กรุงเทพ--2 พ.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
1. ศาสตราจารย์ Ekmeleddin Ihsanoglu เลขาธิการ OIC พร้อมด้วยคณะผู้แทนระดับสูง ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของรัฐบาลไทย ระหว่างวันที่ 30 เมษายน - 1 พฤษภาคม 2550 ทั้งนี้ ภายหลังการเยือนประเทศไทยของเลขาธิการ OIC รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะเดินทางไปร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของ OIC ครั้งที่ 34 (Islamic Conference of Foreign Ministers- ICFM 34) ณ กรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน ระหว่างวันที่ 15-17 พฤษภาคม 2550
2. คณะผู้แทน OIC ได้เข้าเยี่ยมคารวะพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายนิตย์ พิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นอกจากนั้น คณะผู้แทน OIC ยังได้พบและหารือกับนายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา
นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส) และ ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
3. คณะผู้แทน OIC ได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนมูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย และได้ประชุมหารือกับผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชนไทยมุสลิม และผู้แทนองค์กรเอกชน
4. ในระหว่างการเยือนนี้ คณะผู้แทน OIC ได้หารือกับบุคคลสำคัญของไทย ผู้แทนหน่วยงานรัฐบาล และองค์กรต่างๆ อย่างตรงไปตรงมาและสร้างสรรค์
5. การเยือนครั้งนี้ แสดงถึงความสนใจและความพยายามอย่างจริงใจของ OIC ในการติดตามพัฒนาการและสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยมุสลิม ในจังหวัดชายแดนภาคใต้และจังหวัดอื่นๆ ทั่วทั้งประเทศไทย ทั้งนี้ ในระหว่างการหารืออย่างเป็นทางการ ฝ่ายไทยได้ให้ข้อมูลและสร้างความเข้าใจแก่คณะผู้แทน OIC เกี่ยวกับความพยายามของไทยในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยแนวทางสมานฉันท์และสันติวิธี
6. คณะผู้แทน OIC แสดงความห่วงกังวลถึงสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งยังคงมีความรุนแรง และกระทบต่อความปลอดภัยของผู้บริสุทธิ์ ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจและความไว้ใจของประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งลดความกังวลเกี่ยวกับการไม่ลงโทษผู้กระทำผิดและการได้รับความไม่ยุติธรรม ควรมีการเร่งรัดกระบวนการของความรับผิดชอบ พร้อมกับการดำเนินการสอบสวนโดยรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในข้อหาที่เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการส่งเสริมการใช้กฎหมายในด้านต่างๆ นอกจากนั้น คณะผู้แทน OIC ยังเชื่อว่า การแก้ปัญหาในระยะยาว ควรจะรวมถึงการให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนรับผิดชอบมากขึ้นในการบริหารกิจการในท้องถิ่น ภายใต้ขอบเขตของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
7. คณะผู้แทน OIC ยินดีที่รัฐบาลไทยให้ความมั่นใจว่า การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงเป็นวาระแห่งชาติ และรัฐบาลได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างสูง คณะผู้แทน OIC ได้แสดงความยินดีที่รัฐบาลไทยมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ ด้วยแนวทางแบบบูรณาการบนพื้นฐานของความสมานฉันท์และความปรองดอง ฝ่ายไทยได้ย้ำความสำคัญในการใช้แนวทางดังกล่าวเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนไทยมุสลิมทุกด้าน ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการยุติธรรม การส่งเสริมการมีส่วนรวมของประชาชนในการปกครองส่วนท้องถิ่น และการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการศึกษา โดยเคารพในอัตลักษณ์ วัฒนธรรม และศาสนา คณะผู้แทน OIC ได้แสดงความยินดีในมาตรการความร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในการดำเนินการด้านนี้ด้วย
8. ฝ่ายไทยแจ้งให้คณะผู้แทน OIC ทราบเกี่ยวกับโครงการนำร่องของรัฐบาลในด้านการศึกษา โดยปัจจุบัน โรงเรียนสาธิตจำนวน 12 แห่ง ได้เริ่มทำการเรียนการสอนทั้งโดยภาษาไทยและภาษาท้องถิ่น นอกจากนั้น คณะรัฐมนตรียังได้อนุมัติแผนการศึกษาสำหรับโรงเรียนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งกำหนดให้บรรจุวิชาด้านอิสลามไว้ในหลักสูตรของโรงเรียนรัฐบาลในท้องถิ่นด้วย
9. ฝ่ายไทยแจ้งให้คณะผู้แทน OIC ทราบว่า รัฐบาลกำลังดำเนินการเพื่อเพิ่มการนำกฎหมายอิสลาม มาใช้ในคดีเกี่ยวกับครอบครัวในจังหวัดชายแดนภาคใต้
10. คณะผู้แทน OIC ย้ำการสนับสนุนแนวทางสมานฉันท์ของนายกรัฐมนตรีต่อชุมชนไทยมุสลิม ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ย้ำความสำคัญของการเพิ่มมาตรการสร้างความเชื่อมั่น และแสดงความหวังว่า ความพยายามดังกล่าวจะนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนโดยสันติวิธี นอกจากนั้น คณะผู้แทน OIC ได้ยืนยันความพร้อมที่จะให้การช่วยเหลือและสนับสนุนอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้กระบวนการแก้ไขปัญหาบรรลุผลสำเร็จ ซึ่งฝ่ายไทยมีความยินดีที่ OIC ได้เสนอให้การสนับสนุน
11. คณะผู้แทน OIC แสดงความพอใจที่ชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศ รวมทั้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีสิทธิและเสรีภาพโดยสมบูรณ์ในการนับถือศาสนา เช่นเดียวกับคนไทยที่นับถือศาสนาอื่น คณะผู้แทน OIC ย้ำว่า สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ใช่ความขัดแย้งทางศาสนา แต่เป็นความขัดแย้งที่เกี่ยวกับสิทธิทางการเมือง สิทธิพลเมือง และสิทธิทางเศรษฐกิจและสังคม
12. ทั้งสองฝ่ายแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อการสูญเสียชีวิตของประชาชนเป็นจำนวนมาก ทั้งชาวพุทธ ชาวมุสลิม และผู้ที่นับถือศาสนาอื่น พร้อมทั้ง ได้ประณามการใช้ความรุนแรงโดยไม่ละเว้นต่อผู้บริสุทธิ์ เพราะการกระทำรุนแรงต่อประชาชนไม่ว่าจากฝ่ายใดก็ตาม ได้ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์สิทธิมนุษยชน และไม่ควรให้เกิดขึ้นต่อไป
13. ฝ่ายไทยได้ให้ความมั่นใจกับคณะผู้แทน OIC ว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญต่อการสืบสวน และการดำเนินการตามกระบวนยุติธรรมในคดีนายสมชาย นีละไพจิตร อดีตประธานสมาคมทนายความมุสลิม นอกจากนี้ รัฐบาลไทยได้ดำเนินการตามมาตรการเยียวยา เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์กรือเซะและตากใบ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน การให้ทุนการศึกษาและค่าเลี้ยงดูบุตร และความช่วยเหลือในทางสังคมอื่นๆ
14. คณะผู้แทน OIC ยินดีที่รัฐบาลไทยได้ดำเนินการถอนฟ้องผู้ชุมนุมประท้วงซึ่งถูกจับกุมในเหตุการณ์ตากใบจำนวน 58 คน ในทันทีที่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ และทั้งสองฝ่ายได้ย้ำว่า กระบวนการยุติธรรมตามหลักนิติธรรม พยานหลักฐาน และความโปร่งใส เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างบรรยากาศของความเชื่อมั่น ความยุติธรรม สันติภาพ และความมั่นคง ซึ่งจะช่วยประกันไม่ให้มีการกระทำผิดโดยไม่ได้รับการลงโทษ
15. คณะผู้แทน OIC ชื่นชมความร่วมมืออันดีระหว่างไทยกับประเทศสมาชิก OIC ซึ่งครอบคลุมความร่วมมือในสาขาต่างๆ อย่างกว้างขวาง ทั้งด้านการศึกษา สาธารณสุข อาหารฮาลาล และการท่องเที่ยว พร้อมทั้ง แสดงความหวังว่า ความร่วมมือในลักษณะหุ้นส่วนดังกล่าวจะยังคงดำเนินต่อไป นอกจากนี้ ฝ่ายไทยได้แสดงความพร้อมที่จะเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนและการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายสนใจร่วมกัน โดยผ่านโครงการริเริ่มต่างๆ อาทิ การอบรมเชิงปฏิบัติว่าด้วยการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก (Workshop on Avian Influenza Prevention and Control) ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงไคโร ในเดือนมิถุนายนนี้ และการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ของกลุ่มประเทศอิสลาม ครั้งที่ 2 (2nd International Islamic Economic Culture and Tourism Conference) ณ กรุงเทพมหานคร
16. ไทยและ OIC ได้ย้ำถึงความพร้อมที่จะขยายความร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ระหว่างกัน ที่จะช่วยให้ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีส่วนรับผิดชอบกิจการในท้องถิ่นตามกระบวนการกระจายอำนาจ เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตตามลักษณะเฉพาะทางวัฒนธรรมและภาษา และสามารถการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ โดยยึดมั่นในอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย
17. ไทยและ OIC ได้แสดงความเสียใจที่กลุ่มผู้มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ไม่ว่าจากฝ่ายใดก็ตาม ได้พยายามเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือนและเป็นเท็จ ทั้งโดยตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งสร้างความเกลียดชัง และบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวและความไร้เสถียรภาพ ในการนี้ ทั้งสองฝ่ายเน้นความจำเป็นที่จะต้องอาศัยหาแนวทาง การแก้ไขปัญหาที่ครอบคลุมทั่วทุกด้าน เพื่อนำไปสู่ความสมานฉันท์และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พร้อมกับการส่งเสริมการยอมรับต่อกันในทางวัฒนธรรมและศาสนา
18. คณะผู้แทน OIC ได้แสดงความขอบคุณฝ่ายไทยที่ได้เตรียมการอย่างดียิ่ง และให้การต้อนรับคณะด้วยไมตรีจิตและการเคารพซึ่งกันและกัน เป็นผลให้การเยือนครั้งนี้ประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่ง
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
1. ศาสตราจารย์ Ekmeleddin Ihsanoglu เลขาธิการ OIC พร้อมด้วยคณะผู้แทนระดับสูง ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของรัฐบาลไทย ระหว่างวันที่ 30 เมษายน - 1 พฤษภาคม 2550 ทั้งนี้ ภายหลังการเยือนประเทศไทยของเลขาธิการ OIC รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะเดินทางไปร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของ OIC ครั้งที่ 34 (Islamic Conference of Foreign Ministers- ICFM 34) ณ กรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน ระหว่างวันที่ 15-17 พฤษภาคม 2550
2. คณะผู้แทน OIC ได้เข้าเยี่ยมคารวะพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายนิตย์ พิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นอกจากนั้น คณะผู้แทน OIC ยังได้พบและหารือกับนายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา
นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส) และ ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
3. คณะผู้แทน OIC ได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนมูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย และได้ประชุมหารือกับผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชนไทยมุสลิม และผู้แทนองค์กรเอกชน
4. ในระหว่างการเยือนนี้ คณะผู้แทน OIC ได้หารือกับบุคคลสำคัญของไทย ผู้แทนหน่วยงานรัฐบาล และองค์กรต่างๆ อย่างตรงไปตรงมาและสร้างสรรค์
5. การเยือนครั้งนี้ แสดงถึงความสนใจและความพยายามอย่างจริงใจของ OIC ในการติดตามพัฒนาการและสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยมุสลิม ในจังหวัดชายแดนภาคใต้และจังหวัดอื่นๆ ทั่วทั้งประเทศไทย ทั้งนี้ ในระหว่างการหารืออย่างเป็นทางการ ฝ่ายไทยได้ให้ข้อมูลและสร้างความเข้าใจแก่คณะผู้แทน OIC เกี่ยวกับความพยายามของไทยในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยแนวทางสมานฉันท์และสันติวิธี
6. คณะผู้แทน OIC แสดงความห่วงกังวลถึงสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งยังคงมีความรุนแรง และกระทบต่อความปลอดภัยของผู้บริสุทธิ์ ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจและความไว้ใจของประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งลดความกังวลเกี่ยวกับการไม่ลงโทษผู้กระทำผิดและการได้รับความไม่ยุติธรรม ควรมีการเร่งรัดกระบวนการของความรับผิดชอบ พร้อมกับการดำเนินการสอบสวนโดยรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในข้อหาที่เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการส่งเสริมการใช้กฎหมายในด้านต่างๆ นอกจากนั้น คณะผู้แทน OIC ยังเชื่อว่า การแก้ปัญหาในระยะยาว ควรจะรวมถึงการให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนรับผิดชอบมากขึ้นในการบริหารกิจการในท้องถิ่น ภายใต้ขอบเขตของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
7. คณะผู้แทน OIC ยินดีที่รัฐบาลไทยให้ความมั่นใจว่า การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงเป็นวาระแห่งชาติ และรัฐบาลได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างสูง คณะผู้แทน OIC ได้แสดงความยินดีที่รัฐบาลไทยมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ ด้วยแนวทางแบบบูรณาการบนพื้นฐานของความสมานฉันท์และความปรองดอง ฝ่ายไทยได้ย้ำความสำคัญในการใช้แนวทางดังกล่าวเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนไทยมุสลิมทุกด้าน ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการยุติธรรม การส่งเสริมการมีส่วนรวมของประชาชนในการปกครองส่วนท้องถิ่น และการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการศึกษา โดยเคารพในอัตลักษณ์ วัฒนธรรม และศาสนา คณะผู้แทน OIC ได้แสดงความยินดีในมาตรการความร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในการดำเนินการด้านนี้ด้วย
8. ฝ่ายไทยแจ้งให้คณะผู้แทน OIC ทราบเกี่ยวกับโครงการนำร่องของรัฐบาลในด้านการศึกษา โดยปัจจุบัน โรงเรียนสาธิตจำนวน 12 แห่ง ได้เริ่มทำการเรียนการสอนทั้งโดยภาษาไทยและภาษาท้องถิ่น นอกจากนั้น คณะรัฐมนตรียังได้อนุมัติแผนการศึกษาสำหรับโรงเรียนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งกำหนดให้บรรจุวิชาด้านอิสลามไว้ในหลักสูตรของโรงเรียนรัฐบาลในท้องถิ่นด้วย
9. ฝ่ายไทยแจ้งให้คณะผู้แทน OIC ทราบว่า รัฐบาลกำลังดำเนินการเพื่อเพิ่มการนำกฎหมายอิสลาม มาใช้ในคดีเกี่ยวกับครอบครัวในจังหวัดชายแดนภาคใต้
10. คณะผู้แทน OIC ย้ำการสนับสนุนแนวทางสมานฉันท์ของนายกรัฐมนตรีต่อชุมชนไทยมุสลิม ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ย้ำความสำคัญของการเพิ่มมาตรการสร้างความเชื่อมั่น และแสดงความหวังว่า ความพยายามดังกล่าวจะนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนโดยสันติวิธี นอกจากนั้น คณะผู้แทน OIC ได้ยืนยันความพร้อมที่จะให้การช่วยเหลือและสนับสนุนอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้กระบวนการแก้ไขปัญหาบรรลุผลสำเร็จ ซึ่งฝ่ายไทยมีความยินดีที่ OIC ได้เสนอให้การสนับสนุน
11. คณะผู้แทน OIC แสดงความพอใจที่ชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศ รวมทั้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีสิทธิและเสรีภาพโดยสมบูรณ์ในการนับถือศาสนา เช่นเดียวกับคนไทยที่นับถือศาสนาอื่น คณะผู้แทน OIC ย้ำว่า สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ใช่ความขัดแย้งทางศาสนา แต่เป็นความขัดแย้งที่เกี่ยวกับสิทธิทางการเมือง สิทธิพลเมือง และสิทธิทางเศรษฐกิจและสังคม
12. ทั้งสองฝ่ายแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อการสูญเสียชีวิตของประชาชนเป็นจำนวนมาก ทั้งชาวพุทธ ชาวมุสลิม และผู้ที่นับถือศาสนาอื่น พร้อมทั้ง ได้ประณามการใช้ความรุนแรงโดยไม่ละเว้นต่อผู้บริสุทธิ์ เพราะการกระทำรุนแรงต่อประชาชนไม่ว่าจากฝ่ายใดก็ตาม ได้ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์สิทธิมนุษยชน และไม่ควรให้เกิดขึ้นต่อไป
13. ฝ่ายไทยได้ให้ความมั่นใจกับคณะผู้แทน OIC ว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญต่อการสืบสวน และการดำเนินการตามกระบวนยุติธรรมในคดีนายสมชาย นีละไพจิตร อดีตประธานสมาคมทนายความมุสลิม นอกจากนี้ รัฐบาลไทยได้ดำเนินการตามมาตรการเยียวยา เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์กรือเซะและตากใบ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน การให้ทุนการศึกษาและค่าเลี้ยงดูบุตร และความช่วยเหลือในทางสังคมอื่นๆ
14. คณะผู้แทน OIC ยินดีที่รัฐบาลไทยได้ดำเนินการถอนฟ้องผู้ชุมนุมประท้วงซึ่งถูกจับกุมในเหตุการณ์ตากใบจำนวน 58 คน ในทันทีที่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ และทั้งสองฝ่ายได้ย้ำว่า กระบวนการยุติธรรมตามหลักนิติธรรม พยานหลักฐาน และความโปร่งใส เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างบรรยากาศของความเชื่อมั่น ความยุติธรรม สันติภาพ และความมั่นคง ซึ่งจะช่วยประกันไม่ให้มีการกระทำผิดโดยไม่ได้รับการลงโทษ
15. คณะผู้แทน OIC ชื่นชมความร่วมมืออันดีระหว่างไทยกับประเทศสมาชิก OIC ซึ่งครอบคลุมความร่วมมือในสาขาต่างๆ อย่างกว้างขวาง ทั้งด้านการศึกษา สาธารณสุข อาหารฮาลาล และการท่องเที่ยว พร้อมทั้ง แสดงความหวังว่า ความร่วมมือในลักษณะหุ้นส่วนดังกล่าวจะยังคงดำเนินต่อไป นอกจากนี้ ฝ่ายไทยได้แสดงความพร้อมที่จะเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนและการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายสนใจร่วมกัน โดยผ่านโครงการริเริ่มต่างๆ อาทิ การอบรมเชิงปฏิบัติว่าด้วยการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก (Workshop on Avian Influenza Prevention and Control) ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงไคโร ในเดือนมิถุนายนนี้ และการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ของกลุ่มประเทศอิสลาม ครั้งที่ 2 (2nd International Islamic Economic Culture and Tourism Conference) ณ กรุงเทพมหานคร
16. ไทยและ OIC ได้ย้ำถึงความพร้อมที่จะขยายความร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ระหว่างกัน ที่จะช่วยให้ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีส่วนรับผิดชอบกิจการในท้องถิ่นตามกระบวนการกระจายอำนาจ เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตตามลักษณะเฉพาะทางวัฒนธรรมและภาษา และสามารถการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ โดยยึดมั่นในอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย
17. ไทยและ OIC ได้แสดงความเสียใจที่กลุ่มผู้มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ไม่ว่าจากฝ่ายใดก็ตาม ได้พยายามเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือนและเป็นเท็จ ทั้งโดยตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งสร้างความเกลียดชัง และบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวและความไร้เสถียรภาพ ในการนี้ ทั้งสองฝ่ายเน้นความจำเป็นที่จะต้องอาศัยหาแนวทาง การแก้ไขปัญหาที่ครอบคลุมทั่วทุกด้าน เพื่อนำไปสู่ความสมานฉันท์และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พร้อมกับการส่งเสริมการยอมรับต่อกันในทางวัฒนธรรมและศาสนา
18. คณะผู้แทน OIC ได้แสดงความขอบคุณฝ่ายไทยที่ได้เตรียมการอย่างดียิ่ง และให้การต้อนรับคณะด้วยไมตรีจิตและการเคารพซึ่งกันและกัน เป็นผลให้การเยือนครั้งนี้ประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่ง
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-