23 สค. 50 ที่โรงแรมมีเลีย ฮานอย กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าพบนายเจือน ตัน สาว กรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์และสมาชิกกรมการเมืองเวียดนาม ณ ที่ทำการพรรคคอมมิวนิสต์ กรุงฮานอย ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า ได้มีการหารือถึงความร่วมมือด้านต่างๆโดยเฉพาะในระดับพรรคการเมือง เพราะพรรคคอมมิวนิสต์ถือเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศเวียดนาม แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าไม่ว่าจะอยู่ในฐานะอะไร ก็จะยังคงทำหน้าที่ฝ่ายการเมืองที่จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศตลอดเวลา ทั้งนี้ สิ่งที่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันมาก คือ เรื่องเศรษฐกิจ เนื่องจาก ตอนนี้ประเทศเวียดนามมีการเติบโตทางเศรษฐกิจรวดเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะเดียวกันฝ่ายเวียดนามได้มองเห็นถึงประโยชน์ในการเชื่อมโยงกับประเทศไทย และโอกาสที่จะเกิดขึ้นสำหรับคนไทยก็จะมีมากขึ้น
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ได้มีการพูดคุยถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงระหว่างไทยและเวียดนามไปจนถึงเรื่องอื่นๆ ซึ่งตนได้นำเสนอแนวคิดของพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวกับการปรับปรุงระบบขนส่ง(โลจิสติกส์)ที่จะช่วยให้เศรษฐกิจของภูมิภาคนี้เติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะในภาคอีสานของไทยและพื้นที่ตอนกลางของเวียดนามที่จะมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้อีกมาก อีกทั้งได้มีการพูดถึงความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวที่จะได้รับประโยชน์จากการเชื่อมโยงทั้ง 2 ประเทศ สำหรับในแง่อื่นๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองและความมั่นคงระหว่างไทยและเวียดนามในระยะหลังก็ไม่มีปัญหาและดำเนินไปด้วยดี ตลอดจนได้มีการพูดถึงการดำเนินงานของประชาคมอาเซียน ซึ่งเวียดนามสามารถมีบทบาทได้มากจากการเป็นแรงจูงใจดึงสมาชิกใหม่ของอาเซียนโดยเฉพาะประเทศลาวและกัมพูชาให้มีความมั่นใจมากขึ้นในการรวมตัวทางเศรษฐกิจ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับในเรื่องการเมืองของไทย พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้ติดตามสถานการณ์ของไทยอย่างใกล้ชิด และได้แสดงความยินดีที่ประเทศไทยกำลังหวนกลับเข้าสู่การเลือกตั้ง ภายหลังการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งตนยืนยันว่าทุกฝ่ายต้องการให้การเมืองกลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 ส.ค. 2550--จบ--
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ได้มีการพูดคุยถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงระหว่างไทยและเวียดนามไปจนถึงเรื่องอื่นๆ ซึ่งตนได้นำเสนอแนวคิดของพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวกับการปรับปรุงระบบขนส่ง(โลจิสติกส์)ที่จะช่วยให้เศรษฐกิจของภูมิภาคนี้เติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะในภาคอีสานของไทยและพื้นที่ตอนกลางของเวียดนามที่จะมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้อีกมาก อีกทั้งได้มีการพูดถึงความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวที่จะได้รับประโยชน์จากการเชื่อมโยงทั้ง 2 ประเทศ สำหรับในแง่อื่นๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองและความมั่นคงระหว่างไทยและเวียดนามในระยะหลังก็ไม่มีปัญหาและดำเนินไปด้วยดี ตลอดจนได้มีการพูดถึงการดำเนินงานของประชาคมอาเซียน ซึ่งเวียดนามสามารถมีบทบาทได้มากจากการเป็นแรงจูงใจดึงสมาชิกใหม่ของอาเซียนโดยเฉพาะประเทศลาวและกัมพูชาให้มีความมั่นใจมากขึ้นในการรวมตัวทางเศรษฐกิจ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับในเรื่องการเมืองของไทย พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้ติดตามสถานการณ์ของไทยอย่างใกล้ชิด และได้แสดงความยินดีที่ประเทศไทยกำลังหวนกลับเข้าสู่การเลือกตั้ง ภายหลังการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งตนยืนยันว่าทุกฝ่ายต้องการให้การเมืองกลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 ส.ค. 2550--จบ--