ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ประเมินเหตุระเบิดที่หาดใหญ่อาจส่งผลต่อการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นแล้ว ดร.อัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวถึงผลกระทบจากเหตุการณ์ระเบิดจำนวน 7 จุด ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า
น่าจะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในภาคใต้บ้าง เพราะตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาการท่องเที่ยวได้ฟื้นตัวขึ้นบ้างแล้ว ขณะที่ภาคการค้าของภาคใต้
ไม่น่าจะได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นจากเดิมมากนัก เพราะซบเซามาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นที่ไม่ดีอยู่
ให้มากขึ้นไปอีก ด้านผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นน่าจะมีผลกระทบในแง่ของความรู้สึกของคนบ้าง แต่ก็คงไม่ต่างจากที่
เป็นอยู่มากนัก (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน, ข่าวสด, ไทยโพสต์)
2. ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน เม.ย.50 ลดลงที่ระดับ 77.0 ต่ำสุดในรอบ 55 เดือน รองประธาน
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมในเดือน เม.ย.50 ว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นทั้ง
ในเรื่องเงินบาทแข็งค่า การเมือง และราคาน้ำมัน ประกอบกับในเดือน เม.ย.เป็นช่วงวันหยุดมีวันทำการน้อย ทำให้ค่าดัชนีความเชื่อมั่น
ภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 77.0 จากระดับ 86.8 ในเดือนก่อนหน้า ถือว่าต่ำสุดในรอบ 55 เดือน นับตั้งแต่ ส.อ.ท.จัดทำ
ดัชนีเมื่อเดือน ต.ค.45 และเป็นค่าดัชนีที่ต่ำกว่า 100 เป็นเดือนที่ 13 ติดต่อกันนับจากเดือน เม.ย.49 เป็นต้นมา ซึ่งสะท้อนถึงการ
ชะลอตัวของภาคอุตสาหกรรมอย่างชัดเจน สำหรับบรรยากาศในการลงทุนพบว่า ผู้ประกอบการต้องการลงทุนในต่างประเทศมากกว่าในไทย
โดยบรรยากาศการลงทุนของไทยอยู่ที่ระดับ 57.6 ส่วนในต่างประเทศอยู่ที่ระดับ 83.3 ซึ่งผู้ประกอบการยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะ
สภาพคล่องของกิจการ และคาดหวังว่าความเชื่อมั่นจะดีขึ้นหากรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน,
ข่าวสด,ไทยโพสต์)
3. จำนวนการผลิตรถยนต์ในเดือน เม.ย.50 ลดลง 2.57% โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เปิดเผยจำนวนการผลิต
รถยนต์เดือน เม.ย.50 ว่า รถยนต์ที่ผลิตได้มีจำนวน 82,980 คัน ลดลง 2.57% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยเป็นการผลิตเพื่อ
ส่งออก 41,696 คัน ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 41,284 คัน ส่วนยอดรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในช่วง 4 เดือนแรกของปีมีจำนวน
376,615 คัน ลดลง 3.33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการผลิตเพื่อส่งออก 194,992 คัน เพิ่มขึ้น 10.30% และ
ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 181,623 คัน ลดลง 14.65% (โลกวันนี้, ข่าวสด)
4. ธ.โลกชี้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ขาดการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ผู้อำนวยการทีมเศรษฐศาสตร์
ประจำเอเชียตะวันออก และที่ปรึกษาทางด้านเศรษฐกิจ ธนาคารโลก กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปัจจุบันถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี
เนื่องจากมีเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้าต่อเนื่อง โดยเฉพาะเงินทุนจากภูมิภาคเอเชียที่มีประมาณ 10% ประกอบกับอัตราการส่งออก
ยังคงขยายตัวต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2550 ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปลอดภัยแม้จะชะลอตัวลงกว่าสถานการณ์ปกติ แต่ก็ไม่ถึงกับวิกฤต
อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาของธนาคารโลกพบว่า ปัญหาหลักของการพัฒนาประเทศไทย คือ ขาดการสนับสนุนเงินทุนเพื่อการวิจัย
และพัฒนา (R&D) ส่งผลให้ขาดนวัตกรรมใหม่ๆ ในการพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ ประกอบกับภาคธุรกิจเอกชน
ของไทยและมหาวิทยาลัยยังขาดความเชื่อมโยงการทำงานพัฒนาวิจัยใหม่ๆ ร่วมกัน โดย งปม.เพื่อการวิจัยและพัฒนาของไทยอยู่ที่ 0.25%
ของผลิตภัณฑ์ในประเทศ(จีดีพี) ถือว่าเป็นวงเงินที่ต่ำมากเกือบจะน้อยที่สุดในโลก (มติชน, โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. สหภาพยุโรปต้องการความร่วมมือจากอาเซียนเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติโลกและสิทธิมนุษยชน รายงานจากเยอรมนี เมื่อ
วันที่ 28 พ.ค.50 ในการประชุม Asia-Europe Meeting — ASEM ที่ Hamburg เมื่อวันจันทร์ ระหว่างสหภาพยุโรปและสมาชิก
อาเซียนอื่นๆรวมทั้งจีน ในเรื่องวิกฤติโลก รวมทั้งสิทธิมนุษยชน ซึ่งมีสมาชิกเข้าร่วมประชุม 45 ประเทศเพื่อกระชับความร่วมมือระหว่าง
ภูมิภาคที่มีประชากรถึงร้อยละ 60 ของโลกและมีสัดส่วนการค้าถึงร้อยละ 60 ซึ่งกรรมาธิการระดับสูงของสหภาพยุโรปต้องการที่จะ
ประกาศแผนสำหรับการเจรจาอย่างถาวรในเรื่องต่างๆ อาทิ ปัญหาสภาพแวดล้อม ภาวะเศรษฐกิจ และการเงิน การจ้างงาน
และนโยบายทางสังคม ทั้งนี้ภายหลังการเจรจาที่ Helsinki เมื่อ ก.ย. 49 ทั้งสองฝ่ายได้เรียกร้องให้เพิ่มความพยายามเป็นเท่าตัว
ในเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แต่บรรดาผู้นำอาเซียนไม่สนใจที่จะให้คำมั่นสัญญาในการลดมลภาวะ ทั้งนี้สหภาพยุโรป
ประสบปัญหาในการแข่งขันจากบรรดาผู้ประกอบการอุตสาหกรรมของประเทศในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งมีความวิตกในเรื่องสิทธิของ
แรงงาน โดยรมว.ต่างประเทศของเยอรมนีกล่าวว่าสหภาพยุโรปต้องการการแข่งขันที่เป็นธรรม ทั้งนี้ภูมิภาคเอเชียมีปริมาณเศรษฐกิจ
จำนวนมหาศาลและธุรกิจของเยอรมนีและสหภาพยุโรปต่างได้รับผลประโยชน์จากเศรษฐกิจอาเซียน แต่ก็ต้องการการแข่งขันที่เป็นธรรม
ซึ่งสหภาพยุโรปไม่อาจที่จะย้ายงานจากยุโรปมายังเอเชียได้ง่ายๆ เนื่องจากยุโรปมีจุดยืนในการรักษาสภาพแวดล้อมและมีมาตรฐาน
ทางสังคม ขณะที่ประเทศในแถบเอเซียไม่เข้มงวดในเรื่องนี้เหมือนประเทศอื่นๆในโลก (รอยเตอร์)
2. อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นในเดือน เม.ย.50 อยู่ที่ร้อยละ 3.8 ต่ำสุดในรอบ 9 ปี รายงานจากโตเกียว
เมื่อ 29 พ.ค.50 อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นหลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 3.8 ในเดือน เม.ย.50 ต่ำสุด
ในรอบ 9 ปี และต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 4.0 หลังจากอัตราการว่างงานคงที่อยู่ที่ร้อยละ 4.0 มาตั้งแต่เดือน พ.ย.49
ในขณะที่อัตราส่วนตำแหน่งงานว่างต่อจำนวนคนหางานดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.05 ซึ่งมีความหมายว่ามีตำแหน่งงานว่าง 105 ตำแหน่ง
สำหรับคนหางาน 100 คน ดีขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่อยู่ที่ระดับ 1.09 ในเดือน ก.ค.49 ซึ่งหลังจากนั้นอัตราส่วนนี้ได้ลดลงมาโดยตลอด
โดยในเดือน มี.ค.50 อัตราส่วนนี้อยู่ที่ 1.03 แต่ทั้งนักเศรษฐศาสตร์และ ธ.กลางญี่ปุ่นเชื่อว่าตลาดแรงงานกำลังดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งอาจสร้างแรงกดดันต่อเงินเฟ้อหากค่าแรงสูงขึ้นและเป็นสาเหตุที่ทำให้คาดกันว่า ธ.กลางญี่ปุ่นอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้ง
ภายในปีนี้ แม้ว่าราคาสินค้าได้ลดลงในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม (รอยเตอร์)
3. ผลผลิตอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ในเดือน เม.ย.50 เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 3 เดือนที่ร้อยละ 1.3 เทียบต่อเดือน
รายงานจากโซล เมื่อ 28 พ.ค.50 รัฐบาลเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ (ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดอุตสาหกรรม
การผลิต เหมืองแร่ และผลผลิตอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์) ในเดือน เม.ย.50 เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 3 เดือนที่ร้อยละ 1.3 เทียบ
ต่อเดือน หลังจากที่ลดลงร้อยละ 0.4 ในเดือน มี.ค.50 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ในเดือน ก.พ.50 และหากเทียบต่อปีเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 4.9 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 ในเดือน มี.ค.50 ขณะที่ผลสำรวจนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์คาดการณ์ว่าผลผลิตอุตสาหกรรม
ในเดือน เม.ย.จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 เทียบต่อเดือน ทั้งนี้ สาเหตุที่ผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือน เม.ย.เพิ่มขึ้น เนื่องจากการส่งออก
เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งโดยเฉพาะสินค้าหมวดสุขภาพ โดยการส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือน เม.ย.50 ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 17.1
เมื่อเทียบต่อปี นับเป็นการขยายตัวรวดเร็วที่สุดตั้งแต่เดือน ม.ค.50 โดยมีพลังงานขับเคลื่อนสนับสนุนจากความต้องการสินค้าจาก
ประเทศจีนและสหภาพยุโรป ซึ่งสามารถช่วยผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของ สรอ.ที่คาดว่าอาจส่งผลกระทบ
ต่อความต้องการสินค้าของเกาหลีใต้ได้ นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณบางประการที่สนับสนุนการขยายตัวของผลผลิตอุตสาหกรรม คือ ความ
ต้องการบริโภคในประเทศเพิ่มขึ้น (ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของกิจกรรมทางเศรษฐกิจเกาหลีใต้) โดยเห็นได้จากตัวเลขการนำเข้า
สินค้าของเกาหลีใต้ในเดือน เม.ย.เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 19.8 เมื่อเทียบต่อปี อันเนื่องมาจากความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยอดขายชิปที่อยู่ในภาวะชะลอตัว โดยในเดือน เม.ย.มียอดส่งออกชิปเพียงร้อยละ 4.4 เทียบต่อปี อาจส่งผลต่อการ
ขยายตัวของการส่งออกโดยรวม โดยยอดขายของภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจเกาหลีใต้อยู่ในภาวะชะลอตัว รวมทั้ง
บ.ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ (ที่นับเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปชั้นนำของโลก) ด้วย นอกจากนี้ เมื่อเดือนที่ผ่านมา ผู้ช่วย รมว.คลังเกาหลีใต้ยัง
ได้กล่าวว่าราคาชิปที่ลดลงอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของเกาหลีใต้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม มีตัวเลขบางตัวที่สามารถชดเชยการ
ชะลอตัวของยอดขายชิปได้ คือ การส่งออกรถยนต์โดยสารในเดือน เม.ย.50 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.6 เทียบต่อปี และการส่งออก
เรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.3 (รอยเตอร์)
4. ธ.กลางมาเลเซียคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 3.50 รายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
เมื่อวันที่ 28 พ.ค.50 ธ.กลางมาเลเซียประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 3.50 ในการประชุมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
และส่งสัญญาณว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแม้ว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะกำลังชะลอตัวและอัตราเงินเฟ้ออยู่
ในระดับต่ำ แต่ได้เตือนว่าการเพิ่มสูงขึ้นของราคาสินค้า ผลิตผลทางการเกษตร และอาหารทั่วโลกจะส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ และ
จะทำให้ความหวังที่จะเห็นการผ่อนคลายนโยบายการเงินลดลง ทั้งนี้ มุมมองในระยะกลางสำหรับอัตราเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
อัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับปัจจุบันยังถือว่ามีความเหมาะสม ส่วนความไม่แน่นอนจากปัจจัยแวดล้อมภายนอกและความเป็นไปของเศรษฐกิจ
ในระดับนานาชาติยังคงต้องมีการติดตามเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยยังคงอยู่ในระดับที่มีการคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 2.0—2.5
ในขณะที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของมาเลเซียได้รับผลกระทบจากการส่งออกที่กำลังชะลอตัวและการบริโภคที่อ่อนตัวลง โดยการ
ส่งออกเทียบต่อปีในเดือน มี.ค. ลดลงสูงสุดเป็นสถิติในรอบ 5 ปี สาเหตุหลักมาจากยอดขายที่ลดลงในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และน้ำมันดิบ
ด้านนักวิเคราะห์คาดว่า ธ.กลางมาเลเซียจะรายงานอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ที่ระดับร้อยละ 4.5 จากปีก่อน
ซึ่งจะเป็นอัตราการเติบโตต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี ลดลงจากร้อยละ 5.7 ในไตรมาสสุดท้ายปีก่อน และร้อยละ 5.9 ตลอดปี 49 นอกจากนี้
ยังคาดว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจตลอดปี 50 จะขยายตัวร้อยละ 5.5 ต่ำกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 6.0 ในขณะที่เจ้าหน้าที่
ทางการกล่าวว่าการใช้จ่ายของภาครัฐที่เพิ่มขึ้นและความต้องการสินค้าของมาเลเซียในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวดีขึ้นจะช่วยให้เศรษฐกิจของ
มาเลเซียฟื้นตัวหลังจากที่ชะลอตัวลงในช่วงต้นปีที่ผ่านมา อนึ่ง อัตราดอกเบี้ยนโยบายของมาเลเซียในระดับปัจจุบันที่ร้อยละ 3.50 เป็น
ระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีการเริ่มใช้ในปี 47 แต่ยังคงอยู่ในกลุ่มประเทศดอกเบี้ยต่ำสุดในภูมิภาคเอเชีย ซึ่ง ธ.กลางมาเลเซียคงอัตราดอกเบี้ย
นโยบายไว้ที่ระดับนี้มาตั้งแต่เดือน เม.ย.49 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 29 พ.ค. 50 28 พ.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 34.604 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 34.3834/34.7166 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.68609 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 727.93/10.26 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,700/10,800 10,700/10,800 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 65.77 66.16 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 30.39*/25.34** 30.39*/25.34** 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเพิ่มเมื่อ 19 พ.ค. 50 , ** ปรับเพิ่มเมื่อ 26 เม.ย. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ประเมินเหตุระเบิดที่หาดใหญ่อาจส่งผลต่อการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นแล้ว ดร.อัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวถึงผลกระทบจากเหตุการณ์ระเบิดจำนวน 7 จุด ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า
น่าจะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในภาคใต้บ้าง เพราะตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาการท่องเที่ยวได้ฟื้นตัวขึ้นบ้างแล้ว ขณะที่ภาคการค้าของภาคใต้
ไม่น่าจะได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นจากเดิมมากนัก เพราะซบเซามาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นที่ไม่ดีอยู่
ให้มากขึ้นไปอีก ด้านผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นน่าจะมีผลกระทบในแง่ของความรู้สึกของคนบ้าง แต่ก็คงไม่ต่างจากที่
เป็นอยู่มากนัก (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน, ข่าวสด, ไทยโพสต์)
2. ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน เม.ย.50 ลดลงที่ระดับ 77.0 ต่ำสุดในรอบ 55 เดือน รองประธาน
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมในเดือน เม.ย.50 ว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นทั้ง
ในเรื่องเงินบาทแข็งค่า การเมือง และราคาน้ำมัน ประกอบกับในเดือน เม.ย.เป็นช่วงวันหยุดมีวันทำการน้อย ทำให้ค่าดัชนีความเชื่อมั่น
ภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 77.0 จากระดับ 86.8 ในเดือนก่อนหน้า ถือว่าต่ำสุดในรอบ 55 เดือน นับตั้งแต่ ส.อ.ท.จัดทำ
ดัชนีเมื่อเดือน ต.ค.45 และเป็นค่าดัชนีที่ต่ำกว่า 100 เป็นเดือนที่ 13 ติดต่อกันนับจากเดือน เม.ย.49 เป็นต้นมา ซึ่งสะท้อนถึงการ
ชะลอตัวของภาคอุตสาหกรรมอย่างชัดเจน สำหรับบรรยากาศในการลงทุนพบว่า ผู้ประกอบการต้องการลงทุนในต่างประเทศมากกว่าในไทย
โดยบรรยากาศการลงทุนของไทยอยู่ที่ระดับ 57.6 ส่วนในต่างประเทศอยู่ที่ระดับ 83.3 ซึ่งผู้ประกอบการยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะ
สภาพคล่องของกิจการ และคาดหวังว่าความเชื่อมั่นจะดีขึ้นหากรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน,
ข่าวสด,ไทยโพสต์)
3. จำนวนการผลิตรถยนต์ในเดือน เม.ย.50 ลดลง 2.57% โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เปิดเผยจำนวนการผลิต
รถยนต์เดือน เม.ย.50 ว่า รถยนต์ที่ผลิตได้มีจำนวน 82,980 คัน ลดลง 2.57% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยเป็นการผลิตเพื่อ
ส่งออก 41,696 คัน ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 41,284 คัน ส่วนยอดรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในช่วง 4 เดือนแรกของปีมีจำนวน
376,615 คัน ลดลง 3.33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการผลิตเพื่อส่งออก 194,992 คัน เพิ่มขึ้น 10.30% และ
ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 181,623 คัน ลดลง 14.65% (โลกวันนี้, ข่าวสด)
4. ธ.โลกชี้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ขาดการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ผู้อำนวยการทีมเศรษฐศาสตร์
ประจำเอเชียตะวันออก และที่ปรึกษาทางด้านเศรษฐกิจ ธนาคารโลก กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปัจจุบันถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี
เนื่องจากมีเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้าต่อเนื่อง โดยเฉพาะเงินทุนจากภูมิภาคเอเชียที่มีประมาณ 10% ประกอบกับอัตราการส่งออก
ยังคงขยายตัวต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2550 ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปลอดภัยแม้จะชะลอตัวลงกว่าสถานการณ์ปกติ แต่ก็ไม่ถึงกับวิกฤต
อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาของธนาคารโลกพบว่า ปัญหาหลักของการพัฒนาประเทศไทย คือ ขาดการสนับสนุนเงินทุนเพื่อการวิจัย
และพัฒนา (R&D) ส่งผลให้ขาดนวัตกรรมใหม่ๆ ในการพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ ประกอบกับภาคธุรกิจเอกชน
ของไทยและมหาวิทยาลัยยังขาดความเชื่อมโยงการทำงานพัฒนาวิจัยใหม่ๆ ร่วมกัน โดย งปม.เพื่อการวิจัยและพัฒนาของไทยอยู่ที่ 0.25%
ของผลิตภัณฑ์ในประเทศ(จีดีพี) ถือว่าเป็นวงเงินที่ต่ำมากเกือบจะน้อยที่สุดในโลก (มติชน, โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. สหภาพยุโรปต้องการความร่วมมือจากอาเซียนเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติโลกและสิทธิมนุษยชน รายงานจากเยอรมนี เมื่อ
วันที่ 28 พ.ค.50 ในการประชุม Asia-Europe Meeting — ASEM ที่ Hamburg เมื่อวันจันทร์ ระหว่างสหภาพยุโรปและสมาชิก
อาเซียนอื่นๆรวมทั้งจีน ในเรื่องวิกฤติโลก รวมทั้งสิทธิมนุษยชน ซึ่งมีสมาชิกเข้าร่วมประชุม 45 ประเทศเพื่อกระชับความร่วมมือระหว่าง
ภูมิภาคที่มีประชากรถึงร้อยละ 60 ของโลกและมีสัดส่วนการค้าถึงร้อยละ 60 ซึ่งกรรมาธิการระดับสูงของสหภาพยุโรปต้องการที่จะ
ประกาศแผนสำหรับการเจรจาอย่างถาวรในเรื่องต่างๆ อาทิ ปัญหาสภาพแวดล้อม ภาวะเศรษฐกิจ และการเงิน การจ้างงาน
และนโยบายทางสังคม ทั้งนี้ภายหลังการเจรจาที่ Helsinki เมื่อ ก.ย. 49 ทั้งสองฝ่ายได้เรียกร้องให้เพิ่มความพยายามเป็นเท่าตัว
ในเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แต่บรรดาผู้นำอาเซียนไม่สนใจที่จะให้คำมั่นสัญญาในการลดมลภาวะ ทั้งนี้สหภาพยุโรป
ประสบปัญหาในการแข่งขันจากบรรดาผู้ประกอบการอุตสาหกรรมของประเทศในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งมีความวิตกในเรื่องสิทธิของ
แรงงาน โดยรมว.ต่างประเทศของเยอรมนีกล่าวว่าสหภาพยุโรปต้องการการแข่งขันที่เป็นธรรม ทั้งนี้ภูมิภาคเอเชียมีปริมาณเศรษฐกิจ
จำนวนมหาศาลและธุรกิจของเยอรมนีและสหภาพยุโรปต่างได้รับผลประโยชน์จากเศรษฐกิจอาเซียน แต่ก็ต้องการการแข่งขันที่เป็นธรรม
ซึ่งสหภาพยุโรปไม่อาจที่จะย้ายงานจากยุโรปมายังเอเชียได้ง่ายๆ เนื่องจากยุโรปมีจุดยืนในการรักษาสภาพแวดล้อมและมีมาตรฐาน
ทางสังคม ขณะที่ประเทศในแถบเอเซียไม่เข้มงวดในเรื่องนี้เหมือนประเทศอื่นๆในโลก (รอยเตอร์)
2. อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นในเดือน เม.ย.50 อยู่ที่ร้อยละ 3.8 ต่ำสุดในรอบ 9 ปี รายงานจากโตเกียว
เมื่อ 29 พ.ค.50 อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นหลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 3.8 ในเดือน เม.ย.50 ต่ำสุด
ในรอบ 9 ปี และต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 4.0 หลังจากอัตราการว่างงานคงที่อยู่ที่ร้อยละ 4.0 มาตั้งแต่เดือน พ.ย.49
ในขณะที่อัตราส่วนตำแหน่งงานว่างต่อจำนวนคนหางานดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.05 ซึ่งมีความหมายว่ามีตำแหน่งงานว่าง 105 ตำแหน่ง
สำหรับคนหางาน 100 คน ดีขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่อยู่ที่ระดับ 1.09 ในเดือน ก.ค.49 ซึ่งหลังจากนั้นอัตราส่วนนี้ได้ลดลงมาโดยตลอด
โดยในเดือน มี.ค.50 อัตราส่วนนี้อยู่ที่ 1.03 แต่ทั้งนักเศรษฐศาสตร์และ ธ.กลางญี่ปุ่นเชื่อว่าตลาดแรงงานกำลังดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งอาจสร้างแรงกดดันต่อเงินเฟ้อหากค่าแรงสูงขึ้นและเป็นสาเหตุที่ทำให้คาดกันว่า ธ.กลางญี่ปุ่นอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้ง
ภายในปีนี้ แม้ว่าราคาสินค้าได้ลดลงในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม (รอยเตอร์)
3. ผลผลิตอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ในเดือน เม.ย.50 เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 3 เดือนที่ร้อยละ 1.3 เทียบต่อเดือน
รายงานจากโซล เมื่อ 28 พ.ค.50 รัฐบาลเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ (ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดอุตสาหกรรม
การผลิต เหมืองแร่ และผลผลิตอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์) ในเดือน เม.ย.50 เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 3 เดือนที่ร้อยละ 1.3 เทียบ
ต่อเดือน หลังจากที่ลดลงร้อยละ 0.4 ในเดือน มี.ค.50 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ในเดือน ก.พ.50 และหากเทียบต่อปีเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 4.9 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 ในเดือน มี.ค.50 ขณะที่ผลสำรวจนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์คาดการณ์ว่าผลผลิตอุตสาหกรรม
ในเดือน เม.ย.จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 เทียบต่อเดือน ทั้งนี้ สาเหตุที่ผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือน เม.ย.เพิ่มขึ้น เนื่องจากการส่งออก
เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งโดยเฉพาะสินค้าหมวดสุขภาพ โดยการส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือน เม.ย.50 ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 17.1
เมื่อเทียบต่อปี นับเป็นการขยายตัวรวดเร็วที่สุดตั้งแต่เดือน ม.ค.50 โดยมีพลังงานขับเคลื่อนสนับสนุนจากความต้องการสินค้าจาก
ประเทศจีนและสหภาพยุโรป ซึ่งสามารถช่วยผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของ สรอ.ที่คาดว่าอาจส่งผลกระทบ
ต่อความต้องการสินค้าของเกาหลีใต้ได้ นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณบางประการที่สนับสนุนการขยายตัวของผลผลิตอุตสาหกรรม คือ ความ
ต้องการบริโภคในประเทศเพิ่มขึ้น (ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของกิจกรรมทางเศรษฐกิจเกาหลีใต้) โดยเห็นได้จากตัวเลขการนำเข้า
สินค้าของเกาหลีใต้ในเดือน เม.ย.เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 19.8 เมื่อเทียบต่อปี อันเนื่องมาจากความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยอดขายชิปที่อยู่ในภาวะชะลอตัว โดยในเดือน เม.ย.มียอดส่งออกชิปเพียงร้อยละ 4.4 เทียบต่อปี อาจส่งผลต่อการ
ขยายตัวของการส่งออกโดยรวม โดยยอดขายของภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจเกาหลีใต้อยู่ในภาวะชะลอตัว รวมทั้ง
บ.ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ (ที่นับเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปชั้นนำของโลก) ด้วย นอกจากนี้ เมื่อเดือนที่ผ่านมา ผู้ช่วย รมว.คลังเกาหลีใต้ยัง
ได้กล่าวว่าราคาชิปที่ลดลงอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของเกาหลีใต้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม มีตัวเลขบางตัวที่สามารถชดเชยการ
ชะลอตัวของยอดขายชิปได้ คือ การส่งออกรถยนต์โดยสารในเดือน เม.ย.50 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.6 เทียบต่อปี และการส่งออก
เรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.3 (รอยเตอร์)
4. ธ.กลางมาเลเซียคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 3.50 รายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
เมื่อวันที่ 28 พ.ค.50 ธ.กลางมาเลเซียประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 3.50 ในการประชุมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
และส่งสัญญาณว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแม้ว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะกำลังชะลอตัวและอัตราเงินเฟ้ออยู่
ในระดับต่ำ แต่ได้เตือนว่าการเพิ่มสูงขึ้นของราคาสินค้า ผลิตผลทางการเกษตร และอาหารทั่วโลกจะส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ และ
จะทำให้ความหวังที่จะเห็นการผ่อนคลายนโยบายการเงินลดลง ทั้งนี้ มุมมองในระยะกลางสำหรับอัตราเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
อัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับปัจจุบันยังถือว่ามีความเหมาะสม ส่วนความไม่แน่นอนจากปัจจัยแวดล้อมภายนอกและความเป็นไปของเศรษฐกิจ
ในระดับนานาชาติยังคงต้องมีการติดตามเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยยังคงอยู่ในระดับที่มีการคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 2.0—2.5
ในขณะที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของมาเลเซียได้รับผลกระทบจากการส่งออกที่กำลังชะลอตัวและการบริโภคที่อ่อนตัวลง โดยการ
ส่งออกเทียบต่อปีในเดือน มี.ค. ลดลงสูงสุดเป็นสถิติในรอบ 5 ปี สาเหตุหลักมาจากยอดขายที่ลดลงในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และน้ำมันดิบ
ด้านนักวิเคราะห์คาดว่า ธ.กลางมาเลเซียจะรายงานอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ที่ระดับร้อยละ 4.5 จากปีก่อน
ซึ่งจะเป็นอัตราการเติบโตต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี ลดลงจากร้อยละ 5.7 ในไตรมาสสุดท้ายปีก่อน และร้อยละ 5.9 ตลอดปี 49 นอกจากนี้
ยังคาดว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจตลอดปี 50 จะขยายตัวร้อยละ 5.5 ต่ำกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 6.0 ในขณะที่เจ้าหน้าที่
ทางการกล่าวว่าการใช้จ่ายของภาครัฐที่เพิ่มขึ้นและความต้องการสินค้าของมาเลเซียในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวดีขึ้นจะช่วยให้เศรษฐกิจของ
มาเลเซียฟื้นตัวหลังจากที่ชะลอตัวลงในช่วงต้นปีที่ผ่านมา อนึ่ง อัตราดอกเบี้ยนโยบายของมาเลเซียในระดับปัจจุบันที่ร้อยละ 3.50 เป็น
ระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีการเริ่มใช้ในปี 47 แต่ยังคงอยู่ในกลุ่มประเทศดอกเบี้ยต่ำสุดในภูมิภาคเอเชีย ซึ่ง ธ.กลางมาเลเซียคงอัตราดอกเบี้ย
นโยบายไว้ที่ระดับนี้มาตั้งแต่เดือน เม.ย.49 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 29 พ.ค. 50 28 พ.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 34.604 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 34.3834/34.7166 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.68609 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 727.93/10.26 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,700/10,800 10,700/10,800 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 65.77 66.16 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 30.39*/25.34** 30.39*/25.34** 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเพิ่มเมื่อ 19 พ.ค. 50 , ** ปรับเพิ่มเมื่อ 26 เม.ย. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--