สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ(USTR) ได้ประกาศผลการพิจารณาทบทวนการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร(GSP) ประจำปี 2549 ทั้งนี้ มีผลในเดือนกรกฎาคม 2550 โดยมีสินค้าไทยถูกตัดสิทธิ(GSP) 3 รายการ ได้แก่
1. เครื่องประดับอัญมณีทำจากทอง ถูกตัดเพราะเป็นสินค้าที่เคยได้รับการผ่อนผันยกเว้นมาแล้ว 5 ปี
2. เม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีนเทเรฟทาเลต
3. เครื่องรับโทรทัศน์สีจอแบน ถูกตัดเพราะมีมูลค่านำเข้าสูงเกินกว่าเพดานที่สหรัฐกำหนดไว้ในการนี้ผู้ส่งออกไทยได้ตั้งข้อสังเกตไว้หลายประเด็น ดังนี้
1. อาจมีผลมาจากกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขไทย ประกาศใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา(CL) ของสหรัฐฯ ถึง 3 รายการ จนทำให้สหรัฐไม่พอใจไทย และเลื่อนให้ไทยเข้าสู่บัญชีประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษและตามมาด้วยการถูกตัดสิทธิ(GSP)ในที่สุด
2. มีผลทำให้ยอดส่งออกสินค้าเครื่องประดับไทยไปยังตลาดสหรัฐปีนี้ปรับตัวลดลงไม่ต่ำกว่า 20% รวมทั้งการส่งออกสินค้าอัญมณีโดยรวมของไทยในปีนี้อาจต่ำกว่าตัวเลขเป้าหมาย 15% แนวทางปรับตัวของผู้ส่งออกไทยในขณะนี้คือ ต้องเร่งพัฒนาคุณภาพสินค้าให้มีคุณภาพสูงขึ้น เพื่อเจาะตลาดยุโรป ซึ่งมีกำลังซื้อสูงในหลายประเทศอาทิ สเปน เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี
3. ปัจจุบันมูลค่าส่งออกโทรทัศน์ของประเทศไทยตกปีละ 60,000 ล้านบาท โดยตลาดสหรัฐฯถือเป็นตลาดหลักดังนั้นเมื่อสหรัฐประกาศตัดสิทธิ GSP สินค้าส่งออกของไทยจะมีราคาแพงมากขึ้น การแข่งขันกับ ต่างประเทศโดยเฉพาะจีนจะลำบากมากขึ้น และคาดว่าผู้ประกอบการอาจจะขยายฐานการผลิตไปสู่เวียดนามและประเทศอื่นในอาเซียนมากขึ้น เพื่อใช้สิทธิ GSP ในประเทศนั้น ๆ ส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ
4. ผลของการตัดสิทธิ(GSP) จะทำให้เม็ดพลาสติกที่ส่งออกมีราคาแพงขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (นางอภิรดี ตันตราภรณ์) ให้ความเห็นว่าผลจากการถูกตัดสิทธิ(GSP)ทำให้เครื่องประดับอัญมณีทำจากทองจะต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตรา 5.5% เม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีนเทเรฟทาเลต เสียภาษีนำเข้าในอัตรา 6.5% และเครื่องรับโทรทัศน์สีจอแบน เสียภาษีนำเข้าในอัตรา 3.9% ซึ่งถือว่าอัตราภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นไม่มากเมื่อเทียบกับภาษี GSP ที่ 0% และเชื่อมั่นว่าแม้สินค้าไทยจะถูกตัดสิทธิ GSP แต่จะยังคงแข่งขันในตลาดสหรัฐได้ต่อไป
ที่มา: http://www.depthai.go.th