ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท. ให้เวลา บง. และ บค. เลือกสถานะเพื่อดำเนินธุรกิจต่อไป นางธาริษา วัฒนเกส
รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า ขณะนี้ บง. ที่ไม่ได้ยกระดับเป็น ธ.พาณิชย์ ได้แก่
บง.ฟินันซ่า บง.กรุงเทพธนาทร และ บง.แอ็ดวานซ์ รวมทั้ง บค.เอเชีย บค.ยูนิโก้เฮ้าส์ซิ่ง และ บค.สหวิริยา
ซึ่งยังอยู่ระหว่างการหารือกับฝ่ายนโยบายสถาบันการเงิน เพื่อหาทางปรับเปลี่ยนสถานะให้สามารถดำเนินธุรกิจ
สถาบันการเงินต่อไป เพราะ บง. และ บค. ดังกล่าวได้รับทราบอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่สามารถดำรงสถานะเดิม
อยู่ได้ ทั้งนี้ ธปท. ไม่ได้คิดทางเลือกให้ แต่ให้หาทางเลือกเองและกำลังดำเนินการตามแนวทางที่เลือกอยู่ ซึ่งก็มี
อยู่หลายทาง เช่น การควบรวมกิจการกับ ธ.พาณิชย์อื่น คาดว่าอีกไม่นานจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของ บง. และ
บค. เหล่านี้ ซึ่งหลังจากหาแนวทางได้แล้ว ขั้นต่อไปคือ นำแผนมาเสนอ ธปท. ว่าสามารถทำได้หรือไม่ ตอนนี้
ธปท. ยังไม่กำหนดว่าจะต้องเลือกเปลี่ยนสถานะเมื่อไร เพราะต้องใช้เวลาในการเจรจากับสถาบันการเงินแห่ง
อื่น แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้เวลาโดยไม่มีกำหนด (ผู้จัดการรายวัน)
2. ธปท. ชื้นอนแบงก์ไม่ต้องกันสำรองหนี้เสียเนื่องจากไม่มีเงินฝาก นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่า
การสายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า ธปท. ไม่ได้กำหนดให้นอนแบงก์ต้องกันสำรองในกรณีมีหนี้เอ็นพี
แอล เนื่องจากนอนแบงก์ไม่ได้มีการระดมเงินฝากจากประชาชน ดังนั้น แม้ว่าจะมีเอ็นพีแอลจนกระทบกับฐานะของ
สถาบันการเงินนั้น ๆ ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนเหมือนกรณีของ ธ.พาณิชย์ นอกจากนี้ ตามกฎหมายประมวล
รัษฎากร กิจการประเภทนอนแบงก์ไม่ได้รับการยกเว้นให้สามารถนำเงินในส่วนที่กันสำรองมาหักเป็นค่าใช้จ่ายใน
การคำนวณภาษีได้เหมือนกรณีของ ธ.พาณิชย์ อย่างไรก็ตาม แม้นอนแบงก์จะไม่ต้องนำเอ็นพีแอลมาคิดในการกัน
สำรอง แต่ในการรายงานข้อมูลการดำเนินงานมาที่ ธปท. นอนแบงก์จะต้องรายงานข้อมูลเกี่ยวกับเอ็นพีแอลที่เกิด
ขึ้นด้วย ซึ่ง ธปท. ได้ออกประกาศให้สถาบันการเงินที่ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ทั้งที่เป็น ธ.พาณิชย์และนอน
แบงก์ให้มีการรายงานข้อมูล เช่น รายละเอียดเกี่ยวกับการคิดดอกเบี้ยค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รวมถึง
การให้สินเชื่อกับผู้ประกอบการมาที่ ธปท. ทุกเดือน (กรุงเทพธุรกิจ)
3. อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน พ.ค.48 ปรับเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.7 นายนริศ ชัยสูตร ผอ.สนง.
เศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน พ.ค.48 หรือการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้า เพิ่มขึ้นเป็นร้อย
ละ 3.7 จากร้อยละ 3.6 ในเดือน เม.ย.48 ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่รวมราคาสินค้า อาหารสด และพลังงาน
ปรับเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 1.2 จากร้อยละ 0.8 ในเดือน เม.ย.48 อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจเดือน พ.ค.48 ยัง
ขยายตัวได้ดี มีการจ้างงานใหม่ 714,600 ตำแหน่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 ขณะที่การว่างงานลดลงจากร้อยละ
2.2 เหลือร้อยละ 2.0 การท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว มีท่องเที่ยวผ่านท่าอากาศยานดอนเมือง 606,740 คน เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 4.9 ในด้านการบริโภคของภาคเอกชนจากการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มยังขยายตัวร้อยละ 19.9 การค้าขยาย
ตัวดี การส่งออกมีมูลค่า 9,123 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 14.5 แต่การนำเข้าขยายตัวมากกว่ามี
มูลค่า 10,882 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 38.1 ทำให้ขาดดุลการค้า 1,759 ล้านดอลลาร์ สรอ.
ขณะที่เงินทุนสำรองมีจำนวน 48.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. อนึ่ง ธปท. จะแถลงตัวเลขเศรษฐกิจประจำเดือน
พ.ค.48 ในวันนี้ โดย ธปท. ได้ประเมินตัวเลขการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ปี 48 อีกครั้งน่าจะขาดดุลเกินเป้าหมาย
ที่ตั้งไว้ 1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. หรือไม่ (โพสต์ทูเดย์,
กรุงเทพธุรกิจ)
4. คาดว่าไทยอาจจะขาดดุลบัญชีเดินสะพัดปีนี้สูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. นายทนง พิทยะ รม
ว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ก.พาณิชย์ยังคงเป้าหมายการขยายตัวของการส่งออกปีนี้ไว้ที่ร้อยละ 20 โดยเชื่อว่า
ภาคบริการและการส่งออกจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และรัฐบาลมีการจัดการดูแลการนำเข้าให้สอดคล้องกับความต้อง
การที่แท้จริง จึงประเมินว่าดุลการค้าในครึ่งปีหลังน่าจะขาดดุลอีกไม่เกิน 2,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. รวมกับครึ่งปี
แรกที่ขาดดุลการค้าแล้ว 6,200 ล้านดอลลาร์ สรอ. จะทำให้ปีนี้น่าจะขาดุล 8,200 ล้านดอลลาร์ สรอ. หากครึ่ง
ปีหลังภาคบริการคือการท่องเที่ยวสามารถทำรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 800 — 1,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. จะทำให้ดุล
บัญชีเดินสะพัดปีนี้จะขาดดุลประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. แต่ประเมินว่าเฉลี่ยการส่งออกครึ่งปีหลังจะไม่ต่ำ
กว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. ต่อเดือน สำหรับการส่งออกเดือน พ.ค.48 มีมูลค่า 9,123 ล้านดอลลาร์
สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.5 ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 10,882 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.4 ทำให้
ไทยขาดดุลการค้า 1,759 ล้านดอลลาร์ สรอ. (มติชน, กรุงเทพธุรกิจ, เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. เศรษฐกิจของ สรอ.ในไตรมาสแรกปีนี้ ขยายตัวร้อยละ 3.8 ต่อปีสูงกว่าที่คาดไว้ รายงานจาก
วอชิงตัน เมื่อ 29 มิ.ย.48 ก.พาณิชย์ของ สรอ. รายงานการสร้างบ้านที่อยู่อาศัยใหม่ใน สรอ. ในไตรมาสแรกปี
นี้ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5 สูงกว่าร้อยละ 8.8 ที่คาดไว้เมื่อเดือนที่แล้ว และขยายตัวมากกว่า 3 เท่าเมื่อ
เทียบกับไตรมาสสุดท้ายปี 47 ซึ่งขยายตัวร้อยละ 3.4 เช่นเดียวกับการส่งออกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.9 ใน
ช่วงเวลาเดียวกัน สูงกว่าร้อยละ 7.2 ที่คาดไว้เมื่อเดือนที่แล้ว และเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าของอัตราขยายตัวร้อย
ละ 3.2 ในไตรมาสสุดท้ายปี 47 ส่งผลให้เศรษฐกิจ สรอ.ขยายตัวร้อยละ 3.8 สูงกว่าที่คาดไว้ที่ร้อยละ 3.7 ใน
ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 ต่อปีในไตรมาสแรกปีนี้ จากที่
คาดไว้ที่ร้อยละ 2.2 เมื่อเดือนที่แล้วและสูงกว่าอัตราร้อยละ 1.7 ในไตรมาสสุดท้ายปี 47 เพียงเล็กน้อย และ
คาดว่าเศรษฐกิจจะยังคงขยายตัวในอัตราร้อยละ 3.5 ต่อปีในไตรมาสต่อไป จากการที่เศรษฐกิจ สรอ.ขยายตัว
เพิ่มขึ้นโดยอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในช่วงที่ควบคุมได้นั้น ทำให้คาดกันว่า ธ.กลาง สรอ.ซึ่งอยู่ในระหว่างการประชุม
คณะกรรมการนโยบายการเงินมาตั้งแต่บ่ายวันที่ 29 มิ.ย.48 จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งเป็นครั้ง
ที่ 9 ติดต่อกันในช่วงบ่ายวันที่ 30 มิ.ย.48 นี้ (รอยเตอร์)
2. จำนวนผู้ว่างงานของเยอรมนีในเดือน มิ.ย.48 ลดลงจำนวน 23,000 คน รายงานจาก
เบอร์ลิน เมื่อ 29 มิ.ย.48 แหล่งข่าวใกล้ชิดกับ ก.แรงงานเยอรมนี เปิดเผยว่า จำนวนผู้ว่างงานของเยอรมนีใน
เดือน มิ.ย.48 ลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้โดยลดลงเป็นจำนวน 23,000 คน (ตัวเลขหลังปรับปัจจัยทางฤดูกาล
แล้ว) และหากก่อนปรับปัจจัยทางฤดูกาล จำนวนผู้ว่างงานลดลง 103,000 คน (ส่งผลให้มีจำนวนผู้ว่างงานทั้งสิ้น
4.704 ล้านคน) หรืออัตราการว่างงานลดลงร้อยละ 11.3 จากร้อยละ 11.6 ในเดือน พ.ค.48 และหากเป็น
เช่นนั้นจริงจำนวนผู้ว่างงานจะลดลงเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน ขณะที่ผลสำรวจนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์เมื่อ
สัปดาห์ก่อนคาดว่าจำนวนผู้ว่างงานในเดือน มิ.ย.48 จะไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน โดยคาดว่าจะอยู่ในช่วง
ระหว่างลดลง 30,000 คน ถึงเพิ่มขึ้น 35,000 คน ทั้งนี้ ก.แรงงานจะเผยแพร่ตัวเลขจำนวนผู้ว่างงานในวัน
พฤหัสบดีที่ 30 มิ.ย.นี้ (รอยเตอร์)
3. การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของญี่ปุ่นทำสถิติสูงสุดในปี 47/48 รายงานจากโตเกียวเมื่อ
วันที่ 29 มิ.ย 48 ทางการญี่ปุ่นเปิดเผยว่าในปี 47/48 การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct
Investment —FDI) ของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปีที่แล้วและเป็นสถิติสูงสุดนับเป็นครั้งแรกที่ FDI ของญี่ปุ่นสูง
กว่าที่ญี่ปุ่นนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ อย่างไรก็ตามบางส่วนยังกลัวว่าการลงทุนจำนวนมากดังกล่าวจะก่อให้
เกิดการเก็งกำไรในสินทรัพย์ของญี่ปุ่นนอกจากนั้นจีนรวมทั้งฮ่องกงก็กำลังกลายเป็นที่นิยมสูงสุดสำหรับญี่ปุ่นในการนำ
เงินไปลงทุนแทนที่สรอ.ที่เคยเป็นที่นิยมในครั้งก่อน ทั้งนี้ ณ สิ้นสุดเดือนมี.ค. บริษัทต่างประเทศลงทุนในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น
อยู่ที่ระดับ 4.03 ล้านล้านเยน (36.7 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.)เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าของยอด FDI เฉลี่ยเมื่อ 3 ปี
ก่อนที่อยู่ที่ประมาณ 2.15 ล้านล้านเยนรวมทั้งสูงกว่าระดับ 3.13 ล้านล้านเยนในปี 43/44 ทั้งนี้เนื่องจากบริษัท
สรอ. ลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมากอยู่ที่ระดับ 2.62 ล้านล้านเยนจาก 349 พัน ล. เยน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก
สถาบันวิจัย Dai-ichi Life เห็นว่าการเพิ่มขึ้นของการลงทุนดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นการควบรวมกิจการของบริษัท
นอกจากนั้นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติ อาทิ ธ.เพื่อการลงทุนแห่งหนึ่ง
ของสรอ.คือ Goldman Sachs Group Inc. ปัจจุบันเป็นหนึ่งในผู้ลงทุนในธุรกิจกอล์ฟรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น นักลง
ทุนต่างชาติต่างเก็งกันว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังอยู่ที่จุดเริ่มต้นการขยายตัวหลังจากที่ประสบภาวะเศรษฐกิจตกต่ำมาเป็น
ทศวรรษและราคาสินทรัพย์ตกต่ำ อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์กล่าวว่า FDI ของญี่ปุ่นแม้จะมากแต่ก็ยังคงอยู่ในระดับ
ต่ำเมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจของญี่ปุ่น (รอยเตอร์)
4. ผลผลิตอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ในเดือน พ.ค.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 เทียบต่อเดือน
รายงานจากโซลเมื่อ 29 มิ.ย.48 The National Statistical Office เปิดเผยว่า ผลผลิตอุตสาหกรรม
(หลังปรับฤดูกาล) ของเกาหลีใต้ในเดือน พ.ค.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ต่ำกว่าความคาดหมายของนัก
เศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 1.3 แต่ยังคงดีกว่าในเดือนก่อนหน้าซึ่งลดลงร้อยละ 1.6 ในขณะที่
The Ministry of Commerce, Industry and Energy เปิดเผยว่า ผลการสำรวจดัชนีแนวโน้มยอดขายของ
ภาคการผลิตในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 48 ลดลงที่ระดับ 111 จากระดับ 120 ในช่วงไตรมาสก่อนหน้า ชี้ให้เห็นว่าผู้
ประกอบการภาคการผลิตมีมุมมองต่อสถานการณ์ธุรกิจในแง่ลบมากกว่าในแง่บวก ทั้งนี้ ผลผลิตอุตสาหกรรมและดัชนี
ยอดขายของภาคการผลิต ซึ่งอยู่ในระดับที่ไม่ดีนัก เกิดขึ้นในขณะที่มีความกังวลว่า ราคาน้ำมันที่สูงเป็น
ประวัติการณ์ จะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ในปีนี้ ซึ่งเคยคาดว่าจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.0 ต้องลด
ลงมากกว่าร้อยละ 0.5 ประกอบกับการฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าของความต้องการในประเทศ โดยขยายตัวเพียงร้อย
ละ 3 ยังห่างจากอัตราการฟื้นตัวที่คาดไว้ ซึ่งน่าจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 5 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 30 มิ.ย. 48 29 มิ.ย .48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.273 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.0697/41.3503 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.57-2.59375 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 685.56/13.08 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,450/8,550 8,400/8,500 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 51.96 52.28 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 24.94*/20.99** 24.54/20.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 30 มิ.ย. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 30 มิ.ย 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท. ให้เวลา บง. และ บค. เลือกสถานะเพื่อดำเนินธุรกิจต่อไป นางธาริษา วัฒนเกส
รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า ขณะนี้ บง. ที่ไม่ได้ยกระดับเป็น ธ.พาณิชย์ ได้แก่
บง.ฟินันซ่า บง.กรุงเทพธนาทร และ บง.แอ็ดวานซ์ รวมทั้ง บค.เอเชีย บค.ยูนิโก้เฮ้าส์ซิ่ง และ บค.สหวิริยา
ซึ่งยังอยู่ระหว่างการหารือกับฝ่ายนโยบายสถาบันการเงิน เพื่อหาทางปรับเปลี่ยนสถานะให้สามารถดำเนินธุรกิจ
สถาบันการเงินต่อไป เพราะ บง. และ บค. ดังกล่าวได้รับทราบอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่สามารถดำรงสถานะเดิม
อยู่ได้ ทั้งนี้ ธปท. ไม่ได้คิดทางเลือกให้ แต่ให้หาทางเลือกเองและกำลังดำเนินการตามแนวทางที่เลือกอยู่ ซึ่งก็มี
อยู่หลายทาง เช่น การควบรวมกิจการกับ ธ.พาณิชย์อื่น คาดว่าอีกไม่นานจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของ บง. และ
บค. เหล่านี้ ซึ่งหลังจากหาแนวทางได้แล้ว ขั้นต่อไปคือ นำแผนมาเสนอ ธปท. ว่าสามารถทำได้หรือไม่ ตอนนี้
ธปท. ยังไม่กำหนดว่าจะต้องเลือกเปลี่ยนสถานะเมื่อไร เพราะต้องใช้เวลาในการเจรจากับสถาบันการเงินแห่ง
อื่น แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้เวลาโดยไม่มีกำหนด (ผู้จัดการรายวัน)
2. ธปท. ชื้นอนแบงก์ไม่ต้องกันสำรองหนี้เสียเนื่องจากไม่มีเงินฝาก นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่า
การสายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า ธปท. ไม่ได้กำหนดให้นอนแบงก์ต้องกันสำรองในกรณีมีหนี้เอ็นพี
แอล เนื่องจากนอนแบงก์ไม่ได้มีการระดมเงินฝากจากประชาชน ดังนั้น แม้ว่าจะมีเอ็นพีแอลจนกระทบกับฐานะของ
สถาบันการเงินนั้น ๆ ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนเหมือนกรณีของ ธ.พาณิชย์ นอกจากนี้ ตามกฎหมายประมวล
รัษฎากร กิจการประเภทนอนแบงก์ไม่ได้รับการยกเว้นให้สามารถนำเงินในส่วนที่กันสำรองมาหักเป็นค่าใช้จ่ายใน
การคำนวณภาษีได้เหมือนกรณีของ ธ.พาณิชย์ อย่างไรก็ตาม แม้นอนแบงก์จะไม่ต้องนำเอ็นพีแอลมาคิดในการกัน
สำรอง แต่ในการรายงานข้อมูลการดำเนินงานมาที่ ธปท. นอนแบงก์จะต้องรายงานข้อมูลเกี่ยวกับเอ็นพีแอลที่เกิด
ขึ้นด้วย ซึ่ง ธปท. ได้ออกประกาศให้สถาบันการเงินที่ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ทั้งที่เป็น ธ.พาณิชย์และนอน
แบงก์ให้มีการรายงานข้อมูล เช่น รายละเอียดเกี่ยวกับการคิดดอกเบี้ยค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รวมถึง
การให้สินเชื่อกับผู้ประกอบการมาที่ ธปท. ทุกเดือน (กรุงเทพธุรกิจ)
3. อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน พ.ค.48 ปรับเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.7 นายนริศ ชัยสูตร ผอ.สนง.
เศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน พ.ค.48 หรือการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้า เพิ่มขึ้นเป็นร้อย
ละ 3.7 จากร้อยละ 3.6 ในเดือน เม.ย.48 ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่รวมราคาสินค้า อาหารสด และพลังงาน
ปรับเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 1.2 จากร้อยละ 0.8 ในเดือน เม.ย.48 อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจเดือน พ.ค.48 ยัง
ขยายตัวได้ดี มีการจ้างงานใหม่ 714,600 ตำแหน่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 ขณะที่การว่างงานลดลงจากร้อยละ
2.2 เหลือร้อยละ 2.0 การท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว มีท่องเที่ยวผ่านท่าอากาศยานดอนเมือง 606,740 คน เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 4.9 ในด้านการบริโภคของภาคเอกชนจากการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มยังขยายตัวร้อยละ 19.9 การค้าขยาย
ตัวดี การส่งออกมีมูลค่า 9,123 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 14.5 แต่การนำเข้าขยายตัวมากกว่ามี
มูลค่า 10,882 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 38.1 ทำให้ขาดดุลการค้า 1,759 ล้านดอลลาร์ สรอ.
ขณะที่เงินทุนสำรองมีจำนวน 48.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. อนึ่ง ธปท. จะแถลงตัวเลขเศรษฐกิจประจำเดือน
พ.ค.48 ในวันนี้ โดย ธปท. ได้ประเมินตัวเลขการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ปี 48 อีกครั้งน่าจะขาดดุลเกินเป้าหมาย
ที่ตั้งไว้ 1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. หรือไม่ (โพสต์ทูเดย์,
กรุงเทพธุรกิจ)
4. คาดว่าไทยอาจจะขาดดุลบัญชีเดินสะพัดปีนี้สูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. นายทนง พิทยะ รม
ว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ก.พาณิชย์ยังคงเป้าหมายการขยายตัวของการส่งออกปีนี้ไว้ที่ร้อยละ 20 โดยเชื่อว่า
ภาคบริการและการส่งออกจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และรัฐบาลมีการจัดการดูแลการนำเข้าให้สอดคล้องกับความต้อง
การที่แท้จริง จึงประเมินว่าดุลการค้าในครึ่งปีหลังน่าจะขาดดุลอีกไม่เกิน 2,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. รวมกับครึ่งปี
แรกที่ขาดดุลการค้าแล้ว 6,200 ล้านดอลลาร์ สรอ. จะทำให้ปีนี้น่าจะขาดุล 8,200 ล้านดอลลาร์ สรอ. หากครึ่ง
ปีหลังภาคบริการคือการท่องเที่ยวสามารถทำรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 800 — 1,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. จะทำให้ดุล
บัญชีเดินสะพัดปีนี้จะขาดดุลประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. แต่ประเมินว่าเฉลี่ยการส่งออกครึ่งปีหลังจะไม่ต่ำ
กว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. ต่อเดือน สำหรับการส่งออกเดือน พ.ค.48 มีมูลค่า 9,123 ล้านดอลลาร์
สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.5 ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 10,882 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.4 ทำให้
ไทยขาดดุลการค้า 1,759 ล้านดอลลาร์ สรอ. (มติชน, กรุงเทพธุรกิจ, เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. เศรษฐกิจของ สรอ.ในไตรมาสแรกปีนี้ ขยายตัวร้อยละ 3.8 ต่อปีสูงกว่าที่คาดไว้ รายงานจาก
วอชิงตัน เมื่อ 29 มิ.ย.48 ก.พาณิชย์ของ สรอ. รายงานการสร้างบ้านที่อยู่อาศัยใหม่ใน สรอ. ในไตรมาสแรกปี
นี้ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5 สูงกว่าร้อยละ 8.8 ที่คาดไว้เมื่อเดือนที่แล้ว และขยายตัวมากกว่า 3 เท่าเมื่อ
เทียบกับไตรมาสสุดท้ายปี 47 ซึ่งขยายตัวร้อยละ 3.4 เช่นเดียวกับการส่งออกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.9 ใน
ช่วงเวลาเดียวกัน สูงกว่าร้อยละ 7.2 ที่คาดไว้เมื่อเดือนที่แล้ว และเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าของอัตราขยายตัวร้อย
ละ 3.2 ในไตรมาสสุดท้ายปี 47 ส่งผลให้เศรษฐกิจ สรอ.ขยายตัวร้อยละ 3.8 สูงกว่าที่คาดไว้ที่ร้อยละ 3.7 ใน
ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 ต่อปีในไตรมาสแรกปีนี้ จากที่
คาดไว้ที่ร้อยละ 2.2 เมื่อเดือนที่แล้วและสูงกว่าอัตราร้อยละ 1.7 ในไตรมาสสุดท้ายปี 47 เพียงเล็กน้อย และ
คาดว่าเศรษฐกิจจะยังคงขยายตัวในอัตราร้อยละ 3.5 ต่อปีในไตรมาสต่อไป จากการที่เศรษฐกิจ สรอ.ขยายตัว
เพิ่มขึ้นโดยอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในช่วงที่ควบคุมได้นั้น ทำให้คาดกันว่า ธ.กลาง สรอ.ซึ่งอยู่ในระหว่างการประชุม
คณะกรรมการนโยบายการเงินมาตั้งแต่บ่ายวันที่ 29 มิ.ย.48 จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งเป็นครั้ง
ที่ 9 ติดต่อกันในช่วงบ่ายวันที่ 30 มิ.ย.48 นี้ (รอยเตอร์)
2. จำนวนผู้ว่างงานของเยอรมนีในเดือน มิ.ย.48 ลดลงจำนวน 23,000 คน รายงานจาก
เบอร์ลิน เมื่อ 29 มิ.ย.48 แหล่งข่าวใกล้ชิดกับ ก.แรงงานเยอรมนี เปิดเผยว่า จำนวนผู้ว่างงานของเยอรมนีใน
เดือน มิ.ย.48 ลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้โดยลดลงเป็นจำนวน 23,000 คน (ตัวเลขหลังปรับปัจจัยทางฤดูกาล
แล้ว) และหากก่อนปรับปัจจัยทางฤดูกาล จำนวนผู้ว่างงานลดลง 103,000 คน (ส่งผลให้มีจำนวนผู้ว่างงานทั้งสิ้น
4.704 ล้านคน) หรืออัตราการว่างงานลดลงร้อยละ 11.3 จากร้อยละ 11.6 ในเดือน พ.ค.48 และหากเป็น
เช่นนั้นจริงจำนวนผู้ว่างงานจะลดลงเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน ขณะที่ผลสำรวจนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์เมื่อ
สัปดาห์ก่อนคาดว่าจำนวนผู้ว่างงานในเดือน มิ.ย.48 จะไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน โดยคาดว่าจะอยู่ในช่วง
ระหว่างลดลง 30,000 คน ถึงเพิ่มขึ้น 35,000 คน ทั้งนี้ ก.แรงงานจะเผยแพร่ตัวเลขจำนวนผู้ว่างงานในวัน
พฤหัสบดีที่ 30 มิ.ย.นี้ (รอยเตอร์)
3. การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของญี่ปุ่นทำสถิติสูงสุดในปี 47/48 รายงานจากโตเกียวเมื่อ
วันที่ 29 มิ.ย 48 ทางการญี่ปุ่นเปิดเผยว่าในปี 47/48 การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct
Investment —FDI) ของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปีที่แล้วและเป็นสถิติสูงสุดนับเป็นครั้งแรกที่ FDI ของญี่ปุ่นสูง
กว่าที่ญี่ปุ่นนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ อย่างไรก็ตามบางส่วนยังกลัวว่าการลงทุนจำนวนมากดังกล่าวจะก่อให้
เกิดการเก็งกำไรในสินทรัพย์ของญี่ปุ่นนอกจากนั้นจีนรวมทั้งฮ่องกงก็กำลังกลายเป็นที่นิยมสูงสุดสำหรับญี่ปุ่นในการนำ
เงินไปลงทุนแทนที่สรอ.ที่เคยเป็นที่นิยมในครั้งก่อน ทั้งนี้ ณ สิ้นสุดเดือนมี.ค. บริษัทต่างประเทศลงทุนในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น
อยู่ที่ระดับ 4.03 ล้านล้านเยน (36.7 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.)เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าของยอด FDI เฉลี่ยเมื่อ 3 ปี
ก่อนที่อยู่ที่ประมาณ 2.15 ล้านล้านเยนรวมทั้งสูงกว่าระดับ 3.13 ล้านล้านเยนในปี 43/44 ทั้งนี้เนื่องจากบริษัท
สรอ. ลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมากอยู่ที่ระดับ 2.62 ล้านล้านเยนจาก 349 พัน ล. เยน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก
สถาบันวิจัย Dai-ichi Life เห็นว่าการเพิ่มขึ้นของการลงทุนดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นการควบรวมกิจการของบริษัท
นอกจากนั้นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติ อาทิ ธ.เพื่อการลงทุนแห่งหนึ่ง
ของสรอ.คือ Goldman Sachs Group Inc. ปัจจุบันเป็นหนึ่งในผู้ลงทุนในธุรกิจกอล์ฟรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น นักลง
ทุนต่างชาติต่างเก็งกันว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังอยู่ที่จุดเริ่มต้นการขยายตัวหลังจากที่ประสบภาวะเศรษฐกิจตกต่ำมาเป็น
ทศวรรษและราคาสินทรัพย์ตกต่ำ อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์กล่าวว่า FDI ของญี่ปุ่นแม้จะมากแต่ก็ยังคงอยู่ในระดับ
ต่ำเมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจของญี่ปุ่น (รอยเตอร์)
4. ผลผลิตอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ในเดือน พ.ค.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 เทียบต่อเดือน
รายงานจากโซลเมื่อ 29 มิ.ย.48 The National Statistical Office เปิดเผยว่า ผลผลิตอุตสาหกรรม
(หลังปรับฤดูกาล) ของเกาหลีใต้ในเดือน พ.ค.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ต่ำกว่าความคาดหมายของนัก
เศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 1.3 แต่ยังคงดีกว่าในเดือนก่อนหน้าซึ่งลดลงร้อยละ 1.6 ในขณะที่
The Ministry of Commerce, Industry and Energy เปิดเผยว่า ผลการสำรวจดัชนีแนวโน้มยอดขายของ
ภาคการผลิตในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 48 ลดลงที่ระดับ 111 จากระดับ 120 ในช่วงไตรมาสก่อนหน้า ชี้ให้เห็นว่าผู้
ประกอบการภาคการผลิตมีมุมมองต่อสถานการณ์ธุรกิจในแง่ลบมากกว่าในแง่บวก ทั้งนี้ ผลผลิตอุตสาหกรรมและดัชนี
ยอดขายของภาคการผลิต ซึ่งอยู่ในระดับที่ไม่ดีนัก เกิดขึ้นในขณะที่มีความกังวลว่า ราคาน้ำมันที่สูงเป็น
ประวัติการณ์ จะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ในปีนี้ ซึ่งเคยคาดว่าจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.0 ต้องลด
ลงมากกว่าร้อยละ 0.5 ประกอบกับการฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าของความต้องการในประเทศ โดยขยายตัวเพียงร้อย
ละ 3 ยังห่างจากอัตราการฟื้นตัวที่คาดไว้ ซึ่งน่าจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 5 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 30 มิ.ย. 48 29 มิ.ย .48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.273 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.0697/41.3503 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.57-2.59375 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 685.56/13.08 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,450/8,550 8,400/8,500 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 51.96 52.28 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 24.94*/20.99** 24.54/20.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 30 มิ.ย. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 30 มิ.ย 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--