ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 02 เมษายน 2550 - 08 เมษายน 2550
ภาคเหนือ
อากาศร้อนและมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่ โดยในช่วงวันที่ 3-5 เม.ย. จะมีพายุฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกเป็นแห่งๆ ต่อจากนั้นจะมีฝนบางพื้นที่ทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้งในช่วงดังกล่าว ส่วนผู้ที่ปลูกไม้ผลโดยเฉพาะลิ้นจี่และลำไยควรผูกโยงหรือค้ำยันกิ่งและลำต้นให้แข็งแรง รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดชนิดต่างๆ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อากาศร้อนและมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่ โดยในช่วงวันที่ 3-4 เม.ย.และ 7-8 เม.ย. จะมีพายุ ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกเป็นแห่งๆ เกษตรกรควรระวังป้องกันความเสียหาย ที่จะเกิดกับผลผลิตทางการเกษตร อาคารบ้านเรือน โรงเรือนเลี้ยงสัตว์ และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง นอกจากนี้ควรจัดหาน้ำดื่มให้กับสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอด้วย
ภาคกลาง
อากาศร้อนและมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยในช่วงวันที่ 3-5 เม.ย. จะมีพายุฝนฟ้าคะนองกับ ลมกระโชกแรงเป็นแห่ง ๆ เกษตรกรไม่ควรตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้งในช่วงดังกล่าว ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้มีอากาศถ่ายเทสะดวก รวมทั้งควรจัดหาน้ำดื่มให้กับสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์เครียด อ่อนแอ และเจ็บป่วยได้
ภาคตะวันออก
อากาศร้อน โดยในช่วงวันที่ 3-4 เม.ย.และ 7-8 เม.ย. จะมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย เกษตรกรควรผูกยึดหรือค้ำยันกิ่งและลำต้นของไม้ผลที่รับน้ำหนักมาก ให้แข็งแรง เพื่อป้องกันความเสียหายจากลมแรง ส่วนผู้ที่ปลูกทุเรียนควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนชนิดต่างๆ ซึ่งจะทำให้ผลผลิตเสียหายได้
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
อากาศร้อนและมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งตลอดช่วง เว้นแต่ในช่วงวันที่ 6-8 เม.ย. จะมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย อนึ่ง ระยะนี้อากาศร้อนประกอบกับมีแสงแดดจัด ทำให้น้ำระเหยสูญเสีย ไปมาก ดังนั้นเกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชที่ปลูกอย่างเพียงพอโดยเฉพาะกล้าไม้ผลหรือยางพารา ที่ยังเล็ก รวมทั้งควรคลุมโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อสงวนความชื้นดิน
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
อากาศร้อนและมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งตลอดช่วง เว้นแต่ในช่วงวันที่ 6-8 เม.ย. จะมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย อนึ่ง ระยะนี้อากาศร้อนประกอบกับมีแสงแดดจัด ทำให้น้ำระเหยสูญเสีย ไปมาก ดังนั้นเกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชที่ปลูกอย่างเพียงพอโดยเฉพาะกล้าไม้ผลหรือยางพารา ที่ยังเล็ก รวมทั้งควรคลุมโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อสงวนความชื้นดิน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74
-สส-