อินโดนีเซียเป็นประเทศหนึ่งในกลุ่มอาเซียนที่น่าเข้าไปลงทุน ทั้งเพื่อผลิตสินค้าป้อนตลาดภายในประเทศซึ่งมีขนาดใหญ่เกือบ 250 ล้านคน และเพื่อส่งออกต่อไปยังประเทศที่ 3 เนื่องจากอินโดนีเซียมีข้อได้เปรียบในด้านทำเลที่ตั้ง โดยเปรียบเสมือนสะพานสำคัญที่เชื่อมโยงมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิกเข้าด้วยกัน อีกทั้งยังเป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างทวีปเอเชียกับทวีปออสเตรเลีย ส่งผลให้อินโดนีเซียเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งของภูมิภาคเอเชีย แต่เนื่องด้วยลักษณะภูมิประเทศของอินโดนีเซียประกอบด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่ราว 6,000 เกาะที่มีประชากรอาศัยอยู่ (จากทั้งหมด 17,508 เกาะ ซึ่งมากที่สุดในโลก) ทำให้อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีความหลากหลายและมีลักษณะเฉพาะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ สำหรับจังหวัดที่มีศักยภาพน่าเข้าไปลงทุน ได้แก่
กรุงจาการ์ตา (Jakarta) เป็นเมืองหลวงของอินโดนีเซียและมีสถานะเป็นเขตนครหลวงพิเศษ(Special Capital City District) ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะชวา ประชากรมีกำลังซื้อสูงด้วยรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีราว 3,900 ดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับรายได้เฉลี่ยของประชาชนทั้งประเทศที่ระดับราว920 ดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูลปี 2546) โดยกรุงจาการ์ตามีบทบาทสำคัญในการเป็นศูนย์รวมของสถานที่ราชการสถานทูตของนานาประเทศ สำนักงานตัวแทนของบริษัทต่างชาติ ตลอดจนสำนักงานใหญ่ของธนาคารกลางอินโดนีเซีย(Bank Indonesia) และธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ (รวมถึงสาขาของธนาคารกรุงเทพ จำกัด ของไทย) ทำให้กรุงจาการ์ตามีรายได้จากภาคบริการ อาทิ การเงิน การค้า และการท่องเที่ยว ในสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง นอกจากนี้ ยังสามารถผลิตและส่งออกสัตว์น้ำและพืชผลทางการเกษตรได้หลายชนิด อาทิ ปลาสด กุ้ง ข้าว ดอกกล้วยไม้ ฯลฯ อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของท่าเรือ Tanjung Priok ซึ่งเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดและเป็น International Hub Port ที่สำคัญของอินโดนีเซียโดยสามารถรองรับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศได้มากถึงปีละ 2.5 ล้าน TEUs (Twenty-Foot Equivalent
Units : หน่วยเทียบเท่าตู้คอนเทนเนอร์มาตรฐานความยาว 20 ฟุต)
จังหวัดชวาตะวันออก (East Java Province) ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของเกาะชวา มีจุดเด่นในด้านการเป็นตลาดแรงงานขนาดใหญ่โดยมีประชากรมากถึง 36 ล้านคน (สัดส่วนกว่า 16% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ) และมีค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำราว 71 ดอลลาร์สหรัฐ/เดือน (ข้อมูลปี 2549) ซึ่งค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับจังหวัดสำคัญทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ปัจจุบันชวาตะวันออกเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมรวม 7 แห่ง ซึ่งมีทั้งนักลงทุนท้องถิ่นและนักลงทุนต่างชาติ อาทิ เยอรมนี ไต้หวัน ฮ่องกง ฯลฯ เข้าไปดำเนินธุรกิจในหลากหลายประเภท เช่น ปิโตรเคมี ห้องเย็น การแปรรูปน้ำตาล การแปรรูปไม้การต่อเรือ เป็นต้น นอกจากนี้ ชวาตะวันออกยังเป็นแหล่งผลิตข้าว น้ำตาล และไม้สักคุณภาพสูงที่สำคัญของประเทศ อีกทั้งยังมีท่าเรือขนาดใหญ่ 7 แห่ง โดยท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดนี้ คือ ท่าเรือ Tanjung Perak ในเมืองสุราบายาซึ่งเป็น International Hub Port ที่สำคัญของอินโดนีเซียเช่นเดียวกับท่าเรือ Tanjung Priok
จังหวัดกะลิมันตันตะวันออก (East Kalimantan Province) ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของเกาะกะลิมันตันเป็นพื้นที่ซึ่งอุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และแร่ธาตุต่าง ๆอาทิ ทองคำ เงิน ควอตซ์ หินปูน ฯลฯ รวมทั้งยังมีพื้นที่เหมาะแก่การเพาะปลูกและสำหรับเลี้ยงสัตว์อีกด้วย ทำให้กะลิมันตันตะวันออกเป็นแหล่งลงทุนที่สำคัญในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ การแปรรูปผลผลิตทางด้านเกษตรกรรมประมง และปศุสัตว์ นอกจากนี้ ยังมีท่าเรือมากถึง 12 แห่ง ในจำนวนนี้ มีท่าเรือหลายแห่งที่ใช้รองรับการขนส่งสินค้าเฉพาะอย่าง เช่น ท่าเรือ Sangata ใช้ขนส่งถ่านหิน และท่าเรือ Teluk Adang ใช้ขนส่งน้ำมันปาล์มดิบเป็นต้น
จังหวัดสุมาตราเหนือ (North Sumatra Province) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ใกล้กับมาเลเซียและฟิลิปปินส์ และเป็นทางผ่านของเส้นทางเดินเรือระหว่างประเทศที่สำคัญ ทำให้มีท่าเรือมากถึง 21 แห่งโดยมีท่าเรือ Belawan ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเมดาน (เมืองหลวงของสุมาตราเหนือ) เป็นท่าเรือสำคัญที่ใช้ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ยังมีป่าไม้หนาแน่น และสามารถเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจได้หลายชนิด อาทิ ปาล์มยางพารา กาแฟ โกโก้ และยาสูบ ฯลฯ จึงเหมาะต่อการลงทุนแปรรูปไม้ และแปรรูปพืชผลทางการเกษตร
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย พฤษภาคม 2550--
-พห-
กรุงจาการ์ตา (Jakarta) เป็นเมืองหลวงของอินโดนีเซียและมีสถานะเป็นเขตนครหลวงพิเศษ(Special Capital City District) ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะชวา ประชากรมีกำลังซื้อสูงด้วยรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีราว 3,900 ดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับรายได้เฉลี่ยของประชาชนทั้งประเทศที่ระดับราว920 ดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูลปี 2546) โดยกรุงจาการ์ตามีบทบาทสำคัญในการเป็นศูนย์รวมของสถานที่ราชการสถานทูตของนานาประเทศ สำนักงานตัวแทนของบริษัทต่างชาติ ตลอดจนสำนักงานใหญ่ของธนาคารกลางอินโดนีเซีย(Bank Indonesia) และธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ (รวมถึงสาขาของธนาคารกรุงเทพ จำกัด ของไทย) ทำให้กรุงจาการ์ตามีรายได้จากภาคบริการ อาทิ การเงิน การค้า และการท่องเที่ยว ในสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง นอกจากนี้ ยังสามารถผลิตและส่งออกสัตว์น้ำและพืชผลทางการเกษตรได้หลายชนิด อาทิ ปลาสด กุ้ง ข้าว ดอกกล้วยไม้ ฯลฯ อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของท่าเรือ Tanjung Priok ซึ่งเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดและเป็น International Hub Port ที่สำคัญของอินโดนีเซียโดยสามารถรองรับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศได้มากถึงปีละ 2.5 ล้าน TEUs (Twenty-Foot Equivalent
Units : หน่วยเทียบเท่าตู้คอนเทนเนอร์มาตรฐานความยาว 20 ฟุต)
จังหวัดชวาตะวันออก (East Java Province) ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของเกาะชวา มีจุดเด่นในด้านการเป็นตลาดแรงงานขนาดใหญ่โดยมีประชากรมากถึง 36 ล้านคน (สัดส่วนกว่า 16% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ) และมีค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำราว 71 ดอลลาร์สหรัฐ/เดือน (ข้อมูลปี 2549) ซึ่งค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับจังหวัดสำคัญทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ปัจจุบันชวาตะวันออกเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมรวม 7 แห่ง ซึ่งมีทั้งนักลงทุนท้องถิ่นและนักลงทุนต่างชาติ อาทิ เยอรมนี ไต้หวัน ฮ่องกง ฯลฯ เข้าไปดำเนินธุรกิจในหลากหลายประเภท เช่น ปิโตรเคมี ห้องเย็น การแปรรูปน้ำตาล การแปรรูปไม้การต่อเรือ เป็นต้น นอกจากนี้ ชวาตะวันออกยังเป็นแหล่งผลิตข้าว น้ำตาล และไม้สักคุณภาพสูงที่สำคัญของประเทศ อีกทั้งยังมีท่าเรือขนาดใหญ่ 7 แห่ง โดยท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดนี้ คือ ท่าเรือ Tanjung Perak ในเมืองสุราบายาซึ่งเป็น International Hub Port ที่สำคัญของอินโดนีเซียเช่นเดียวกับท่าเรือ Tanjung Priok
จังหวัดกะลิมันตันตะวันออก (East Kalimantan Province) ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของเกาะกะลิมันตันเป็นพื้นที่ซึ่งอุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และแร่ธาตุต่าง ๆอาทิ ทองคำ เงิน ควอตซ์ หินปูน ฯลฯ รวมทั้งยังมีพื้นที่เหมาะแก่การเพาะปลูกและสำหรับเลี้ยงสัตว์อีกด้วย ทำให้กะลิมันตันตะวันออกเป็นแหล่งลงทุนที่สำคัญในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ การแปรรูปผลผลิตทางด้านเกษตรกรรมประมง และปศุสัตว์ นอกจากนี้ ยังมีท่าเรือมากถึง 12 แห่ง ในจำนวนนี้ มีท่าเรือหลายแห่งที่ใช้รองรับการขนส่งสินค้าเฉพาะอย่าง เช่น ท่าเรือ Sangata ใช้ขนส่งถ่านหิน และท่าเรือ Teluk Adang ใช้ขนส่งน้ำมันปาล์มดิบเป็นต้น
จังหวัดสุมาตราเหนือ (North Sumatra Province) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ใกล้กับมาเลเซียและฟิลิปปินส์ และเป็นทางผ่านของเส้นทางเดินเรือระหว่างประเทศที่สำคัญ ทำให้มีท่าเรือมากถึง 21 แห่งโดยมีท่าเรือ Belawan ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเมดาน (เมืองหลวงของสุมาตราเหนือ) เป็นท่าเรือสำคัญที่ใช้ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ยังมีป่าไม้หนาแน่น และสามารถเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจได้หลายชนิด อาทิ ปาล์มยางพารา กาแฟ โกโก้ และยาสูบ ฯลฯ จึงเหมาะต่อการลงทุนแปรรูปไม้ และแปรรูปพืชผลทางการเกษตร
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย พฤษภาคม 2550--
-พห-