วันนี้(21 มิ.ย.50) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เลื่อนวันเลือกตั้งเร็วขึ้น( 25 พ.ย.) นั้นว่าถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่ทางรัฐบาลพยายามแสดงความมุ่งมั่นว่าจะเร่งฟื้นฟูประชาธิปไตย ซึ่งโดยหลักแล้วการที่รัฐบาลแสดงความพร้อม กกต.มีความพร้อม ก็จะเป็นแนวทางที่ทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น ส่วนที่เหลือคงเป็นเรื่องของสนช.ที่ต้องเร่งรัดในเรื่องของประกาศฉบับที่ 15 เพราะหากมีการเลือกตั้งเร็วขึ้น ก็ต้องให้ผู้ประสงค์จะจัดตั้งพรรคการเมืองทำให้เร็วขึ้น เพื่อมีโอกาสเข้ามาแข่งขัน และมีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง “ผมอยากให้มีการเร่งรัดให้ดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะมีหลายกลุ่มที่รอจัดตั้งพรรคการเมืองอยู่ ถ้าการเลือกตั้งเร็วขึ้น เขาควรจะได้มีเวลาในการทำงานมากขึ้น”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ต่อข้อถามว่า การประกาศเลือกตั้งเร็วขึ้นเป็นการปิดกั้นพรรคไทยรักไทยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวตอบว่าถ้าสนช. ไม่พิจารณาเร็วๆ ตนคิดว่าต่อไปก็เป็นหน้าที่ กกต. ในฐานะนายทะเบียน ซึ่งตนขอยืนยันในจุดเดิมว่าทุกฝ่ายควรจะช่วยให้กลุ่มต่างๆสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องของการเลือกตั้งในระบบรัฐสภา อำนวยความสะดวกให้มากที่สุดเพราะจะเป็นแนวทางที่จะนำไปสู่ความสงบได้และเป็นแนวทางที่ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในประชาธิปไตย และจะเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาอื่นด้วย
ต่อข้อถามว่า คิดอย่างไรกับกรณีที่รัฐบาลออก พ.ร.บ.ความมั่นคง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าตนคิดว่ามีประเด็นในเชิงเป้าหมาย ที่ต้องมีความชัดเจน เราคงปฏิเสธปัญหาเรื่องของการก่อการร้าย และเป็นภัยในรูปแบบใหม่ต่างๆที่เกิดขึ้น แต่ว่าเครื่องมือที่จะใช้ถ้าจะมีกฎหมายฉบับใหม่จะต้องมีหลายประเด็นที่ดูให้เกิดความพอดี และความรอบคอบ ซึ่งประเด็นแรกต้องชัดเจนว่าถ้าจะกฎหมายที่เป็นเครื่องมืออย่างนี้ รูปแบบของการก่อความไม่สงบที่กระทบต่อความมั่นคงจะเป็นอย่างไร “ผมไม่คิดว่าจะนิยามให้มันกว้างจนไปครอบคุมไปหมดการก่อการร้ายสากล ไปอยู่ในรูปแบบเดียวของการชุมนุมทางการเมือง ผมคิดว่าคงไม่ใช่คำตอบ เพราะฉะนั้นต้องดูให้ดีว่ากฎหมายฉบับนี้ต้องการมุ่งสร้างเครื่องมือเพื่อแก้ปัญหาอะไรเป็นหลัก” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ประเด็นที่ 2 คือว่ากฎหมายฉบับนี้ถ้าเร่งออกอาจจะออกมาก่อนรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องไปดูอีกว่าสิ่งที่ออกมาขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูฐหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องสิทธิ เสรีภาพ เพราะออกมาแล้วขัดกับหลักรัฐธรรมนูญจะก่อให้เกิดปัญหาขึ้นในภายหลังในการตีความ เพราะฉะนั้นต้องให้มั่นใจด้วยว่าบทบัญญัติตั้งสอดคล้องกัน
ประเด็นที่ 3 คือมีฏำหมายอีก 2 ฉบับ คือกฎอัยการศึก กับพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งขณะนี้มีความสับสนมาก เพราะว่าการให้อำนาจบุคคลก็มีความแตกต่างกัน การให้อำนาจเกิดขึ้นได้ก้ด้วยเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ว่ามีการประกาศใช้หรือไม่ พื้นที่ใด ตรงนี้ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่เป็นปัญหาทำให้การทำงานไม่เป็นเอกภาพ “ใจผมถ้าจะออกกฎหมายฉบับนี้มาก็ควรจะโยงกฎหมายให้ชัดด้วยว่า สถานการรืไหนควรใช้กฎหมายใด โดยไม่ให้ขัดแย้งกัน ”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ประเด็นสุดท้าย และสำคัญ คือการคุ้มครองประชาชน กล่าวงคือการละเมิดสิทธิ เสรีภาพ ในสิ่งที่เป็นเหตุการณ์ที่จำเป็นจริงๆ ต้องมีวิธการตรวจสอบถ่วงดุล การจะไปยกเว้นความผิดของเจ้าหน้าที่ การยกเว้นว่าจะไม่ให้คำสั่ง อะไรทั้งหลายทั้งหมดอยู่ภายใต้การตรวจสอบ อย่างเช่นของศาลปกครองถือว่าเป็นเรื่องอันตราย เพราะฉะนั้นตนคิดว่าตนเข้าใจและหลายประเทศก็ยังมีปัญหานี้ ในเรื่องของการออกกฎหมายรักษาความมั่นคงภายใน แต่ดูตามหลักสากลจะมีความชัดเจนว่าต้องมีการจัดระบบให้มีความเป็นเอกภาพ และต้องให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิเสรีภาพ และโครงสร้างๆต้องมีการปรับปรุงให้มีความเหมาะสม
ต่อข้อถามที่ว่า กลไกที่มีอยู่ขณะนี้เพียงพอหรือไม่ จำเป็นต้องมีกฎหมายใหม่ออกมาหรือไม่ นายอภิสิทธ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าอยากให้มีการปรับปรุงแก้ไขสะสาง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ตนคิดว่าภัยที่เกิดขึ้นกับความั่นคงมาหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละรูปแบบตั้งการเครื่องมือที่แตกต่างกัน สิ่งทึ่เรายังไม่เห็นคือการแยกแยะเครื่องมือให้เหมาะสมกับภัยแต่ละประเภท แต่มีเครื่องมือหลายชิ้น และทุกชิ้นใช้ได้ทุกสถานการณ์ ตรงนี้จะเป็นปัญหา ตนจึงอยากเรียกร้องให้ฝ่ายความมั่นคง ได้ทบทวนเรื่องนี้เพื่อทำให้เกิดความชัดเจน “กฎหมายที่ออกมาวันนี้ก็จะถูดใช้ไปอีกหลายปี ความเข้าใจในกฎหมาย ถ้าไม่เขียนให้ชัดในตัวกฎหมาย ใช้ในสถานการณ์ใด ไม่ใช้ในสถานการณ์ใด หากไม่ชัดเจนจะเกิดปัญหาในอนาคต” นายอภิสิทธ์ กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่า การกำหนดวันเลือกตั้งเร็วขึ้น พรรคประชาธิปัตย์ รองรับอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าไม่มีผลกระทบต่อแผนของพรรค เพราะพรรคก็เดินหน้าเต็มที่อยู่แล้ว ในช่วงระยะเวลาข้างหน้าคือการเดินหน้าทำความเข้าใจของเรื่องนโยบาย ส่วนเมื่อมีกฎหมายการเลือกตั้งชัดเจนก็เป็นเรื่องของการลงพื้นที่หาเสียง ซึ่งในช่วงประชุมใหญ่ และงานระดมทุน ก็จะเป็นโอกาสสำคัญที่เราจะไดพูดถึงการนำพาประเทศไปข้างหน้า แต่หน้าที่หลักวันนี้คือการเสนอแนวคิด แนวทางในการแก้ปัญหาประเทศให้ดีที่สุด พรรคประชาธิปัตย์ทำงานตามปกติ ผลการเลือกตั้งขึ้นอยู่กับประชาชนจริงๆ “ผมว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีนัยสำคัญสำหรับประเทศ มากกว่าสำหรับพรรค ความสำเร็จของการจัดเลือกตั้งที่มีการแข่งขัน ในรูปแบบที่ดี จะเป้นเครื่องพิสูจน์ที่ดีในการฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตย และความคาดหวังที่ต่อรัฐบาลหลังการเลือกตั้งครั้งนี้สูงมาก เพราะขณะนี้ปัญหาที่สำคัญที่สุดคือปัญหาปากท้องของประชาชน ทั้งความเดือดร้อนจากความไม่สงบ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 21 มิ.ย. 2550--จบ--
ต่อข้อถามว่า การประกาศเลือกตั้งเร็วขึ้นเป็นการปิดกั้นพรรคไทยรักไทยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวตอบว่าถ้าสนช. ไม่พิจารณาเร็วๆ ตนคิดว่าต่อไปก็เป็นหน้าที่ กกต. ในฐานะนายทะเบียน ซึ่งตนขอยืนยันในจุดเดิมว่าทุกฝ่ายควรจะช่วยให้กลุ่มต่างๆสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องของการเลือกตั้งในระบบรัฐสภา อำนวยความสะดวกให้มากที่สุดเพราะจะเป็นแนวทางที่จะนำไปสู่ความสงบได้และเป็นแนวทางที่ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในประชาธิปไตย และจะเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาอื่นด้วย
ต่อข้อถามว่า คิดอย่างไรกับกรณีที่รัฐบาลออก พ.ร.บ.ความมั่นคง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าตนคิดว่ามีประเด็นในเชิงเป้าหมาย ที่ต้องมีความชัดเจน เราคงปฏิเสธปัญหาเรื่องของการก่อการร้าย และเป็นภัยในรูปแบบใหม่ต่างๆที่เกิดขึ้น แต่ว่าเครื่องมือที่จะใช้ถ้าจะมีกฎหมายฉบับใหม่จะต้องมีหลายประเด็นที่ดูให้เกิดความพอดี และความรอบคอบ ซึ่งประเด็นแรกต้องชัดเจนว่าถ้าจะกฎหมายที่เป็นเครื่องมืออย่างนี้ รูปแบบของการก่อความไม่สงบที่กระทบต่อความมั่นคงจะเป็นอย่างไร “ผมไม่คิดว่าจะนิยามให้มันกว้างจนไปครอบคุมไปหมดการก่อการร้ายสากล ไปอยู่ในรูปแบบเดียวของการชุมนุมทางการเมือง ผมคิดว่าคงไม่ใช่คำตอบ เพราะฉะนั้นต้องดูให้ดีว่ากฎหมายฉบับนี้ต้องการมุ่งสร้างเครื่องมือเพื่อแก้ปัญหาอะไรเป็นหลัก” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ประเด็นที่ 2 คือว่ากฎหมายฉบับนี้ถ้าเร่งออกอาจจะออกมาก่อนรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องไปดูอีกว่าสิ่งที่ออกมาขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูฐหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องสิทธิ เสรีภาพ เพราะออกมาแล้วขัดกับหลักรัฐธรรมนูญจะก่อให้เกิดปัญหาขึ้นในภายหลังในการตีความ เพราะฉะนั้นต้องให้มั่นใจด้วยว่าบทบัญญัติตั้งสอดคล้องกัน
ประเด็นที่ 3 คือมีฏำหมายอีก 2 ฉบับ คือกฎอัยการศึก กับพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งขณะนี้มีความสับสนมาก เพราะว่าการให้อำนาจบุคคลก็มีความแตกต่างกัน การให้อำนาจเกิดขึ้นได้ก้ด้วยเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ว่ามีการประกาศใช้หรือไม่ พื้นที่ใด ตรงนี้ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่เป็นปัญหาทำให้การทำงานไม่เป็นเอกภาพ “ใจผมถ้าจะออกกฎหมายฉบับนี้มาก็ควรจะโยงกฎหมายให้ชัดด้วยว่า สถานการรืไหนควรใช้กฎหมายใด โดยไม่ให้ขัดแย้งกัน ”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ประเด็นสุดท้าย และสำคัญ คือการคุ้มครองประชาชน กล่าวงคือการละเมิดสิทธิ เสรีภาพ ในสิ่งที่เป็นเหตุการณ์ที่จำเป็นจริงๆ ต้องมีวิธการตรวจสอบถ่วงดุล การจะไปยกเว้นความผิดของเจ้าหน้าที่ การยกเว้นว่าจะไม่ให้คำสั่ง อะไรทั้งหลายทั้งหมดอยู่ภายใต้การตรวจสอบ อย่างเช่นของศาลปกครองถือว่าเป็นเรื่องอันตราย เพราะฉะนั้นตนคิดว่าตนเข้าใจและหลายประเทศก็ยังมีปัญหานี้ ในเรื่องของการออกกฎหมายรักษาความมั่นคงภายใน แต่ดูตามหลักสากลจะมีความชัดเจนว่าต้องมีการจัดระบบให้มีความเป็นเอกภาพ และต้องให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิเสรีภาพ และโครงสร้างๆต้องมีการปรับปรุงให้มีความเหมาะสม
ต่อข้อถามที่ว่า กลไกที่มีอยู่ขณะนี้เพียงพอหรือไม่ จำเป็นต้องมีกฎหมายใหม่ออกมาหรือไม่ นายอภิสิทธ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าอยากให้มีการปรับปรุงแก้ไขสะสาง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ตนคิดว่าภัยที่เกิดขึ้นกับความั่นคงมาหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละรูปแบบตั้งการเครื่องมือที่แตกต่างกัน สิ่งทึ่เรายังไม่เห็นคือการแยกแยะเครื่องมือให้เหมาะสมกับภัยแต่ละประเภท แต่มีเครื่องมือหลายชิ้น และทุกชิ้นใช้ได้ทุกสถานการณ์ ตรงนี้จะเป็นปัญหา ตนจึงอยากเรียกร้องให้ฝ่ายความมั่นคง ได้ทบทวนเรื่องนี้เพื่อทำให้เกิดความชัดเจน “กฎหมายที่ออกมาวันนี้ก็จะถูดใช้ไปอีกหลายปี ความเข้าใจในกฎหมาย ถ้าไม่เขียนให้ชัดในตัวกฎหมาย ใช้ในสถานการณ์ใด ไม่ใช้ในสถานการณ์ใด หากไม่ชัดเจนจะเกิดปัญหาในอนาคต” นายอภิสิทธ์ กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่า การกำหนดวันเลือกตั้งเร็วขึ้น พรรคประชาธิปัตย์ รองรับอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าไม่มีผลกระทบต่อแผนของพรรค เพราะพรรคก็เดินหน้าเต็มที่อยู่แล้ว ในช่วงระยะเวลาข้างหน้าคือการเดินหน้าทำความเข้าใจของเรื่องนโยบาย ส่วนเมื่อมีกฎหมายการเลือกตั้งชัดเจนก็เป็นเรื่องของการลงพื้นที่หาเสียง ซึ่งในช่วงประชุมใหญ่ และงานระดมทุน ก็จะเป็นโอกาสสำคัญที่เราจะไดพูดถึงการนำพาประเทศไปข้างหน้า แต่หน้าที่หลักวันนี้คือการเสนอแนวคิด แนวทางในการแก้ปัญหาประเทศให้ดีที่สุด พรรคประชาธิปัตย์ทำงานตามปกติ ผลการเลือกตั้งขึ้นอยู่กับประชาชนจริงๆ “ผมว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีนัยสำคัญสำหรับประเทศ มากกว่าสำหรับพรรค ความสำเร็จของการจัดเลือกตั้งที่มีการแข่งขัน ในรูปแบบที่ดี จะเป้นเครื่องพิสูจน์ที่ดีในการฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตย และความคาดหวังที่ต่อรัฐบาลหลังการเลือกตั้งครั้งนี้สูงมาก เพราะขณะนี้ปัญหาที่สำคัญที่สุดคือปัญหาปากท้องของประชาชน ทั้งความเดือดร้อนจากความไม่สงบ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 21 มิ.ย. 2550--จบ--