แท็ก
มหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
กระทรวงการต่างประเทศ
เมเจอร์โบว์ล
รัฐมนตรี
กรุงเทพ--18 เม.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
นายนิตย์ พิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะเดินทางเยือนราชอาณาจักรบาห์เรนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 20-25 เมษายน 2550 ซึ่งเป็นการเยือนตะวันออกกลางครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับทั้งสองประเทศ ซึ่งเป็นมิตรประเทศที่สำคัญของไทยในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ในการเยือนราชอาณาจักรบาห์เรนระหว่างวันที่ 20-22 เมษายน 2550 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีกำหนดเข้าเฝ้า H.H. Shaikh Khalifa bin Salman Al Khalifa นายกรัฐมนตรีและจะเข้าพบ H.E. Shaikh Khalid bin Ahmed Al Khalifa รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคาดว่า ทั้งสองฝ่ายจะได้หารือประเด็นความสัมพันธ์ และความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างกัน
ประเด็นสำคัญที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะหารือแลกเปลี่ยนความเห็นกับบุคคลระดับสูงของบาห์เรนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คือ การจัดประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย-บาห์เรน ครั้งที่ 2 ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพในช่วงครึ่งหลังของปี 2550 ที่กรุงเทพฯ และการขอรับการสนับสนุนเพื่อเชื่อมไทยกับตะวันออกกลางโดยเฉพาะในเวทีการประชุมองค์การการประชุมอิสลาม (Organization of Islamic Conference: OIC) ซึ่งจะมีการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (Islamic Conference of Foreign Ministers: ICFM) ที่กรุงอิสลามาบัดในเดือนพฤษภาคม 2550
นอกจากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะได้แจ้งให้ฝ่ายบาห์เรนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ทราบถึงแนวทางของรัฐบาล และพัฒนาการด้านการเมืองและเศรษฐกิจของไทย ตลอดจนแนวทางและความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของไทยด้วย และฝ่ายไทยก็จะได้รับทราบถึงพัฒนาการในด้านการเมือง เศรษฐกิจและความมั่นคงของสถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลางด้วย
ในด้านเศรษฐกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะหารือเกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจของไทยในการใช้บาห์เรนเป็นฐานในการเข้าสู่ตะวันออกกลางทั้งในด้านสินค้าและบริการ อาทิ สินค้าฮาลาล นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเยี่ยมชมศูนย์ Thai Business Center ซึ่งเปิดทำการที่กรุงมานามาเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2549 ซึ่งเป็นศูนย์ประสานงานติดต่อค้าขายสินค้าอุตสาหกรรมต่างๆ และเยี่ยมเยือนคนไทยในบาห์เรน ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 2,000 คน ด้วย
ปี 2550 เป็นปีครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-บาห์เรน 30 ปี โดยทั้งสองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2520 และมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นตลอดมา การค้าระหว่างไทย-บาห์เรนในปี 2549 มีมูลค่ารวม 289.3 ล้านดอลลาห์สหรัฐ (เพิ่มขึ้นจากปี 2548 ร้อยละ 57.2) โดยไทยส่งออก 78.5 ล้านดอลลาห์สหรัฐ (รถยนต์ เครื่องปรับอากาศ เครื่องจักรกล) และนำเข้า 210.8 ล้านดอลลาห์สหรัฐ (สินแร่โลหะ น้ำมันสำเร็จรูป ปุ๋ย)
จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศจะเดินทางเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระหว่าง วันที่ 22-25 เมษายน 2550 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีกำหนดการเข้าเฝ้า H.H. General Sheikh Mohammed bin Zayed Al Nahyan มกุฎราชกุมารแห่งรัฐอาบูดาบี พบหารือกับ H.E. Mohammed Hussein Al Shaali รัฐมนตรีแห่งรัฐด้านการต่างประเทศ และเข้าเฝ้า H.H. Sheikh Mohammed bin Rashid Al Maktoum รองประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและเจ้าผู้ครองรัฐดูไบ
คาดว่า ทั้งสองฝ่ายจะมีการหารือประเด็นทวิภาคีต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างไทย-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเฉพาะการส่งเสริมการค้าและการลงทุน เช่น การส่งออกอาหารฮาลาล การส่งเสริมการท่องเที่ยวและการบริการทางการแพทย์ แลกเปลี่ยนประสบการณ์และผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ทั้งนี้ จะมีการลงนามในความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและวิชาการไทย-สหรัฐอาหรับ-เอมิเรตส์ เพื่อตั้งคณะกรรมการร่วม (Joint Committee) ของสองประเทศ
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นประธานในการเปิดการสัมมนาและระดมสมองเพื่อเน้นการขยายโอกาสของนักธุรกิจไทยในรัฐดูไบ และจะเข้าพบ Dr. Omar bin Sulaiman ผู้ว่าการ Dubai International Financial Centre (DIFC) และจะเข้าเยี่ยมชมและรับฟังบรรยายสรุปโครงการทางเศรษฐกิจต่างๆ ในดูไบ ตลอดจนเยี่ยมเยียนนักเรียน/นักศึกษาไทยที่ได้รับทุนรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไปศึกษาในระดับมัธยมและอุดมศึกษาด้วย
ไทยและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2518 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นคู่ค้าลำดับหนึ่งของไทยในตะวันออกกลาง มูลค่าการค้าสองฝ่ายในปี 2549 มีจำนวน 8,500 ล้านดอลลาห์สหรัฐ โดยไทยส่งออก 1474.2 ล้านดอลลาห์สหรัฐ (รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ) และนำเข้า 7,115.4 ล้านดอลลาห์สหรัฐ (น้ำมันดิบ สินแร่โลหะ เศษโลหะ) ประชาชนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวและรับการรักษาพยาบาลในประเทศไทยปีละประมาณ 80,000 คน ปัจจุบัน มีแรงงานไทยอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประมาณ 4,000 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานฝีมือ ทำงานในภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจบริการและธุรกิจก่อสร้าง
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
นายนิตย์ พิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะเดินทางเยือนราชอาณาจักรบาห์เรนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 20-25 เมษายน 2550 ซึ่งเป็นการเยือนตะวันออกกลางครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับทั้งสองประเทศ ซึ่งเป็นมิตรประเทศที่สำคัญของไทยในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ในการเยือนราชอาณาจักรบาห์เรนระหว่างวันที่ 20-22 เมษายน 2550 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีกำหนดเข้าเฝ้า H.H. Shaikh Khalifa bin Salman Al Khalifa นายกรัฐมนตรีและจะเข้าพบ H.E. Shaikh Khalid bin Ahmed Al Khalifa รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคาดว่า ทั้งสองฝ่ายจะได้หารือประเด็นความสัมพันธ์ และความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างกัน
ประเด็นสำคัญที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะหารือแลกเปลี่ยนความเห็นกับบุคคลระดับสูงของบาห์เรนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คือ การจัดประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย-บาห์เรน ครั้งที่ 2 ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพในช่วงครึ่งหลังของปี 2550 ที่กรุงเทพฯ และการขอรับการสนับสนุนเพื่อเชื่อมไทยกับตะวันออกกลางโดยเฉพาะในเวทีการประชุมองค์การการประชุมอิสลาม (Organization of Islamic Conference: OIC) ซึ่งจะมีการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (Islamic Conference of Foreign Ministers: ICFM) ที่กรุงอิสลามาบัดในเดือนพฤษภาคม 2550
นอกจากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะได้แจ้งให้ฝ่ายบาห์เรนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ทราบถึงแนวทางของรัฐบาล และพัฒนาการด้านการเมืองและเศรษฐกิจของไทย ตลอดจนแนวทางและความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของไทยด้วย และฝ่ายไทยก็จะได้รับทราบถึงพัฒนาการในด้านการเมือง เศรษฐกิจและความมั่นคงของสถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลางด้วย
ในด้านเศรษฐกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะหารือเกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจของไทยในการใช้บาห์เรนเป็นฐานในการเข้าสู่ตะวันออกกลางทั้งในด้านสินค้าและบริการ อาทิ สินค้าฮาลาล นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเยี่ยมชมศูนย์ Thai Business Center ซึ่งเปิดทำการที่กรุงมานามาเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2549 ซึ่งเป็นศูนย์ประสานงานติดต่อค้าขายสินค้าอุตสาหกรรมต่างๆ และเยี่ยมเยือนคนไทยในบาห์เรน ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 2,000 คน ด้วย
ปี 2550 เป็นปีครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-บาห์เรน 30 ปี โดยทั้งสองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2520 และมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นตลอดมา การค้าระหว่างไทย-บาห์เรนในปี 2549 มีมูลค่ารวม 289.3 ล้านดอลลาห์สหรัฐ (เพิ่มขึ้นจากปี 2548 ร้อยละ 57.2) โดยไทยส่งออก 78.5 ล้านดอลลาห์สหรัฐ (รถยนต์ เครื่องปรับอากาศ เครื่องจักรกล) และนำเข้า 210.8 ล้านดอลลาห์สหรัฐ (สินแร่โลหะ น้ำมันสำเร็จรูป ปุ๋ย)
จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศจะเดินทางเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระหว่าง วันที่ 22-25 เมษายน 2550 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีกำหนดการเข้าเฝ้า H.H. General Sheikh Mohammed bin Zayed Al Nahyan มกุฎราชกุมารแห่งรัฐอาบูดาบี พบหารือกับ H.E. Mohammed Hussein Al Shaali รัฐมนตรีแห่งรัฐด้านการต่างประเทศ และเข้าเฝ้า H.H. Sheikh Mohammed bin Rashid Al Maktoum รองประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและเจ้าผู้ครองรัฐดูไบ
คาดว่า ทั้งสองฝ่ายจะมีการหารือประเด็นทวิภาคีต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างไทย-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเฉพาะการส่งเสริมการค้าและการลงทุน เช่น การส่งออกอาหารฮาลาล การส่งเสริมการท่องเที่ยวและการบริการทางการแพทย์ แลกเปลี่ยนประสบการณ์และผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ทั้งนี้ จะมีการลงนามในความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและวิชาการไทย-สหรัฐอาหรับ-เอมิเรตส์ เพื่อตั้งคณะกรรมการร่วม (Joint Committee) ของสองประเทศ
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นประธานในการเปิดการสัมมนาและระดมสมองเพื่อเน้นการขยายโอกาสของนักธุรกิจไทยในรัฐดูไบ และจะเข้าพบ Dr. Omar bin Sulaiman ผู้ว่าการ Dubai International Financial Centre (DIFC) และจะเข้าเยี่ยมชมและรับฟังบรรยายสรุปโครงการทางเศรษฐกิจต่างๆ ในดูไบ ตลอดจนเยี่ยมเยียนนักเรียน/นักศึกษาไทยที่ได้รับทุนรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไปศึกษาในระดับมัธยมและอุดมศึกษาด้วย
ไทยและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2518 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นคู่ค้าลำดับหนึ่งของไทยในตะวันออกกลาง มูลค่าการค้าสองฝ่ายในปี 2549 มีจำนวน 8,500 ล้านดอลลาห์สหรัฐ โดยไทยส่งออก 1474.2 ล้านดอลลาห์สหรัฐ (รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ) และนำเข้า 7,115.4 ล้านดอลลาห์สหรัฐ (น้ำมันดิบ สินแร่โลหะ เศษโลหะ) ประชาชนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวและรับการรักษาพยาบาลในประเทศไทยปีละประมาณ 80,000 คน ปัจจุบัน มีแรงงานไทยอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประมาณ 4,000 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานฝีมือ ทำงานในภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจบริการและธุรกิจก่อสร้าง
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-