คำต่อคำรายการตรงไปตรงมากับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ทางสถานีวิทยุ 101 ช่วงเวลา 08.00 — 08.30 น.
วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม 2550
ผู้ดำเนินรายการ สวัสดีครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ สวัสดีครับ คุณเติมศักดิ์ครับ
ผู้ดำเนินรายการ ครับที่เมืองจีนเป็นอย่างไรบ้างครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ ก็วันนี้เป็นวันสุดท้ายนะครับ ความจริงกำลังเดินทางไปที่กำแพงเมืองจีนครับ ผมมาสัปดาห์หนึ่ง เพื่อมาเยี่ยมคารวะตามคำเชิญของพรรคคอมมิวนิสต์จีนนะครับ ในช่วง 3 วันที่ผ่านมาก็ได้มีโอกาสพบกับรัฐมนตรีกระทรวงวิเทศสัมพันธ์ของพรรค และก็กระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาล แล้วก็กรรมการถาวรส่วนการเมืองนะครับ ของพรรคคอมมิวนิสต์ รวมทั้งกระทรวงรถไฟด้วย ก็ถือได้ว่า ได้มาช่วยทำหน้าที่แทนคนไทยในการกระชับความสัมพันธ์ ซึ่งในขณะนี้ถือว่าทางจีนก็ให้ความสัมพันธ์กับทางประเทศไทย แล้วก็การกระชับความสัมพันธ์ระหว่างพรรคการเมืองต่าง ๆ ด้วย ก็เป็นโอกาสดีครับ ผมก็ได้มาสรุปถึงสถานการณ์ของเมืองไทยว่า กำลังกลับเข้าสู่กระบวนการของการเลือกตั้ง มีประชาธิปไตย และก็เชื่อว่าหลังการเลือกตั้งความร่วมมือต่าง ๆ ก็จะเดินไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
จริง ๆ แล้ว ท่านนายกฯ ก็เพิ่งมาลงนามในฐานปฏิบัติการณ์ร่วมซึ่งเรามีเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุน เรื่องการท่องเที่ยวระหว่างกัน เพราะฉะนั้นผมก็มายืนยันว่า ประเทศไทยเรากับจีนนั้น ได้เดินหน้าความสัมพันธ์ตรงนี้ แล้วก็หยิบยกเรื่องต่าง ๆ ซึ่งคิดว่าจะเป็นประโยชน์มาปรึกษาหารือด้วย ไม่ว่าจะเป็นการลดอุปสรรคของการส่งสินค้ามาที่นี่ เช่นกรณีของลำไย ผลไม้ และก็รวมถึงการที่เราจะมีการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ ผมมั่นใจอย่างนั้นเพราะว่าอย่างน้อยพรรคประชาธิปัตย์ก็มีนโยบายและเชื่อว่าพรรคการเมืองอื่น ๆ ก็จะมีนโยบายตามมา สิ่งหนึ่งซึ่งเขามีประสบการณ์มากก็คือรถไฟ ก็ได้มาพูดคุยปรึกษาหารือกับเขาด้วย
ผู้ดำเนินรายการ ทางการจีนเขาได้สะท้อนมุมมองที่เขามีต่อสถานการณ์บ้านเมืองในประเทศไทยมากน้อยแค่ไหนครับ คุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์ จุดยืนของจีนจะชัดมากนะครับ ก็คือ จีนบอกว่า เรื่องของการเมืองภายในประเทศ หรือกิจการภายใน เขาจะไม่แทรกแซง เขาบอกว่าปัญหาการเมืองใด ๆ ของประเทศไทย ก็เป็นเรื่องที่ประชาชนคนไทยก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้เอง และก็ในส่วนของเขาเองเขาก็เดินหน้าปฏิสัมพันธ์ ไม่ว่าการเมืองของเราจะเป็นอย่างไร ตรงนี้ไม่ได้เป็นอุปสรรคนะครับ
ผู้ดำเนินรายการ ครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ ตอนนี้คุณอภิสิทธิ์มีภารกิจตามคำเชิญของทางการของประเทศจีน และทุกวันศุกร์ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็จะมาเป็น Commentator ประจำรายการในช่วง ตรงไปตรงมา ก็เลยถือโอกาสเล่าภารกิจที่ผ่านมาช่วงสัปดาห์ที่ประเทศจีน ผมจะถามความเห็นคุณอภิสิทธิ์ต่อมุมมองที่ อียู เขาขอเข้ามาสังเกตุการณ์การเลือกตั้งในประเทศไทยด้วย
คุณอภิสิทธิ์ ผมก็ได้ตามข่าว ในเรื่องกรณีของ สหภาพยุโรป ที่จริงผมคิดว่า ผมค่อนข้างแปลกใจนะครับ เพราะว่าทางสหภาพยุโรปเองก็น่าจะพอทราบจากตัวแทนในประเทศในเรื่องของการเมืองไทยอยู่ระดับหนึ่ง เขาก็น่าจะมองเห็นว่า อย่างน้อยที่สุดในช่วงการจัดประชามติที่ผ่านมาก็เต็มไปด้วยความเรียบร้อย ทุกฝ่ายก็ยอมรับผลของการลงประชามติ เพราะฉะนั้นจริง ๆ แล้วมันไม่น่าจะมีประเด็นปัญหาในเรื่องการเลือกตั้ง และผมเองก็บอกได้ว่า ถ้าเทียบกับการเลือกตั้งครั้งนี้กับการเลือกตั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะหรือถ้าเทียบกับปี 49 กับปี 48 ผมยังมองว่า ทุกพรรคน่าจะมั่นใจในความเป็นกลางของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งมีอำนาจในการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะฉะนั้นจริง ๆ แล้วผมคิดว่าเราทุกฝ่ายจะได้ช่วยกันยืนยันนะครับว่า ดูแล้วการเมืองของเรา หรือการเลือกตั้งของเรามันไม่ได้มีปัญหา แต่ว่าถ้าอยากจะสังเกตุการณ์อะไรก็สามารถทำได้ในส่วนของเขา ก็เหมือนกับการติดตามข่าวสารได้ แต่ว่าถึงขั้นที่ว่าจะต้องมาลงนามข้อตกลงอะไรต่าง ๆ นั้นผมคิดว่ามันไม่น่าจะมีความจำเป็นอย่างนั้น
ผู้ดำเนินรายการ ครับ มีเสียงวิจารณ์ในเมืองไทยนะครับ คุณอภิสิทธิ์ ครับ ว่า ไม่รู้ว่างานนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังจากลอบบี้ยิสต์ของคุณทักษิณหรือเปล่า คุณอภิสิทธิ์มองขนาดนั้นเลยหรือเปล่า
คุณอภิสิทธิ์ ผมยังไม่คิดไปถึงขนาดนั้น เพียงแต่คิดว่า เราก็คงจะต้องช่วยกันยืนยันมากขึ้นว่าข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างไร
ผู้ดำเนินรายการ ครับ ณ วันนี้ เรื่องการเมือง บางเสียงก็เริ่มพูดเรื่องอย่าแบ่งขั้ว แบ่งค่ายกัน เลิกแบ่งขั้วกันได้แล้ว มาสมานฉันท์มาปรองดองกัน คำพูดเหล่านี้ในมุมมองประชาธิปัตย์ หรือมุมมองของคุณอภิสิทธิ์คิดอย่างไรครับ
คุณอภิสิทธิ์ ผมมองอย่างนี้นะครับ ผมคิดว่า บ้านเมืองไม่ควรจะจมอยู่กับปัญหาความขัดแย้งในอดีต และก็อยากจะเห็นประเทศของเราเดินไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว ...
ผู้ดำเนินรายการ สัญญาณอาจจะขลุกขลักหน่อยนะครับ เพราะว่าตอนนี้คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อยู่ที่ปักกิ่งนะครับ อยู่ที่เมืองจีนนะครับ
คุณอภิสิทธิ์ ที่ผมเรียนก็คือว่า เราต้องก้าวให้พ้นจากความขัดแย้งในอดีต แต่แน่นอนเราก็มีบทเรียนจากอดีตด้วย อย่างที่พรรคประชาธิปัตย์อย่างกรณีที่เราพูดว่าเราไม่สามารถที่จะร่วมงานกับพรรคพลังประชาชนได้ มันไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งอะไรครับ มันเป็นเรื่องที่ต้องมองอย่างนี้ว่า ถ้าพูดถึงการทำงานในสภา มันต้องทำงานด้วยกันอยู่แล้วนะครับ แต่ที่เราบอกว่าเราไม่สามารถร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนได้นั้น ก็คือเราเห็นแล้วว่าพรรคพลังประชาชนมีจุดยืนในเรื่องของการที่มาปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่ม ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้ความขัดแย้งนั้นมันเดินหน้าต่อไป เพราะว่าเขาพูดถึงเรื่องของการที่จะมาปกป้องคุณทักษิณ ซึ่งจริง ๆ มันเป็นปัญหาของตัวบุคคล มันไม่ใช่ปัญหาของประเทศนะครับ เมื่อเป็นปัญหาตัวบุคคลซึ่งก็ต้องไปแก้ในเรื่องของกระบวนการยุติธรรมไป แต่ว่าประชาชน ประเทศชาติต้องเดินหน้า มาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ มาแก้ปัญหาปากท้อง มาแก้ปัญหาการศึกษา มาแก้ปัญหาความไม่สงบนะครับ เราก็เลยไม่สนับสนุนแนวทางที่จะทำงานในลักษณะที่จะคำนึงถึงแต่เรื่องของการปกป้องผลประโยชน์ตรงนั้น
ประการที่สอง ก็ต้องยอมรับว่า การทำงานทางการเมืองมันมีความแตกต่างกันในเรื่องของอุดมการณ์นะครับ การเมืองที่ดีก็ต้องมีอุดมการณ์ด้วย การที่พรรคประชาธิปัตย์มีแนวทางซึ่งไม่ตรงกับพูดง่าย ๆ ก็คือตัวระบอบทักษิณที่เราพูดมาเรื่องการรวบอำนาจ เรื่องการใช้อำนาจเกิดขอบเขต หรือการทุจริต คอร์รัปชั่น แล้วถ้าเราบอกว่า ตรงนี้พอถึงจุดหนึ่งก็ไม่เป็นไร ผมคิดว่าประชาชนเขาจะมองว่าการเมืองเป็นเรื่องหลอก การเมืองเป็นเรื่องซึ่งไม่มีอุดมการณ์ ซึ่งก็อันตรายสำหรับการพัฒนาประชาธิปไตย ฉะนั้นมันก็คือต้องพูดกันให้ชัดว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องขัดแย้งแบ่งขั้ว แต่เป็นเรื่องของการเมืองที่ต้องมีอุดมการณ์ แล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่สาเหตุสำคัญก็คือเราไม่ต้องการให้การเมืองนั้นวกกลับไปเรื่องความขัดแย้ง ในเรื่องตัวบุคคล หรือปกป้องผลประโยชน์ของบุคคล
ผู้ดำเนินรายการ ครับ ต้องถามต่อว่า แล้วถ้าอย่างนั้นความสัมพันธ์ระหว่างประชาธิปัตย์กับชาติไทย ยังดีอยู่หรือเปล่าครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ ผมคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรนะครับ คือแต่ละพรรคก็มีสิทธิ์ที่จะกำหนดแนวทางของตัวเองนะครับ เผอิญผมเข้าใจว่าในส่วนของพรรคชาติไทยเอง 2 ท่านที่ออกมาพูดก็ดูจะไม่ตรงกันนะครับ เราก็ยังไม่ทราบจริง ๆ ว่า มีการปรึกษาหารือกันหรือยัง แต่ว่าไม่มีปัญหานะครับ เพราะเราพูดเสมอนะครับว่าทุกพรรคก็สามารถที่จะกำหนดแนวทางของตัวเองได้
ผู้ดำเนินรายการ ครับ หลังจากกลับจากประเทศจีน มีกำหนดการอย่างไรต่อครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ สำหรับเรื่องวาระประชาชน
คุณอภิสิทธิ์ ความจริงวันพรุ่งนี้ ผมก็มีเพียงแต่ไปเซ็นหนังสือนะครับที่ปิ่นเกล้า แล้วก็วันอาทิตย์จะมีสมัชชาที่จัดโดยสาขาพรรคที่บางคอแหลม กรุงเทพฯ ก็คือการทำกิจกรรมในการระดมความเห็นหรือแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับวาระประชาชนอย่างต่อเนื่องนะครับ อันนี้ก็จัดโดยสาขาพรรคที่กรุงเทพฯ นะครับ ส่วนสัปดาห์หน้า ผมกำลังจะให้เขาทำเรื่องของ สาธารณสุข หรือสุขภาพด้วย
ผู้ดำเนินรายการ ครับ เอาหล่ะครับ ขอบคุณนะครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ สวัสดีครับ
คุณอภิสิทธิ์ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
*************************************************
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 31 ส.ค. 2550--จบ--
ทางสถานีวิทยุ 101 ช่วงเวลา 08.00 — 08.30 น.
วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม 2550
ผู้ดำเนินรายการ สวัสดีครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ สวัสดีครับ คุณเติมศักดิ์ครับ
ผู้ดำเนินรายการ ครับที่เมืองจีนเป็นอย่างไรบ้างครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ ก็วันนี้เป็นวันสุดท้ายนะครับ ความจริงกำลังเดินทางไปที่กำแพงเมืองจีนครับ ผมมาสัปดาห์หนึ่ง เพื่อมาเยี่ยมคารวะตามคำเชิญของพรรคคอมมิวนิสต์จีนนะครับ ในช่วง 3 วันที่ผ่านมาก็ได้มีโอกาสพบกับรัฐมนตรีกระทรวงวิเทศสัมพันธ์ของพรรค และก็กระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาล แล้วก็กรรมการถาวรส่วนการเมืองนะครับ ของพรรคคอมมิวนิสต์ รวมทั้งกระทรวงรถไฟด้วย ก็ถือได้ว่า ได้มาช่วยทำหน้าที่แทนคนไทยในการกระชับความสัมพันธ์ ซึ่งในขณะนี้ถือว่าทางจีนก็ให้ความสัมพันธ์กับทางประเทศไทย แล้วก็การกระชับความสัมพันธ์ระหว่างพรรคการเมืองต่าง ๆ ด้วย ก็เป็นโอกาสดีครับ ผมก็ได้มาสรุปถึงสถานการณ์ของเมืองไทยว่า กำลังกลับเข้าสู่กระบวนการของการเลือกตั้ง มีประชาธิปไตย และก็เชื่อว่าหลังการเลือกตั้งความร่วมมือต่าง ๆ ก็จะเดินไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
จริง ๆ แล้ว ท่านนายกฯ ก็เพิ่งมาลงนามในฐานปฏิบัติการณ์ร่วมซึ่งเรามีเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุน เรื่องการท่องเที่ยวระหว่างกัน เพราะฉะนั้นผมก็มายืนยันว่า ประเทศไทยเรากับจีนนั้น ได้เดินหน้าความสัมพันธ์ตรงนี้ แล้วก็หยิบยกเรื่องต่าง ๆ ซึ่งคิดว่าจะเป็นประโยชน์มาปรึกษาหารือด้วย ไม่ว่าจะเป็นการลดอุปสรรคของการส่งสินค้ามาที่นี่ เช่นกรณีของลำไย ผลไม้ และก็รวมถึงการที่เราจะมีการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ ผมมั่นใจอย่างนั้นเพราะว่าอย่างน้อยพรรคประชาธิปัตย์ก็มีนโยบายและเชื่อว่าพรรคการเมืองอื่น ๆ ก็จะมีนโยบายตามมา สิ่งหนึ่งซึ่งเขามีประสบการณ์มากก็คือรถไฟ ก็ได้มาพูดคุยปรึกษาหารือกับเขาด้วย
ผู้ดำเนินรายการ ทางการจีนเขาได้สะท้อนมุมมองที่เขามีต่อสถานการณ์บ้านเมืองในประเทศไทยมากน้อยแค่ไหนครับ คุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์ จุดยืนของจีนจะชัดมากนะครับ ก็คือ จีนบอกว่า เรื่องของการเมืองภายในประเทศ หรือกิจการภายใน เขาจะไม่แทรกแซง เขาบอกว่าปัญหาการเมืองใด ๆ ของประเทศไทย ก็เป็นเรื่องที่ประชาชนคนไทยก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้เอง และก็ในส่วนของเขาเองเขาก็เดินหน้าปฏิสัมพันธ์ ไม่ว่าการเมืองของเราจะเป็นอย่างไร ตรงนี้ไม่ได้เป็นอุปสรรคนะครับ
ผู้ดำเนินรายการ ครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ ตอนนี้คุณอภิสิทธิ์มีภารกิจตามคำเชิญของทางการของประเทศจีน และทุกวันศุกร์ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็จะมาเป็น Commentator ประจำรายการในช่วง ตรงไปตรงมา ก็เลยถือโอกาสเล่าภารกิจที่ผ่านมาช่วงสัปดาห์ที่ประเทศจีน ผมจะถามความเห็นคุณอภิสิทธิ์ต่อมุมมองที่ อียู เขาขอเข้ามาสังเกตุการณ์การเลือกตั้งในประเทศไทยด้วย
คุณอภิสิทธิ์ ผมก็ได้ตามข่าว ในเรื่องกรณีของ สหภาพยุโรป ที่จริงผมคิดว่า ผมค่อนข้างแปลกใจนะครับ เพราะว่าทางสหภาพยุโรปเองก็น่าจะพอทราบจากตัวแทนในประเทศในเรื่องของการเมืองไทยอยู่ระดับหนึ่ง เขาก็น่าจะมองเห็นว่า อย่างน้อยที่สุดในช่วงการจัดประชามติที่ผ่านมาก็เต็มไปด้วยความเรียบร้อย ทุกฝ่ายก็ยอมรับผลของการลงประชามติ เพราะฉะนั้นจริง ๆ แล้วมันไม่น่าจะมีประเด็นปัญหาในเรื่องการเลือกตั้ง และผมเองก็บอกได้ว่า ถ้าเทียบกับการเลือกตั้งครั้งนี้กับการเลือกตั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะหรือถ้าเทียบกับปี 49 กับปี 48 ผมยังมองว่า ทุกพรรคน่าจะมั่นใจในความเป็นกลางของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งมีอำนาจในการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะฉะนั้นจริง ๆ แล้วผมคิดว่าเราทุกฝ่ายจะได้ช่วยกันยืนยันนะครับว่า ดูแล้วการเมืองของเรา หรือการเลือกตั้งของเรามันไม่ได้มีปัญหา แต่ว่าถ้าอยากจะสังเกตุการณ์อะไรก็สามารถทำได้ในส่วนของเขา ก็เหมือนกับการติดตามข่าวสารได้ แต่ว่าถึงขั้นที่ว่าจะต้องมาลงนามข้อตกลงอะไรต่าง ๆ นั้นผมคิดว่ามันไม่น่าจะมีความจำเป็นอย่างนั้น
ผู้ดำเนินรายการ ครับ มีเสียงวิจารณ์ในเมืองไทยนะครับ คุณอภิสิทธิ์ ครับ ว่า ไม่รู้ว่างานนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังจากลอบบี้ยิสต์ของคุณทักษิณหรือเปล่า คุณอภิสิทธิ์มองขนาดนั้นเลยหรือเปล่า
คุณอภิสิทธิ์ ผมยังไม่คิดไปถึงขนาดนั้น เพียงแต่คิดว่า เราก็คงจะต้องช่วยกันยืนยันมากขึ้นว่าข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างไร
ผู้ดำเนินรายการ ครับ ณ วันนี้ เรื่องการเมือง บางเสียงก็เริ่มพูดเรื่องอย่าแบ่งขั้ว แบ่งค่ายกัน เลิกแบ่งขั้วกันได้แล้ว มาสมานฉันท์มาปรองดองกัน คำพูดเหล่านี้ในมุมมองประชาธิปัตย์ หรือมุมมองของคุณอภิสิทธิ์คิดอย่างไรครับ
คุณอภิสิทธิ์ ผมมองอย่างนี้นะครับ ผมคิดว่า บ้านเมืองไม่ควรจะจมอยู่กับปัญหาความขัดแย้งในอดีต และก็อยากจะเห็นประเทศของเราเดินไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว ...
ผู้ดำเนินรายการ สัญญาณอาจจะขลุกขลักหน่อยนะครับ เพราะว่าตอนนี้คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อยู่ที่ปักกิ่งนะครับ อยู่ที่เมืองจีนนะครับ
คุณอภิสิทธิ์ ที่ผมเรียนก็คือว่า เราต้องก้าวให้พ้นจากความขัดแย้งในอดีต แต่แน่นอนเราก็มีบทเรียนจากอดีตด้วย อย่างที่พรรคประชาธิปัตย์อย่างกรณีที่เราพูดว่าเราไม่สามารถที่จะร่วมงานกับพรรคพลังประชาชนได้ มันไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งอะไรครับ มันเป็นเรื่องที่ต้องมองอย่างนี้ว่า ถ้าพูดถึงการทำงานในสภา มันต้องทำงานด้วยกันอยู่แล้วนะครับ แต่ที่เราบอกว่าเราไม่สามารถร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนได้นั้น ก็คือเราเห็นแล้วว่าพรรคพลังประชาชนมีจุดยืนในเรื่องของการที่มาปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่ม ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้ความขัดแย้งนั้นมันเดินหน้าต่อไป เพราะว่าเขาพูดถึงเรื่องของการที่จะมาปกป้องคุณทักษิณ ซึ่งจริง ๆ มันเป็นปัญหาของตัวบุคคล มันไม่ใช่ปัญหาของประเทศนะครับ เมื่อเป็นปัญหาตัวบุคคลซึ่งก็ต้องไปแก้ในเรื่องของกระบวนการยุติธรรมไป แต่ว่าประชาชน ประเทศชาติต้องเดินหน้า มาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ มาแก้ปัญหาปากท้อง มาแก้ปัญหาการศึกษา มาแก้ปัญหาความไม่สงบนะครับ เราก็เลยไม่สนับสนุนแนวทางที่จะทำงานในลักษณะที่จะคำนึงถึงแต่เรื่องของการปกป้องผลประโยชน์ตรงนั้น
ประการที่สอง ก็ต้องยอมรับว่า การทำงานทางการเมืองมันมีความแตกต่างกันในเรื่องของอุดมการณ์นะครับ การเมืองที่ดีก็ต้องมีอุดมการณ์ด้วย การที่พรรคประชาธิปัตย์มีแนวทางซึ่งไม่ตรงกับพูดง่าย ๆ ก็คือตัวระบอบทักษิณที่เราพูดมาเรื่องการรวบอำนาจ เรื่องการใช้อำนาจเกิดขอบเขต หรือการทุจริต คอร์รัปชั่น แล้วถ้าเราบอกว่า ตรงนี้พอถึงจุดหนึ่งก็ไม่เป็นไร ผมคิดว่าประชาชนเขาจะมองว่าการเมืองเป็นเรื่องหลอก การเมืองเป็นเรื่องซึ่งไม่มีอุดมการณ์ ซึ่งก็อันตรายสำหรับการพัฒนาประชาธิปไตย ฉะนั้นมันก็คือต้องพูดกันให้ชัดว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องขัดแย้งแบ่งขั้ว แต่เป็นเรื่องของการเมืองที่ต้องมีอุดมการณ์ แล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่สาเหตุสำคัญก็คือเราไม่ต้องการให้การเมืองนั้นวกกลับไปเรื่องความขัดแย้ง ในเรื่องตัวบุคคล หรือปกป้องผลประโยชน์ของบุคคล
ผู้ดำเนินรายการ ครับ ต้องถามต่อว่า แล้วถ้าอย่างนั้นความสัมพันธ์ระหว่างประชาธิปัตย์กับชาติไทย ยังดีอยู่หรือเปล่าครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ ผมคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรนะครับ คือแต่ละพรรคก็มีสิทธิ์ที่จะกำหนดแนวทางของตัวเองนะครับ เผอิญผมเข้าใจว่าในส่วนของพรรคชาติไทยเอง 2 ท่านที่ออกมาพูดก็ดูจะไม่ตรงกันนะครับ เราก็ยังไม่ทราบจริง ๆ ว่า มีการปรึกษาหารือกันหรือยัง แต่ว่าไม่มีปัญหานะครับ เพราะเราพูดเสมอนะครับว่าทุกพรรคก็สามารถที่จะกำหนดแนวทางของตัวเองได้
ผู้ดำเนินรายการ ครับ หลังจากกลับจากประเทศจีน มีกำหนดการอย่างไรต่อครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ สำหรับเรื่องวาระประชาชน
คุณอภิสิทธิ์ ความจริงวันพรุ่งนี้ ผมก็มีเพียงแต่ไปเซ็นหนังสือนะครับที่ปิ่นเกล้า แล้วก็วันอาทิตย์จะมีสมัชชาที่จัดโดยสาขาพรรคที่บางคอแหลม กรุงเทพฯ ก็คือการทำกิจกรรมในการระดมความเห็นหรือแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับวาระประชาชนอย่างต่อเนื่องนะครับ อันนี้ก็จัดโดยสาขาพรรคที่กรุงเทพฯ นะครับ ส่วนสัปดาห์หน้า ผมกำลังจะให้เขาทำเรื่องของ สาธารณสุข หรือสุขภาพด้วย
ผู้ดำเนินรายการ ครับ เอาหล่ะครับ ขอบคุณนะครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ สวัสดีครับ
คุณอภิสิทธิ์ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
*************************************************
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 31 ส.ค. 2550--จบ--