ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ก.คลังเห็นชอบในหลักการให้ ธปท.ออกพันธบัตรได้อีก 4 แสนล้านบาท รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้เห็นชอบในหลักการให้
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกพันธบัตรได้อีก 4 แสนล้านบาท ตามที่ ธปท.เสนอมายัง ก.คลัง เนื่องจากในหลักการ ธปท.จำเป็น
จะต้องมีเครื่องมือในการดูแลและบริหารจัดการค่าเงินให้มีเสถียรภาพ ซึ่งการออกพันธบัตร ธปท.ถือเป็นเครื่องมือหนึ่งที่มีความจำเป็นการ
ดำเนินการดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ธปท.จะต้องดูแลต้นทุนจากการออกพันธบัตรไม่ให้สูงเกินไป โดยจะต้องใช้เครื่องมือด้านอื่น ๆ เข้ามา
ช่วยดูแลค่าเงินบาทด้วย ส่วนจะเป็นการใช้เครื่องมือด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ คงต้องรอดูผลการประชุมคณะกรรมการนโยบาย
การเงิน (กนง.) ในวันที่ 11 เม.ย.นี้ ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (3 เม.ย.50) ธปท.เปิดประมูลพันธบัตร ธปท. วงเงิน 60,000 ล้านบาท
แบ่งเป็นพันธบัตรอายุ 1 ปี วงเงิน 30,000 ล้านบาท และพันธบัตร ธปท.อายุ 14 วัน วงเงิน 30,000 ล้านบาท จากวงเงินพันธบัตร
ที่ประกาศจะออกในเดือน เม.ย.นี้ทั้งสิ้น 100,000 ล้านบาท โดยผลการประมูลพันธบัตร ธปท.อายุ 14 วัน อัตราดอกเบี้ยที่ประมูลได้
คือ ร้อยละ 4.18-4.20 ส่วนพันธบัตรอายุ 1 ปี อัตราดอกเบี้ยลดลงเหลือร้อยละ 3.81-3.83 โดยพันธบัตรที่ออกในครั้งนี้ยังเป็นวงเงินเดิม
ที่ได้รับการจัดสรรไว้ก่อนหน้า ยังไม่ใช่วงเงินใหม่ 400,000 ล้านบาท (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน, ไทยรัฐ, โพสต์ทูเดย์, เดลินิวส์, สยามรัฐ)
2. กรมสรรพากรเตรียมเสนอ ก.คลังพิจารณาคงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ที่ร้อยละ 7 ต่อเนื่องอีก 1 ปีในเดือน เม.ย.นี้ รมช.ก.คลัง
ในฐานะกำกับดูแลกรมจัดเก็บภาษี เปิดเผยว่า ภายในเดือน เม.ย.นี้ กรมสรรพากรจะเสนอให้ ก.คลังพิจารณาคงอัตราการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม
ไว้ที่ร้อยละ 7 ต่อเนื่องอีก 1 ปี หลังจากที่ได้ผ่อนผันการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ร้อยละ 10 ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย.50 เพื่อนำเสนอให้
ครม.อนุมัติต่อไป โดยให้เหตุผลว่า เพื่อเป็นการผ่อนปรนภาระของประชาชนในยามที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และเบื้องต้น รมว.คลังก็เห็นด้วย
ในหลักการแล้ว (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, โพสต์ทูเดย์, แนวหน้า)
3. ผลการดำเนินงานของ บสท. สิ้นปี 49 มีรายรับจำนวน 115,700 ล้านบาท กรรมการผู้จัดการบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย(บสท.)
เปิดเผยว่า สิ้นปี 49 ที่ผ่านมา บสท.สามารถบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่รับโอนมาจากสถาบันการเงินทั้งสิ้น 15,265 ราย มูลค่าทางบัญชี
775,778 ล้านบาท โดย บสท.ได้บริหารจัดการจนมีข้อยุติแล้ว 15,263 ราย มูลค่าทางบัญชี 771,857 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 99.49 นอกจากนี้
ณ สิ้นปี 49 บสท.มีรายรับจากการบริหารจัดการสินทรัพย์ 115,728 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปี 48 ที่มีจำนวน 93,160 ล้านบาท
แบ่งเป็นเงินรับจากการชำระหนี้ตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ 96,983 ล้านบาท การบริหารและจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย 17,694 ล้านบาท
และการขายทอดตลาดทรัพย์สิน 1,051 ล้านบาท ทั้งนี้ บสท.นำเงินรายรับส่วนหนึ่งไปไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกให้สถาบันการเงิน เพื่อชำระ
ราคาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และลดภาระหนี้สาธารณะที่เกิดจากการอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินโดยกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินลงด้วย
โดยชำระเป็นเงินต้นจำนวน 95,311 ล้านบาท จากทั้งหมด 252,004 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 37.82 และชำระดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่
สถาบันการเงิน 12,961 ล้านบาท (กรุงเทพธุรกิจ)
4. ธุรกิจกองทุนรวมไตรมาสแรกปี 50 ขยายตัวร้อยละ 9.08 รายงานข่าวจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคม บลจ.)
เปิดเผยว่า ธุรกิจกองทุนรวมในช่วงไตรมาสแรกปี 50 มีสินทรัพย์รวม 1.13 ล้านล้านบาท โดยคิดเป็นเงินลงทุนใหม่ที่ไหลเข้าประมาณ
94,559.46 ล้านบาท จากปี 49 ที่มีสินทรัพย์รวม 1.04 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 9.08 ทั้งนี้ การขยายตัว
ของธุรกิจกองทุนรวมในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เงินลงทุนใหม่ที่เข้ามาส่วนใหญ่มาจากกองทุนตราสารหนี้เป็นหลัก โดยมีเงินลงทุนเพิ่มขึ้นประมาณ
8.9 หมื่นล้านบาท ในขณะที่กองทุนหุ้นยังขยายตัวได้โดยมีเงินลงทุนใหม่เข้ามาประมาณ 4.7 พันล้านบาท (ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ราคาพลังงานที่ชะลอตัวลงช่วยให้ดัชนีราคาผู้ผลิตของ Euro zone ในเดือน ก.พ.50 ไม่สูงขึ้นมาก รายงานจากบรัสเซลส์
เมื่อ 3 เม.ย.50 Eurostat ซึ่งเป็น สนง.สถิติกลางของยุโรปรายงานดัชนีราคาผู้ผลิตหรือ PPI ใน 13 ประเทศที่ใช้เงินยูโรเป็นเงินสกุล
หลักเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ในเดือน ก.พ.50 เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค.50 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี 49 เทียบกับ
ผลสำรวจรอยเตอร์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ต่อเดือนและร้อยละ 2.8 ต่อปี ทั้งนี้เป็นผลจากราคาพลังงานที่ชะลอตัวลงโดยเพิ่มขึ้นเพียง
ร้อยละ 1.0 ต่อปี ในขณะที่ราคาสินค้าขั้นกลางเพื่อนำไปผลิตต่อเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5.9 ต่อปี โดยดัชนีราคาผู้ผลิตที่ไม่รวมราคาในภาคการ
ก่อสร้างและพลังงานหรือที่เรียกว่าดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐานเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ต่อเดือนและร้อยละ 3.4 ต่อปี แต่อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์
คาดว่า ธ.กลางยุโรปหรือ ECB ซึ่งพยายามที่จะรักษาอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 2.0 ต่อปีจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก
อย่างน้อยหนึ่งครั้งภายในปี 50 ซึ่งคาดว่าจะเป็นเดือน มิ.ย.50 ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 4.0 ต่อปีจากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ
3.75 ต่อปี เพื่อลดแรงกดดันเงินเฟ้อจากการขยายตัวของสินเชื่อและตลาดแรงงานซึ่งอัตราการว่างงานลดลงอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
ที่ร้อยละ 7.3 ในเดือน ก.พ.50 แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อในช่วงตั้งแต่เดือน ก.ย.49 ที่ผ่านมาจะอยู่ในระดับไม่เกินเป้าที่ตั้งไว้ก็ตาม (รอยเตอร์)
2. ในไตรมาสที่ 4/49 กิจการต่างๆในอังกฤษสามารถทำกำไรเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ รายงานจากลอนดอน เมื่อ
วันที่ 3 เม.ย. 50 สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 4/49 บริษัทต่างๆที่มิใช่สถาบันการเงินมีผลประกอบการกำไร
ร้อยละ 15.5 เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดจากร้อยละ 15.2 ในไตรมาสที่ 3/49 ทั้งนี้นาย Howard Archer นักเศรษฐศาสตร์จาก Global Insight
กล่าวว่าการที่บริษัทต่างๆมีผลกำไรเพิ่มขึ้นมากดังกล่าวสร้างความหวังว่าการลงทุนของธุรกิจจะมีมากขึ้น และทำให้การลงทุนฟื้นตัวอย่างมี
เสถียรภาพส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัว โดยอัตราผลตอบแทนของกิจการในภาคอุตสาหกรรมการผลิตในไตรมาสที่ 4/49 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ
10.0 จากร้อยละ 6.9 ในไตรมาสที่ 3/49 สูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2/48 เช่นเดียวกับธุรกิจบริการที่มีผลประกอบการกำไรเพิ่มขึ้นอยู่ที่
ร้อยละ 20.9 จากร้อยละ 19.5 อย่างไรก็ตามผลกำไรของบริษัทน้ำมันกลับลดลงอยู่ที่ร้อยละ 33.5 จากร้อยละ 37.3 และเป็นระดับต่ำ
ที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2/48 (รอยเตอร์)
3. PMI ของสิงคโปร์ขยายตัวชะลอลงในเดือน มี.ค.50 รายงานจากสิงคโปร์เมื่อ 3 เม.ย.50 The Singapore Institute
of Purchasing & Materials Management เปิดเผยว่า The Purchasing Managers’ Index (PMI) ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพ
ของภาคการผลิตสิงคโปร์ ขยายตัวชะลอลงที่ระดับ 51.1 ในเดือน มี.ค.50 จากระดับ 51.5 ในเดือนก่อนหน้า โดยเป็นการขยายตัวชะลอลง
ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 แต่ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งเป็นระดับที่บ่งชี้การขยายตัวของภาคการผลิต อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ช่วยชดเชย
ไม่ให้การขยายตัวของ PMI ชะลอลงมากนัก ได้แก่ คำสั่งซื้อใหม่และคำสั่งซื้อใหม่สำหรับสินค้าส่งออก ซึ่งขยายตัวที่ระดับ 53.6 และ 52.1
รวมถึงดัชนีชี้วัดอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งขยายตัวที่ระดับ 53.5 จากระดับ 50.1 ในเดือนก่อนหน้า แต่ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบ
ต่อภาคอุตสาหกรรมสิงคโปร์คือการปรับตัวลดลงของดัชนีสินค้าคงคลัง ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์ในปี 50 อาจขยายตัวชะลอลง
จากปี 49 ที่ขยายตัวร้อยละ 7.9 เนื่องจากการส่งออกไปยัง สรอ.ชะลอลง สำหรับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกปี 50
คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.9 สาเหตุจากการส่งออกสินค้าเทคโนโลยีชะลอตัว (รอยเตอร์)
4. ยอดการส่งออกของมาเลเซียเดือน ก.พ.50 ลดลงร้อยละ 2.8 เทียบต่อปี รายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
เมื่อวันที่ 3 เม.ย.50 ข้อมูลของทางการมาเลเซียเปิดเผยว่า ยอดการส่งสินค้าออกของมาเลเซียในเดือน ก.พ.50 มีมูลค่า 41.1 พันล้านริงกิต
ลดลงร้อยละ 2.8 จากปีก่อน และต่ำสุดในรอบ 4 เดือน อันเป็นผลจากวันทำงานที่ลดลงและวันหยุดในเทศกาลต่าง ๆ ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า
33.5 พันล้านริงกิต ลดลงร้อยละ 4 จากปีก่อน ทำให้ยอดเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 7.6 พันล้านริงกิต (2.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ.)
จาก 7.39 พันล้านริงกิต ในปีก่อน ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่ายอดการส่งออกเทียบต่อปี
ในเดือน ก.พ.50 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 และการนำเข้าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5 ซึ่งจะทำให้ดุลการค้าเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 6.7 พันล้านริงกิต ทั้งนี้
ตัวเลขการส่งออกเทียบต่อปีในเดือน ก.พ.50 เป็นการลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค.49 ที่ลดลงร้อยละ 3.2 ซึ่งเป็นตัวเลขการส่งออกที่ลดลง
ครั้งแรกของมาเลเซียในรอบเกือบ 5 ปี และเป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มการส่งออกที่ขยายตัวลดลงในภูมิภาคนี้ อนึ่ง ยอดการส่งออกในเดือน
ม.ค.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.3 เทียบต่อปี ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ สะท้อนถึงความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จาก สรอ.ที่ชะลอตัวลง(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 4 เม.ย. 50 3 เม.ย. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 34.984 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 34.7700/35.1134 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.63266 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 686.53/13.88 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,950/11,050 10,950/11,050 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 61.5 62.42 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 28.39*/24.54* 27.99/24.14 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 4 เม.ย. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ก.คลังเห็นชอบในหลักการให้ ธปท.ออกพันธบัตรได้อีก 4 แสนล้านบาท รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้เห็นชอบในหลักการให้
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกพันธบัตรได้อีก 4 แสนล้านบาท ตามที่ ธปท.เสนอมายัง ก.คลัง เนื่องจากในหลักการ ธปท.จำเป็น
จะต้องมีเครื่องมือในการดูแลและบริหารจัดการค่าเงินให้มีเสถียรภาพ ซึ่งการออกพันธบัตร ธปท.ถือเป็นเครื่องมือหนึ่งที่มีความจำเป็นการ
ดำเนินการดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ธปท.จะต้องดูแลต้นทุนจากการออกพันธบัตรไม่ให้สูงเกินไป โดยจะต้องใช้เครื่องมือด้านอื่น ๆ เข้ามา
ช่วยดูแลค่าเงินบาทด้วย ส่วนจะเป็นการใช้เครื่องมือด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ คงต้องรอดูผลการประชุมคณะกรรมการนโยบาย
การเงิน (กนง.) ในวันที่ 11 เม.ย.นี้ ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (3 เม.ย.50) ธปท.เปิดประมูลพันธบัตร ธปท. วงเงิน 60,000 ล้านบาท
แบ่งเป็นพันธบัตรอายุ 1 ปี วงเงิน 30,000 ล้านบาท และพันธบัตร ธปท.อายุ 14 วัน วงเงิน 30,000 ล้านบาท จากวงเงินพันธบัตร
ที่ประกาศจะออกในเดือน เม.ย.นี้ทั้งสิ้น 100,000 ล้านบาท โดยผลการประมูลพันธบัตร ธปท.อายุ 14 วัน อัตราดอกเบี้ยที่ประมูลได้
คือ ร้อยละ 4.18-4.20 ส่วนพันธบัตรอายุ 1 ปี อัตราดอกเบี้ยลดลงเหลือร้อยละ 3.81-3.83 โดยพันธบัตรที่ออกในครั้งนี้ยังเป็นวงเงินเดิม
ที่ได้รับการจัดสรรไว้ก่อนหน้า ยังไม่ใช่วงเงินใหม่ 400,000 ล้านบาท (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน, ไทยรัฐ, โพสต์ทูเดย์, เดลินิวส์, สยามรัฐ)
2. กรมสรรพากรเตรียมเสนอ ก.คลังพิจารณาคงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ที่ร้อยละ 7 ต่อเนื่องอีก 1 ปีในเดือน เม.ย.นี้ รมช.ก.คลัง
ในฐานะกำกับดูแลกรมจัดเก็บภาษี เปิดเผยว่า ภายในเดือน เม.ย.นี้ กรมสรรพากรจะเสนอให้ ก.คลังพิจารณาคงอัตราการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม
ไว้ที่ร้อยละ 7 ต่อเนื่องอีก 1 ปี หลังจากที่ได้ผ่อนผันการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ร้อยละ 10 ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย.50 เพื่อนำเสนอให้
ครม.อนุมัติต่อไป โดยให้เหตุผลว่า เพื่อเป็นการผ่อนปรนภาระของประชาชนในยามที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และเบื้องต้น รมว.คลังก็เห็นด้วย
ในหลักการแล้ว (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, โพสต์ทูเดย์, แนวหน้า)
3. ผลการดำเนินงานของ บสท. สิ้นปี 49 มีรายรับจำนวน 115,700 ล้านบาท กรรมการผู้จัดการบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย(บสท.)
เปิดเผยว่า สิ้นปี 49 ที่ผ่านมา บสท.สามารถบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่รับโอนมาจากสถาบันการเงินทั้งสิ้น 15,265 ราย มูลค่าทางบัญชี
775,778 ล้านบาท โดย บสท.ได้บริหารจัดการจนมีข้อยุติแล้ว 15,263 ราย มูลค่าทางบัญชี 771,857 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 99.49 นอกจากนี้
ณ สิ้นปี 49 บสท.มีรายรับจากการบริหารจัดการสินทรัพย์ 115,728 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปี 48 ที่มีจำนวน 93,160 ล้านบาท
แบ่งเป็นเงินรับจากการชำระหนี้ตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ 96,983 ล้านบาท การบริหารและจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย 17,694 ล้านบาท
และการขายทอดตลาดทรัพย์สิน 1,051 ล้านบาท ทั้งนี้ บสท.นำเงินรายรับส่วนหนึ่งไปไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกให้สถาบันการเงิน เพื่อชำระ
ราคาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และลดภาระหนี้สาธารณะที่เกิดจากการอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินโดยกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินลงด้วย
โดยชำระเป็นเงินต้นจำนวน 95,311 ล้านบาท จากทั้งหมด 252,004 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 37.82 และชำระดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่
สถาบันการเงิน 12,961 ล้านบาท (กรุงเทพธุรกิจ)
4. ธุรกิจกองทุนรวมไตรมาสแรกปี 50 ขยายตัวร้อยละ 9.08 รายงานข่าวจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคม บลจ.)
เปิดเผยว่า ธุรกิจกองทุนรวมในช่วงไตรมาสแรกปี 50 มีสินทรัพย์รวม 1.13 ล้านล้านบาท โดยคิดเป็นเงินลงทุนใหม่ที่ไหลเข้าประมาณ
94,559.46 ล้านบาท จากปี 49 ที่มีสินทรัพย์รวม 1.04 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 9.08 ทั้งนี้ การขยายตัว
ของธุรกิจกองทุนรวมในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เงินลงทุนใหม่ที่เข้ามาส่วนใหญ่มาจากกองทุนตราสารหนี้เป็นหลัก โดยมีเงินลงทุนเพิ่มขึ้นประมาณ
8.9 หมื่นล้านบาท ในขณะที่กองทุนหุ้นยังขยายตัวได้โดยมีเงินลงทุนใหม่เข้ามาประมาณ 4.7 พันล้านบาท (ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ราคาพลังงานที่ชะลอตัวลงช่วยให้ดัชนีราคาผู้ผลิตของ Euro zone ในเดือน ก.พ.50 ไม่สูงขึ้นมาก รายงานจากบรัสเซลส์
เมื่อ 3 เม.ย.50 Eurostat ซึ่งเป็น สนง.สถิติกลางของยุโรปรายงานดัชนีราคาผู้ผลิตหรือ PPI ใน 13 ประเทศที่ใช้เงินยูโรเป็นเงินสกุล
หลักเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ในเดือน ก.พ.50 เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค.50 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี 49 เทียบกับ
ผลสำรวจรอยเตอร์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ต่อเดือนและร้อยละ 2.8 ต่อปี ทั้งนี้เป็นผลจากราคาพลังงานที่ชะลอตัวลงโดยเพิ่มขึ้นเพียง
ร้อยละ 1.0 ต่อปี ในขณะที่ราคาสินค้าขั้นกลางเพื่อนำไปผลิตต่อเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5.9 ต่อปี โดยดัชนีราคาผู้ผลิตที่ไม่รวมราคาในภาคการ
ก่อสร้างและพลังงานหรือที่เรียกว่าดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐานเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ต่อเดือนและร้อยละ 3.4 ต่อปี แต่อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์
คาดว่า ธ.กลางยุโรปหรือ ECB ซึ่งพยายามที่จะรักษาอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 2.0 ต่อปีจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก
อย่างน้อยหนึ่งครั้งภายในปี 50 ซึ่งคาดว่าจะเป็นเดือน มิ.ย.50 ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 4.0 ต่อปีจากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ
3.75 ต่อปี เพื่อลดแรงกดดันเงินเฟ้อจากการขยายตัวของสินเชื่อและตลาดแรงงานซึ่งอัตราการว่างงานลดลงอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
ที่ร้อยละ 7.3 ในเดือน ก.พ.50 แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อในช่วงตั้งแต่เดือน ก.ย.49 ที่ผ่านมาจะอยู่ในระดับไม่เกินเป้าที่ตั้งไว้ก็ตาม (รอยเตอร์)
2. ในไตรมาสที่ 4/49 กิจการต่างๆในอังกฤษสามารถทำกำไรเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ รายงานจากลอนดอน เมื่อ
วันที่ 3 เม.ย. 50 สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 4/49 บริษัทต่างๆที่มิใช่สถาบันการเงินมีผลประกอบการกำไร
ร้อยละ 15.5 เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดจากร้อยละ 15.2 ในไตรมาสที่ 3/49 ทั้งนี้นาย Howard Archer นักเศรษฐศาสตร์จาก Global Insight
กล่าวว่าการที่บริษัทต่างๆมีผลกำไรเพิ่มขึ้นมากดังกล่าวสร้างความหวังว่าการลงทุนของธุรกิจจะมีมากขึ้น และทำให้การลงทุนฟื้นตัวอย่างมี
เสถียรภาพส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัว โดยอัตราผลตอบแทนของกิจการในภาคอุตสาหกรรมการผลิตในไตรมาสที่ 4/49 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ
10.0 จากร้อยละ 6.9 ในไตรมาสที่ 3/49 สูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2/48 เช่นเดียวกับธุรกิจบริการที่มีผลประกอบการกำไรเพิ่มขึ้นอยู่ที่
ร้อยละ 20.9 จากร้อยละ 19.5 อย่างไรก็ตามผลกำไรของบริษัทน้ำมันกลับลดลงอยู่ที่ร้อยละ 33.5 จากร้อยละ 37.3 และเป็นระดับต่ำ
ที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2/48 (รอยเตอร์)
3. PMI ของสิงคโปร์ขยายตัวชะลอลงในเดือน มี.ค.50 รายงานจากสิงคโปร์เมื่อ 3 เม.ย.50 The Singapore Institute
of Purchasing & Materials Management เปิดเผยว่า The Purchasing Managers’ Index (PMI) ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพ
ของภาคการผลิตสิงคโปร์ ขยายตัวชะลอลงที่ระดับ 51.1 ในเดือน มี.ค.50 จากระดับ 51.5 ในเดือนก่อนหน้า โดยเป็นการขยายตัวชะลอลง
ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 แต่ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งเป็นระดับที่บ่งชี้การขยายตัวของภาคการผลิต อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ช่วยชดเชย
ไม่ให้การขยายตัวของ PMI ชะลอลงมากนัก ได้แก่ คำสั่งซื้อใหม่และคำสั่งซื้อใหม่สำหรับสินค้าส่งออก ซึ่งขยายตัวที่ระดับ 53.6 และ 52.1
รวมถึงดัชนีชี้วัดอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งขยายตัวที่ระดับ 53.5 จากระดับ 50.1 ในเดือนก่อนหน้า แต่ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบ
ต่อภาคอุตสาหกรรมสิงคโปร์คือการปรับตัวลดลงของดัชนีสินค้าคงคลัง ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์ในปี 50 อาจขยายตัวชะลอลง
จากปี 49 ที่ขยายตัวร้อยละ 7.9 เนื่องจากการส่งออกไปยัง สรอ.ชะลอลง สำหรับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกปี 50
คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.9 สาเหตุจากการส่งออกสินค้าเทคโนโลยีชะลอตัว (รอยเตอร์)
4. ยอดการส่งออกของมาเลเซียเดือน ก.พ.50 ลดลงร้อยละ 2.8 เทียบต่อปี รายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
เมื่อวันที่ 3 เม.ย.50 ข้อมูลของทางการมาเลเซียเปิดเผยว่า ยอดการส่งสินค้าออกของมาเลเซียในเดือน ก.พ.50 มีมูลค่า 41.1 พันล้านริงกิต
ลดลงร้อยละ 2.8 จากปีก่อน และต่ำสุดในรอบ 4 เดือน อันเป็นผลจากวันทำงานที่ลดลงและวันหยุดในเทศกาลต่าง ๆ ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า
33.5 พันล้านริงกิต ลดลงร้อยละ 4 จากปีก่อน ทำให้ยอดเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 7.6 พันล้านริงกิต (2.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ.)
จาก 7.39 พันล้านริงกิต ในปีก่อน ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่ายอดการส่งออกเทียบต่อปี
ในเดือน ก.พ.50 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 และการนำเข้าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5 ซึ่งจะทำให้ดุลการค้าเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 6.7 พันล้านริงกิต ทั้งนี้
ตัวเลขการส่งออกเทียบต่อปีในเดือน ก.พ.50 เป็นการลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค.49 ที่ลดลงร้อยละ 3.2 ซึ่งเป็นตัวเลขการส่งออกที่ลดลง
ครั้งแรกของมาเลเซียในรอบเกือบ 5 ปี และเป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มการส่งออกที่ขยายตัวลดลงในภูมิภาคนี้ อนึ่ง ยอดการส่งออกในเดือน
ม.ค.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.3 เทียบต่อปี ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ สะท้อนถึงความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จาก สรอ.ที่ชะลอตัวลง(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 4 เม.ย. 50 3 เม.ย. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 34.984 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 34.7700/35.1134 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.63266 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 686.53/13.88 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,950/11,050 10,950/11,050 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 61.5 62.42 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 28.39*/24.54* 27.99/24.14 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 4 เม.ย. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--