แต่กระนั้นเราต้องยอมรับว่าสังคมก็ต้องเข้าใจช่วยเหลือคนที่อ่อนแอ สิ่งที่ผมตั้งใจจะให้เกิดขึ้นในประเทศของเรา สังคมของเราที่เป็นอนาคตใหม่ที่ดีกว่า คือหลักประกันและสวัสดิการที่คนไทยทุกคนต้องได้ เรียนฟรี รักษาฟรี เราต้องทำให้เกิดขึ้นจริงและมีคุณภาพ แต่เท่านั้นก็ยังไม่พอ คนที่ประสบอุบัติเหตุ คนที่พิการ แล้วแน่นอนที่สุดสิ่งที่ไม่มีใครหลีกหนีได้คือความชรา คนเหล่านี้เราต้องเข้าไปดูแลอย่างเป็นระบบเป็นครั้งแรก ผมตั้งใจว่า ระบบที่จะเป็นหลักประกันพื้นฐานให้คนทุกคนนั้นสามารถทำได้โดยอาศัยเงินงบประมาณแต่เราก็ต้องส่งเสริมให้เกิดระบบการออม รวมทรัพย์สินเงินทอง ของทั้งประชาชน ของทั้งภาคธุรกิจ และของภาครัฐ เพื่อเป็นหลักประกันสำหรับอนาคตด้วย เราจึงมีความตั้งใจว่าในอนาคตใหม่นั้นประกันสังคมจะต้องขยาย คนที่อยู่ในระบบประกันสังคมต้องเพิ่มขึ้น อย่างน้อยอีกเท่าตัว และพี่น้องในชนบท ที่เขามีระบบสัจจะออมทรัพย์ สหกรณ์ออมทรัพย์ ถึงเวลาที่รัฐจะต้องหยิบยื่นมือเข้าไปเพื่อสมทบทรัพยากรให้เกิดการออมสำหรับชุมชน ให้ชุมชนนั้นมีหลังพิง ให้ชุมชนมีความมั่นใจ มีหลักประกัน สิ่งเหล่านี้ผมคิดว่า น่าจะเป็นความฝันที่ตรงกันของคนไทยทุกคน ผมเชื่อครับว่า การสร้างสิ่งเหล่านี้นั้น สามารถทำได้และไม่เกินกำลังในเรื่องของความสามารถในเรื่องของเงิน ในเรื่องของงบประมาณที่เรามีอยู่ 4 ปีข้างหน้ารัฐบาลยังสามารถที่จะขาดดุลงบประมาณในระดับที่ขาดดุลอยู่ในปัจจุบันได้ต่อเนื่องไม่เป็นปัญหากับเรื่องหนี้สาธารณะ ไม่เป็นปัญหากับเสถียรภาพ ไม่ไปกระทบเรื่องของเงินสำรองต่าง ๆ เราต้องเริ่มต้นวางรากฐานของการใช้จ่ายภาครัฐเพื่อดูแลตรงนี้อย่างชัดเจน
ผมมั่นใจครับว่า ถ้าเราทำสิ่งนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของสังคม เศรษฐกิจ หรือการเมือง เราก็จะมีอนาคตที่มีความยั่งยืน มีความมั่นคง แน่นอนที่สุดครับ มันก็จะมีปัญหาอีกตามมา ที่เราจำเป็นต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน เช่นปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นในภาคใต้ ซึ่งตรงนี้ก็เช่นเดียวกันครับว่า เราต้องเลิกมองว่าเป็นเพียงปัญหาของคนกลุ่มหนึ่ง หรือพื้นที่หนึ่ง แต่เป็นปัญหาของชาติ เราต้องมาร่วมกันทำความเข้าใจว่า ประวัติศาสตร์ในเรื่องของเชื้อชาติ วัฒนธรรมนั้น มีความหลากหลายอยู่ในพื้นที่ แล้วเราก็ต้องช่วยกันครับว่าคนในพื้นที่ตรงนั้นมีโอกาสมีความหวัง ทั้งเรื่องการศึกษาทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องสิทธิ เสรีภาพที่จะใช้ชีวิตตามความเชื่อ ตามวัฒนธรรมของเขา สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ครับ ล้วนแล้วแต่ต้องการความร่วมมือจากทุก ๆ คนในประเทศไทย แต่เหนืออื่นใด ก็คือ ต้องการภาวะการนำ และการเมือง การบริหารที่ดี
ผมกราบเรียนกับท่านทั้งหลายเป็นประการสุดท้ายครับว่า พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองซึ่งยืนหยัดอยู่กับท่านทั้งหลายมาเป็นเวลากว่า 61 ปี ในอดีตพรรคได้นำพาบ้านเมืองฟันฝ่าอุปสรรค วิกฤตมามาก ผู้นำของพรรคเคยเป็นผู้นำที่ช่วยให้ประเทศไทยผ่านภาวะในเรื่องของสงครามมา ผู้นำของพรรค เคยเป็นผู้ที่นำพาประเทศชาติฟันฝ่าวิกฤตทางการเมืองมาหลายครั้ง และพรรคการเมืองนี้ก็คือพรรคการเมืองที่ช่วยกอบกู้ประเทศไทยจากวิกฤตเศรษฐกิจและวิกฤตการเมืองที่รุนแรงที่สุดเมื่อ 10 ปีที่แล้ว (เสียงปรบมือ)
วันนี้ท่านทั้งหลายอาจจะมองว่า สภาพปัญหาต่าง ๆ ที่เหมือนกับเป็นเมฆดำเข้าปกคลุมผืนแผ่นดินไทยอยู่เป็นเวลาถึง 2 ปีนั้น เป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัส แต่ผมเชื่อว่า คนไทยและสังคมไทยจะได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง ชาวโลกให้การยอมรับว่าคนไทยสังคมไทยนั้นมีความสามารถในการฟันฝ่าวิกฤตและในการปรับตัว ผมก็เชื่ออย่างนั้น และผมเชื่อว่าแนวทางที่เป็นวาระประชาชนที่เรากำลังเดินสายพบปะกับทุกกลุ่มในประเทศเพื่อสร้างให้เป็นความเข้าใจร่วมและพลังร่วม ที่จะฟันฝ่าออกจากวิกฤตตรงนี้นั้นเป็นคำตอบอย่างแท้จริง และผมรู้ครับว่า การเข้าไปแก้วิกฤตแต่ละครั้งนั้น คนที่เข้าไปทำนั้นอาจจะต้องเจ็บตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจจะต้องตัดสินใจในเรื่องยากลำบาก และอาจจะไม่ประสบความสำเร็จทางการเมือง แต่เมื่อวานนี้ผมก็ได้ประกาศแล้วว่า สำหรับพรรคการเมืองอย่างพรรคประชาธิปัตย์ พรรคที่ผมถือว่าท่านได้มาเป็นหุ้นส่วน พรรคที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริงแล้วยืนหยัดมา 61 ปีนั้น เราไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ ปัญหาจะหนักหนาสาหัสแค่ไหนเราก็พร้อมสู้ (เสียงปรบมือ)
และเราจะสู้ด้วยความมุ่งมั่นด้วยความตั้งใจ ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ด้วยการยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นใหญ่ (เสียงปรบมือ)
เมื่อวานผมพูดถึงขั้นว่า ถ้าสู้แล้ว ตัวผมไม่รอด แต่ประเทศรอด ผมและพรรคประชาธิปัตย์ ยินดี (เสียงปรบมือ)
เพราะฉะนั้นในค่ำคืนนี้ ผมกราบขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้งหนึ่ง ที่ได้แสดงตัวมาเป็นหุ้นส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองที่พร้อมแล้ว ที่จะนำพาประเทศฟันฝ่าวิกฤตที่หนักหนาสาหัสครั้งนี้ พรรคการเมืองที่ยืนยันว่า บนหลักการประชาชนต้องมาก่อน เราจะทำให้คนไทยทุกคนลืมตาอ้าปาก มีความหวัง ก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทย รุดหน้าไปอีกครั้งหนึ่ง และนำความผาสุกกลับมาคืนสู่สังคมไทย อย่างทั่วถึง ผมกราบขอบพระคุณท่านทั้งหลายเพราะว่า ท่านกำลังมีส่วนสำคัญที่จะทำให้อนาคตใหม่นี้สามารถเกิดขึ้นได้ และผมยืนยันครับว่า ตัวผม และพรรคประชาธิปัตย์นั้น สำนึกเสมอว่า เรามีโอกาสทำงานทางการเมืองก็ด้วยแรงสนับสนุนของประชาชน เราจะไม่มีวันทรยศประชาชน เราจะไม่มีวันเอาประเทศไปเสี่ยง หรือสร้างวิกฤตเพื่อประโยชน์ของตัวเอง เพื่อประโยชน์ของพวก เพื่อประโยชน์พ้อง (เสียงปรบมือ)
และการร่วมทุกข์ ร่วมสุข ของเรากับพี่น้องประชาชนรวมทั้งท่านทั้งหลายตรงนี้จะเป็นพลังสำคัญที่สุดที่ทำให้ชัยชนะที่จะเกิดขึ้นนั้นเป็นชัยชนะของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศครับ กราบขอบพระคุณครับ สวัสดีครับ (เสียงปรบมือ)
*****************************************************
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 25 ก.ค. 2550--จบ--
ผมมั่นใจครับว่า ถ้าเราทำสิ่งนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของสังคม เศรษฐกิจ หรือการเมือง เราก็จะมีอนาคตที่มีความยั่งยืน มีความมั่นคง แน่นอนที่สุดครับ มันก็จะมีปัญหาอีกตามมา ที่เราจำเป็นต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน เช่นปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นในภาคใต้ ซึ่งตรงนี้ก็เช่นเดียวกันครับว่า เราต้องเลิกมองว่าเป็นเพียงปัญหาของคนกลุ่มหนึ่ง หรือพื้นที่หนึ่ง แต่เป็นปัญหาของชาติ เราต้องมาร่วมกันทำความเข้าใจว่า ประวัติศาสตร์ในเรื่องของเชื้อชาติ วัฒนธรรมนั้น มีความหลากหลายอยู่ในพื้นที่ แล้วเราก็ต้องช่วยกันครับว่าคนในพื้นที่ตรงนั้นมีโอกาสมีความหวัง ทั้งเรื่องการศึกษาทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องสิทธิ เสรีภาพที่จะใช้ชีวิตตามความเชื่อ ตามวัฒนธรรมของเขา สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ครับ ล้วนแล้วแต่ต้องการความร่วมมือจากทุก ๆ คนในประเทศไทย แต่เหนืออื่นใด ก็คือ ต้องการภาวะการนำ และการเมือง การบริหารที่ดี
ผมกราบเรียนกับท่านทั้งหลายเป็นประการสุดท้ายครับว่า พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองซึ่งยืนหยัดอยู่กับท่านทั้งหลายมาเป็นเวลากว่า 61 ปี ในอดีตพรรคได้นำพาบ้านเมืองฟันฝ่าอุปสรรค วิกฤตมามาก ผู้นำของพรรคเคยเป็นผู้นำที่ช่วยให้ประเทศไทยผ่านภาวะในเรื่องของสงครามมา ผู้นำของพรรค เคยเป็นผู้ที่นำพาประเทศชาติฟันฝ่าวิกฤตทางการเมืองมาหลายครั้ง และพรรคการเมืองนี้ก็คือพรรคการเมืองที่ช่วยกอบกู้ประเทศไทยจากวิกฤตเศรษฐกิจและวิกฤตการเมืองที่รุนแรงที่สุดเมื่อ 10 ปีที่แล้ว (เสียงปรบมือ)
วันนี้ท่านทั้งหลายอาจจะมองว่า สภาพปัญหาต่าง ๆ ที่เหมือนกับเป็นเมฆดำเข้าปกคลุมผืนแผ่นดินไทยอยู่เป็นเวลาถึง 2 ปีนั้น เป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัส แต่ผมเชื่อว่า คนไทยและสังคมไทยจะได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง ชาวโลกให้การยอมรับว่าคนไทยสังคมไทยนั้นมีความสามารถในการฟันฝ่าวิกฤตและในการปรับตัว ผมก็เชื่ออย่างนั้น และผมเชื่อว่าแนวทางที่เป็นวาระประชาชนที่เรากำลังเดินสายพบปะกับทุกกลุ่มในประเทศเพื่อสร้างให้เป็นความเข้าใจร่วมและพลังร่วม ที่จะฟันฝ่าออกจากวิกฤตตรงนี้นั้นเป็นคำตอบอย่างแท้จริง และผมรู้ครับว่า การเข้าไปแก้วิกฤตแต่ละครั้งนั้น คนที่เข้าไปทำนั้นอาจจะต้องเจ็บตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจจะต้องตัดสินใจในเรื่องยากลำบาก และอาจจะไม่ประสบความสำเร็จทางการเมือง แต่เมื่อวานนี้ผมก็ได้ประกาศแล้วว่า สำหรับพรรคการเมืองอย่างพรรคประชาธิปัตย์ พรรคที่ผมถือว่าท่านได้มาเป็นหุ้นส่วน พรรคที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริงแล้วยืนหยัดมา 61 ปีนั้น เราไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ ปัญหาจะหนักหนาสาหัสแค่ไหนเราก็พร้อมสู้ (เสียงปรบมือ)
และเราจะสู้ด้วยความมุ่งมั่นด้วยความตั้งใจ ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ด้วยการยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นใหญ่ (เสียงปรบมือ)
เมื่อวานผมพูดถึงขั้นว่า ถ้าสู้แล้ว ตัวผมไม่รอด แต่ประเทศรอด ผมและพรรคประชาธิปัตย์ ยินดี (เสียงปรบมือ)
เพราะฉะนั้นในค่ำคืนนี้ ผมกราบขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้งหนึ่ง ที่ได้แสดงตัวมาเป็นหุ้นส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองที่พร้อมแล้ว ที่จะนำพาประเทศฟันฝ่าวิกฤตที่หนักหนาสาหัสครั้งนี้ พรรคการเมืองที่ยืนยันว่า บนหลักการประชาชนต้องมาก่อน เราจะทำให้คนไทยทุกคนลืมตาอ้าปาก มีความหวัง ก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทย รุดหน้าไปอีกครั้งหนึ่ง และนำความผาสุกกลับมาคืนสู่สังคมไทย อย่างทั่วถึง ผมกราบขอบพระคุณท่านทั้งหลายเพราะว่า ท่านกำลังมีส่วนสำคัญที่จะทำให้อนาคตใหม่นี้สามารถเกิดขึ้นได้ และผมยืนยันครับว่า ตัวผม และพรรคประชาธิปัตย์นั้น สำนึกเสมอว่า เรามีโอกาสทำงานทางการเมืองก็ด้วยแรงสนับสนุนของประชาชน เราจะไม่มีวันทรยศประชาชน เราจะไม่มีวันเอาประเทศไปเสี่ยง หรือสร้างวิกฤตเพื่อประโยชน์ของตัวเอง เพื่อประโยชน์ของพวก เพื่อประโยชน์พ้อง (เสียงปรบมือ)
และการร่วมทุกข์ ร่วมสุข ของเรากับพี่น้องประชาชนรวมทั้งท่านทั้งหลายตรงนี้จะเป็นพลังสำคัญที่สุดที่ทำให้ชัยชนะที่จะเกิดขึ้นนั้นเป็นชัยชนะของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศครับ กราบขอบพระคุณครับ สวัสดีครับ (เสียงปรบมือ)
*****************************************************
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 25 ก.ค. 2550--จบ--