ ต้อย จุลพัฒน์ นางสาวหนึ่งฤทัย ปลิวลอย และนายชวการ โตสวัสดิ์ ซึ่งเป็นพยานปากสำคัญ เนื่องจากเป็นผู้ประสานให้มีการว่างจ้างพรรคการเมืองขนาดเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง 2 เมษายน ทั้งนี้ ในการไต่สวนคดียุบพรรคไทยรักไทย จะมีการไต่สวนทั้งหมด 7 นัด นัดสุดท้าย วันที่ 27 กุมภาพันธ์
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวก่อนเข้าห้องพิจารณาคดีว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า กรณีที่พรรคไทยรักไทยพยายามออกข่าวว่าคณะตุลาการรัฐธรรมนูญมีธงในการพิจารณายุบพรรค ว่า ตลอดเวลาที่มีการไต่สวนคดียุบพรรคมีการเสนอข่าวบิดเบือนอยู่เกือบทุกวัน ตนยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์พยายามที่จะบอกกับประชาชนในเรื่องจริงเท่านั้น เพราะคิดว่าประชาชนมีสิทธิที่ได้รับรู้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่ไม่ได้บิดเบือน อย่างกรณีมีการไต่สวนคดีโดยคณะตุลาการรัฐธรรมนูญซึ่งมีระเบียบกติกาที่กำหนดชัดตั้งแต่แรกว่าวิธีซักถามเป็นอย่างไร เราก็พยายามทำตามกฎเกณฑ์นี้ทุกครั้งแม้จะรู้สึกอึดอัดบ้าง และยอมรับว่าเครียดเช่นกัน เพราะไม่คุ้นเคยกับระบบไต่สวน แต่อีกฝ่ายกลับออกมาให้ข่าวว่า ไม่ได้รับความยุติธรรม หรือตุลาการตั้งธง ซึ่งการพูดเช่นนั้นจะทำให้คนเข้าใจผิดได้
“ผมก็หนักใจเพราะไม่ถนัดกับระบบนี้ ไม่เหมือนกับการขึ้นศาลที่มีคนฟ้องเราบ่อยๆ และพรรคไทยรักไทยเองก็มีเงินไปจ้างทนายความแพงๆ วันดีคืนดีก็เอาเรื่องพวกผมบอกนายบัณฑิต ศิริพันธ์ ทนายของเราได้เงินไปหลายล้านบาท ขอเรียนเสียงดังๆไปถึงประชาชนว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคของประชาชน ทนายที่มาช่วยเราว่าคดีไม่มีใครได้เงินเลย เป็นทนายอาสาแท้ๆ ไล่ตั้งแต่นายชวนลงมาไม่มีใครได้เงินสักบาทเดียว เป็นเพียงการมาช่วยเหลือพรรคของประชาชนโดยแท้ เราไม่ใช่พรรคมหาเศรษฐี”นายสุเทพกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 30 ม.ค. 2550--จบ--
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวก่อนเข้าห้องพิจารณาคดีว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า กรณีที่พรรคไทยรักไทยพยายามออกข่าวว่าคณะตุลาการรัฐธรรมนูญมีธงในการพิจารณายุบพรรค ว่า ตลอดเวลาที่มีการไต่สวนคดียุบพรรคมีการเสนอข่าวบิดเบือนอยู่เกือบทุกวัน ตนยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์พยายามที่จะบอกกับประชาชนในเรื่องจริงเท่านั้น เพราะคิดว่าประชาชนมีสิทธิที่ได้รับรู้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่ไม่ได้บิดเบือน อย่างกรณีมีการไต่สวนคดีโดยคณะตุลาการรัฐธรรมนูญซึ่งมีระเบียบกติกาที่กำหนดชัดตั้งแต่แรกว่าวิธีซักถามเป็นอย่างไร เราก็พยายามทำตามกฎเกณฑ์นี้ทุกครั้งแม้จะรู้สึกอึดอัดบ้าง และยอมรับว่าเครียดเช่นกัน เพราะไม่คุ้นเคยกับระบบไต่สวน แต่อีกฝ่ายกลับออกมาให้ข่าวว่า ไม่ได้รับความยุติธรรม หรือตุลาการตั้งธง ซึ่งการพูดเช่นนั้นจะทำให้คนเข้าใจผิดได้
“ผมก็หนักใจเพราะไม่ถนัดกับระบบนี้ ไม่เหมือนกับการขึ้นศาลที่มีคนฟ้องเราบ่อยๆ และพรรคไทยรักไทยเองก็มีเงินไปจ้างทนายความแพงๆ วันดีคืนดีก็เอาเรื่องพวกผมบอกนายบัณฑิต ศิริพันธ์ ทนายของเราได้เงินไปหลายล้านบาท ขอเรียนเสียงดังๆไปถึงประชาชนว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคของประชาชน ทนายที่มาช่วยเราว่าคดีไม่มีใครได้เงินเลย เป็นทนายอาสาแท้ๆ ไล่ตั้งแต่นายชวนลงมาไม่มีใครได้เงินสักบาทเดียว เป็นเพียงการมาช่วยเหลือพรรคของประชาชนโดยแท้ เราไม่ใช่พรรคมหาเศรษฐี”นายสุเทพกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 30 ม.ค. 2550--จบ--