นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเปิดเผยว่า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้ติดตามผลจากความตกลง TAFTA และ TNZCEP อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด โดยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมากรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้เดินทางไปสำรวจการใช้สิทธิประโยชน์ปัญหาของผู้ประกอบการไทยที่ประสบในการดำเนินธุรกิจ ประเมินสถานะทางการค้าเพื่อหาโอกาสทางการค้า และการประกอบธุรกิจในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
จากการสำรวจ พบว่าการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้ TAFTA ไทยมีการใช้สิทธิฯ 63.08% ของมูลค่าการส่งออกรวมของไทยไปออสเตรเลีย และออสเตรเลียมีการใช้สิทธิฯ 13.75% ของมูลค่าการส่งออกรวมของออสเตรเลียมาไทย หากพิจารณาเป็นรายกลุ่มสินค้า เช่น สินค้าเกษตรและอาหารแปรรูปไทยใช้สิทธิฯ 40.05% ของมูลค่าส่งออกสินค้าเกษตร และอาหารแปรรูปของไทยไปออสเตรเลียเสื้อผ้าสำเร็จรูป 53.97% อัญมณีและเครื่องประดับ 19.19% เครื่องใช้ไฟฟ้า 69.29% ยานยนต์และชิ้นส่วน 91.37% และเฟอร์นิเจอร์ 67.04% ธุรกิจที่มีโอกาสในตลาดทั้งสองประเทศ คือ ธุรกิจร้านอาหารไทย ซึ่งปัจจุบันในออสเตรเลียมีประมาณกว่า 1,200 ร้าน และนิวซีแลนด์เฉพาะในโอ๊คแลนด์มีประมาณ 100 ร้าน
หลังจากการทำ FTA สินค้าของไทยที่มีโอกาสมากในตลาดออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เช่น อาหารแปรรูป เครื่องปรุงรส บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ นอกจากจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีแล้ว ยังประหยัดเวลาจากการได้รับความสะดวกทางด้านพิธีการศุลกากรมากขึ้น นอกจากนี้การมีธุรกิจร้านอาหารไทยและคนเอเชียอาศัยอยู่มากทำให้สินค้าในกลุ่มนี้เป็นที่ต้องการของตลาด ประโยชน์ที่ได้รับอย่างชัดเจนและเป็นช่องทางสำคัญในการเข้าสู่ตลาด คือ การแก้ไขปัญหาอุปสรรคความเข้มงวดในมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (SPS Measures) ซึ่งการแก้ไขปัญหาดังกล่าวทำให้ไทยสามารถส่งออกผลไม้ไปออสเตรเลียได้ เช่น มังคุด ลิ้นจี่ ลำไย และทุเรียนแกะเปลือก และนิวซีแลนด์ เช่น มังคุดลิ้นจี่ลำไย ขิงสด และทุเรียนแกะเปลือก สินค้าที่จะมีการหารือต่อไปและน่าจะมีโอกาสดี เช่น ส้มโอ มะม่วง มะพร้าวอ่อน หน่อไม้ฝรั่ง และถั่วลันเตาเป็นต้น
สำหรับเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ไทยไม่สามารถแข่งขันด้านราคากับสินค้าจีนได้นั้น ผู้ประกอบการไทยควรปรับเปลี่ยนไปเน้นสินค้าในตลาดระดับสูงที่ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ มีDesign และสั่งซื้อในปริมาณที่ไม่มากได้ นอกจากนี้สินค้ากลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนก็มีโอกาสขยายตลาดเช่นกัน เนื่องจากสองปีที่ผ่านมาหลังจาก FTA มีผลบังคับใช้ ไทยได้ส่งออกสินค้ารถยนต์ไปทั้งสองประเทศในปริมาณมาก จึงคาดว่าในระยะต่อไปสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์และส่วนประกอบ เช่น แบตเตอร์รี่ และไส้กรองรถยนต์ ซึ่งนำไปใช้ในการซ่อมแซมและบำรุงรักษาจะมีโอกาสขยายตลาดในทั้งสองประเทศ
การทำ FTA ของไทยกับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์นั้น นับเป็นโอกาสดีที่สินค้าไทยมีความได้เปรียบในการเข้าสู่ตลาด จึงควรใช้สิทธิประโยชน์และฉวยโอกาสในความได้เปรียบดังกล่าวก่อนที่ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์จะสรุปผลการเจรจากับประเทศอื่น
เพื่อให้มีการใช้สิทธิประโยชน์อย่างกว้างขวางมากขึ้น กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้มีโครงการที่จะฝึกอบรมผู้ประกอบการเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย และไทย-นิวซีแลนด์ ซึ่งกำหนดการจะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป ทั้งนี้สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศและติดตามความคืบหน้าได้ที่ www.dtn.go.th
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630
-พห-