วันนี้(11 มี.ค.50) นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีผลกระทบเรื่องมลภาวะในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือนร้อน และส่งผลให้ตัวเลขผู้ป่วยด้วยโรคทางเดินหาย และโรคมะเร็ง ในเขตจังหวัดระยองเพิ่มมากขึ้น
ตนได้ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด และขอเสนอแนะ ว่าให้รัฐบาลยุติการขยาย พื้นที่การลงทุนในส่วนนิคมอุตสาหกรรมาบตาพุด และในช่วง1ปีของรัฐบาลต้องมีความจริงจังในการตรวจสอบถึงสาเหตุของผลกระทบจากปัญหาว่ามลพิษกับความเจ็บป่วยสัมพันธ์กันมากน้อยแค่ไหนและตนอยากเรียกร้องให้รัฐบาลประกาศให้เขตนิคมอุตสหกรรมมาบตาพุด เป็นเขตควบคุมมลพิษ
ซึ่งในวันนี้ตนเห็นข่าวที่ นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.อุตสาหกรรม ประกาศจะขยายการลงทุนในมาบตาพุด ดังนั้นตนจึงขอฝากเป็นข้อสังเกตไปยังรองนายกฯ ว่ารัฐบาลควรชั่งน้ำหนักให้ดีในเรื่องของคุณภาพชีวิตของประชาชน ในพื้นที่กับความเติบโตของเศรษฐกิจ แต่ทางออกที่ดีที่สุดคือการหาแนวทางการอยู่ร่วมกันระหว่างโรงงานที่ไปสร้างความเจริญให้กับพื้นที่กับ ประชาชน โดยให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
โดยตนมีข้อเสนอว่ารัฐบาลต้องเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่ในการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐที่ควบคุมมลภาวะในพื้นที่นั้นๆ เช่นการนิคมอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมจังหวัด หากประชาชนมีความเชื่อมั่นกับองค์เหล่านี้การอยู่ร่วมกันก็ไม่มีปัญหา อีกประการหนึ่งคือ รัฐต้องมีความโปร่งใสจริงใจในการแก้ไขปัญหาเรื่องมลภาวะ แผนงานต้องชัดเจน และประการที่สำคัญ คือรัฐจะต้องผลักดันให้มีสวัสดิการของผู้ที่ได้รับผลกระทบทางมลภาวะโดยตรง นั้นคือประชาชนในพื้นที่ โดยหลักว่าใครใช้ ใครจ่าย หมายความว่า ให้โรงงานที่อยู่ในเขตนิคมเป็นผู้ชดใช้ หรือเป็นผู้จ่าย โดยอาจจจ่ายในรูปแบบของภาษี หรือรูปแบบใดก็ตาม เป้นกองทุนสำหรับประชาชนในพื้นที่เป็นพิเศษ ส่วนวิธีการต่างต้องดูอย่างละเอียดและรอบคอบที่สำคัญประชาชนต้องมีส่วนร่วม
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 11 มี.ค. 2550--จบ--
ตนได้ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด และขอเสนอแนะ ว่าให้รัฐบาลยุติการขยาย พื้นที่การลงทุนในส่วนนิคมอุตสาหกรรมาบตาพุด และในช่วง1ปีของรัฐบาลต้องมีความจริงจังในการตรวจสอบถึงสาเหตุของผลกระทบจากปัญหาว่ามลพิษกับความเจ็บป่วยสัมพันธ์กันมากน้อยแค่ไหนและตนอยากเรียกร้องให้รัฐบาลประกาศให้เขตนิคมอุตสหกรรมมาบตาพุด เป็นเขตควบคุมมลพิษ
ซึ่งในวันนี้ตนเห็นข่าวที่ นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.อุตสาหกรรม ประกาศจะขยายการลงทุนในมาบตาพุด ดังนั้นตนจึงขอฝากเป็นข้อสังเกตไปยังรองนายกฯ ว่ารัฐบาลควรชั่งน้ำหนักให้ดีในเรื่องของคุณภาพชีวิตของประชาชน ในพื้นที่กับความเติบโตของเศรษฐกิจ แต่ทางออกที่ดีที่สุดคือการหาแนวทางการอยู่ร่วมกันระหว่างโรงงานที่ไปสร้างความเจริญให้กับพื้นที่กับ ประชาชน โดยให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
โดยตนมีข้อเสนอว่ารัฐบาลต้องเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่ในการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐที่ควบคุมมลภาวะในพื้นที่นั้นๆ เช่นการนิคมอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมจังหวัด หากประชาชนมีความเชื่อมั่นกับองค์เหล่านี้การอยู่ร่วมกันก็ไม่มีปัญหา อีกประการหนึ่งคือ รัฐต้องมีความโปร่งใสจริงใจในการแก้ไขปัญหาเรื่องมลภาวะ แผนงานต้องชัดเจน และประการที่สำคัญ คือรัฐจะต้องผลักดันให้มีสวัสดิการของผู้ที่ได้รับผลกระทบทางมลภาวะโดยตรง นั้นคือประชาชนในพื้นที่ โดยหลักว่าใครใช้ ใครจ่าย หมายความว่า ให้โรงงานที่อยู่ในเขตนิคมเป็นผู้ชดใช้ หรือเป็นผู้จ่าย โดยอาจจจ่ายในรูปแบบของภาษี หรือรูปแบบใดก็ตาม เป้นกองทุนสำหรับประชาชนในพื้นที่เป็นพิเศษ ส่วนวิธีการต่างต้องดูอย่างละเอียดและรอบคอบที่สำคัญประชาชนต้องมีส่วนร่วม
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 11 มี.ค. 2550--จบ--