วันที่ 12 กค. 50 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะทำงานด้านแรงงานพรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงกรณีบริษัทไทยศิลปอาคเนย์อิมปอร์ต เอกปอร์ต จำกัด ปิดกิจการเลิกจ้างพนักงาน 6 พันคน ทำให้เกิดผลกระทบต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจและความมั่นคงในการทำงาน เพราะเป็นการเลิกจ้างแรงงานจำนวนมาก ซึ่งในอดีตสมัยวิกฤตเศรษฐกิจขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ เริ่มต้นเป็นรัฐบาลในปี 2541 มีการปิดกิจการโรงงานไทยเมลอน เลิกจ้างพนักงาน 5,000 กว่าคน โดยรัฐบาล ขณะนั้นสามารถแก้ไขเหตุการณ์ให้คนได้มีงานทำ ได้รับเงินชดเชยครบทุกคน ดังนั้นพรรคฯ จึงขอเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา ดังนี้
1.ปัญหาเฉพาะหน้า กระทรวงแรงงาน ต้องสร้างความมั่นใจให้กับคนงานและครอบครัวที่ถูกเลิกจ้างว่าจะมีงานทำ ได้รับเงินค่าบอกกล่าวล่วงหน้า 1 เดือน และเงินค่าชดเชยตามอายุการทำงาน เงินประกันการว่างงานร้อยละ 50 ของค่าจ้างเป็นเวลา 6 เดือน เงินบำเหน็จจากประกันสังคมกรณีไม่ทำงานต่อ การฝึกฝีมือเพื่อไปประกอบอาชีพอื่น และสิทธิประโยชน์อื่นๆ ตามกฎหมายแรงงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เข้ามาดูแลเรื่องครอบครัว เรื่องเด็ก โดยบูรณาการทุกหน่วยงานลงไปแก้ปัญหาอย่างเกาะติดและรวดเร็ว
2.ให้รัฐบาลและกระทรวงแรงงาน เร่งออกมาตรการความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน ซึ่งอาจจะมีผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสังคมไทย พร้อมทั้งให้นำมาตรการเตือนภัยทางเศรษฐกิจ และแรงงานมาใช้เป็นการเร่งด่วน
นายองอาจกล่าวว่า ในฐานะประธานด้านแรงงานฯ ได้ติดตามสถานการณ์ด้านแรงงานอย่างใกล้ชิด ยังไม่น่าวิตกกังวลมากนัก เพราะสภาพการว่างงานอยู่ในสภาพปกติ ในขณะที่บางภาคอุตสาหกรรม ขาดแคลนแรงงานขั้นพื้นฐาน และช่างฝีมือถึง 5 แสนคน ทั้งนี้พรรคฯ จะได้นำกรณีการเลิกจ้างดังกล่าว มาเป็นข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหา และนำผลสรุปมาเป็นแนวนโยบายการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ และด้านแรงงานของพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ค. 2550--จบ--
1.ปัญหาเฉพาะหน้า กระทรวงแรงงาน ต้องสร้างความมั่นใจให้กับคนงานและครอบครัวที่ถูกเลิกจ้างว่าจะมีงานทำ ได้รับเงินค่าบอกกล่าวล่วงหน้า 1 เดือน และเงินค่าชดเชยตามอายุการทำงาน เงินประกันการว่างงานร้อยละ 50 ของค่าจ้างเป็นเวลา 6 เดือน เงินบำเหน็จจากประกันสังคมกรณีไม่ทำงานต่อ การฝึกฝีมือเพื่อไปประกอบอาชีพอื่น และสิทธิประโยชน์อื่นๆ ตามกฎหมายแรงงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เข้ามาดูแลเรื่องครอบครัว เรื่องเด็ก โดยบูรณาการทุกหน่วยงานลงไปแก้ปัญหาอย่างเกาะติดและรวดเร็ว
2.ให้รัฐบาลและกระทรวงแรงงาน เร่งออกมาตรการความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน ซึ่งอาจจะมีผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสังคมไทย พร้อมทั้งให้นำมาตรการเตือนภัยทางเศรษฐกิจ และแรงงานมาใช้เป็นการเร่งด่วน
นายองอาจกล่าวว่า ในฐานะประธานด้านแรงงานฯ ได้ติดตามสถานการณ์ด้านแรงงานอย่างใกล้ชิด ยังไม่น่าวิตกกังวลมากนัก เพราะสภาพการว่างงานอยู่ในสภาพปกติ ในขณะที่บางภาคอุตสาหกรรม ขาดแคลนแรงงานขั้นพื้นฐาน และช่างฝีมือถึง 5 แสนคน ทั้งนี้พรรคฯ จะได้นำกรณีการเลิกจ้างดังกล่าว มาเป็นข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหา และนำผลสรุปมาเป็นแนวนโยบายการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ และด้านแรงงานของพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ค. 2550--จบ--