นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า Port of Los Angeles และ Port of Long Beach ซึ่งเป็นท่าเรือขนส่งสินค้านำเข้าและส่งออกที่สำคัญที่สุดระหว่างเอเชียและสหรัฐฯ มีโครงการที่จะเก็บเงินค่าธรรมเนียม(Traffic Mitigation Fee) การขนถ่ายสินค้าจากท่าเรือทั้ง 2 แห่ง ในเวลาเร่งด่วน คือ ระหว่างเวลา 03.00 น. — 17.00 น. เพื่อแก้ปัญหาการจราจรที่คับคั่งและปัญหามลภาวะเป็นพิษ ซึ่งการเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะเรียกเก็บจากเจ้าของตู้สินค้า (beneficial cargo owners) ก่อนที่ตู้สินค้านำเข้าจะถูกขนถ่ายออกจากท่า และตู้สินค้าส่งออกจะถูกขนขึ้นระวางเรือสินค้า ในอัตราเริ่มต้นที่ 20 เหรียญสหรัฐฯต่อ TEU(ตู้ขนส่งสินค้าขนาดเทียบเท่า 20 ฟุต) และอาจเพิ่มสูงขึ้น เป็น 40 หรือ 80 เหรียญ/TEU แต่จะยกเว้นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากการเคลื่อนย้ายตู้สินค้านอกเวลาเร่งด่วน การเคลื่อนย้ายตู้เปล่า และตู้สินค้าที่ถูกเคลื่อนย้ายโดยการขนส่งภายในจากท่าเทียบเรือหรือจากสถานีรถไฟในรัฐแคลิฟอร์เนียภาคใต้ผ่านทางรถไฟสายด่วน (Alameda Corridor) ซึ่งมีความยาว 20 ไมล์เชื่อมโยงท่าเรือทั้งสองกับสถานีรถไฟทั้งสองแห่งในDowntown Los Angeles โดยการเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ภายในเดือนมิถุนายน หรือต้นเดือนกรกฎาคม 2548 และคาดว่าจะยกเลิกภายในสองถึงสามปีข้างหน้า หรือเมื่อมีการขนถ่ายสินค้านอกเวลาเร่งด่วน มากกว่าในเวลาเร่งด่วน
ทั้งนี้ การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมขนส่งดังกล่าวจะส่งผลกระทบให้ต้นทุนการขนส่งของผู้ประกอบการนำเข้า/ส่งออกสินค้าสูงขึ้นไปอีก นอกเหนือจากค่าน้ำมันและค่าแรงในการขนถ่ายสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ราคาสินค้าในตลาดขายปลีกเพิ่มสูงขึ้น
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ประมาณการกว่าร้อยละ 90 ของสินค้านำเข้าสหรัฐฯจากกลุ่มประเทศเอเชีย มีการนำเข้าผ่านทาง Port of Los Angeles และ Port of Long Beach ดังนั้น ผู้ประกอบการนำเข้า/ส่งออกสินค้าควรจัดการเวลาการขนถ่ายสินค้าใหม่ให้เป็นนอกเวลาเร่งด่วน และจัดระบบการขนส่ง (ตารางเวลาการเดินเรือ) และการขนถ่ายสินค้าเข้าโรงเก็บสินค้าให้สอดคล้องกัน หรืออาจหาทางส่งสินค้าเข้าท่าเทียบเรืออื่นๆ ที่มีความคับคั่งของการจราจรน้อยกว่าและไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียม เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาด้านต้นทุนการขนส่งที่จะสูงขึ้นจากกรณีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการพิจารณาถึงเงื่อนไขอื่นๆ เช่น ระยะทาง และค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าไปโรงเก็บหรือไปสู่ลูกค้าด้วย
ในปี 2547 ไทยมีการส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯคิดเป็นมูลค่ารวม 623,047 ล้านบาท และในปี 2548 (ม.ค.-เม.ย.) คิดเป็นมูลค่า 193,445 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2547 ซึ่งมีมูลค่าการส่งออก 184,783 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.69
--กรมการค้าระหว่างประเทศ--
-สส-
ทั้งนี้ การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมขนส่งดังกล่าวจะส่งผลกระทบให้ต้นทุนการขนส่งของผู้ประกอบการนำเข้า/ส่งออกสินค้าสูงขึ้นไปอีก นอกเหนือจากค่าน้ำมันและค่าแรงในการขนถ่ายสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ราคาสินค้าในตลาดขายปลีกเพิ่มสูงขึ้น
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ประมาณการกว่าร้อยละ 90 ของสินค้านำเข้าสหรัฐฯจากกลุ่มประเทศเอเชีย มีการนำเข้าผ่านทาง Port of Los Angeles และ Port of Long Beach ดังนั้น ผู้ประกอบการนำเข้า/ส่งออกสินค้าควรจัดการเวลาการขนถ่ายสินค้าใหม่ให้เป็นนอกเวลาเร่งด่วน และจัดระบบการขนส่ง (ตารางเวลาการเดินเรือ) และการขนถ่ายสินค้าเข้าโรงเก็บสินค้าให้สอดคล้องกัน หรืออาจหาทางส่งสินค้าเข้าท่าเทียบเรืออื่นๆ ที่มีความคับคั่งของการจราจรน้อยกว่าและไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียม เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาด้านต้นทุนการขนส่งที่จะสูงขึ้นจากกรณีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการพิจารณาถึงเงื่อนไขอื่นๆ เช่น ระยะทาง และค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าไปโรงเก็บหรือไปสู่ลูกค้าด้วย
ในปี 2547 ไทยมีการส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯคิดเป็นมูลค่ารวม 623,047 ล้านบาท และในปี 2548 (ม.ค.-เม.ย.) คิดเป็นมูลค่า 193,445 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2547 ซึ่งมีมูลค่าการส่งออก 184,783 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.69
--กรมการค้าระหว่างประเทศ--
-สส-