กรุงเทพ--1 ก.พ.--กระทรวงการต่างประเทศ
นายกิตติ วะสีนนท์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวประจำสัปดาห์ ณ ห้องประชุมกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โดยมีผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าว หนังสือพิมพ์ และสถานีโทรทัศน์ เข้าร่วมรับฟังและซักถามในประเด็นต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้
1. องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล WIPO Global Leaders Award แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกได้แถลงข่าวเรื่องการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลผู้นำโลกด้านทรัพย์สินทางปัญญา (WIPO Global Leaders Award) แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องจากพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นที่ประจักษ์โดยทั่วไปในการส่งเสริมการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน โดยทรงประดิษฐ์คิดค้นนวัฒนกรรมใหม่มากมาย อันเป็นที่ยอมรับในถึงพระอัจฉริยภาพในวงกว้าง เช่น เทคโนโลยีการจัดทำฝนเทียม และกังหันน้ำชัยพัฒนา ที่ผ่านมามีการจดทะเบียนสิทธิบัตรถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมากกว่า 20 รายการ และเครื่องหมายการค้าอีกจำนวน 19 รายการ โดยได้มีการจดทะเบียนสิทธิบัตรถวายพระองค์ฉบับแรกในปี 2536 สำหรับการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง นอกจากนั้นพระองค์ยังมีผลงานด้านอื่นๆ ที่เป็นที่ประจักษ์ทั้งงานศิลปกรรม จิตรกรรม ภาพถ่าย บทเพลง และวรรณกรรม
รางวัลผู้นำโลกด้านทรัพย์สินทางปัญญาประกอบด้วยประกาศราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเหรียญรางวัลอันสะท้อนถึงพระอัจฉริยภาพ และพระวิริยะอันสูงส่งในการทรงเป็นผู้นำในการส่งเสริมทรัพย์สินทางปัญญาในระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระหว่างประเทศ ซึ่งถือเป็นเกียรติประวัติที่มีผู้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และถือเป็นเกียรติประวัติต่อประเทศไทยด้วย
องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก เป็นองค์การชำนัญพิเศษขององค์การสหประชาชาติ มีสมาชิก 183 ประเทศ และมีบทบาทนำในการดูแลด้านทรัพย์สินทางปัญญามาโดยตลอด ที่ผ่านมา เมื่อปี 2544 องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกได้เคยทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลนักประดิษฐ์ยอดเยี่ยมแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สำหรับกังหันน้ำชัยพัฒนา
2. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานเงินสนับสนุนกิจกรรมในโรงเรียนของเวียดนามตามโครงการความร่วมมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนในกลุ่มประเทศเอเชียและแปซิฟิกตามพระราชดำริฯ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินจำนวน 21,515 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 780,000 บาท) ให้แก่โรงเรียนในเขตชนบทภาคเหนือของเวียดนาม 3 แห่งคือ 1) โรงเรียนประถมศึกษา Ninh My (นินห์ หมี) จังหวัดนินห์บิ่นห์ ซึ่งเป็นโรงเรียนในชุมชนชนบทที่ประชากรประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก 2) โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น Cao Son (กาว เซิน) จังหวัดฮัวบิ่นห์ ซึ่งเป็นโรงเรียนในเขตภูเขาที่มีนักเรียนชนกลุ่มน้อยศึกษาอยู่เป็นส่วนใหญ่ และ 3) โรงเรียนประถมและมัธยมศึกษา Hung Thang (หุ่ง ถัง)จังหวัดกว่างนินห์ ซึ่งเป็นโรงเรียนในชนบทที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง
สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้จัดพิธีมอบเงินพระราชทานฯ ขึ้นเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2550 โดยนายกิตติพงษ์ ณ ระนอง เอกอัครราชทูตฯ ได้มอบเงินพระราชทานฯ ให้แก่ผู้แทนโรงเรียนทั้งสามแห่ง โดยมีนายเล กินห์ ต่าย (Mr. Le Kinh Tai) ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และเลขาธิการคณะกรรมาธิการองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติแห่งชาติของเวียดนาม (Vietnamese National Commission for UNESCO) นาย Chu Shiu-See ผู้อำนวยการสำนักงาน UNESCO ประจำกรุงฮานอย ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม และสื่อมวลชนท้องถิ่นเข้าร่วมพิธีฯ ด้วย
3. นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้ตอบรับว่าจะเดินทางมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ ระหว่างวันที่วันที่ 11 — 13 กุมภาพันธ์ 2550 เป็นการเยือนตอบแทนที่ พล.อ. สุรยุทธฯ ได้เดินทางเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2549 โดยในวันที่ 31 สิงหาคม ศกนี้ จะเป็นวันครบรอบ 50 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยไทย — มาเลเซียด้วย เป็นโอกาสสำคัญในการเริ่มต้นปีนี้ด้วยการพบปะกันระหว่างนายกรัฐมนตรีของทั้งสอง
การเดินทางเยือนประเทศไทยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ดีต่อกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ส่วนด้านสารัตถะนั้นล้วนเป็นประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายสนใจตรงกัน ทั้งความร่วมมืออันจะมีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ การกระชับความร่วมมือในกรอบของโครงการ Joint Development Strategy เพื่อพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานบริเวณชายแดนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมร่วมกัน การแก้ไขปัญหาบุคคลสองสัญชาติ รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
4. เปิดตัวเว็บไซต์กรมการกงสุล www.consular.go.th
ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา 09.30 น. กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ จะจัดงานเปิดตัวเว็บไซต์ของกรมการกงสุล (www.consular.go.th) ณ ห้องประชุมแนวลาด ชั้น 2 กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะเว็บไซต์ดังกล่าวเป็นความคิดริเริ่มของกรมการกงสุลตามแนวนโยบายการทูตเพื่อประชาชน โดยจะเน้นการให้บริการข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับกิจกรรมงานกงสุลแก่ประชาชน เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องและทราบถึงงานบริการของกรมการกงสุล เช่น การขอหนังสือเดินทาง การตรวจลงตราและเอกสารเดินทางคนต่างด้าว การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร แบบฟอร์มต่างๆ และสถิติการช่วยเหลือดูแลคนไทยในต่างประเทศ
5. ข้อแนะนำคนไทยในการเดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบิร์น สวิตเซอร์แลนด์ ได้ออกข้อพึงระวังเพื่อเตือนภัยคนไทยที่จะเดินทางไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากมีกลุ่มมิจฉาชีพซึ่งทำงานกันเป็นกระบวนการ และแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อลักทรัพย์นักท่องเที่ยว
6. ประเด็นคำถาม
? ความคืบหน้าในกรณีสิงคโปร์
ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า มีเพียงการติดต่อกันอย่างไม่เป็นทางการ กระทรวงการต่างประเทศหวังว่าจะได้รับท่าทีตอบสนองที่ดีขึ้นจากสิงคโปร์ในอนาคต
? กรณีชาวม้งลาว 153 คน
เกี่ยวกับชาวม้งลาว 153 คน ซึ่งถุถูกควบคุมตัวอยู่ ณ ศูนย์ควบคุม สตม. จังหวัดหนองคายนั้น ทางการไทยได้รับความมั่นใจ (reassurance) จากทางการ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา และเนเธอร์แลนด์ ในการพิจารณาที่จะรับชาวม้งลาวกลุ่มดังกล่าวไปตั้งถิ่นฐาน (resettlement) ทางการไทยจึงได้ระงับการส่งชาวม้งลาวกลุ่มนี้กลับสปป.ลาว เพื่อเปิดโอกาสให้ประเทศที่สามข้างต้นได้รับชาวม้งลาวกลุ่มนี้ไปตั้งถิ่นฐานต่อไป โดยขณะนี้ชาวม้งลาวทั้งหมดอยู่ในฐานะผู้เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ภายใต้พรบ.ตรวจคนเข้าเมือง
ในส่วนการแก้ไขปัญหาในระยะยาวนั้น ทั้งฝ่ายไทยและสปป.ลาวมีการร่วมมือ และหารือกันมาโดยตลอด ซึ่งทางการลาวมีท่าทีให้ความช่วยเหลือมากขึ้น โดยทั้งสองฝ่ายพยายามมองหาแนวทางในกรอบ GPC เพื่อยุติการไหลทะลักเข้ามาของชาวม้งลาวในเขตแดนไทย ทั้งนี้ ไม่ได้มีการกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนในการดำเนินงานแก้ไขปัญหาดังกล่าว
? กรณีอดีตนายกมาเลเซีย นายมหาเธร์ โมฮาหมัด ให้การสนับสนุนไทยในการตอบโต้สิงคโปร์
การสนับสนุนดังกล่าวเป็นความเห็นส่วนตัวของท่านอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กระทรวงการต่างประเทศหวังว่าความสัมพันธ์ ไทย — สิงคโปร์จะกลับคืนสู่สภาพปกติโดยเร็ว กระทรวงฯ ได้กล่าวตั้งแต่ต้นแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นเรื่องสำคัญ และไทยก็เห็นว่าสิงคโปร์คือเพื่อนมาโดยตลอด แต่เราไม่ได้รับการสนองตามคำขอ จึงจำเป็นต้องแสดงท่าทีที่ชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว อย่างไรก็ตามไม่ได้คาดหวังให้ความสัมพันธ์เสื่อมทรามลงไป ในทางตรงกันข้าม กระทรวงฯ หวังว่าสิงคโปร์จะมีท่าทีตอบสนองที่ดีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
? กรณีการเดินทางไปต่างประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณฯ
กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการตามแนวปฏิบัติเดิม คือประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ให้ทราบอย่างชัดเจนว่าไม่ให้มีการดูแลเป็นพิเศษ ส่วนในประเด็นเรื่องท่าทีของไทยต่อประเทศที่พ.ต.ท.ทักษิณฯ เดินทางไปนั้น กระทรวงฯ ไม่สามารถมีท่าทีต่องสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นได้ โดยกระทรวงฯ หวังว่ามิตรประเทศต่างๆ จะมีความเข้าใจในสถานการณ์ของประเทศไทย
? รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายนิตย์ พิบูลสงคราม เดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ นั้น เป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย — ญี่ปุ่น เพื่อกระชับความร่วมมือ และความสัมพันธ์ในด้านต่างๆ ทั้งทางด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และความมั่นคงให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การเยือนดังกล่าวจะเน้นความสัมพันธ์ไทย — ญี่ปุ่นในภาพรวม ความตกลง JTEPA ไม่ใช่ประเด็นหลักในการเยือนครั้งนี้ เป็นแต่เพียงส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ทวิภาคีที่มีต่อกัน จึงอาจมีการยกขึ้นมาพูดคุยกันเท่านั้น
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
นายกิตติ วะสีนนท์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวประจำสัปดาห์ ณ ห้องประชุมกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โดยมีผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าว หนังสือพิมพ์ และสถานีโทรทัศน์ เข้าร่วมรับฟังและซักถามในประเด็นต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้
1. องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล WIPO Global Leaders Award แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกได้แถลงข่าวเรื่องการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลผู้นำโลกด้านทรัพย์สินทางปัญญา (WIPO Global Leaders Award) แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องจากพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นที่ประจักษ์โดยทั่วไปในการส่งเสริมการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน โดยทรงประดิษฐ์คิดค้นนวัฒนกรรมใหม่มากมาย อันเป็นที่ยอมรับในถึงพระอัจฉริยภาพในวงกว้าง เช่น เทคโนโลยีการจัดทำฝนเทียม และกังหันน้ำชัยพัฒนา ที่ผ่านมามีการจดทะเบียนสิทธิบัตรถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมากกว่า 20 รายการ และเครื่องหมายการค้าอีกจำนวน 19 รายการ โดยได้มีการจดทะเบียนสิทธิบัตรถวายพระองค์ฉบับแรกในปี 2536 สำหรับการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง นอกจากนั้นพระองค์ยังมีผลงานด้านอื่นๆ ที่เป็นที่ประจักษ์ทั้งงานศิลปกรรม จิตรกรรม ภาพถ่าย บทเพลง และวรรณกรรม
รางวัลผู้นำโลกด้านทรัพย์สินทางปัญญาประกอบด้วยประกาศราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเหรียญรางวัลอันสะท้อนถึงพระอัจฉริยภาพ และพระวิริยะอันสูงส่งในการทรงเป็นผู้นำในการส่งเสริมทรัพย์สินทางปัญญาในระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระหว่างประเทศ ซึ่งถือเป็นเกียรติประวัติที่มีผู้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และถือเป็นเกียรติประวัติต่อประเทศไทยด้วย
องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก เป็นองค์การชำนัญพิเศษขององค์การสหประชาชาติ มีสมาชิก 183 ประเทศ และมีบทบาทนำในการดูแลด้านทรัพย์สินทางปัญญามาโดยตลอด ที่ผ่านมา เมื่อปี 2544 องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกได้เคยทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลนักประดิษฐ์ยอดเยี่ยมแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สำหรับกังหันน้ำชัยพัฒนา
2. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานเงินสนับสนุนกิจกรรมในโรงเรียนของเวียดนามตามโครงการความร่วมมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนในกลุ่มประเทศเอเชียและแปซิฟิกตามพระราชดำริฯ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินจำนวน 21,515 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 780,000 บาท) ให้แก่โรงเรียนในเขตชนบทภาคเหนือของเวียดนาม 3 แห่งคือ 1) โรงเรียนประถมศึกษา Ninh My (นินห์ หมี) จังหวัดนินห์บิ่นห์ ซึ่งเป็นโรงเรียนในชุมชนชนบทที่ประชากรประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก 2) โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น Cao Son (กาว เซิน) จังหวัดฮัวบิ่นห์ ซึ่งเป็นโรงเรียนในเขตภูเขาที่มีนักเรียนชนกลุ่มน้อยศึกษาอยู่เป็นส่วนใหญ่ และ 3) โรงเรียนประถมและมัธยมศึกษา Hung Thang (หุ่ง ถัง)จังหวัดกว่างนินห์ ซึ่งเป็นโรงเรียนในชนบทที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง
สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้จัดพิธีมอบเงินพระราชทานฯ ขึ้นเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2550 โดยนายกิตติพงษ์ ณ ระนอง เอกอัครราชทูตฯ ได้มอบเงินพระราชทานฯ ให้แก่ผู้แทนโรงเรียนทั้งสามแห่ง โดยมีนายเล กินห์ ต่าย (Mr. Le Kinh Tai) ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และเลขาธิการคณะกรรมาธิการองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติแห่งชาติของเวียดนาม (Vietnamese National Commission for UNESCO) นาย Chu Shiu-See ผู้อำนวยการสำนักงาน UNESCO ประจำกรุงฮานอย ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม และสื่อมวลชนท้องถิ่นเข้าร่วมพิธีฯ ด้วย
3. นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้ตอบรับว่าจะเดินทางมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ ระหว่างวันที่วันที่ 11 — 13 กุมภาพันธ์ 2550 เป็นการเยือนตอบแทนที่ พล.อ. สุรยุทธฯ ได้เดินทางเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2549 โดยในวันที่ 31 สิงหาคม ศกนี้ จะเป็นวันครบรอบ 50 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยไทย — มาเลเซียด้วย เป็นโอกาสสำคัญในการเริ่มต้นปีนี้ด้วยการพบปะกันระหว่างนายกรัฐมนตรีของทั้งสอง
การเดินทางเยือนประเทศไทยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ดีต่อกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ส่วนด้านสารัตถะนั้นล้วนเป็นประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายสนใจตรงกัน ทั้งความร่วมมืออันจะมีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ การกระชับความร่วมมือในกรอบของโครงการ Joint Development Strategy เพื่อพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานบริเวณชายแดนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมร่วมกัน การแก้ไขปัญหาบุคคลสองสัญชาติ รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
4. เปิดตัวเว็บไซต์กรมการกงสุล www.consular.go.th
ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา 09.30 น. กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ จะจัดงานเปิดตัวเว็บไซต์ของกรมการกงสุล (www.consular.go.th) ณ ห้องประชุมแนวลาด ชั้น 2 กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะเว็บไซต์ดังกล่าวเป็นความคิดริเริ่มของกรมการกงสุลตามแนวนโยบายการทูตเพื่อประชาชน โดยจะเน้นการให้บริการข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับกิจกรรมงานกงสุลแก่ประชาชน เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องและทราบถึงงานบริการของกรมการกงสุล เช่น การขอหนังสือเดินทาง การตรวจลงตราและเอกสารเดินทางคนต่างด้าว การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร แบบฟอร์มต่างๆ และสถิติการช่วยเหลือดูแลคนไทยในต่างประเทศ
5. ข้อแนะนำคนไทยในการเดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบิร์น สวิตเซอร์แลนด์ ได้ออกข้อพึงระวังเพื่อเตือนภัยคนไทยที่จะเดินทางไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากมีกลุ่มมิจฉาชีพซึ่งทำงานกันเป็นกระบวนการ และแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อลักทรัพย์นักท่องเที่ยว
6. ประเด็นคำถาม
? ความคืบหน้าในกรณีสิงคโปร์
ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า มีเพียงการติดต่อกันอย่างไม่เป็นทางการ กระทรวงการต่างประเทศหวังว่าจะได้รับท่าทีตอบสนองที่ดีขึ้นจากสิงคโปร์ในอนาคต
? กรณีชาวม้งลาว 153 คน
เกี่ยวกับชาวม้งลาว 153 คน ซึ่งถุถูกควบคุมตัวอยู่ ณ ศูนย์ควบคุม สตม. จังหวัดหนองคายนั้น ทางการไทยได้รับความมั่นใจ (reassurance) จากทางการ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา และเนเธอร์แลนด์ ในการพิจารณาที่จะรับชาวม้งลาวกลุ่มดังกล่าวไปตั้งถิ่นฐาน (resettlement) ทางการไทยจึงได้ระงับการส่งชาวม้งลาวกลุ่มนี้กลับสปป.ลาว เพื่อเปิดโอกาสให้ประเทศที่สามข้างต้นได้รับชาวม้งลาวกลุ่มนี้ไปตั้งถิ่นฐานต่อไป โดยขณะนี้ชาวม้งลาวทั้งหมดอยู่ในฐานะผู้เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ภายใต้พรบ.ตรวจคนเข้าเมือง
ในส่วนการแก้ไขปัญหาในระยะยาวนั้น ทั้งฝ่ายไทยและสปป.ลาวมีการร่วมมือ และหารือกันมาโดยตลอด ซึ่งทางการลาวมีท่าทีให้ความช่วยเหลือมากขึ้น โดยทั้งสองฝ่ายพยายามมองหาแนวทางในกรอบ GPC เพื่อยุติการไหลทะลักเข้ามาของชาวม้งลาวในเขตแดนไทย ทั้งนี้ ไม่ได้มีการกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนในการดำเนินงานแก้ไขปัญหาดังกล่าว
? กรณีอดีตนายกมาเลเซีย นายมหาเธร์ โมฮาหมัด ให้การสนับสนุนไทยในการตอบโต้สิงคโปร์
การสนับสนุนดังกล่าวเป็นความเห็นส่วนตัวของท่านอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กระทรวงการต่างประเทศหวังว่าความสัมพันธ์ ไทย — สิงคโปร์จะกลับคืนสู่สภาพปกติโดยเร็ว กระทรวงฯ ได้กล่าวตั้งแต่ต้นแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นเรื่องสำคัญ และไทยก็เห็นว่าสิงคโปร์คือเพื่อนมาโดยตลอด แต่เราไม่ได้รับการสนองตามคำขอ จึงจำเป็นต้องแสดงท่าทีที่ชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว อย่างไรก็ตามไม่ได้คาดหวังให้ความสัมพันธ์เสื่อมทรามลงไป ในทางตรงกันข้าม กระทรวงฯ หวังว่าสิงคโปร์จะมีท่าทีตอบสนองที่ดีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
? กรณีการเดินทางไปต่างประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณฯ
กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการตามแนวปฏิบัติเดิม คือประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ให้ทราบอย่างชัดเจนว่าไม่ให้มีการดูแลเป็นพิเศษ ส่วนในประเด็นเรื่องท่าทีของไทยต่อประเทศที่พ.ต.ท.ทักษิณฯ เดินทางไปนั้น กระทรวงฯ ไม่สามารถมีท่าทีต่องสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นได้ โดยกระทรวงฯ หวังว่ามิตรประเทศต่างๆ จะมีความเข้าใจในสถานการณ์ของประเทศไทย
? รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายนิตย์ พิบูลสงคราม เดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ นั้น เป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย — ญี่ปุ่น เพื่อกระชับความร่วมมือ และความสัมพันธ์ในด้านต่างๆ ทั้งทางด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และความมั่นคงให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การเยือนดังกล่าวจะเน้นความสัมพันธ์ไทย — ญี่ปุ่นในภาพรวม ความตกลง JTEPA ไม่ใช่ประเด็นหลักในการเยือนครั้งนี้ เป็นแต่เพียงส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ทวิภาคีที่มีต่อกัน จึงอาจมีการยกขึ้นมาพูดคุยกันเท่านั้น
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-