คำต่อคำรายการตรงไปตรงมากับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ทางสถานีวิทยุ 101 ช่วงเวลา 08.00 — 08.30 น.
วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน 2550
ผู้ดำเนินรายการ สวัสดีค่ะคุณอภิสิทธิ์คะ สวัสดีครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ สวัสดีครับ คุณอวัสดาครับ สวัสดีครับคุณเติมศักดิ์ครับ
ผู้ดำเนินรายการ ค่ะ ท่ามกลางกระแสข่าวที่คุณทักษิณยังสับสนอยู่นะคะว่าตกลงไม่อยากกลับประเทศไทย หรืออยากกลับกันแน่ ไม่ทราบว่าคุณอภิสิทธิ์เองส่วนตัวอยากให้คุณทักษิณกลับมาไม๊คะ
คุณอภิสิทธิ์ ผมคงไม่ได้พูดว่าอยากหรือไม่อยากให้ท่านกลับนะครับ คือผมคิดว่าเราต้องยอมรับความเป็นจริงอย่างหนึ่งคือเรามีเรื่องของคดีนะครับ ที่เกิดขึ้นอยู่หลายส่วนด้วยกัน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาใช่ไม๊ครับที่เรามีเรื่องของการอายัดทรัพย์สิน ซึ่งหมายความว่าตัวคุณทักษิณเองและผู้เกี่ยวข้องจริง ๆ แล้วในส่วนผู้เกี่ยวข้องเองจะเยอะกว่าด้วยซ้ำ จะต้องมาอุทธรณ์หรือชี้แจงอธิบายในเรื่องของการได้มาของทรัพย์สิน ขณะเดียวกันการสอบสวนในเรื่องการทุจริตในคดีต่าง ๆ ที่เดินหน้าไปไกลสุดตอนนี้ก็คือคดีของที่ดินรัชดา แต่ก็จะมีเรื่องอื่น ๆ ตามมาอีก ก็จะเป็นเรื่องที่จะต้องเข้าสู่กระบวนการของศาล ในการพิจารณาของศาลนั้น อย่างไรเสียตัวจำเลยต้องมาต่อสู้คดี พิจารณากันต่อหน้า เพราะฉะนั้นผมว่าสังคมต้องยอมรับข้อเท็จจริงอันนี้ก่อนว่า เมื่อกระบวนการยุติธรรมต้องเดินต่อ เมื่อตัวคุณทักษิณเองก็เป็นคนไทยที่มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อที่จะรักษาสิทธิ ของตัวเอง ก็จะต้องมีเหตุการณ์ไม่วันใดก็วันหนึ่งที่คุณทักษิณจะต้องกลับมาตรงนี้ แล้วก็ขณะเดียวกันทุกคนก็เร่งรัดด้วยใช่ไม๊ครับ บอกว่าอยากเห็นเรื่องคดีต่าง ๆ ให้มันชัดเจนไปเสียทีว่า อะไรเป็นอะไร
เพราะฉะนั้นการกลับมาเพื่อต่อสู้คดี มันเป็นสิ่งซึ่งต้องคาดหมายว่าจะเกิดขึ้น ไม่สัปดาห์นี้ สัปดาห์หน้า เดือนนี้ เดือนหน้า แต่ก็คืออนาคตอันใกล้ เว้นเสียแต่ว่าคุณทักษิณเองจะไม่กลับมาต่อสู้ จะเลือกแนวทางที่เรียกว่าไปลี้ภัยทางการเมืองหรืออะไรไปเลย แล้วก็ปล่อยให้คดีค้างอยู่ นี่คือสิ่งที่ผมคิดว่าสังคมต้องจะบอกว่าทำใจก็ได้หรือว่าต้องเข้าใจให้ได้ก่อนนะครับ ทีนี้ถามว่าการกลับมาที่คนกลัวกันนั้น กลัวอะไร คำตอบก็คือกลัวว่าเกิดเหตุการณ์รุนแรงใช่ไม๊ครับ เพราะว่าผมเชื่อว่าขณะนี้คนเกือบจะ 100% ของประเทศนี้ไม่ต้องการเห็นความรุนแรง ไม่ต้องการให้บ้านเมืองยุ่งวุ่นวายสับสนมีวิกฤตมีเรื่องที่คารา คาซัง ไปนานไปกว่านี้ เพราะว่าทุกคนก็เดือดร้อนกันอยู่แล้ว ทีนี้เมื่อเป็นอย่างนั้นก็ต้องบอกว่ากลับไม่กลับนั้นมันเป็นการตัดสินใจของคุณทักษิณ แต่คุณทักษิณกลับแล้วมันจะวุ่นหรือไม่วุ่นนั้น มันเป็นการตัดสินใจของประชาชนคนไทยว่าจะจัดการกับมันอย่างไร หัวใจของมันก็เลยอยู่ตรงที่ว่า เราต้องแสดงออกให้ชัดเจนว่า เราต้องการความสงบเรียบร้อย เราต้องการความเป็นธรรมที่ให้กับทุก ๆ คนรวมทั้งคุณทักษิณด้วย แต่ความเป็นธรรมนั้นก็มีอีกด้านหนึ่งก็คือคุณทักษิณเองก็ต้องไม่มีสิทธิ์เหนือคนอื่นด้วย ถ้าทำผิดกฎหมายก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย ไม่ว่าจะมีคนเชียร์ ไม่ว่าจะมีคนชอบจำนวนเท่าไหร่ก็ตาม
ดังนั้นสิ่งที่ต้องจับตาดูมันคือส่วนที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมต่าง ๆ ถ้าเราดูให้ดีจะเห็นว่าการชุมนุมนั้นเวลานี้ปะปนกันไปหมด ด้านหนึ่งก็คือว่ามีผู้ที่ชุมนุมต่อต้านคมช. ต่อต้านรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเป็นเผด็จการอะไรก็ว่ากันไป ถูกไม๊ครับ เป้าหมายคืออะไร เป้าหมายคือการยืนยันว่าต้องการประชาธิปไตย เราก็ควรที่จะหาช่องทางในการพูดคุยได้ไหมว่า วันนี้วิธีการที่ดีที่สุดที่จะให้บ้านเมืองเราเดินเป็นประชาธิปไตยต่อไปข้างหน้านั้น มันคือวิธีไหน สำหรับผม ผมมองว่าถ้ามันเกิดการเผชิญหน้าเกิดการปะทะ เกิดการต่อสู้ เกิดความรุนแรง เกิดการสูญเสียขึ้น ผมไม่ได้มองว่ามันได้ประชาธิปไตยที่ดีขึ้นหรือเร็วขึ้น ผมมองว่าขณะนี้ดีที่สุดคือเราเร่งรัดให้ คมช. กับรัฐบาล ซึ่งเขาสัญญาว่าจะคืนอำนาจให้ประชาชนเดือนธันวาคมนี้ เดินไปตามแผนนี้โดยทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยเพียงพอที่เราจะกลับไปเลือกตั้งแล้วหลังจากนั้น เราก็ใช้กระบวนการประชาธิปไตยที่เริ่มต้นที่อาจจะยังไม่สมบูรณ์มาทำประชาธิปไตยให้มันดี ให้มันสมบูรณ์เสีย แต่ว่านี่ยังไม่ดีที่สุดนะครับ เรายังมีโอกาสในการแสดงออกผ่านกระบวนการของการไปลงประชามติ เรามีโอกาสในขณะนี้ในการจัดให้เกิดความเข้าใจประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญเพราะว่า สสร. ก็ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาอยู่นะครับ นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะบอกกับทุกฝ่ายว่า เราเข้าใจคนที่ไปชุมนุมเพราะว่ามีความรักประชาธิปไตย แต่เราต้องตั้งคำถามว่า อะไรที่จะเป็นผลดีที่สุดกับอนาคตของประชาธิปไตยของประเทศไทย ผมคิดว่าถ้าเราคิดถึงอนาคตกันให้มาก คิดถึงสภาพปัญหาในอดีตที่มันยังค้างคาใจกันให้น้อยลง มันก็จะช่วยได้นะครับ นั่นคือส่วนที่เกี่ยวข้องกับพวกที่ต้องการที่จะเรียกร้องประชาธิปไตย แล้วก็อยากที่จะแสดงออกด้วยการชุมนุม ซึ่งผมก็เห็นว่าทำได้นะครับ เพียงแต่ว่าอยากจะบอกว่า มันก็มีหนทางที่เราจะมองว่าการที่จะเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยนั้นจะทำอะไรได้บ้าง
เช่นเดียวกันนะครับ คนที่อยากจะแสดงออกว่าตัวเองสนับสนุนคุณทักษิณ ก็มีสิทธิ์ที่จะทำได้ ชุมนุมได้นะครับ แต่ก็ต้องบอกเช่นเดียวกันว่า ชุมนุมไปนั้นต้องไม่มีการไปละเมิดกฎหมาย ต้องไม่มีการปะทะ ต้องไม่มีการไปใช้ความรุนแรง เพราะว่าถ้าฝ่ายใดก็ตามใช้ความรุนแรง ฝ่ายที่ยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามก็จะอ้างว่าจำเป็นต้องใช้ความรุนแรง มันก็จะเป็นวงจรซึ่งมีแต่จะทำให้ทุกฝ่ายและก็คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเลยซึ่งอาจจะเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศเสียหายไปด้วย ถามว่าต้องระมัดระวังกันไม๊ ที่พูดก็หมายความว่าผมไม่ขัดข้องสำหรับคนที่จะไปชุมนุมด้วยความบริสุทธิ์ใจ ที่จะแสดงออกจุดยืนว่าชอบใคร หรือเรียกร้องอะไร แต่ท่านต้องมั่นใจว่าการชุมนุมนั้นอยู่ในกรอบของกฎหมาย อยู่ในกรอบของสันติวิธีจริง ๆ นะครับ
ส่วนมีคนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งผมคิดว่าคงไม่มีใครปฏิเสธหรอกว่า อยู่ในเหตุการณ์ตรงนี้แล้วก็พยายามจุดประเด็นให้เกิดความรุนแรง จะขู่เรื่องแตกหัก ต้องการที่จะบอกว่าเคลื่อนไหวไปตรงนั้นตรงนี้ เพื่อยั่วยุให้เกิดการปะทะกัน ผมก็บอกว่าอย่างนี้อย่าไปเป็นเหยื่อของเขา อย่าไปสนับสนุนเขา เพราะว่าทำเพื่อใคร ทำเพื่ออะไรนะครับ ทุกอย่างมันต้องขอบเขตนะครับ ทีนี้ถ้าสมมติว่ามันมีขบวนการที่จงใจเพื่อจะให้เกิดความรุนแรงหรืออะไรก็แล้วแต่ แล้วก็ทุ่มเทเงินทองเพื่อที่จะจัดตั้งให้ไปสู่ตรงนี้นั้น ผมก็บอกว่าคนที่มีความบริสุทธิ์ใจอยากจะแสดงออกเช่น อยากจะแสดงออกเรื่องคมช. เรื่องขับไล่เผด็จการหรืออะไรนั้น ก็แยกตัวออกมาได้ไหม ทำไมถึงจะไปอยู่ด้วยกัน แล้วก็ไม่รู้ว่าข้อเรียกร้องจริง ๆ คืออะไร คนที่อยากจะสนับสนุนคุณทักษิณ รักคุณทักษิณ ก็แสดงออกด้วยวิธีอื่นที่ไม่ไปพัวพันแล้วทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความรุนแรงที่จะเสียหายต่อประเทศได้ไหม
เมื่อวานนี้เห็นข่าว ๆ หนึ่งใช่ไม๊ครับเรื่องที่ทาง พระสงฆ์ที่มาชุมนุมเรื่องของรัฐธรรมนูญ แล้วท่านเปิดเผยว่า มีการไปติดต่อให้ไป ให้ทางกลุ่มของพระสงฆ์นั้นไปรวมอยู่กับกลุ่มที่ชุมนุมที่สนามหลวง แล้วก็สัญญาทำนองว่าจะทำอะไรให้ คือ แล้วเสร็จแล้วท่านก็ปฏิเสธไป ใช่ไม๊ครับ นั่นแหละครับคือสิ่งที่เป็น สิ่งที่ผมนั้นจะบอกกับกลุ่มคนอื่น ๆ อีกมากมายว่า ต้องการอะไรเรียกร้องอะไร มันมีขอบเขตของมัน มีวิธีการในการใช้สิทธิ เสรีภาพ แต่กรุณาอย่าไปเป็นเหยื่อของคนที่เขามาวาระอื่นที่แอบแฝงและมีความรุนแรงนะครับ
กล่าวโดยเฉพาะสำหรับคุณทักษิณ คือผมก็คาดหมายมาตลอดนะครับว่า ลักษณะของการที่จะต้องมีการตอบโต้เคลื่อนไหวที่จะรุนแรงที่สุดก็คือเรื่องนี้แหละครับ เมื่อใดก็ตามที่ทรัพย์สินของท่านมีปัญหานะครับ คือคาดหมายได้จากการที่เราดูแนวทางการทำงานของท่านมาตลอด ว่าถ้าเป็นเรื่องนี้จะเป็นจำนวนใหญ่สุด มากกว่าเรื่องพรรคอีก มากกว่าเรื่องอื่น ๆ เราก็เห็นแนวโน้มอันนี้มาตลอดนะครับ ซึ่งแน่นอนถ้าคุณทักษิณมีความเชื่อมั่นว่า ทรัพย์สินตรงนี้เป็นของท่าน ความรู้สึกโกรธหรือความรู้สึกว่าจะต้องมาต่อสู้ก็เป็นเรื่องปกตินะครับ เข้าใจได้ แต่อย่าถึงขั้นที่ว่าเอาเงินไปจ้างคนต่างชาติมาให้ร้ายประเทศไทย ผมว่าอันนี้เป็นสิ่งซึ่งไม่มีมใครยอมรับได้ ไม่มีใครยอมรับได้ ถามว่าถ้ามีความตั้งใจจริงนะครับ ไม่ว่าอยากจะทำงานการเมืองต่อหรือไม่ อยากจะผลักดันความคิด อยากจะให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าแล้ว อย่าทำลายบ้านเมืองในตอนนี้ อย่าทำลายบ้านเมืองในตอนนี้นะครับ
ผมเองไม่เคยยืนอยู่ข้างเดียวกับคุณทักษิณ แต่ผมก็ยืนยันมาตลอดว่าอะไรที่เป็นสิทธิของคุณทักษิณ เช่นการกลับเข้ามาเมืองไทย การกลับเข้ามาต่อสู้คดีนั้น ทุกคนต้องยืนยันสิทธิตรงนี้ให้กับท่าน ผมยืนอยู่คนละข้างกับพรรคไทยรักไทย แต่ผมก็บอกว่าคนของไทยรักไทยต้องมีสิทธิ์ไปจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองได้ ใช้ชื่อเดิมได้ ผมไม่ได้เห็นด้วยกับพรรคไทยรักไทยหลายเรื่อง สิ่งใดที่รัฐบาลพรรคไทยรักไทยทำไว้เป็นประโยชน์กับประชาชน ผมก็บอกว่าผมเองก็ยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้ก็ควรจะต้องมีการทำงาน ดำเนินงานต่อไม่ว่าจะโดยรัฐบาลนี้ หรือโดยรัฐบาลข้างหน้า หรือแม้แต่ผมเข้าไปเป็นรัฐบาล ผมต้องการเห็นการทำงานพูดจาในทางการเมืองในแบบนี้นะครับ และผมก็สนับสนุนสิ่งที่คุณหมอประเวศ เสนอด้วยนะครับ เพราะผมก็เคยเสนอคล้าย ๆ กัน แต่อาจจะไม่ได้ละเอียดเท่ากับที่ท่านเสนอว่าวันนี้ ฝ่ายต่าง ๆ ในสังคมจะมานั่งกันตรงนี้ได้ไหม มาตกลงกันได้ไม๊ว่ามันถึงเวลาที่จะต้องเดินหน้าประเทศไปอย่างไรนะครับ โดยที่ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรมมีความเสมอภาคกันภายใต้กฎหมาย ไม่มีการกลั่นแกล้ง ไม่มีการละเว้น นี่คือสิ่งที่ผมคิดว่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดนะครับ
ผมต้องพบกับคนจำนวนมากนะครับที่เขายังเชื่อมั่นในคนไทยในประเทศไทย แต่เขามีแต่ความกังวล มีแต่ความเครียด มีแต่ความลังเล ในปัจจุบันนะครับ ซึ่งทั้งหมดนั้นก็มาจากเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นจุด ๆ อย่างนี้ ที่มีการดำเนินการกันมา ถามว่าเราจะปล่อยให้ตรงนี้เป็นอุปสรรคของคนส่วนใหญ่ของประเทศต่อไปอีกนานเท่าไหร่นะครับ คนตั้ง 60 ล้านคน ถามว่าที่มาเกิดปัญหาการขัดแย้งอะไรกันต่าง ๆ มันเกี่ยวข้องกับคนกี่คน แล้วทำไมคนอีก 60 กว่าล้านคนต้องมาเดือดร้อนในเรื่องเศรษฐกิจ ในเรื่องความปลอดภัยในชีวิต ใช่ไม๊ครับ ผมว่าต้องช่วยกัน คือเมื่อก่อนจะพูดกันถึงเรื่องพลังเงียบ นึกออกไม๊ครับ ก็จริง ๆ คนส่วนใหญ่นั่นแหละคือคนที่ไม่ได้พูดในสิ่งที่อยู่ในใจอันนี้ออกมา ผมว่าวันนี้ผมไม่ได้ไปเรียกร้องให้ไปลุกขึ้นต่อสู้อะไรให้มันรุนแรงขึ้น แต่ทุกคนต้องพูดออกมาพร้อมกันดัง ๆ ว่า พอได้แล้ว กับการซ้ำเติมวิกฤต บ้านเมืองมีกฎหมาย มีขื่อมีแป เดินไปตามนี้ ใครไม่ได้รับความเป็นธรรม ผมยืนยันเลยคนไทยส่วนใหญ่จิตใจเป็นธรรม บางทีเรียกว่าจิตใจนักเลง ถึงอยู่คนละพวกกันนะครับ ถ้าถูกกลั่นแกล้งก็ไม่อยากเห็นอย่างนั้น ก็จะช่วย ก็จะสู้ นะครับ เพราะฉะนั้นเวลานี้ เอาอนาคตของประเทศเป็นตัวตั้งเถอะนะครับ ทุกฝ่ายพูดกันดัง ๆ ตรงนี้ และผมคิดว่าโอกาสที่จะผ่านไอ้ช่วงที่ทุกคนกังวลกันมากมาย มันมีแน่นอนนะครับ อยู่ที่พวกเราทุกคน
ผู้ดำเนินรายการ ครับ บอกว่าคืนนี้ คุณทักษิณ จะปราศรัยผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอร์เรนซ์ สดมาที่เวที นปก. ที่สนามหลวง เพื่อจะฟ้องว่าครอบครัวถูกกลั่นแกล้ง ความเคลื่อนไหวล่าสุดอันนี้ ทางฝ่ายบ้านเมืองควรจะมีท่าทีอย่างไรครับ ควรจะปิดกั้นไม๊ หรือว่าปล่อยไป
คุณอภิสิทธิ์ คุณทักษิณ ก็มีสิทธิ์ที่จะพูดนะครับ แล้วก็เราก็จะได้ฟังกันต่อนะครับว่าคุณทักษิณจริง ๆ แล้วคิดอย่างไรกับบ้านเมืองนะครับ ผมก็พูดเหมือนที่พูดเมื่อสักครู่นะครับว่า การจะถ่ายทอดความรู้สึกออกมา การจะให้ข้อเท็จจริงในมุมมองของตัวเอง ไม่แปลกอะไรหรอกครับ แต่ถามว่าถ้ามีส่วนในการทำลายประเทศ ถ้ามีส่วนไปยั่วยุ เพื่อที่จะให้เกิดความรุนแรงถึงขั้นที่ทำให้เสียเลือดเสียเนื้อ ถึงขั้นที่ทำให้เศรษฐกิจถูกซ้ำเติมไปอีก คนที่ไม่รู้เรื่องอีกเป็น 60 กว่าล้านคนต้องมาเดือดร้อนนั้น มันเหมาะสมหรือไม่นะครับ เพราะฉะนั้นเราไปพูดล่วงหน้าไม่ได้เพราะเราก็ไม่รู้ว่าท่านจะพูดอะไร ถ้าเกิดท่านบอกว่า เอาทุกคน ไม่เป็นหรอก อย่าเป็นห่วงนะครับ ท่านสามารถที่จะต่อสู้ทางกฎหมายได้อะไรต่าง ๆ มันก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าท่านไปยั่วยุให้เกิดการต่อสู้ในลักษณะที่จะทำให้เกิดความรุนแรงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ แล้วก็คาบเส้นแล้วว่ามันผิดกฎหมายหรือไม่นะครับ เพราะฉะนั้นมันก็อยู่ที่การแสดงออกของท่าน ผมก็ยืนยันในสิทธิ เสรีภาพของท่านในการแสดงออกนะครับ ส่วนเหมาะสมไม่เหมาะสม สังคมส่วนใหญ่นี่แหละจะต้องบอกนะครับ สังคมส่วนใหญ่ที่เราอาจจะเรียกว่า พลังเงียบ บ้าง คนที่เขาอยู่เฉย ๆ บ้าง ต้องแสดงออกแล้วว่าขณะนี้ทุกฝ่ายต้องการให้บ้านเมืองเดินหน้าไป
ผู้ดำเนินรายการ ครับ เอาหล่ะครับ วันนี้ขอบคุณมากนะครับคุณอภิสิทธิ์ครับ สวัสดีครับ
*************************************************
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 15 มิ.ย. 2550--จบ--
ทางสถานีวิทยุ 101 ช่วงเวลา 08.00 — 08.30 น.
วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน 2550
ผู้ดำเนินรายการ สวัสดีค่ะคุณอภิสิทธิ์คะ สวัสดีครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ สวัสดีครับ คุณอวัสดาครับ สวัสดีครับคุณเติมศักดิ์ครับ
ผู้ดำเนินรายการ ค่ะ ท่ามกลางกระแสข่าวที่คุณทักษิณยังสับสนอยู่นะคะว่าตกลงไม่อยากกลับประเทศไทย หรืออยากกลับกันแน่ ไม่ทราบว่าคุณอภิสิทธิ์เองส่วนตัวอยากให้คุณทักษิณกลับมาไม๊คะ
คุณอภิสิทธิ์ ผมคงไม่ได้พูดว่าอยากหรือไม่อยากให้ท่านกลับนะครับ คือผมคิดว่าเราต้องยอมรับความเป็นจริงอย่างหนึ่งคือเรามีเรื่องของคดีนะครับ ที่เกิดขึ้นอยู่หลายส่วนด้วยกัน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาใช่ไม๊ครับที่เรามีเรื่องของการอายัดทรัพย์สิน ซึ่งหมายความว่าตัวคุณทักษิณเองและผู้เกี่ยวข้องจริง ๆ แล้วในส่วนผู้เกี่ยวข้องเองจะเยอะกว่าด้วยซ้ำ จะต้องมาอุทธรณ์หรือชี้แจงอธิบายในเรื่องของการได้มาของทรัพย์สิน ขณะเดียวกันการสอบสวนในเรื่องการทุจริตในคดีต่าง ๆ ที่เดินหน้าไปไกลสุดตอนนี้ก็คือคดีของที่ดินรัชดา แต่ก็จะมีเรื่องอื่น ๆ ตามมาอีก ก็จะเป็นเรื่องที่จะต้องเข้าสู่กระบวนการของศาล ในการพิจารณาของศาลนั้น อย่างไรเสียตัวจำเลยต้องมาต่อสู้คดี พิจารณากันต่อหน้า เพราะฉะนั้นผมว่าสังคมต้องยอมรับข้อเท็จจริงอันนี้ก่อนว่า เมื่อกระบวนการยุติธรรมต้องเดินต่อ เมื่อตัวคุณทักษิณเองก็เป็นคนไทยที่มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อที่จะรักษาสิทธิ ของตัวเอง ก็จะต้องมีเหตุการณ์ไม่วันใดก็วันหนึ่งที่คุณทักษิณจะต้องกลับมาตรงนี้ แล้วก็ขณะเดียวกันทุกคนก็เร่งรัดด้วยใช่ไม๊ครับ บอกว่าอยากเห็นเรื่องคดีต่าง ๆ ให้มันชัดเจนไปเสียทีว่า อะไรเป็นอะไร
เพราะฉะนั้นการกลับมาเพื่อต่อสู้คดี มันเป็นสิ่งซึ่งต้องคาดหมายว่าจะเกิดขึ้น ไม่สัปดาห์นี้ สัปดาห์หน้า เดือนนี้ เดือนหน้า แต่ก็คืออนาคตอันใกล้ เว้นเสียแต่ว่าคุณทักษิณเองจะไม่กลับมาต่อสู้ จะเลือกแนวทางที่เรียกว่าไปลี้ภัยทางการเมืองหรืออะไรไปเลย แล้วก็ปล่อยให้คดีค้างอยู่ นี่คือสิ่งที่ผมคิดว่าสังคมต้องจะบอกว่าทำใจก็ได้หรือว่าต้องเข้าใจให้ได้ก่อนนะครับ ทีนี้ถามว่าการกลับมาที่คนกลัวกันนั้น กลัวอะไร คำตอบก็คือกลัวว่าเกิดเหตุการณ์รุนแรงใช่ไม๊ครับ เพราะว่าผมเชื่อว่าขณะนี้คนเกือบจะ 100% ของประเทศนี้ไม่ต้องการเห็นความรุนแรง ไม่ต้องการให้บ้านเมืองยุ่งวุ่นวายสับสนมีวิกฤตมีเรื่องที่คารา คาซัง ไปนานไปกว่านี้ เพราะว่าทุกคนก็เดือดร้อนกันอยู่แล้ว ทีนี้เมื่อเป็นอย่างนั้นก็ต้องบอกว่ากลับไม่กลับนั้นมันเป็นการตัดสินใจของคุณทักษิณ แต่คุณทักษิณกลับแล้วมันจะวุ่นหรือไม่วุ่นนั้น มันเป็นการตัดสินใจของประชาชนคนไทยว่าจะจัดการกับมันอย่างไร หัวใจของมันก็เลยอยู่ตรงที่ว่า เราต้องแสดงออกให้ชัดเจนว่า เราต้องการความสงบเรียบร้อย เราต้องการความเป็นธรรมที่ให้กับทุก ๆ คนรวมทั้งคุณทักษิณด้วย แต่ความเป็นธรรมนั้นก็มีอีกด้านหนึ่งก็คือคุณทักษิณเองก็ต้องไม่มีสิทธิ์เหนือคนอื่นด้วย ถ้าทำผิดกฎหมายก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย ไม่ว่าจะมีคนเชียร์ ไม่ว่าจะมีคนชอบจำนวนเท่าไหร่ก็ตาม
ดังนั้นสิ่งที่ต้องจับตาดูมันคือส่วนที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมต่าง ๆ ถ้าเราดูให้ดีจะเห็นว่าการชุมนุมนั้นเวลานี้ปะปนกันไปหมด ด้านหนึ่งก็คือว่ามีผู้ที่ชุมนุมต่อต้านคมช. ต่อต้านรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเป็นเผด็จการอะไรก็ว่ากันไป ถูกไม๊ครับ เป้าหมายคืออะไร เป้าหมายคือการยืนยันว่าต้องการประชาธิปไตย เราก็ควรที่จะหาช่องทางในการพูดคุยได้ไหมว่า วันนี้วิธีการที่ดีที่สุดที่จะให้บ้านเมืองเราเดินเป็นประชาธิปไตยต่อไปข้างหน้านั้น มันคือวิธีไหน สำหรับผม ผมมองว่าถ้ามันเกิดการเผชิญหน้าเกิดการปะทะ เกิดการต่อสู้ เกิดความรุนแรง เกิดการสูญเสียขึ้น ผมไม่ได้มองว่ามันได้ประชาธิปไตยที่ดีขึ้นหรือเร็วขึ้น ผมมองว่าขณะนี้ดีที่สุดคือเราเร่งรัดให้ คมช. กับรัฐบาล ซึ่งเขาสัญญาว่าจะคืนอำนาจให้ประชาชนเดือนธันวาคมนี้ เดินไปตามแผนนี้โดยทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยเพียงพอที่เราจะกลับไปเลือกตั้งแล้วหลังจากนั้น เราก็ใช้กระบวนการประชาธิปไตยที่เริ่มต้นที่อาจจะยังไม่สมบูรณ์มาทำประชาธิปไตยให้มันดี ให้มันสมบูรณ์เสีย แต่ว่านี่ยังไม่ดีที่สุดนะครับ เรายังมีโอกาสในการแสดงออกผ่านกระบวนการของการไปลงประชามติ เรามีโอกาสในขณะนี้ในการจัดให้เกิดความเข้าใจประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญเพราะว่า สสร. ก็ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาอยู่นะครับ นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะบอกกับทุกฝ่ายว่า เราเข้าใจคนที่ไปชุมนุมเพราะว่ามีความรักประชาธิปไตย แต่เราต้องตั้งคำถามว่า อะไรที่จะเป็นผลดีที่สุดกับอนาคตของประชาธิปไตยของประเทศไทย ผมคิดว่าถ้าเราคิดถึงอนาคตกันให้มาก คิดถึงสภาพปัญหาในอดีตที่มันยังค้างคาใจกันให้น้อยลง มันก็จะช่วยได้นะครับ นั่นคือส่วนที่เกี่ยวข้องกับพวกที่ต้องการที่จะเรียกร้องประชาธิปไตย แล้วก็อยากที่จะแสดงออกด้วยการชุมนุม ซึ่งผมก็เห็นว่าทำได้นะครับ เพียงแต่ว่าอยากจะบอกว่า มันก็มีหนทางที่เราจะมองว่าการที่จะเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยนั้นจะทำอะไรได้บ้าง
เช่นเดียวกันนะครับ คนที่อยากจะแสดงออกว่าตัวเองสนับสนุนคุณทักษิณ ก็มีสิทธิ์ที่จะทำได้ ชุมนุมได้นะครับ แต่ก็ต้องบอกเช่นเดียวกันว่า ชุมนุมไปนั้นต้องไม่มีการไปละเมิดกฎหมาย ต้องไม่มีการปะทะ ต้องไม่มีการไปใช้ความรุนแรง เพราะว่าถ้าฝ่ายใดก็ตามใช้ความรุนแรง ฝ่ายที่ยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามก็จะอ้างว่าจำเป็นต้องใช้ความรุนแรง มันก็จะเป็นวงจรซึ่งมีแต่จะทำให้ทุกฝ่ายและก็คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเลยซึ่งอาจจะเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศเสียหายไปด้วย ถามว่าต้องระมัดระวังกันไม๊ ที่พูดก็หมายความว่าผมไม่ขัดข้องสำหรับคนที่จะไปชุมนุมด้วยความบริสุทธิ์ใจ ที่จะแสดงออกจุดยืนว่าชอบใคร หรือเรียกร้องอะไร แต่ท่านต้องมั่นใจว่าการชุมนุมนั้นอยู่ในกรอบของกฎหมาย อยู่ในกรอบของสันติวิธีจริง ๆ นะครับ
ส่วนมีคนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งผมคิดว่าคงไม่มีใครปฏิเสธหรอกว่า อยู่ในเหตุการณ์ตรงนี้แล้วก็พยายามจุดประเด็นให้เกิดความรุนแรง จะขู่เรื่องแตกหัก ต้องการที่จะบอกว่าเคลื่อนไหวไปตรงนั้นตรงนี้ เพื่อยั่วยุให้เกิดการปะทะกัน ผมก็บอกว่าอย่างนี้อย่าไปเป็นเหยื่อของเขา อย่าไปสนับสนุนเขา เพราะว่าทำเพื่อใคร ทำเพื่ออะไรนะครับ ทุกอย่างมันต้องขอบเขตนะครับ ทีนี้ถ้าสมมติว่ามันมีขบวนการที่จงใจเพื่อจะให้เกิดความรุนแรงหรืออะไรก็แล้วแต่ แล้วก็ทุ่มเทเงินทองเพื่อที่จะจัดตั้งให้ไปสู่ตรงนี้นั้น ผมก็บอกว่าคนที่มีความบริสุทธิ์ใจอยากจะแสดงออกเช่น อยากจะแสดงออกเรื่องคมช. เรื่องขับไล่เผด็จการหรืออะไรนั้น ก็แยกตัวออกมาได้ไหม ทำไมถึงจะไปอยู่ด้วยกัน แล้วก็ไม่รู้ว่าข้อเรียกร้องจริง ๆ คืออะไร คนที่อยากจะสนับสนุนคุณทักษิณ รักคุณทักษิณ ก็แสดงออกด้วยวิธีอื่นที่ไม่ไปพัวพันแล้วทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความรุนแรงที่จะเสียหายต่อประเทศได้ไหม
เมื่อวานนี้เห็นข่าว ๆ หนึ่งใช่ไม๊ครับเรื่องที่ทาง พระสงฆ์ที่มาชุมนุมเรื่องของรัฐธรรมนูญ แล้วท่านเปิดเผยว่า มีการไปติดต่อให้ไป ให้ทางกลุ่มของพระสงฆ์นั้นไปรวมอยู่กับกลุ่มที่ชุมนุมที่สนามหลวง แล้วก็สัญญาทำนองว่าจะทำอะไรให้ คือ แล้วเสร็จแล้วท่านก็ปฏิเสธไป ใช่ไม๊ครับ นั่นแหละครับคือสิ่งที่เป็น สิ่งที่ผมนั้นจะบอกกับกลุ่มคนอื่น ๆ อีกมากมายว่า ต้องการอะไรเรียกร้องอะไร มันมีขอบเขตของมัน มีวิธีการในการใช้สิทธิ เสรีภาพ แต่กรุณาอย่าไปเป็นเหยื่อของคนที่เขามาวาระอื่นที่แอบแฝงและมีความรุนแรงนะครับ
กล่าวโดยเฉพาะสำหรับคุณทักษิณ คือผมก็คาดหมายมาตลอดนะครับว่า ลักษณะของการที่จะต้องมีการตอบโต้เคลื่อนไหวที่จะรุนแรงที่สุดก็คือเรื่องนี้แหละครับ เมื่อใดก็ตามที่ทรัพย์สินของท่านมีปัญหานะครับ คือคาดหมายได้จากการที่เราดูแนวทางการทำงานของท่านมาตลอด ว่าถ้าเป็นเรื่องนี้จะเป็นจำนวนใหญ่สุด มากกว่าเรื่องพรรคอีก มากกว่าเรื่องอื่น ๆ เราก็เห็นแนวโน้มอันนี้มาตลอดนะครับ ซึ่งแน่นอนถ้าคุณทักษิณมีความเชื่อมั่นว่า ทรัพย์สินตรงนี้เป็นของท่าน ความรู้สึกโกรธหรือความรู้สึกว่าจะต้องมาต่อสู้ก็เป็นเรื่องปกตินะครับ เข้าใจได้ แต่อย่าถึงขั้นที่ว่าเอาเงินไปจ้างคนต่างชาติมาให้ร้ายประเทศไทย ผมว่าอันนี้เป็นสิ่งซึ่งไม่มีมใครยอมรับได้ ไม่มีใครยอมรับได้ ถามว่าถ้ามีความตั้งใจจริงนะครับ ไม่ว่าอยากจะทำงานการเมืองต่อหรือไม่ อยากจะผลักดันความคิด อยากจะให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าแล้ว อย่าทำลายบ้านเมืองในตอนนี้ อย่าทำลายบ้านเมืองในตอนนี้นะครับ
ผมเองไม่เคยยืนอยู่ข้างเดียวกับคุณทักษิณ แต่ผมก็ยืนยันมาตลอดว่าอะไรที่เป็นสิทธิของคุณทักษิณ เช่นการกลับเข้ามาเมืองไทย การกลับเข้ามาต่อสู้คดีนั้น ทุกคนต้องยืนยันสิทธิตรงนี้ให้กับท่าน ผมยืนอยู่คนละข้างกับพรรคไทยรักไทย แต่ผมก็บอกว่าคนของไทยรักไทยต้องมีสิทธิ์ไปจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองได้ ใช้ชื่อเดิมได้ ผมไม่ได้เห็นด้วยกับพรรคไทยรักไทยหลายเรื่อง สิ่งใดที่รัฐบาลพรรคไทยรักไทยทำไว้เป็นประโยชน์กับประชาชน ผมก็บอกว่าผมเองก็ยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้ก็ควรจะต้องมีการทำงาน ดำเนินงานต่อไม่ว่าจะโดยรัฐบาลนี้ หรือโดยรัฐบาลข้างหน้า หรือแม้แต่ผมเข้าไปเป็นรัฐบาล ผมต้องการเห็นการทำงานพูดจาในทางการเมืองในแบบนี้นะครับ และผมก็สนับสนุนสิ่งที่คุณหมอประเวศ เสนอด้วยนะครับ เพราะผมก็เคยเสนอคล้าย ๆ กัน แต่อาจจะไม่ได้ละเอียดเท่ากับที่ท่านเสนอว่าวันนี้ ฝ่ายต่าง ๆ ในสังคมจะมานั่งกันตรงนี้ได้ไหม มาตกลงกันได้ไม๊ว่ามันถึงเวลาที่จะต้องเดินหน้าประเทศไปอย่างไรนะครับ โดยที่ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรมมีความเสมอภาคกันภายใต้กฎหมาย ไม่มีการกลั่นแกล้ง ไม่มีการละเว้น นี่คือสิ่งที่ผมคิดว่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดนะครับ
ผมต้องพบกับคนจำนวนมากนะครับที่เขายังเชื่อมั่นในคนไทยในประเทศไทย แต่เขามีแต่ความกังวล มีแต่ความเครียด มีแต่ความลังเล ในปัจจุบันนะครับ ซึ่งทั้งหมดนั้นก็มาจากเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นจุด ๆ อย่างนี้ ที่มีการดำเนินการกันมา ถามว่าเราจะปล่อยให้ตรงนี้เป็นอุปสรรคของคนส่วนใหญ่ของประเทศต่อไปอีกนานเท่าไหร่นะครับ คนตั้ง 60 ล้านคน ถามว่าที่มาเกิดปัญหาการขัดแย้งอะไรกันต่าง ๆ มันเกี่ยวข้องกับคนกี่คน แล้วทำไมคนอีก 60 กว่าล้านคนต้องมาเดือดร้อนในเรื่องเศรษฐกิจ ในเรื่องความปลอดภัยในชีวิต ใช่ไม๊ครับ ผมว่าต้องช่วยกัน คือเมื่อก่อนจะพูดกันถึงเรื่องพลังเงียบ นึกออกไม๊ครับ ก็จริง ๆ คนส่วนใหญ่นั่นแหละคือคนที่ไม่ได้พูดในสิ่งที่อยู่ในใจอันนี้ออกมา ผมว่าวันนี้ผมไม่ได้ไปเรียกร้องให้ไปลุกขึ้นต่อสู้อะไรให้มันรุนแรงขึ้น แต่ทุกคนต้องพูดออกมาพร้อมกันดัง ๆ ว่า พอได้แล้ว กับการซ้ำเติมวิกฤต บ้านเมืองมีกฎหมาย มีขื่อมีแป เดินไปตามนี้ ใครไม่ได้รับความเป็นธรรม ผมยืนยันเลยคนไทยส่วนใหญ่จิตใจเป็นธรรม บางทีเรียกว่าจิตใจนักเลง ถึงอยู่คนละพวกกันนะครับ ถ้าถูกกลั่นแกล้งก็ไม่อยากเห็นอย่างนั้น ก็จะช่วย ก็จะสู้ นะครับ เพราะฉะนั้นเวลานี้ เอาอนาคตของประเทศเป็นตัวตั้งเถอะนะครับ ทุกฝ่ายพูดกันดัง ๆ ตรงนี้ และผมคิดว่าโอกาสที่จะผ่านไอ้ช่วงที่ทุกคนกังวลกันมากมาย มันมีแน่นอนนะครับ อยู่ที่พวกเราทุกคน
ผู้ดำเนินรายการ ครับ บอกว่าคืนนี้ คุณทักษิณ จะปราศรัยผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอร์เรนซ์ สดมาที่เวที นปก. ที่สนามหลวง เพื่อจะฟ้องว่าครอบครัวถูกกลั่นแกล้ง ความเคลื่อนไหวล่าสุดอันนี้ ทางฝ่ายบ้านเมืองควรจะมีท่าทีอย่างไรครับ ควรจะปิดกั้นไม๊ หรือว่าปล่อยไป
คุณอภิสิทธิ์ คุณทักษิณ ก็มีสิทธิ์ที่จะพูดนะครับ แล้วก็เราก็จะได้ฟังกันต่อนะครับว่าคุณทักษิณจริง ๆ แล้วคิดอย่างไรกับบ้านเมืองนะครับ ผมก็พูดเหมือนที่พูดเมื่อสักครู่นะครับว่า การจะถ่ายทอดความรู้สึกออกมา การจะให้ข้อเท็จจริงในมุมมองของตัวเอง ไม่แปลกอะไรหรอกครับ แต่ถามว่าถ้ามีส่วนในการทำลายประเทศ ถ้ามีส่วนไปยั่วยุ เพื่อที่จะให้เกิดความรุนแรงถึงขั้นที่ทำให้เสียเลือดเสียเนื้อ ถึงขั้นที่ทำให้เศรษฐกิจถูกซ้ำเติมไปอีก คนที่ไม่รู้เรื่องอีกเป็น 60 กว่าล้านคนต้องมาเดือดร้อนนั้น มันเหมาะสมหรือไม่นะครับ เพราะฉะนั้นเราไปพูดล่วงหน้าไม่ได้เพราะเราก็ไม่รู้ว่าท่านจะพูดอะไร ถ้าเกิดท่านบอกว่า เอาทุกคน ไม่เป็นหรอก อย่าเป็นห่วงนะครับ ท่านสามารถที่จะต่อสู้ทางกฎหมายได้อะไรต่าง ๆ มันก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าท่านไปยั่วยุให้เกิดการต่อสู้ในลักษณะที่จะทำให้เกิดความรุนแรงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ แล้วก็คาบเส้นแล้วว่ามันผิดกฎหมายหรือไม่นะครับ เพราะฉะนั้นมันก็อยู่ที่การแสดงออกของท่าน ผมก็ยืนยันในสิทธิ เสรีภาพของท่านในการแสดงออกนะครับ ส่วนเหมาะสมไม่เหมาะสม สังคมส่วนใหญ่นี่แหละจะต้องบอกนะครับ สังคมส่วนใหญ่ที่เราอาจจะเรียกว่า พลังเงียบ บ้าง คนที่เขาอยู่เฉย ๆ บ้าง ต้องแสดงออกแล้วว่าขณะนี้ทุกฝ่ายต้องการให้บ้านเมืองเดินหน้าไป
ผู้ดำเนินรายการ ครับ เอาหล่ะครับ วันนี้ขอบคุณมากนะครับคุณอภิสิทธิ์ครับ สวัสดีครับ
*************************************************
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 15 มิ.ย. 2550--จบ--