คำต่อคำรายการตรงไปตรงมากับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ทางสถานีวิทยุ 101 ช่วงเวลา 08.00 — 08.30 น.
วันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน 2550
ผู้ดำเนินรายการ สวัสดีค่ะคุณอภิสิทธิ์คะ สวัสดีครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ สวัสดีครับ คุณอวัสดาครับ สวัสดีครับคุณเติมศักดิ์ครับ
ผู้ดำเนินรายการ ค่ะ แหม อาทิตย์ที่แล้วไม่ได้แสดงความยินดีกันอย่างทันท่วงที ต้องขออนุญาตแสดงความยินดีในวันนี้ค่ะ
คุณอภิสิทธิ์ ขอบคุณครับ อาทิตย์ที่แล้วขอเรียนนิดนึงฮะ พอดีผมไปที่สะบ้าย้อย กับปัตตานีนะครับ และก็ช่วงเวลาที่เราจะต้องคุยกันนั้นเข้าไปอยู่ในเขตอำเภอของสงขลานะครับ ที่อยู่ 3 — 4 อำเภอนั่นแหละครับ แล้วก็ยาวไปจนถึงปัตตานี ก็ต้องเรียนว่าทางการตัดสัญญาณโทรศัพท์หมดเลย เป็นเวลาหลายวันเหมือนกันเพราะว่าพี่น้องที่อยู่ที่นั่นก็บอกกับผมครับ เข้าใจว่าเป็นความพยายามที่จะแก้ปัญหาเรื่องของการชุมนุมที่ มัสยิดกลางที่ปัตตานี ก็เลยต้องขออภัยท่านผู้ฟัง จริง ๆ นัดแนะกันเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมรอโทรศัพท์อยู่แต่ว่าไม่มีสัญญาณครับ
ผู้ดำเนินรายการ ค่ะก็ผ่านมาหลายวันแล้วนะคะ หลังจากวันที่ 30 พฤษภาคม หลายคนก็จับตามองว่าคุณอภิสิทธิ์ตอนนี้มีการจับขั้วการเมืองใหม่ ๆ พรรคประชาธิปัตย์บ้างแล้วหรือยังคะ
คุณอภิสิทธิ์ ผมขอย้ำเลยนะครับ ขณะนี้ไม่ได้มีเรื่องของการจับขั้วหรืออะไรทั้งสิ้นนะครับ เพราะว่าผมคิดว่าจากวันนี้ไปจนถึงการเลือกตั้ง มันมีอีกหลายเรื่อง หลายปัจจัยที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวรัฐธรรมนูญเองก็ดี แล้วก็สภาพการณ์ทางการเมืองนะครับ เป้าหมายของการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปลายปีนี้ต้องเป็นการเลือกตั้งที่แก้วิกฤติได้นะครับ ซึ่งผมยืนยันว่าจะแก้วิกฤติได้นั้นก็คือต้องเป็นการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตยนะครับ รัฐธรรมนูญต้องเป็นประชาธิปไตย และเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกส่วนใช้สิทธิ เสรีภาพ ให้มีการแข่งขันทางการเมืองได้นะครับ นั่นคือเหตุผลว่าทำไม หลังจากทราบคำวินิจฉัยในกรณีของพรรคไทยรักไทย ทางผมและพรรคประชาธิปัตย์จึงได้เรียกร้องให้มีการยกเลิกคำสั่งคณะปฏิรูปฉบับที่ 15 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สนับสนุนและสมาชิกของพรรคไทยรักไทยสามารถจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ได้นะครับ โดยเร็ว เพื่อที่จะให้ทุกฝ่ายนั้นสามารถมาดำเนินงานทางการเมืองตามวิถีทางรัฐสภา ภายใต้กฎหมายได้นะครับ ก็เป็นเรื่องที่ดีที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติไปเมื่อวันอังคาร แต่ว่าเนื่องจากว่าการแก้เรื่อง การจัดตั้งเรื่องพรรคการเมืองนั้น มันต้องทำโดยพรบ. เพราะว่า คำสั่งคณะปฏิรูปฯ ตามระบบของเราไปถือว่าเป็นกฎหมายเหมือนพระราชบัญญัติ ก็ต้องแก้ไขโดยพระราชบัญญัติ เพียงแต่ว่า ในส่วนของฉบับที่ 27 ที่ไปเกี่ยวกับการห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมนั้น ในคำสั่งเขาไปเขียนเอาไว้ว่า ยกเว้นคณะรัฐมนตรีจะมีมติเป็นอย่างอื่น เพราะฉะนั้นนั่นคือเหตุผลว่าทำไมที่ให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมได้มันมีผลได้ทันที เพราะว่าฉบับที่ 27 เขาเขียนเอาไว้ว่า มติคณะรัฐมนตรีสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ แต่ฉบับที่ 15 ไม่ได้เขียนเอาไว้ เพราะฉะนั้นจะต้องไปแก้โดย สนช. นะครับ ผมก็อยากให้คณะรัฐมนตรีและสนช. ถือเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนนะครับ เพราะว่าเป็นหนทางที่สำคัญ หรือทางหนึ่งในการที่จะคลี่คลายเหตุการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันนะครับ
ผู้ดำเนินรายการ มีข่าวว่า สนช. เขามีความคิดที่จะแก้ฉบับที่ 27 ให้หนักเข้าไปอีกนะครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ คือห้ามใช้ชื่อเดิมเป็นเวลา 5 ปีด้วย
คุณอภิสิทธิ์ ผมเรียนว่าจริง ๆ แล้ว ผมยืนยันมาตั้งแต่ก่อนที่จะมีการตัดสินคดีนะครับว่า การใช้ชื่อพรรคการเมืองที่ถูกยุบไปแล้ว ไม่มีกฎหมายห้ามนะครับ และก็เจตนารมย์ของกฎหมายพรรคการเมือง ยิ่งน่าจะชัดจากบทบัญญัติหลายมาตราว่า ใช้ได้นะครับ เพราะว่า เราก็เคยคุยกันใช่ไม๊ครับ เขากำหนดเป็นหลักเกณฑ์เลยด้วยซ้ำว่า ถ้าเกิดอยากจะใช้ชื่อซึ่งเคยมีมาก่อน จะพิจารณาอย่างไรหากแย่งกันใช้ กฎหมายเขียนอย่างนี้ก็แสดงว่ามันใช้ได้นะครับ ทีนี้ถ้าบอกว่า แหมชื่อนี้มันเป็นชื่อของพรรคการเมืองซึ่งเคยทำความเสียหายหรืออะไรก็แล้วแต่ อันนั้นผมคิดว่าประชาชนจะเป็นคนวินิจฉัยเอง ถูกไม๊ครับ ถ้าชื่อมันไม่ดีจริง ๆ ก็คงไม่มีใครอยากใช้ อันนี้พูดกันอย่างตรงไปตรงมาถูกไม๊ครับ เพราะฉะนั้นผมว่าอย่าไปตัดสินอะไรแทนประชาชนตรงนั้น ตรงไหนที่มันเป็นเรื่องของสิทธิ เสรีภาพ ของการรวมกลุ่ม ของการแข่งขันในทางการเมือง ให้ทำไปนะครับ พรรคที่ถูกยุบ โดยหลักของกฎหมาย การลงโทษนั้นก็เกิดขึ้นกับทางคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งก็คือผู้ดำเนินการทางการเมืองแทนสมาชิกพรรค นะครับ ท่านเหล่านั้นก็รับผิดชอบไปตามคำวินิจฉัยของคณะตุลาการถูกไม๊ครับ แต่ว่าตัวสมาชิก ตัวผู้สนับสนุน ใครต่อใครอีกหลายคน ถ้าเขายังมีความเชื่อในแนวทาง ทางการเมืองของเขา เขาก็ต้องมีสิทธิ เสรีภาพในการที่จะผลักดันต่อไปนะครับ เพราะฉะนั้นผมเองก็อยากจะยืนยันจุดยืนตรงนี้นะครับ เพราะว่าอันนี้เป็นสิ่งที่ผมพูดมาก่อนที่จะมีคำวินิจฉัยนะครับ ก็ยืนยันในความคิดเห็นนี้ แล้วก็การที่จะพยายามไปแก้ไขกฎหมายให้มันเหมือนกับเป็นการปิดกั้น ปิดทางของกลุ่มคน ผมว่ามันจะทำให้ปัญหาบ้านเมืองรุนแรงขึ้น นะครับ เพราะฉะนั้นก็อยากจะให้ตรงนี้เรายอมรับกัน ขณะเดียวกันคำวินิจฉัยของคณะตุลาการเอง มีรายละเอียดมากนะครับ ก็เป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันเผยแพร่ด้วย ถูกไม๊ครับ แล้วก็ทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งก่อนที่จะไปพิจารณาต่อนะครับว่าจะวิพากษ์วิจารณ์ จะมีการดำเนินการอะไรกันอย่างไร อย่างน้อยที่สุดก็ควรจะได้ทราบเหตุผลของท่านนะครับ และก็เป็นเหตุผลที่ผมคิดว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตามต้องยอมรับว่าครั้งนี้เป็นการวินิจฉัยซึ่งมีการให้รายละเอียดทั้งในแง่ข้อเท็จจริงและเหตุผลมากทีเดียวนะครับ เรานั่งฟังกันนี่ 8 ชั่วโมงได้ไม๊ครับ วันนั้น
ผู้ดำเนินรายการ 10 ชั่วโมง ได้ครับ ประมาณ 10 ชั่วโมง
คุณอภิสิทธิ์ กว่าด้วยซ้ำนะฮะ เพราะฉะนั้นอันนี้ต้องศึกษาถ่องแท้กันก่อน แล้วก็ทุกฝ่ายที่เคยพูดเอาไว้ว่าจะยอมรับ น้อมรับคำวินิจฉัย ก็ต้องยอมรับตรงนี้ก่อน ส่วนจะแก้ปัญหาด้วยวิธีใดอย่างไร ถ้าเห็นว่ามีความเหมาะสมจำเป็น นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง นะครับ แล้วก็ตรงนี้ผมก็อยากจะเรียนเพิ่มเติมว่า จะต้องชี้แจงและลำดับให้เห็น โดยเฉพาะสำหรับในส่วนของต่างประเทศบางส่วนด้วย นะครับ เพราะบางทีการสื่อสารออกไปก็เข้าใจกันผิดเช่น บางฉบับหรือบางค่ายเขาก็ไปเขียนเหมือนกับว่าคดีนี้เกิดขึ้นหลังปฏิวัติ ซึ่งมันไม่ใช่นะครับ หรือว่าเหมือนกับผู้ปฏิวัติไปหยิบคนขึ้นมาเป็นองค์คณะพิพากษาเอง ซึ่งก็ไม่ใช่นะครับ อย่างนี้ก็อาจจะต้องมีการชี้แจงข้อเท็จจริงกันไปตามสมควรนะครับ ส่วนการเห็นด้วยไม่เห็นด้วยการวิพากษ์วิจารณ์เป็นเรื่องปกติแล้วก็เป็นสิทธิที่ทำได้นะครับ คืออยู่บนพื้นฐานของหลักวิชาการ ความสุจริตใจ ก็ต้องทำได้เต็มที่ ในส่วนของผมเองและของพรรคฯ เราก็ถือว่าส่วนหนึ่งของคำวินิจฉัยที่เราให้ความสำคัญมากก็คือการที่ท่านพูดถึงบทบาทของพรรคการเมืองในระบบรัฐสภา เพราะฉะนั้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ผมจึงได้แถลงข่าวหลังจากที่มีการยกเลิกคำสั่งของ คปค.นะครับว่า สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องการจะทำก็คือ ช่วงที่ผ่านมาเราก็ได้สัมผัสกับประชาชนแล้วก็ทราบถึงความทุกข์ ปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะเรื่องปากท้อง เรื่องของแพง เรื่องเศรษฐกิจ เกษตรกรเองก็มีปัญหาเยอะ แล้วก็เช่นเดียวกับทางปัญหาของพี่น้องภาคใต้นะครับ ในเรื่องความไม่สงบ ซึ่งผมก็ไปวันศุกร์ที่ผ่านมา ก็ได้สัมผัสทั้งถึงความเสียขวัญ กำลังใจ ความกลัว ความโกรธ นะครับ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันแก้ไขจริง ๆ ผมก็ได้มีโอกาสไปพูดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปพูดถึงว่า เราอยากเห็นสังคมเป็นอย่างไร สังคมที่สันติสุข เศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง คนไทยที่มีความพร้อม ฉลาด แข็งแรง มีคุณธรรม มีหลักประกัน มีสวัสดิการด้วยนะครับ บ้านเมืองมีธรรมาภิบาลนะครับ เราจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน เป้าหมายเหล่านี้คือจุดหลักนะครับ แล้วก็กิจกรรมของพรรคตอนนี้จึงไม่ใช่เรื่องการหาเสียง แต่เป็นเรื่องของการที่เราจะไปพบปะกับประชาชนเพื่อที่จะอธิบายว่าเราคิดเรื่องนี้อย่างไร แล้วก็ฟังเขาว่าเขาคิดเรื่องปัญหาของบ้านเมืองอย่างไร เพราะผมยืนยันเลยว่าหลังการเลือกตั้งนี้นะครับ ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ตามจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เลย ถ้าประชาชนไม่ร่วมมือนะครับ ปัญหาของบ้านเมืองวิกฤติของบ้านเมืองขณะนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจริง ๆ ฉะนั้นตรงนี้คือแนวกิจกรรมของเรา แม้ว่าจะมีการยกเลิกคำสั่งแล้ว ต้องไม่ไปทำอะไรที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความมั่นคงหรือเสถียรภาพของบ้านเมืองนะครับ แล้วก็อยากให้พรรคการเมืองทุกพรรคนะครับ ถ้าทำเหมือนกับที่เราจะทำ คือไปคลุกคลีกับประชาชนเพื่อให้ตื่นตัวในเรื่องการร่วมมือกันแก้ปัญหาจะดีที่สุด ผมคิดว่าบ้านเมืองก็บอบช้ำมามาก ประชาชนเองก็มีปัญหามาก ทุกคนก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยว่าเมื่อไหร่ เมื่อไหร่ปัญหาต่าง ๆ จะจบเสียที นะครับ แล้วก็ปีนี้ก็เป็นปีมหามงคลนะครับ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะมีพระชนม์มายุครบ 80 พรรษา ก็น่าจะเป็นโอกาสที่เราจะมาหลอมรวมจิตใจกันเพื่อให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า อันนี้คือแนวที่เราทำ ฉะนั้นเป็นคำตอบว่า ที่บอกว่าตอนนี้คิดเรื่องจับขั้ว ไม่ใช่เวลานะครับ ยังไม่ใช่เวลาเลยนะครับ ที่จะมาพูดถึงเรื่องนี้นะครับ และที่สำคัญ ผมคิดว่า อยากให้แนวการเมืองมันเปลี่ยนนะครับ แทนที่เราจะมานั่งวิเคราะห์กันว่า ตอนนี้ใครมีอดีต ส.ส. มากกว่า ใครเป็นเหมือนกับตรงนั้น ใครเป็นฐานเสียงของใคร ไม่มีใครเป็นเจ้าของประชาชนนะครับ ไม่ว่าจะภาคเหนือ อีสาน ใต้ กลาง กรุงเทพฯ ไม่มีใครเป็นเจ้าของประชาชน วันนี้เรามาเริ่มต้น ตั้งต้นกันใหม่ในทางการเมืองว่า ใครเสนอตัวเข้ามาแก้ไขปัญหานะครับ ประชาชนมั่นใจว่าใครแก้ปัญหาได้ ก็สนับสนุนคนนั้นนะครับ ผมว่าอันนี้คือสิ่งที่ผมคิดว่า เราผ่านพ้นอะไรมาหลายอย่างนะครับ ถ้าเราเพียงแต่กลับไปเป็นการเมืองแบบสูตรเก่า ๆ สมการเก่า ๆ ถามว่าแล้วที่บอบช้ำมา 2 — 3 ปีมีอะไรดีขึ้นนะครับ
ผู้ดำเนินรายการ ครับ ตกลงพรรคประชาธิปัตย์ ชาติไทย กับมหาชน นี่ยังจับมือกันอยู่หรือเปล่าคุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ เรานี่ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ปี 48 นะครับ แล้วเราก็พูดกันว่า เวลามีเหตุการณ์สำคัญ ๆ ของบ้านเมืองเกิดขึ้น เราจะมาพูดคุยกันนะครับ เพราะฉะนั้นจะเห็นว่าเราก็มีการจัดให้พูดคุยกันมาเป็นระยะ ๆ นะครับ ตอนนี้ก็มีการตัดสินคดีไปแล้ว มีการยกเลิกคำสั่ง เราก็มาพบกันอีกครั้ง ขณะนี้ก็นัดวันที่ 13 ก็จะมาพูดคุยกัน แต่เราก็ตอบคำถามมาหลายครั้ง บอกว่า เอ๊ะ นี่จับมือกันเป็นพันธมิตรทางการเมือง ทางการเลือกตั้งหรือเปล่า เราบอกไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ เราถือว่าพอถึงเวลาตรงนั้น ทุกพรรคมีอิสระ ใครจะตัดสินใจอย่างไรนะครับ ก็ว่ากันไปใช่ไม๊ครับ คือ พรรคชาติไทย ของท่านอดีตนายกฯ บรรหาร ตอนนี้ก็มีคนวิเคราะห์ด้วยซ้ำว่าจะกลายเป็นพรรคใหญ่ ใช่ไม๊ฮะ จะใหญ่กว่าประชาธิปัตย์ด้วย ใช่ไม๊ครับ มันก็เร็วเกินไปที่จะมาพูดอะไร แต่ว่าในฐานะที่ทำงานร่วมกันมานะครับ เราก็ยังปรึกษาหารือกันโดยประเด็นที่เราพูดคุยกัน ก็จะเป็นประเด็นของการที่จะช่วยประคับประคองบ้านเมืองในช่วงนี้ก่อนนะครับ
ผู้ดำเนินรายการ หลังคดียุบพรรค ก็มีการวิจารณ์กันหลายวันแล้ว และก็มีกรุงเทพโพลล์ออกมา เรื่องว่าที่นายกฯ วันนี้ต้องมาถามคุณอภิสิทธิ์ โดยตรงเลยครับว่าพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือเปล่าครับ หลังการเลือกตั้งครั้งใหม่
คุณอภิสิทธิ์ ผมได้เรียนมาหลายครั้งนะครับว่า การที่อาสาตัวเขามายืนตรงนี้ ตามระบบ ต้องมีความพร้อมนะครับ แต่ว่าอย่างที่ผมเรียนเมื่อสักครู่นี้ ผมว่าขณะนี้มันเร็วเกินไปที่จะมาพูดกันตรงนี้ในแง่นั้นนะครับ เพราะว่าขณะนี้เรามีประเด็นที่จะต้องฟันฝ่าร่วมกันนะครับ เรื่องรัฐธรรมนูญ เรื่องประชามติ นะครับ เรื่องอะไรต่อมิอะไรนะครับ รวมไปถึงปัญหาต่าง ๆ ที่จะบอกให้รอการเลือกตั้งทุกปัญหานั้นคงไม่ได้ใช่ไม๊ครับ อย่างเมื่อวานนี้เราก็ฟังดู ผู้เกี่ยวข้องทางเศรษฐกิจบอกต้องรอการเมืองแล้วก็จะดีนั้น มันต้องมาช่วยกันทำว่าจะทำอย่างไรจะให้การเมืองมันดี ไม่ใช่ว่าคนก็นั่งรอเฉย ๆ แล้วคิดว่าพอสิ้นปีนี้ มีเลือกตั้งก็คงจะดีเอง หรืออะไรอย่างนั้น คงไม่ใช่อย่างนั้น เพราะฉะนั้นเรื่องของผลสำรวจ เรื่องของอะไรต่าง ๆ ผมเชื่อว่าก็คงจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอีก เป็นเรื่องปกติธรรมดา อย่างไรก็ขอขอบคุณประชาชนที่ได้ให้ความสนับสนุนนะครับ และก็เป็นกำลังใจนะครับ
ผู้ดำเนินรายการ ครับ ถ้ากลุ่มไทยรักไทย เขาตั้งพรรคใหม่ได้ มันจะเป็นประโยชน์กับบรรยากาศของการแข่งขันทางการเมืองมากกว่าหรือเปล่า ประชาชนจะได้ประโยชน์มากกว่าหรือเปล่า
คุณอภิสิทธิ์ เป็นแน่นอนครับ เป็นแน่นอน เพราะว่าระบอบประชาธิปไตย เป็นระบอบที่ต้องสนับสนุน ส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันและทางเลือกนะครับ เพราะฉะนั้นการที่จะมีทางเลือกเพิ่มขึ้นมา เป็นประโยชน์แน่นอนนะครับ เพราะตรงนี้คือความแตกต่าง และต้องขอโทษนะฮะที่ย้อนกลับไปนิดนึงว่า ที่ผมเคยบอกว่า แตกต่างกันในส่วนของเป้าหมายในทางการเมือง ระหว่างท่านอดีตนายกฯ ทักษิณ กับผม เพราะท่านเชื่อในเรื่องการเมืองแบบพรรคเดียว ผมนั้นพูดมาตลอดเวลาว่า แม้เมื่อไหร่ก็ตามที่พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นพรรคที่ใหญ่ที่สุด เราต้องการเห็นการเมืองอย่างน้อย 2 พรรค ไม่มีความประสงค์ที่จะเห็นการเมืองเหลือพรรคเดียวเลย เพราะนั่นไม่ใช่วิถีทางที่จะทำให้เราได้ประโยชน์จากประชาธิปไตย
ม
ผู้ดำเนินรายการ ครับ ตอนนี้มี 2 ความคิดนะครับ ที่วิเคราะห์กันในตลาด เขามองรัฐบาลในอนาคตหลังการเลือกตั้งว่า ถ้าไม่ใช่รัฐบาลที่ไม่มีปัญหากับ คมช. ก็ต้องเป็นรัฐบาลที่ไม่มีปัญหากับคุณทักษิณ มีอยู่ 2 อันนี้
คุณอภิสิทธิ์ ผมคิดว่าเราอยากเห็นรัฐบาลที่ไม่มีปัญหากับใคร ไอ้ถูกใจไม่จำเป็นต้องถูกใจทุกคนนะครับ เพราะว่าบางเรื่องหรือบางเรื่องพอดำเนินการไปแล้วมันก็ต้องมีคนได้ประโยชน์เสียประโยชน์นะครับ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องไปมีปัญหา คำว่าไม่มีปัญหาคือไม่ใช่ว่าเราตั้งป้อมว่าไปเป็นรัฐบาลแล้ว จะคิดว่าใครอยู่กับเราไม่อยู่กับเรา ใครสนับสนุนเราไม่สนับสนุนเรา ไม่ใช่ เพราะแนวที่ผมพูดมาตลอดก็คือว่า เราต้องการคนที่เป็นนายกฯ ที่เป็นรัฐบาลที่เป็นของคนทุกคนนะครับ ไม่ว่าคนนั้นจะเลือกหรือไม่เลือก สนับสนุน หรือไม่สนับสนุน เพียงแต่ว่าการบริหารนั้นต้องมีหลักในการตัดสินใจ ว่ามีเหตุมีผล มีกฎหมายรองรับ เป็นความถูกต้องเป็นประโยชน์ส่วนรวมนะครับ มันไปไม่ถูกอกถูกใจใครหรือว่ามันไปกระทบกับใครก็ต้องอธิบายได้ว่าเพราะอะไร หรือว่าถ้าเห็นว่ามันมีผลกระทบแล้วจำเป็นจะต้องเยียวยาแก้ไข ก็ว่ากันไป ผมเชื่อในแนวทางนี้มากกว่า เพราะฉะนั้นผมเองจะไม่ค่อยยอมรับนะครับว่า แปลว่ารัฐบาลจะต้องไปมีปัญหาซ้ายข้าง ขวาข้าง ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ ไม่ได้ต้องการรัฐบาลที่ไปฮั้วกันด้วยนะฮะ ไม่ใช่เรื่อง แต่เป็นเรื่องว่า ถ้าผู้มีอำนาจใช้อำนาจอย่างเที่ยงธรรม ตรงไปตรงมา สื่อสารอธิบาย นะครับ ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่รับได้นะครับ เพราะว่าคนที่มีปัญหากันบางที พูดกันเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต อาจจะเกี่ยวข้องกับคนอยู่ไม่กี่คนก็ได้ แต่ว่าประโยชน์ของประชาชนอีกที่เหลือเป็น 60 กว่าล้านคนไปอยู่ตรงไหนหล่ะ เขาก็ต้องการเห็นทุกอย่างมันว่าไปตามกติกาตามระบบ แล้วก็เป็นไปด้วยความราบรื่นเรียบร้อยนั่นคือสิ่งที่มันควรจะเป็นเป้าหมายของทุกคน
ผู้ดำเนินรายการ ครับ บทบาทของกองทัพบทบาทของทหารหลังการเลือกตั้งควรจะเป็นอย่างไร คุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์ ผมคิดว่า ก็ควรจะเป็นไปตามสภาวะปกติของสังคมประชาธิปไตยนะครับ อันนั้นจะดีที่สุดเลยนะครับ แล้วผมคิดว่าถ้าเกิดช่วงนี้ท่านใช้อำนาจอย่างเที่ยงธรรมนะครับ แล้วก็โปร่งใสรวมไปถึงการวางรากฐานของประชาธิปไตยที่ดีก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ท่านจะต้องไปเกรงกลัวว่าหลังการเลือกตั้งไม่มีอำนาจแล้วจะมีปัญหาอะไร
ผู้ดำเนินรายการ ครับ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งครั้งหน้านี้ จำเป็นหรือเปล่าที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องฟังคมช. ต้องฟังคนที่เคยมีอำนาจในคมช.
คุณอภิสิทธิ์ คมช. ก็หมดสภาพไปนะครับ แต่ว่ามี แน่นอนที่สุดกองทัพยังอยู่นะครับ และก็มีหน้าที่สำคัญยิ่งเลยในการที่จะดูแลความมั่นคงของประเทศใช่ไม๊ครับ ปกป้องประเทศ ความเห็นของกองทัพก็เป็นความเห็นที่ทุกรัฐบาลก็ต้องรับฟังนะครับ แต่เป็นเรื่องของภารกิจของกองทัพ ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางการเมืองของฝ่ายใด เท่านั้นเองครับ
ผู้ดำเนินรายการ การที่กรรมาธิการยกร่างฯ เมื่อวานนี้มีมติกลับไปใช้ระบบเขตเดียวคนเดียว เพียงแต่ว่าก็ไม่ใช่ 400 เขตนะครับ ก็เป็น 320 เขต บวกปาร์ตี้ลิสต์ 80 การกลับไปใช้เขตเดียวคนเดียว คุณอภิสิทธิ์เห็นด้วยไม๊ครับ
คุณอภิสิทธิ์ ถ้าถามส่วนตัวผมคิดว่า ระบบเขตแบบ 3 คน นะครับในช่วงที่ผ่านมานั้น ผมดูว่าทำงานได้ดีกว่า แต่ผมไม่ถือเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่นะครับ เพราะผมถือว่าระบบเลือกตั้งตราบเท่าที่เป็นประชาธิปไตยใช้ได้ทั้งสิ้น กำหนดมาเราเป็นผู้เล่น เราก็ปฏิบัติได้
ผู้ดำเนินรายการ ครับ วันนี้เวลาตามนี้ก่อน ขอบคุณมากครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ สวัสดีครับ
คุณอภิสิทธิ์ ขอบคุณครับ
*************************************************
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 8 มิ.ย. 2550--จบ--
ทางสถานีวิทยุ 101 ช่วงเวลา 08.00 — 08.30 น.
วันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน 2550
ผู้ดำเนินรายการ สวัสดีค่ะคุณอภิสิทธิ์คะ สวัสดีครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ สวัสดีครับ คุณอวัสดาครับ สวัสดีครับคุณเติมศักดิ์ครับ
ผู้ดำเนินรายการ ค่ะ แหม อาทิตย์ที่แล้วไม่ได้แสดงความยินดีกันอย่างทันท่วงที ต้องขออนุญาตแสดงความยินดีในวันนี้ค่ะ
คุณอภิสิทธิ์ ขอบคุณครับ อาทิตย์ที่แล้วขอเรียนนิดนึงฮะ พอดีผมไปที่สะบ้าย้อย กับปัตตานีนะครับ และก็ช่วงเวลาที่เราจะต้องคุยกันนั้นเข้าไปอยู่ในเขตอำเภอของสงขลานะครับ ที่อยู่ 3 — 4 อำเภอนั่นแหละครับ แล้วก็ยาวไปจนถึงปัตตานี ก็ต้องเรียนว่าทางการตัดสัญญาณโทรศัพท์หมดเลย เป็นเวลาหลายวันเหมือนกันเพราะว่าพี่น้องที่อยู่ที่นั่นก็บอกกับผมครับ เข้าใจว่าเป็นความพยายามที่จะแก้ปัญหาเรื่องของการชุมนุมที่ มัสยิดกลางที่ปัตตานี ก็เลยต้องขออภัยท่านผู้ฟัง จริง ๆ นัดแนะกันเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมรอโทรศัพท์อยู่แต่ว่าไม่มีสัญญาณครับ
ผู้ดำเนินรายการ ค่ะก็ผ่านมาหลายวันแล้วนะคะ หลังจากวันที่ 30 พฤษภาคม หลายคนก็จับตามองว่าคุณอภิสิทธิ์ตอนนี้มีการจับขั้วการเมืองใหม่ ๆ พรรคประชาธิปัตย์บ้างแล้วหรือยังคะ
คุณอภิสิทธิ์ ผมขอย้ำเลยนะครับ ขณะนี้ไม่ได้มีเรื่องของการจับขั้วหรืออะไรทั้งสิ้นนะครับ เพราะว่าผมคิดว่าจากวันนี้ไปจนถึงการเลือกตั้ง มันมีอีกหลายเรื่อง หลายปัจจัยที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวรัฐธรรมนูญเองก็ดี แล้วก็สภาพการณ์ทางการเมืองนะครับ เป้าหมายของการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปลายปีนี้ต้องเป็นการเลือกตั้งที่แก้วิกฤติได้นะครับ ซึ่งผมยืนยันว่าจะแก้วิกฤติได้นั้นก็คือต้องเป็นการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตยนะครับ รัฐธรรมนูญต้องเป็นประชาธิปไตย และเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกส่วนใช้สิทธิ เสรีภาพ ให้มีการแข่งขันทางการเมืองได้นะครับ นั่นคือเหตุผลว่าทำไม หลังจากทราบคำวินิจฉัยในกรณีของพรรคไทยรักไทย ทางผมและพรรคประชาธิปัตย์จึงได้เรียกร้องให้มีการยกเลิกคำสั่งคณะปฏิรูปฉบับที่ 15 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สนับสนุนและสมาชิกของพรรคไทยรักไทยสามารถจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ได้นะครับ โดยเร็ว เพื่อที่จะให้ทุกฝ่ายนั้นสามารถมาดำเนินงานทางการเมืองตามวิถีทางรัฐสภา ภายใต้กฎหมายได้นะครับ ก็เป็นเรื่องที่ดีที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติไปเมื่อวันอังคาร แต่ว่าเนื่องจากว่าการแก้เรื่อง การจัดตั้งเรื่องพรรคการเมืองนั้น มันต้องทำโดยพรบ. เพราะว่า คำสั่งคณะปฏิรูปฯ ตามระบบของเราไปถือว่าเป็นกฎหมายเหมือนพระราชบัญญัติ ก็ต้องแก้ไขโดยพระราชบัญญัติ เพียงแต่ว่า ในส่วนของฉบับที่ 27 ที่ไปเกี่ยวกับการห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมนั้น ในคำสั่งเขาไปเขียนเอาไว้ว่า ยกเว้นคณะรัฐมนตรีจะมีมติเป็นอย่างอื่น เพราะฉะนั้นนั่นคือเหตุผลว่าทำไมที่ให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมได้มันมีผลได้ทันที เพราะว่าฉบับที่ 27 เขาเขียนเอาไว้ว่า มติคณะรัฐมนตรีสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ แต่ฉบับที่ 15 ไม่ได้เขียนเอาไว้ เพราะฉะนั้นจะต้องไปแก้โดย สนช. นะครับ ผมก็อยากให้คณะรัฐมนตรีและสนช. ถือเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนนะครับ เพราะว่าเป็นหนทางที่สำคัญ หรือทางหนึ่งในการที่จะคลี่คลายเหตุการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันนะครับ
ผู้ดำเนินรายการ มีข่าวว่า สนช. เขามีความคิดที่จะแก้ฉบับที่ 27 ให้หนักเข้าไปอีกนะครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ คือห้ามใช้ชื่อเดิมเป็นเวลา 5 ปีด้วย
คุณอภิสิทธิ์ ผมเรียนว่าจริง ๆ แล้ว ผมยืนยันมาตั้งแต่ก่อนที่จะมีการตัดสินคดีนะครับว่า การใช้ชื่อพรรคการเมืองที่ถูกยุบไปแล้ว ไม่มีกฎหมายห้ามนะครับ และก็เจตนารมย์ของกฎหมายพรรคการเมือง ยิ่งน่าจะชัดจากบทบัญญัติหลายมาตราว่า ใช้ได้นะครับ เพราะว่า เราก็เคยคุยกันใช่ไม๊ครับ เขากำหนดเป็นหลักเกณฑ์เลยด้วยซ้ำว่า ถ้าเกิดอยากจะใช้ชื่อซึ่งเคยมีมาก่อน จะพิจารณาอย่างไรหากแย่งกันใช้ กฎหมายเขียนอย่างนี้ก็แสดงว่ามันใช้ได้นะครับ ทีนี้ถ้าบอกว่า แหมชื่อนี้มันเป็นชื่อของพรรคการเมืองซึ่งเคยทำความเสียหายหรืออะไรก็แล้วแต่ อันนั้นผมคิดว่าประชาชนจะเป็นคนวินิจฉัยเอง ถูกไม๊ครับ ถ้าชื่อมันไม่ดีจริง ๆ ก็คงไม่มีใครอยากใช้ อันนี้พูดกันอย่างตรงไปตรงมาถูกไม๊ครับ เพราะฉะนั้นผมว่าอย่าไปตัดสินอะไรแทนประชาชนตรงนั้น ตรงไหนที่มันเป็นเรื่องของสิทธิ เสรีภาพ ของการรวมกลุ่ม ของการแข่งขันในทางการเมือง ให้ทำไปนะครับ พรรคที่ถูกยุบ โดยหลักของกฎหมาย การลงโทษนั้นก็เกิดขึ้นกับทางคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งก็คือผู้ดำเนินการทางการเมืองแทนสมาชิกพรรค นะครับ ท่านเหล่านั้นก็รับผิดชอบไปตามคำวินิจฉัยของคณะตุลาการถูกไม๊ครับ แต่ว่าตัวสมาชิก ตัวผู้สนับสนุน ใครต่อใครอีกหลายคน ถ้าเขายังมีความเชื่อในแนวทาง ทางการเมืองของเขา เขาก็ต้องมีสิทธิ เสรีภาพในการที่จะผลักดันต่อไปนะครับ เพราะฉะนั้นผมเองก็อยากจะยืนยันจุดยืนตรงนี้นะครับ เพราะว่าอันนี้เป็นสิ่งที่ผมพูดมาก่อนที่จะมีคำวินิจฉัยนะครับ ก็ยืนยันในความคิดเห็นนี้ แล้วก็การที่จะพยายามไปแก้ไขกฎหมายให้มันเหมือนกับเป็นการปิดกั้น ปิดทางของกลุ่มคน ผมว่ามันจะทำให้ปัญหาบ้านเมืองรุนแรงขึ้น นะครับ เพราะฉะนั้นก็อยากจะให้ตรงนี้เรายอมรับกัน ขณะเดียวกันคำวินิจฉัยของคณะตุลาการเอง มีรายละเอียดมากนะครับ ก็เป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันเผยแพร่ด้วย ถูกไม๊ครับ แล้วก็ทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งก่อนที่จะไปพิจารณาต่อนะครับว่าจะวิพากษ์วิจารณ์ จะมีการดำเนินการอะไรกันอย่างไร อย่างน้อยที่สุดก็ควรจะได้ทราบเหตุผลของท่านนะครับ และก็เป็นเหตุผลที่ผมคิดว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตามต้องยอมรับว่าครั้งนี้เป็นการวินิจฉัยซึ่งมีการให้รายละเอียดทั้งในแง่ข้อเท็จจริงและเหตุผลมากทีเดียวนะครับ เรานั่งฟังกันนี่ 8 ชั่วโมงได้ไม๊ครับ วันนั้น
ผู้ดำเนินรายการ 10 ชั่วโมง ได้ครับ ประมาณ 10 ชั่วโมง
คุณอภิสิทธิ์ กว่าด้วยซ้ำนะฮะ เพราะฉะนั้นอันนี้ต้องศึกษาถ่องแท้กันก่อน แล้วก็ทุกฝ่ายที่เคยพูดเอาไว้ว่าจะยอมรับ น้อมรับคำวินิจฉัย ก็ต้องยอมรับตรงนี้ก่อน ส่วนจะแก้ปัญหาด้วยวิธีใดอย่างไร ถ้าเห็นว่ามีความเหมาะสมจำเป็น นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง นะครับ แล้วก็ตรงนี้ผมก็อยากจะเรียนเพิ่มเติมว่า จะต้องชี้แจงและลำดับให้เห็น โดยเฉพาะสำหรับในส่วนของต่างประเทศบางส่วนด้วย นะครับ เพราะบางทีการสื่อสารออกไปก็เข้าใจกันผิดเช่น บางฉบับหรือบางค่ายเขาก็ไปเขียนเหมือนกับว่าคดีนี้เกิดขึ้นหลังปฏิวัติ ซึ่งมันไม่ใช่นะครับ หรือว่าเหมือนกับผู้ปฏิวัติไปหยิบคนขึ้นมาเป็นองค์คณะพิพากษาเอง ซึ่งก็ไม่ใช่นะครับ อย่างนี้ก็อาจจะต้องมีการชี้แจงข้อเท็จจริงกันไปตามสมควรนะครับ ส่วนการเห็นด้วยไม่เห็นด้วยการวิพากษ์วิจารณ์เป็นเรื่องปกติแล้วก็เป็นสิทธิที่ทำได้นะครับ คืออยู่บนพื้นฐานของหลักวิชาการ ความสุจริตใจ ก็ต้องทำได้เต็มที่ ในส่วนของผมเองและของพรรคฯ เราก็ถือว่าส่วนหนึ่งของคำวินิจฉัยที่เราให้ความสำคัญมากก็คือการที่ท่านพูดถึงบทบาทของพรรคการเมืองในระบบรัฐสภา เพราะฉะนั้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ผมจึงได้แถลงข่าวหลังจากที่มีการยกเลิกคำสั่งของ คปค.นะครับว่า สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องการจะทำก็คือ ช่วงที่ผ่านมาเราก็ได้สัมผัสกับประชาชนแล้วก็ทราบถึงความทุกข์ ปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะเรื่องปากท้อง เรื่องของแพง เรื่องเศรษฐกิจ เกษตรกรเองก็มีปัญหาเยอะ แล้วก็เช่นเดียวกับทางปัญหาของพี่น้องภาคใต้นะครับ ในเรื่องความไม่สงบ ซึ่งผมก็ไปวันศุกร์ที่ผ่านมา ก็ได้สัมผัสทั้งถึงความเสียขวัญ กำลังใจ ความกลัว ความโกรธ นะครับ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันแก้ไขจริง ๆ ผมก็ได้มีโอกาสไปพูดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปพูดถึงว่า เราอยากเห็นสังคมเป็นอย่างไร สังคมที่สันติสุข เศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง คนไทยที่มีความพร้อม ฉลาด แข็งแรง มีคุณธรรม มีหลักประกัน มีสวัสดิการด้วยนะครับ บ้านเมืองมีธรรมาภิบาลนะครับ เราจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน เป้าหมายเหล่านี้คือจุดหลักนะครับ แล้วก็กิจกรรมของพรรคตอนนี้จึงไม่ใช่เรื่องการหาเสียง แต่เป็นเรื่องของการที่เราจะไปพบปะกับประชาชนเพื่อที่จะอธิบายว่าเราคิดเรื่องนี้อย่างไร แล้วก็ฟังเขาว่าเขาคิดเรื่องปัญหาของบ้านเมืองอย่างไร เพราะผมยืนยันเลยว่าหลังการเลือกตั้งนี้นะครับ ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ตามจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เลย ถ้าประชาชนไม่ร่วมมือนะครับ ปัญหาของบ้านเมืองวิกฤติของบ้านเมืองขณะนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจริง ๆ ฉะนั้นตรงนี้คือแนวกิจกรรมของเรา แม้ว่าจะมีการยกเลิกคำสั่งแล้ว ต้องไม่ไปทำอะไรที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความมั่นคงหรือเสถียรภาพของบ้านเมืองนะครับ แล้วก็อยากให้พรรคการเมืองทุกพรรคนะครับ ถ้าทำเหมือนกับที่เราจะทำ คือไปคลุกคลีกับประชาชนเพื่อให้ตื่นตัวในเรื่องการร่วมมือกันแก้ปัญหาจะดีที่สุด ผมคิดว่าบ้านเมืองก็บอบช้ำมามาก ประชาชนเองก็มีปัญหามาก ทุกคนก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยว่าเมื่อไหร่ เมื่อไหร่ปัญหาต่าง ๆ จะจบเสียที นะครับ แล้วก็ปีนี้ก็เป็นปีมหามงคลนะครับ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะมีพระชนม์มายุครบ 80 พรรษา ก็น่าจะเป็นโอกาสที่เราจะมาหลอมรวมจิตใจกันเพื่อให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า อันนี้คือแนวที่เราทำ ฉะนั้นเป็นคำตอบว่า ที่บอกว่าตอนนี้คิดเรื่องจับขั้ว ไม่ใช่เวลานะครับ ยังไม่ใช่เวลาเลยนะครับ ที่จะมาพูดถึงเรื่องนี้นะครับ และที่สำคัญ ผมคิดว่า อยากให้แนวการเมืองมันเปลี่ยนนะครับ แทนที่เราจะมานั่งวิเคราะห์กันว่า ตอนนี้ใครมีอดีต ส.ส. มากกว่า ใครเป็นเหมือนกับตรงนั้น ใครเป็นฐานเสียงของใคร ไม่มีใครเป็นเจ้าของประชาชนนะครับ ไม่ว่าจะภาคเหนือ อีสาน ใต้ กลาง กรุงเทพฯ ไม่มีใครเป็นเจ้าของประชาชน วันนี้เรามาเริ่มต้น ตั้งต้นกันใหม่ในทางการเมืองว่า ใครเสนอตัวเข้ามาแก้ไขปัญหานะครับ ประชาชนมั่นใจว่าใครแก้ปัญหาได้ ก็สนับสนุนคนนั้นนะครับ ผมว่าอันนี้คือสิ่งที่ผมคิดว่า เราผ่านพ้นอะไรมาหลายอย่างนะครับ ถ้าเราเพียงแต่กลับไปเป็นการเมืองแบบสูตรเก่า ๆ สมการเก่า ๆ ถามว่าแล้วที่บอบช้ำมา 2 — 3 ปีมีอะไรดีขึ้นนะครับ
ผู้ดำเนินรายการ ครับ ตกลงพรรคประชาธิปัตย์ ชาติไทย กับมหาชน นี่ยังจับมือกันอยู่หรือเปล่าคุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ เรานี่ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ปี 48 นะครับ แล้วเราก็พูดกันว่า เวลามีเหตุการณ์สำคัญ ๆ ของบ้านเมืองเกิดขึ้น เราจะมาพูดคุยกันนะครับ เพราะฉะนั้นจะเห็นว่าเราก็มีการจัดให้พูดคุยกันมาเป็นระยะ ๆ นะครับ ตอนนี้ก็มีการตัดสินคดีไปแล้ว มีการยกเลิกคำสั่ง เราก็มาพบกันอีกครั้ง ขณะนี้ก็นัดวันที่ 13 ก็จะมาพูดคุยกัน แต่เราก็ตอบคำถามมาหลายครั้ง บอกว่า เอ๊ะ นี่จับมือกันเป็นพันธมิตรทางการเมือง ทางการเลือกตั้งหรือเปล่า เราบอกไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ เราถือว่าพอถึงเวลาตรงนั้น ทุกพรรคมีอิสระ ใครจะตัดสินใจอย่างไรนะครับ ก็ว่ากันไปใช่ไม๊ครับ คือ พรรคชาติไทย ของท่านอดีตนายกฯ บรรหาร ตอนนี้ก็มีคนวิเคราะห์ด้วยซ้ำว่าจะกลายเป็นพรรคใหญ่ ใช่ไม๊ฮะ จะใหญ่กว่าประชาธิปัตย์ด้วย ใช่ไม๊ครับ มันก็เร็วเกินไปที่จะมาพูดอะไร แต่ว่าในฐานะที่ทำงานร่วมกันมานะครับ เราก็ยังปรึกษาหารือกันโดยประเด็นที่เราพูดคุยกัน ก็จะเป็นประเด็นของการที่จะช่วยประคับประคองบ้านเมืองในช่วงนี้ก่อนนะครับ
ผู้ดำเนินรายการ หลังคดียุบพรรค ก็มีการวิจารณ์กันหลายวันแล้ว และก็มีกรุงเทพโพลล์ออกมา เรื่องว่าที่นายกฯ วันนี้ต้องมาถามคุณอภิสิทธิ์ โดยตรงเลยครับว่าพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือเปล่าครับ หลังการเลือกตั้งครั้งใหม่
คุณอภิสิทธิ์ ผมได้เรียนมาหลายครั้งนะครับว่า การที่อาสาตัวเขามายืนตรงนี้ ตามระบบ ต้องมีความพร้อมนะครับ แต่ว่าอย่างที่ผมเรียนเมื่อสักครู่นี้ ผมว่าขณะนี้มันเร็วเกินไปที่จะมาพูดกันตรงนี้ในแง่นั้นนะครับ เพราะว่าขณะนี้เรามีประเด็นที่จะต้องฟันฝ่าร่วมกันนะครับ เรื่องรัฐธรรมนูญ เรื่องประชามติ นะครับ เรื่องอะไรต่อมิอะไรนะครับ รวมไปถึงปัญหาต่าง ๆ ที่จะบอกให้รอการเลือกตั้งทุกปัญหานั้นคงไม่ได้ใช่ไม๊ครับ อย่างเมื่อวานนี้เราก็ฟังดู ผู้เกี่ยวข้องทางเศรษฐกิจบอกต้องรอการเมืองแล้วก็จะดีนั้น มันต้องมาช่วยกันทำว่าจะทำอย่างไรจะให้การเมืองมันดี ไม่ใช่ว่าคนก็นั่งรอเฉย ๆ แล้วคิดว่าพอสิ้นปีนี้ มีเลือกตั้งก็คงจะดีเอง หรืออะไรอย่างนั้น คงไม่ใช่อย่างนั้น เพราะฉะนั้นเรื่องของผลสำรวจ เรื่องของอะไรต่าง ๆ ผมเชื่อว่าก็คงจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอีก เป็นเรื่องปกติธรรมดา อย่างไรก็ขอขอบคุณประชาชนที่ได้ให้ความสนับสนุนนะครับ และก็เป็นกำลังใจนะครับ
ผู้ดำเนินรายการ ครับ ถ้ากลุ่มไทยรักไทย เขาตั้งพรรคใหม่ได้ มันจะเป็นประโยชน์กับบรรยากาศของการแข่งขันทางการเมืองมากกว่าหรือเปล่า ประชาชนจะได้ประโยชน์มากกว่าหรือเปล่า
คุณอภิสิทธิ์ เป็นแน่นอนครับ เป็นแน่นอน เพราะว่าระบอบประชาธิปไตย เป็นระบอบที่ต้องสนับสนุน ส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันและทางเลือกนะครับ เพราะฉะนั้นการที่จะมีทางเลือกเพิ่มขึ้นมา เป็นประโยชน์แน่นอนนะครับ เพราะตรงนี้คือความแตกต่าง และต้องขอโทษนะฮะที่ย้อนกลับไปนิดนึงว่า ที่ผมเคยบอกว่า แตกต่างกันในส่วนของเป้าหมายในทางการเมือง ระหว่างท่านอดีตนายกฯ ทักษิณ กับผม เพราะท่านเชื่อในเรื่องการเมืองแบบพรรคเดียว ผมนั้นพูดมาตลอดเวลาว่า แม้เมื่อไหร่ก็ตามที่พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นพรรคที่ใหญ่ที่สุด เราต้องการเห็นการเมืองอย่างน้อย 2 พรรค ไม่มีความประสงค์ที่จะเห็นการเมืองเหลือพรรคเดียวเลย เพราะนั่นไม่ใช่วิถีทางที่จะทำให้เราได้ประโยชน์จากประชาธิปไตย
ม
ผู้ดำเนินรายการ ครับ ตอนนี้มี 2 ความคิดนะครับ ที่วิเคราะห์กันในตลาด เขามองรัฐบาลในอนาคตหลังการเลือกตั้งว่า ถ้าไม่ใช่รัฐบาลที่ไม่มีปัญหากับ คมช. ก็ต้องเป็นรัฐบาลที่ไม่มีปัญหากับคุณทักษิณ มีอยู่ 2 อันนี้
คุณอภิสิทธิ์ ผมคิดว่าเราอยากเห็นรัฐบาลที่ไม่มีปัญหากับใคร ไอ้ถูกใจไม่จำเป็นต้องถูกใจทุกคนนะครับ เพราะว่าบางเรื่องหรือบางเรื่องพอดำเนินการไปแล้วมันก็ต้องมีคนได้ประโยชน์เสียประโยชน์นะครับ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องไปมีปัญหา คำว่าไม่มีปัญหาคือไม่ใช่ว่าเราตั้งป้อมว่าไปเป็นรัฐบาลแล้ว จะคิดว่าใครอยู่กับเราไม่อยู่กับเรา ใครสนับสนุนเราไม่สนับสนุนเรา ไม่ใช่ เพราะแนวที่ผมพูดมาตลอดก็คือว่า เราต้องการคนที่เป็นนายกฯ ที่เป็นรัฐบาลที่เป็นของคนทุกคนนะครับ ไม่ว่าคนนั้นจะเลือกหรือไม่เลือก สนับสนุน หรือไม่สนับสนุน เพียงแต่ว่าการบริหารนั้นต้องมีหลักในการตัดสินใจ ว่ามีเหตุมีผล มีกฎหมายรองรับ เป็นความถูกต้องเป็นประโยชน์ส่วนรวมนะครับ มันไปไม่ถูกอกถูกใจใครหรือว่ามันไปกระทบกับใครก็ต้องอธิบายได้ว่าเพราะอะไร หรือว่าถ้าเห็นว่ามันมีผลกระทบแล้วจำเป็นจะต้องเยียวยาแก้ไข ก็ว่ากันไป ผมเชื่อในแนวทางนี้มากกว่า เพราะฉะนั้นผมเองจะไม่ค่อยยอมรับนะครับว่า แปลว่ารัฐบาลจะต้องไปมีปัญหาซ้ายข้าง ขวาข้าง ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ ไม่ได้ต้องการรัฐบาลที่ไปฮั้วกันด้วยนะฮะ ไม่ใช่เรื่อง แต่เป็นเรื่องว่า ถ้าผู้มีอำนาจใช้อำนาจอย่างเที่ยงธรรม ตรงไปตรงมา สื่อสารอธิบาย นะครับ ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่รับได้นะครับ เพราะว่าคนที่มีปัญหากันบางที พูดกันเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต อาจจะเกี่ยวข้องกับคนอยู่ไม่กี่คนก็ได้ แต่ว่าประโยชน์ของประชาชนอีกที่เหลือเป็น 60 กว่าล้านคนไปอยู่ตรงไหนหล่ะ เขาก็ต้องการเห็นทุกอย่างมันว่าไปตามกติกาตามระบบ แล้วก็เป็นไปด้วยความราบรื่นเรียบร้อยนั่นคือสิ่งที่มันควรจะเป็นเป้าหมายของทุกคน
ผู้ดำเนินรายการ ครับ บทบาทของกองทัพบทบาทของทหารหลังการเลือกตั้งควรจะเป็นอย่างไร คุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์ ผมคิดว่า ก็ควรจะเป็นไปตามสภาวะปกติของสังคมประชาธิปไตยนะครับ อันนั้นจะดีที่สุดเลยนะครับ แล้วผมคิดว่าถ้าเกิดช่วงนี้ท่านใช้อำนาจอย่างเที่ยงธรรมนะครับ แล้วก็โปร่งใสรวมไปถึงการวางรากฐานของประชาธิปไตยที่ดีก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ท่านจะต้องไปเกรงกลัวว่าหลังการเลือกตั้งไม่มีอำนาจแล้วจะมีปัญหาอะไร
ผู้ดำเนินรายการ ครับ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งครั้งหน้านี้ จำเป็นหรือเปล่าที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องฟังคมช. ต้องฟังคนที่เคยมีอำนาจในคมช.
คุณอภิสิทธิ์ คมช. ก็หมดสภาพไปนะครับ แต่ว่ามี แน่นอนที่สุดกองทัพยังอยู่นะครับ และก็มีหน้าที่สำคัญยิ่งเลยในการที่จะดูแลความมั่นคงของประเทศใช่ไม๊ครับ ปกป้องประเทศ ความเห็นของกองทัพก็เป็นความเห็นที่ทุกรัฐบาลก็ต้องรับฟังนะครับ แต่เป็นเรื่องของภารกิจของกองทัพ ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางการเมืองของฝ่ายใด เท่านั้นเองครับ
ผู้ดำเนินรายการ การที่กรรมาธิการยกร่างฯ เมื่อวานนี้มีมติกลับไปใช้ระบบเขตเดียวคนเดียว เพียงแต่ว่าก็ไม่ใช่ 400 เขตนะครับ ก็เป็น 320 เขต บวกปาร์ตี้ลิสต์ 80 การกลับไปใช้เขตเดียวคนเดียว คุณอภิสิทธิ์เห็นด้วยไม๊ครับ
คุณอภิสิทธิ์ ถ้าถามส่วนตัวผมคิดว่า ระบบเขตแบบ 3 คน นะครับในช่วงที่ผ่านมานั้น ผมดูว่าทำงานได้ดีกว่า แต่ผมไม่ถือเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่นะครับ เพราะผมถือว่าระบบเลือกตั้งตราบเท่าที่เป็นประชาธิปไตยใช้ได้ทั้งสิ้น กำหนดมาเราเป็นผู้เล่น เราก็ปฏิบัติได้
ผู้ดำเนินรายการ ครับ วันนี้เวลาตามนี้ก่อน ขอบคุณมากครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ สวัสดีครับ
คุณอภิสิทธิ์ ขอบคุณครับ
*************************************************
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 8 มิ.ย. 2550--จบ--