ปชป.ชี้ โฉมหน้าประเทศไทยปี 50 ยังแปรปรวนเพราะปัญหารุมเร้าทางการเมืองและเศรษฐกิจจาก 8 ตัวแปรทั้ง การร่างรัฐธรรมนูญ คลื่นใต้น้ำ คดียุบพรรค การกลับมาของทักษิณ ปัญหาภาคใต้ การสะสางคดีทุจริต การเปลี่ยนแปลงของครม.สุรยุทธ์และปัญหาเศรษฐกิจตกสะเก็ด เชื่อมีการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนหลังรัฐธรรมนูญคลอดกลางปี แนะรัฐบาลประคับประคองบ้านเมืองและดูแลทุกข์สุขประชาชน เตือนคมช.เร่งจัดการ 4 เหตุผลยึดอำนาจและสร้างความเชื่อมั่นเรื่องไม่สืบทอดอำนาจ
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แถลงที่พรรคประชาธิปัตย์ว่า สถานการณ์บ้านเมืองในช่วงครึ่งปีแรก 2550 จะยังคงแปรปรวนจากความต่อเนื่องของปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจในปี 2549 ในช่วงครึ่งแรกของปีและจะดีขึ้นในช่วงหลังของปีเมื่อมีการเลือกตั้งทั่วไป เพราะก่อให้เกิดความชัดเจนในทิศทางและอนาคตของประเทศไทยซึ่งจะช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นทั้งภายในและต่างประเทศให้ดีขึ้น
“ สถานการณ์ของบ้านเมืองปี 2550 ขึ้นกับตัวแปร 8 ประการ ได้แก่
1. การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย สสร. จะมีประเด็นสาระของรัฐธรรมนูญที่จะก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เช่น ประเด็นระบบการเลือกตั้ง ประเด็นระบบรัฐสภา ประเด็นการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นกับสถานภาพกำนันผู้ใหญ่บ้าน ประเด็นระบบถ่วงดุลและตรวจสอบ ประเด็นสิทธิมนุษยชนและสิทธิชุมชนจะส่งให้ประชาชนตื่นตัวและมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างกว้างขวางตลอดจนเกิดการเผชิญหน้าจากความขัดแย้งทางความเห็นที่มีต่อประเด็นต่างๆของรัฐธรรมนูญ แต่พึงระมัดระวังการฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์จากปัญหาดังกล่าว
2. คลื่นใต้น้ำและคลื่นบนน้ำ จะมีการก่อหวอดชุมนุมมากกว่าปี 2549 ทั้งคลื่นใต้น้ำและคลื่นบนน้ำ ทั้งจากกลุ่มที่เคลื่อนไหวอย่างบริสุทธ์และกลุ่มจัดตั้งที่โยงใยกับระบอบทักษิณ
3. การสะสางคดีทุจริตในระบอบทักษิณ จะยังเป็นไฮไลท์ของการเมืองปี 2550 และจะมีความชัดเจนในการจัดการกับผู้ถูกกล่าวหาใน 13 คดีที่ คตส.กำลังสอบสวนอยู่ในขณะนี้ซึ่งจะมีผลโยงใยถึงตัวแปรถัดไป
4. การกลับมาของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร จากคดียุบพรรคและคดีที่ตัวอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรและครอบครัวถูกดำเนินคดีทั้งในฐานะพยานและจำเลยจะส่งผลให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอยู่ในฐานะจนตรอกหลังพิงฝาดังนั้นความพยายามในการเดินทางกลับเพื่อต่อสู้คดีและรักษาทรัพย์สมบัติและครอบครัวจะมีผลต่อการขยายตัวของการก่อหวอดชุมนุมและการดิสเครดิตผู้นำรัฐบาลและคมช. เป็นตัวแปรสำคัญที่จะชี้ว่าบ้านเมืองจะสงบหรือปั่นป่วนมากน้อยเพียงใด
5. การเปลี่ยนแปลงในคณะรัฐมนตรี สุรยุทธ์ 1 จากกรณีที่ดินเขายายเที่ยงซึ่ง พล.อ.สุรยุทธ์ นายกรัฐมนตรีประกาศจะลาออกหากมีความผิดนั้นจะทำให้กลุ่มที่ต้องการดิสเครดิตเพิ่มความพยายามในขยายแผลและขยายผลจนอาจอยู่ไม่ได้และมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลซึ่งจะทำให้การเมืองเกิดการกระเพื่อมครั้งใหญ่และอาจจะมีสึนามิทางการเมืองเกิดขึ้นตามมา
6. คดียุบพรรค จะตัดสินแล้วเสร็จภายในไตรมาสแรกของปีและจะมีความชัดเจนและมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและสถานภาพนักการเมืองระดับแกนนำจำนวนมาก การต่อสู้เพื่อไม่ให้ถูกเว้นวรรค 5 ปีจะเป็นประเด็นร้อยอีกประเด็นหนึ่ง
7. ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ ยังเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อและสร้างความวิตกกังวลให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่องและยังเป็นภาระหนักอึ้งของฝ่ายความมั่นคงต่อไป
8. ปัญหาเศรษฐกิจตกสะเก็ด จะมีผลย้อนศรกระทบกระเทือนเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลหากรับมือไม่ดีพอโดยเฉพาะปัญหาภาคการเกษตรจะทำให้มีการชุมนุมเรียกร้องจากเกษตรกรที่ประสบปัญหามากขึ้นและต้องระมัดระวังการผสมโรงทางการเมืองโดยอาศัยเงื่อนไขดังกล่าว
การรับมือกับสถานการณ์ที่รุมเร้าข้างต้น รัฐบาลต้องมีสติและอดทนอดกลั้นในการประคับประคองบ้านเมืองให้พ้นจากปัญหาดังกล่าวและต้องดูแลทุกข์สุขของประชาชนอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยธรรมชาติและภัยทางเศรษฐกิจจากปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ปัญหาราคาน้ำมัน ปัญหาค่าเงินบาท ปัญหาอัตราดอกเบี้ยและภาวะเศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงขาลง อย่างไรก็ตามสถานการณ์บ้านเมืองในช่วงครึ่งหลังจะเริ่มคลี่คลายดีขึ้นเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประกาศใช้และมีการเลือกตั้งภายในเดือนพฤศจิกายน”
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวแนะนำ คมช.ให้เร่งดำเนินการกับ 4 เหตุผลของการยึดอำนาจจากรัฐบาลทักษิณได้แก่ การทุจริตคอร์รัปชัน การแทรกแซงองค์กรอิสระ การสร้างความแตกแยกในสังคมและการมีพฤติกรรมที่หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพซึ่งหากทำสำเร็จก็เสมือนเกราะคุ้มกันความเชื่อถือของประชาชนที่มีต่อคมช. ทั้งนี้ คมช.จะต้องสร้างความเชื่อมั่นไม่ให้เกิดประเด็นของความระแวงว่าจะมีการสืบทอดอำนาจโดยเฉพาะการประกันความเป็นอิสระของการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
“อย่างไรก็ดียังเชื่อว่า สถานการณ์ในช่วงหลังของปี 2550 จะดีขึ้น อีกทั้งเป็นปีมหามงคล 80 ชันษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทำให้ขวัญกำลังใจของประชาชนคนไทยเข้มแข็งในการร่วมกันฝ่าพันปัญหาที่รุมเร้าประเทศไปได้ด้วยดี พรรคประชาธิปัตย์ของเป็นกำลังให้กับทุกคนและเชิญชวนมาร่วมสร้างอนาคตใหม่ให้กับประเทศชาติร่วมกัน”
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 1 ม.ค. 2550--จบ--
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แถลงที่พรรคประชาธิปัตย์ว่า สถานการณ์บ้านเมืองในช่วงครึ่งปีแรก 2550 จะยังคงแปรปรวนจากความต่อเนื่องของปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจในปี 2549 ในช่วงครึ่งแรกของปีและจะดีขึ้นในช่วงหลังของปีเมื่อมีการเลือกตั้งทั่วไป เพราะก่อให้เกิดความชัดเจนในทิศทางและอนาคตของประเทศไทยซึ่งจะช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นทั้งภายในและต่างประเทศให้ดีขึ้น
“ สถานการณ์ของบ้านเมืองปี 2550 ขึ้นกับตัวแปร 8 ประการ ได้แก่
1. การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย สสร. จะมีประเด็นสาระของรัฐธรรมนูญที่จะก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เช่น ประเด็นระบบการเลือกตั้ง ประเด็นระบบรัฐสภา ประเด็นการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นกับสถานภาพกำนันผู้ใหญ่บ้าน ประเด็นระบบถ่วงดุลและตรวจสอบ ประเด็นสิทธิมนุษยชนและสิทธิชุมชนจะส่งให้ประชาชนตื่นตัวและมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างกว้างขวางตลอดจนเกิดการเผชิญหน้าจากความขัดแย้งทางความเห็นที่มีต่อประเด็นต่างๆของรัฐธรรมนูญ แต่พึงระมัดระวังการฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์จากปัญหาดังกล่าว
2. คลื่นใต้น้ำและคลื่นบนน้ำ จะมีการก่อหวอดชุมนุมมากกว่าปี 2549 ทั้งคลื่นใต้น้ำและคลื่นบนน้ำ ทั้งจากกลุ่มที่เคลื่อนไหวอย่างบริสุทธ์และกลุ่มจัดตั้งที่โยงใยกับระบอบทักษิณ
3. การสะสางคดีทุจริตในระบอบทักษิณ จะยังเป็นไฮไลท์ของการเมืองปี 2550 และจะมีความชัดเจนในการจัดการกับผู้ถูกกล่าวหาใน 13 คดีที่ คตส.กำลังสอบสวนอยู่ในขณะนี้ซึ่งจะมีผลโยงใยถึงตัวแปรถัดไป
4. การกลับมาของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร จากคดียุบพรรคและคดีที่ตัวอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรและครอบครัวถูกดำเนินคดีทั้งในฐานะพยานและจำเลยจะส่งผลให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอยู่ในฐานะจนตรอกหลังพิงฝาดังนั้นความพยายามในการเดินทางกลับเพื่อต่อสู้คดีและรักษาทรัพย์สมบัติและครอบครัวจะมีผลต่อการขยายตัวของการก่อหวอดชุมนุมและการดิสเครดิตผู้นำรัฐบาลและคมช. เป็นตัวแปรสำคัญที่จะชี้ว่าบ้านเมืองจะสงบหรือปั่นป่วนมากน้อยเพียงใด
5. การเปลี่ยนแปลงในคณะรัฐมนตรี สุรยุทธ์ 1 จากกรณีที่ดินเขายายเที่ยงซึ่ง พล.อ.สุรยุทธ์ นายกรัฐมนตรีประกาศจะลาออกหากมีความผิดนั้นจะทำให้กลุ่มที่ต้องการดิสเครดิตเพิ่มความพยายามในขยายแผลและขยายผลจนอาจอยู่ไม่ได้และมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลซึ่งจะทำให้การเมืองเกิดการกระเพื่อมครั้งใหญ่และอาจจะมีสึนามิทางการเมืองเกิดขึ้นตามมา
6. คดียุบพรรค จะตัดสินแล้วเสร็จภายในไตรมาสแรกของปีและจะมีความชัดเจนและมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและสถานภาพนักการเมืองระดับแกนนำจำนวนมาก การต่อสู้เพื่อไม่ให้ถูกเว้นวรรค 5 ปีจะเป็นประเด็นร้อยอีกประเด็นหนึ่ง
7. ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ ยังเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อและสร้างความวิตกกังวลให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่องและยังเป็นภาระหนักอึ้งของฝ่ายความมั่นคงต่อไป
8. ปัญหาเศรษฐกิจตกสะเก็ด จะมีผลย้อนศรกระทบกระเทือนเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลหากรับมือไม่ดีพอโดยเฉพาะปัญหาภาคการเกษตรจะทำให้มีการชุมนุมเรียกร้องจากเกษตรกรที่ประสบปัญหามากขึ้นและต้องระมัดระวังการผสมโรงทางการเมืองโดยอาศัยเงื่อนไขดังกล่าว
การรับมือกับสถานการณ์ที่รุมเร้าข้างต้น รัฐบาลต้องมีสติและอดทนอดกลั้นในการประคับประคองบ้านเมืองให้พ้นจากปัญหาดังกล่าวและต้องดูแลทุกข์สุขของประชาชนอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยธรรมชาติและภัยทางเศรษฐกิจจากปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ปัญหาราคาน้ำมัน ปัญหาค่าเงินบาท ปัญหาอัตราดอกเบี้ยและภาวะเศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงขาลง อย่างไรก็ตามสถานการณ์บ้านเมืองในช่วงครึ่งหลังจะเริ่มคลี่คลายดีขึ้นเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประกาศใช้และมีการเลือกตั้งภายในเดือนพฤศจิกายน”
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวแนะนำ คมช.ให้เร่งดำเนินการกับ 4 เหตุผลของการยึดอำนาจจากรัฐบาลทักษิณได้แก่ การทุจริตคอร์รัปชัน การแทรกแซงองค์กรอิสระ การสร้างความแตกแยกในสังคมและการมีพฤติกรรมที่หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพซึ่งหากทำสำเร็จก็เสมือนเกราะคุ้มกันความเชื่อถือของประชาชนที่มีต่อคมช. ทั้งนี้ คมช.จะต้องสร้างความเชื่อมั่นไม่ให้เกิดประเด็นของความระแวงว่าจะมีการสืบทอดอำนาจโดยเฉพาะการประกันความเป็นอิสระของการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
“อย่างไรก็ดียังเชื่อว่า สถานการณ์ในช่วงหลังของปี 2550 จะดีขึ้น อีกทั้งเป็นปีมหามงคล 80 ชันษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทำให้ขวัญกำลังใจของประชาชนคนไทยเข้มแข็งในการร่วมกันฝ่าพันปัญหาที่รุมเร้าประเทศไปได้ด้วยดี พรรคประชาธิปัตย์ของเป็นกำลังให้กับทุกคนและเชิญชวนมาร่วมสร้างอนาคตใหม่ให้กับประเทศชาติร่วมกัน”
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 1 ม.ค. 2550--จบ--