ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนมีนาคม 2550 ด้านอุปสงค์ เครื่องชี้การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนต่ำลงต่อเนื่อง แต่การส่งออกยังคงขยายตัวดี ด้านอุปทาน รายได้เกษตรกรจากการขายพืชผลหลักขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเล็กน้อยตามราคาแต่ผลผลิตขยายตัวดีขึ้น ส่วนผลผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอลงจากเดือนก่อน ขณะที่การท่องเที่ยวยังคงขยายตัวต่อเนื่อง สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี โดยฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ส่วนอัตราเงินเฟ้อลดลงจากเดือนก่อน
โดยรวมในไตรมาสแรกของปี 2550 อุปสงค์ในประเทศยังคงอ่อนตัวต่อเนื่อง แต่การส่งออกที่ขยายตัวในเกณฑ์ดีเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทางด้านภาคการผลิตยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ผลผลิตพืชผลที่ปรับตัวดีขึ้นและราคาที่ขยายตัวในเกณฑ์สูง ทำให้รายได้เกษตรกรยังคงขยายตัวในเกณฑ์ดี ส่วนผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับปี 2549 ขณะที่การท่องเที่ยวยังคงขยายตัวดีเนื่องจากเป็นฤดูท่องเที่ยวโดยเฉพาะในฝั่งอันดามัน สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดีทั้งเสถียรภาพภายในและภายนอกประเทศ
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนมีนาคม และไตรมาสที่ 1 ปี 2550 มีดังนี้
1. ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เบื้องต้น) ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.0 ชะลอลงจาก 5.2 ในเดือนก่อน ตามหมวดยานยนต์และหมวดวัสดุก่อสร้าง จากอุปสงค์ที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม การผลิตในหมวดอิเล็กทรอนิกส์ ยังคงขยายตัวดีแม้จะชะลอลงบ้างจากเดือนก่อน ขณะที่หมวดเครื่องหนังขยายตัวเนื่องจากได้รับคำสั่งซื้อพิเศษจากสหรัฐฯ รวมทั้งหมวดอาหารเพิ่มขึ้นตามการผลิตน้ำตาลเป็นสำคัญ สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 80.1 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนตามปัจจัยฤดูกาลที่เดือนนี้มีจำนวนวันทำการมาก ประกอบกับบางหมวดมีการปิดซ่อมบำรุงโรงงานในเดือนก่อน ได้แก่ หมวดกระดาษ สามารถกลับมาดำเนินงานได้ตามปกติ หากปรับฤดูกาลแล้ว การใช้กำลังการผลิตลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน
ไตรมาสแรกของปี 2550 (เบื้องต้น) ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 6.1 ชะลอลงเล็กน้อยจากร้อยละ 6.8 ในไตรมาสก่อนตามอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อตอบสนองอุปสงค์ในประเทศที่ชะลอลง ขณะที่หมวดที่ผลิตเพื่อส่งออกยังขยายตัวในเกณฑ์สูง สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 76.4
2. ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน (เบื้องต้น) หดตัวร้อยละ 1.4 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะเครื่องชี้หมวดสินค้าคงทน ได้แก่ปริมาณจำหน่ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ลดลงต่อเนื่อง สำหรับเครื่องชี้หมวดสินค้าไม่คงทน ปริมาณการใช้ไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัยขยายตัวสูงมาก เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนมากขึ้นกว่าปีก่อน ขณะที่ปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ มูลค่าการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค ณ ราคาคงที่ และภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง สำหรับดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) หดตัวร้อยละ 2.9 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์และมูลค่าการนำเข้าสินค้าทุน ณ ราคาคงที่ หดตัวต่อเนื่อง
ไตรมาสแรกของปี 2550 ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน (เบื้องต้น) หดตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.5 ตามการลดลงของปริมาณจำหน่ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นสำคัญ เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายเพื่อดูสถานการณ์ต่างๆ ในประเทศ อย่างไรก็ตาม เครื่องชี้การบริโภคอื่นยังขยายตัวได้ สะท้อนผู้บริโภคยังมีกำลังซื้อเพื่อการใช้จ่ายในสินค้าจำเป็นเพื่อการยังชีพ สำหรับดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) หดตัวร้อยละ 2.9 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นการชะลอตัวต่อเนื่องทั้งการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรและหมวดก่อสร้าง สอดคล้องกับความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ปรับลดลงจาก ไตรมาสก่อน
3. ภาคการคลัง รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บ 120.5 พันล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.9 จากรายได้ที่มิใช่ภาษีที่ลดลงจากรายได้นำส่งของรัฐพาณิชย์ที่ลดลงเนื่องจากรัฐวิสาหกิจมีการเร่งนำส่งรายได้ในเดือนเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ตาม รายได้ภาษียังคงเพิ่มขึ้นจากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.6 ขณะที่ภาษีเงินได้นิติบุคคลหดตัวตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่วนภาษีฐานการบริโภคยังคงขยายตัว โดยภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นจากภาษียาสูบ และภาษีธุรกิจเฉพาะขยายตัวต่อเนื่องตามการจัดเก็บภาษีธุรกรรมของสถาบันการเงิน สำหรับภาษีมูลค่าเพิ่มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงบ้างตามรายได้จากการนำเข้า ดุลเงินสด รัฐบาลขาดดุล 41.4 พันล้านบาท เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนเพิ่มขึ้น 26.2 พันล้านบาท อยู่ที่ 70.7 พันล้านบาท
ไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2550 รายได้จัดเก็บของรัฐบาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน และรัฐบาลขาดดุลเงินสด 127.5 พันล้านบาท
4. ภาคต่างประเทศ เดือนกุมภาพันธ์ 2550 การส่งออกมีมูลค่า 11,161 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 18.4 ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 10,042 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 6.3 ทำให้ดุลการค้าเกินดุล 1,119 ล้านดอลลาร์ สรอ. เมื่อรวมกับดุลบริการ รายได้และเงินโอนที่เกินดุลในเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุล 1,660 ล้านดอลลาร์ สรอ. สำหรับเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลสุทธิ 880 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยเงินทุนไหลออกส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มสินทรัพย์ต่างประเทศของ ภาคธนาคารเป็นสำคัญ แม้ว่าภาคธุรกิจอื่นมีเงินทุนไหลเข้าสุทธิจากเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศและเงินลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งโดยรวมแล้วดุลการชำระเงินเกินดุล 834 ล้านดอลลาร์ สรอ.
สำหรับเดือนมีนาคม 2550 ดุลการค้าเกินดุล 2,201 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการส่งออกขยายตัวร้อยละ 19.0 คิดเป็นมูลค่า 12,926 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์เหล็ก และผลิตภัณฑ์เคมี ด้านการนำเข้า มีมูลค่า 10,726 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 0.5 ชะลอตัวตามการนำเข้าสินค้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมัน เครื่องจักร และสินค้าอุปโภคบริโภค เมื่อรวมกับดุลบริการฯที่เกินดุล 56 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนที่เกิดดุล 541 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยเป็นผลจากรายจ่ายผลประโยชน์จากการลงทุนเพิ่มขึ้นเนื่องจากในเดือนนี้เป็นช่วงตกงวดส่งกลับกำไรและเงินปันผลของภาคเอกชนเป็นสำคัญ กอปรกับการท่องเที่ยวเกินดุลน้อยลง ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2,257 ล้านดอลลาร์ สรอ. และดุลการชำระเงิน เกินดุล 2,339 ล้านดอลลาร์ สรอ. เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2550 อยู่ที่ระดับ 70.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 8.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
ไตรมาสแรกของปี 2550 ดุลการค้า เกินดุล 4,127 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการส่งออกขยายตัวร้อยละ 18.5 คิดเป็นมูลค่า 34,460 ล้านดอลลาร์ สรอ. ด้านการนำเข้ามีมูลค่า 30,332 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 3.5 ดุลบริการ ฯ เกินดุล 1,325 ล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุล 5,453 ล้านดอลลาร์ สรอ. และดุลการชำระเงิน เกินดุล 3,321 ล้านดอลลาร์ สรอ.
5. อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ในเดือนมีนาคม 2550 อยู่ที่ร้อยละ 2.0 ชะลอลงจากร้อยละ 2.3 ในเดือนก่อนหน้า ตามการชะลอตัวของราคาในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ประกอบกับราคาในหมวดพลังงานยังต่ำกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 1.3 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าเล็กน้อย ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิตชะลอตัวจากเดือนก่อนเช่นกัน
ในไตรมาสแรกของปี 2550 อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน และดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกัน ปีก่อนร้อยละ 2.4 1.4 และ 2.6 ตามลำดับ
6. ภาวะการเงิน ในเดือนมีนาคม 2550 เงินฝากของสถาบันรับฝากเงิน1/ขยายตัวร้อยละ 5.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากเดือนกุมภาพันธ์ที่ผู้ฝากได้เร่งฝากเงินเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนระยะยาวที่ยังคงอยู่ในระดับสูง เนื่องจากคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในระยะต่อไปจะมีแนวโน้มลดลง สำหรับสินเชื่อภาคเอกชนของสถาบันรับฝากเงินขยายตัวร้อยละ 2.6 จากระยะเดียวกันปีก่อนซึ่งชะลอลงจากเดือนกุมภาพันธ์ อย่างไรก็ดี เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์สินเชื่อเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่ให้แก่ภาคครัวเรือน
ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2550 ฐานเงินเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์เนื่องจากการลดลงของเงินสดในมือประชาชนภายหลังเทศกาลตรุษจีน ขณะที่ปริมาณเงินตามความหมายกว้าง (Broad Money) ขยายตัวร้อยละ 4.9 จากระยะเดียวกันปีก่อน และอยู่ในแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องสอดคล้องกับอุปสงค์ในประเทศและเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมา
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ในเดือนมีนาคม 2550 อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันปรับลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ มาเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 4.50 และ 4.55 ต่อปี ตามลำดับ ตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายขาลง
ไตรมาสแรกของปี 2550 ค่าเฉลี่ยอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันอยู่ที่ร้อยละ 4.69 และ 4.73 ต่อปี ลดลงจากค่าเฉลี่ยในไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ร้อยละ 4.89 และ 4.95 ต่อปี ตามลำดับ
สำหรับช่วงวันที่ 1-24 เมษายน 2550 อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน และอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันปรับลดลงอีก มาเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 4.21 และ 4.26 ต่อปี ตามลำดับ ภายหลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องของ กนง. ในวันที่ 11 เมษายน 2550
7. ค่าเงินบาทและ ดัชนีค่าเงินบาท (Nominal Effective Exchange Rate: NEER)ในเดือนมีนาคม 2550 ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 35.06 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ โดยเงินบาทโน้มแข็งค่าขึ้นตลอดทั้งเดือน ส่วนหนึ่งจากการเร่งขายดอลลาร์ สรอ. ของผู้ส่งออกที่กังวลว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทโน้มอ่อนลงบ้างในช่วงปลายเดือน ทั้งนี้ ดัชนีค่าเงินบาทปรับสูงขึ้นต่อเนื่องจากระดับ 77.4 ในเดือนกุมภาพันธ์มาอยู่ที่ระดับ 78.3 จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ. เป็นสำคัญ
ค่าเงินบาทในไตรมาสแรกของปี 2550 แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยอยู่ที่ 35.59 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้น ร้อยละ 2.8 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่เฉลี่ยอยู่ที่ 36.60 บาทต่อดอลลาร์ สรอ.
ระหว่างวันที่ 1-24 เมษายน 2550 ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 34.90 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ อุปสงค์และอุปทานต่อเงินดอลลาร์ สรอ. ค่อนข้างสมดุล
ข้อมูลเพิ่มเติม: พรรณพิลาส เรืองวิสุทธิ์ โทร. 0-2283-5648, 0-2283-5639 e-mail: punpilay@bot.or.th
1/ สถาบันรับเงินฝาก หมายถึง สถาบันรับฝากเงินทุกประเภท ยกเว้น ธนาคารแห่งประเทศไทย
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
โดยรวมในไตรมาสแรกของปี 2550 อุปสงค์ในประเทศยังคงอ่อนตัวต่อเนื่อง แต่การส่งออกที่ขยายตัวในเกณฑ์ดีเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทางด้านภาคการผลิตยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ผลผลิตพืชผลที่ปรับตัวดีขึ้นและราคาที่ขยายตัวในเกณฑ์สูง ทำให้รายได้เกษตรกรยังคงขยายตัวในเกณฑ์ดี ส่วนผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับปี 2549 ขณะที่การท่องเที่ยวยังคงขยายตัวดีเนื่องจากเป็นฤดูท่องเที่ยวโดยเฉพาะในฝั่งอันดามัน สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดีทั้งเสถียรภาพภายในและภายนอกประเทศ
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนมีนาคม และไตรมาสที่ 1 ปี 2550 มีดังนี้
1. ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เบื้องต้น) ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.0 ชะลอลงจาก 5.2 ในเดือนก่อน ตามหมวดยานยนต์และหมวดวัสดุก่อสร้าง จากอุปสงค์ที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม การผลิตในหมวดอิเล็กทรอนิกส์ ยังคงขยายตัวดีแม้จะชะลอลงบ้างจากเดือนก่อน ขณะที่หมวดเครื่องหนังขยายตัวเนื่องจากได้รับคำสั่งซื้อพิเศษจากสหรัฐฯ รวมทั้งหมวดอาหารเพิ่มขึ้นตามการผลิตน้ำตาลเป็นสำคัญ สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 80.1 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนตามปัจจัยฤดูกาลที่เดือนนี้มีจำนวนวันทำการมาก ประกอบกับบางหมวดมีการปิดซ่อมบำรุงโรงงานในเดือนก่อน ได้แก่ หมวดกระดาษ สามารถกลับมาดำเนินงานได้ตามปกติ หากปรับฤดูกาลแล้ว การใช้กำลังการผลิตลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน
ไตรมาสแรกของปี 2550 (เบื้องต้น) ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 6.1 ชะลอลงเล็กน้อยจากร้อยละ 6.8 ในไตรมาสก่อนตามอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อตอบสนองอุปสงค์ในประเทศที่ชะลอลง ขณะที่หมวดที่ผลิตเพื่อส่งออกยังขยายตัวในเกณฑ์สูง สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 76.4
2. ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน (เบื้องต้น) หดตัวร้อยละ 1.4 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะเครื่องชี้หมวดสินค้าคงทน ได้แก่ปริมาณจำหน่ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ลดลงต่อเนื่อง สำหรับเครื่องชี้หมวดสินค้าไม่คงทน ปริมาณการใช้ไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัยขยายตัวสูงมาก เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนมากขึ้นกว่าปีก่อน ขณะที่ปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ มูลค่าการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค ณ ราคาคงที่ และภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง สำหรับดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) หดตัวร้อยละ 2.9 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์และมูลค่าการนำเข้าสินค้าทุน ณ ราคาคงที่ หดตัวต่อเนื่อง
ไตรมาสแรกของปี 2550 ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน (เบื้องต้น) หดตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.5 ตามการลดลงของปริมาณจำหน่ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นสำคัญ เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายเพื่อดูสถานการณ์ต่างๆ ในประเทศ อย่างไรก็ตาม เครื่องชี้การบริโภคอื่นยังขยายตัวได้ สะท้อนผู้บริโภคยังมีกำลังซื้อเพื่อการใช้จ่ายในสินค้าจำเป็นเพื่อการยังชีพ สำหรับดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) หดตัวร้อยละ 2.9 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นการชะลอตัวต่อเนื่องทั้งการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรและหมวดก่อสร้าง สอดคล้องกับความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ปรับลดลงจาก ไตรมาสก่อน
3. ภาคการคลัง รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บ 120.5 พันล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.9 จากรายได้ที่มิใช่ภาษีที่ลดลงจากรายได้นำส่งของรัฐพาณิชย์ที่ลดลงเนื่องจากรัฐวิสาหกิจมีการเร่งนำส่งรายได้ในเดือนเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ตาม รายได้ภาษียังคงเพิ่มขึ้นจากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.6 ขณะที่ภาษีเงินได้นิติบุคคลหดตัวตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่วนภาษีฐานการบริโภคยังคงขยายตัว โดยภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นจากภาษียาสูบ และภาษีธุรกิจเฉพาะขยายตัวต่อเนื่องตามการจัดเก็บภาษีธุรกรรมของสถาบันการเงิน สำหรับภาษีมูลค่าเพิ่มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงบ้างตามรายได้จากการนำเข้า ดุลเงินสด รัฐบาลขาดดุล 41.4 พันล้านบาท เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนเพิ่มขึ้น 26.2 พันล้านบาท อยู่ที่ 70.7 พันล้านบาท
ไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2550 รายได้จัดเก็บของรัฐบาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน และรัฐบาลขาดดุลเงินสด 127.5 พันล้านบาท
4. ภาคต่างประเทศ เดือนกุมภาพันธ์ 2550 การส่งออกมีมูลค่า 11,161 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 18.4 ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 10,042 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 6.3 ทำให้ดุลการค้าเกินดุล 1,119 ล้านดอลลาร์ สรอ. เมื่อรวมกับดุลบริการ รายได้และเงินโอนที่เกินดุลในเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุล 1,660 ล้านดอลลาร์ สรอ. สำหรับเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลสุทธิ 880 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยเงินทุนไหลออกส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มสินทรัพย์ต่างประเทศของ ภาคธนาคารเป็นสำคัญ แม้ว่าภาคธุรกิจอื่นมีเงินทุนไหลเข้าสุทธิจากเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศและเงินลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งโดยรวมแล้วดุลการชำระเงินเกินดุล 834 ล้านดอลลาร์ สรอ.
สำหรับเดือนมีนาคม 2550 ดุลการค้าเกินดุล 2,201 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการส่งออกขยายตัวร้อยละ 19.0 คิดเป็นมูลค่า 12,926 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์เหล็ก และผลิตภัณฑ์เคมี ด้านการนำเข้า มีมูลค่า 10,726 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 0.5 ชะลอตัวตามการนำเข้าสินค้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมัน เครื่องจักร และสินค้าอุปโภคบริโภค เมื่อรวมกับดุลบริการฯที่เกินดุล 56 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนที่เกิดดุล 541 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยเป็นผลจากรายจ่ายผลประโยชน์จากการลงทุนเพิ่มขึ้นเนื่องจากในเดือนนี้เป็นช่วงตกงวดส่งกลับกำไรและเงินปันผลของภาคเอกชนเป็นสำคัญ กอปรกับการท่องเที่ยวเกินดุลน้อยลง ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2,257 ล้านดอลลาร์ สรอ. และดุลการชำระเงิน เกินดุล 2,339 ล้านดอลลาร์ สรอ. เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2550 อยู่ที่ระดับ 70.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 8.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
ไตรมาสแรกของปี 2550 ดุลการค้า เกินดุล 4,127 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการส่งออกขยายตัวร้อยละ 18.5 คิดเป็นมูลค่า 34,460 ล้านดอลลาร์ สรอ. ด้านการนำเข้ามีมูลค่า 30,332 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 3.5 ดุลบริการ ฯ เกินดุล 1,325 ล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุล 5,453 ล้านดอลลาร์ สรอ. และดุลการชำระเงิน เกินดุล 3,321 ล้านดอลลาร์ สรอ.
5. อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ในเดือนมีนาคม 2550 อยู่ที่ร้อยละ 2.0 ชะลอลงจากร้อยละ 2.3 ในเดือนก่อนหน้า ตามการชะลอตัวของราคาในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ประกอบกับราคาในหมวดพลังงานยังต่ำกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 1.3 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าเล็กน้อย ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิตชะลอตัวจากเดือนก่อนเช่นกัน
ในไตรมาสแรกของปี 2550 อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน และดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกัน ปีก่อนร้อยละ 2.4 1.4 และ 2.6 ตามลำดับ
6. ภาวะการเงิน ในเดือนมีนาคม 2550 เงินฝากของสถาบันรับฝากเงิน1/ขยายตัวร้อยละ 5.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากเดือนกุมภาพันธ์ที่ผู้ฝากได้เร่งฝากเงินเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนระยะยาวที่ยังคงอยู่ในระดับสูง เนื่องจากคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในระยะต่อไปจะมีแนวโน้มลดลง สำหรับสินเชื่อภาคเอกชนของสถาบันรับฝากเงินขยายตัวร้อยละ 2.6 จากระยะเดียวกันปีก่อนซึ่งชะลอลงจากเดือนกุมภาพันธ์ อย่างไรก็ดี เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์สินเชื่อเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่ให้แก่ภาคครัวเรือน
ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2550 ฐานเงินเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์เนื่องจากการลดลงของเงินสดในมือประชาชนภายหลังเทศกาลตรุษจีน ขณะที่ปริมาณเงินตามความหมายกว้าง (Broad Money) ขยายตัวร้อยละ 4.9 จากระยะเดียวกันปีก่อน และอยู่ในแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องสอดคล้องกับอุปสงค์ในประเทศและเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมา
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ในเดือนมีนาคม 2550 อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันปรับลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ มาเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 4.50 และ 4.55 ต่อปี ตามลำดับ ตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายขาลง
ไตรมาสแรกของปี 2550 ค่าเฉลี่ยอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันอยู่ที่ร้อยละ 4.69 และ 4.73 ต่อปี ลดลงจากค่าเฉลี่ยในไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ร้อยละ 4.89 และ 4.95 ต่อปี ตามลำดับ
สำหรับช่วงวันที่ 1-24 เมษายน 2550 อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน และอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันปรับลดลงอีก มาเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 4.21 และ 4.26 ต่อปี ตามลำดับ ภายหลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องของ กนง. ในวันที่ 11 เมษายน 2550
7. ค่าเงินบาทและ ดัชนีค่าเงินบาท (Nominal Effective Exchange Rate: NEER)ในเดือนมีนาคม 2550 ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 35.06 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ โดยเงินบาทโน้มแข็งค่าขึ้นตลอดทั้งเดือน ส่วนหนึ่งจากการเร่งขายดอลลาร์ สรอ. ของผู้ส่งออกที่กังวลว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทโน้มอ่อนลงบ้างในช่วงปลายเดือน ทั้งนี้ ดัชนีค่าเงินบาทปรับสูงขึ้นต่อเนื่องจากระดับ 77.4 ในเดือนกุมภาพันธ์มาอยู่ที่ระดับ 78.3 จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ. เป็นสำคัญ
ค่าเงินบาทในไตรมาสแรกของปี 2550 แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยอยู่ที่ 35.59 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้น ร้อยละ 2.8 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่เฉลี่ยอยู่ที่ 36.60 บาทต่อดอลลาร์ สรอ.
ระหว่างวันที่ 1-24 เมษายน 2550 ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 34.90 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ อุปสงค์และอุปทานต่อเงินดอลลาร์ สรอ. ค่อนข้างสมดุล
ข้อมูลเพิ่มเติม: พรรณพิลาส เรืองวิสุทธิ์ โทร. 0-2283-5648, 0-2283-5639 e-mail: punpilay@bot.or.th
1/ สถาบันรับเงินฝาก หมายถึง สถาบันรับฝากเงินทุกประเภท ยกเว้น ธนาคารแห่งประเทศไทย
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--