เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลและคมช.ไม่ควรจะตื่นเต้นกับเกมการใช้สื่อต่างประเทศของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะโดยส่วนใหญ่สื่อตะวันตกที่พ.ต.ท.ทักษิณเลือกใช้งานก็ล้วนเป็นสื่อในเครือของกลุ่มธุรกิจข้ามชาติที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ให้การสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่การทำหน้าที่ของสื่อเหล่านั้นจะเอนเอียงไปทางด้านพ.ต.ท.ทักษิณ และเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลและคมช. และให้เข้าใจด้วยว่า สื่อของตะวันตกใช่ว่าจะเป็นแบบอย่างที่ดีของวิชาชีพสื่อสารมวลชน ตรงกันข้ามสื่อตะวันตกที่เป็นยักษ์ใหญ่ทั้งหลายล้วนแล้วแต่ถูกควบคุมและครอบงำโดยระบอบทุนนิยมมายาวนาน จึงมองผลประโยชน์ของกลุ่มทุนข้ามชาติทางตะวันตกเหนือกว่าสิ่งใด ดังนั้นจะเรียกหาความถูกต้องครบถ้วน ความเป็นกลาง หรือความเป็นธรรมจากสื่อเหล่านั้นคงจะยาก
นายอภิชาต กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลและคมช.ควรจะสนใจมากกว่าก็คือ การให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงกับประชาชนอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น เรื่องความเสียหายที่เกิดจากการบริหารประเทศที่ผิดพลาดของพ.ต.ท.ทักษิณและพวกพ้อง รวมถึงความพยายามของรัฐบาลและคมช.ในการวางรากฐานการเมืองการปกครองใหม่ที่จะเป็นหลักประกันว่าจะทำให้ประเทศไม่ย้อนกลับไปสู่วิกฤตเหมือนในอดีต ซึ่งข้อมูล ข้อเท็จจริงเหล่านี้จะเป็นที่เชื่อถือหรือยอมรับของประชาชนได้ก็ขึ้นอยู่กับการทำงานที่เอาจริงเอาจังของรัฐบาลและคมช.เองด้วย
ผิดหวังปรับครม.ไม่ตรงจุด-ห่วงตั้งรับไม่สิ้นสุด
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปรับครม.สุรยุทธ์ 3 ว่า การเพิ่มตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการใน 2 กระทรวง เป็นเพียงการเพิ่มคนมาช่วยงาน แต่ไม่ได้มีนัยยะต่อการปรับทิศทางการทำงานโดยรวมของรัฐบาลแต่อย่างใด แม้รัฐมนตรีใหม่ทั้งสองคนจะเป็นคนที่มีความสามารถและเป็นที่ยอมรับ แต่ก็คงไปเปลี่ยนอะไรมากไม่ได้ จึงน่าเสียดายโอกาส เพราะที่ผ่านมามีเสียงเรียกร้องตลอดมาว่า รัฐบาลยังมีจุดอ่อนในเรื่องงานด้านความมั่นคง และการเมือง จนถูกเปรียบเทียบว่าเป็นรัฐบาลขมิ้นอ่อน รัฐมนตรีที่เป็นอยู่ยังขาดความมุ่งมั่นในการชำระล้างการทุจริตคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นในอดีต ขาดความกล้าหาญ กล้าคิด กล้าตัดสินใจ
“เมื่อเป็นเช่นนี้ รัฐบาลก็อาจจะต้องเผชิญกับภาวะตั้งรับไปเรื่อยๆ และต้องตามแก้ปัญหาข้าราชการและรัฐมนตรีใส่เกียร์ว่างกันต่อไปไม่สิ้นสุด” นายอภิชาต กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 4 ก.พ. 2550--จบ--
นายอภิชาต กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลและคมช.ควรจะสนใจมากกว่าก็คือ การให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงกับประชาชนอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น เรื่องความเสียหายที่เกิดจากการบริหารประเทศที่ผิดพลาดของพ.ต.ท.ทักษิณและพวกพ้อง รวมถึงความพยายามของรัฐบาลและคมช.ในการวางรากฐานการเมืองการปกครองใหม่ที่จะเป็นหลักประกันว่าจะทำให้ประเทศไม่ย้อนกลับไปสู่วิกฤตเหมือนในอดีต ซึ่งข้อมูล ข้อเท็จจริงเหล่านี้จะเป็นที่เชื่อถือหรือยอมรับของประชาชนได้ก็ขึ้นอยู่กับการทำงานที่เอาจริงเอาจังของรัฐบาลและคมช.เองด้วย
ผิดหวังปรับครม.ไม่ตรงจุด-ห่วงตั้งรับไม่สิ้นสุด
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปรับครม.สุรยุทธ์ 3 ว่า การเพิ่มตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการใน 2 กระทรวง เป็นเพียงการเพิ่มคนมาช่วยงาน แต่ไม่ได้มีนัยยะต่อการปรับทิศทางการทำงานโดยรวมของรัฐบาลแต่อย่างใด แม้รัฐมนตรีใหม่ทั้งสองคนจะเป็นคนที่มีความสามารถและเป็นที่ยอมรับ แต่ก็คงไปเปลี่ยนอะไรมากไม่ได้ จึงน่าเสียดายโอกาส เพราะที่ผ่านมามีเสียงเรียกร้องตลอดมาว่า รัฐบาลยังมีจุดอ่อนในเรื่องงานด้านความมั่นคง และการเมือง จนถูกเปรียบเทียบว่าเป็นรัฐบาลขมิ้นอ่อน รัฐมนตรีที่เป็นอยู่ยังขาดความมุ่งมั่นในการชำระล้างการทุจริตคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นในอดีต ขาดความกล้าหาญ กล้าคิด กล้าตัดสินใจ
“เมื่อเป็นเช่นนี้ รัฐบาลก็อาจจะต้องเผชิญกับภาวะตั้งรับไปเรื่อยๆ และต้องตามแก้ปัญหาข้าราชการและรัฐมนตรีใส่เกียร์ว่างกันต่อไปไม่สิ้นสุด” นายอภิชาต กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 4 ก.พ. 2550--จบ--