แท็ก
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงศึกษาธิการ
กระทรวงวัฒนธรรม
จังหวัดลพบุรี
รัฐมนตรี
กรุงเทพ--28 ก.พ.--กระทรวงการต่างประเทศ
ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้แทนจังหวัด ผู้แทนโรงเรียนและนักเรียนโรงเรียนนำร่องจากจังหวัดลพบุรี อุทัยธานี อุบลราชธานี และชุมพรและผู้เข้าร่วมการสัมมนาทุกท่าน
ก่อนอื่น ผมขอต้อนรับและขอขอบคุณทุกท่านโดยเฉพาะ 21 โรงเรียนนำร่องที่ได้เข้าร่วมโครงการเยาวชนนั้นไซร้คือพลังแผ่นดิน ซึ่งผมได้รับทราบด้วยความยินดียิ่งจากคณะผู้แทนไทยประจำสหภาพยุโรป/สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ ในฐานะผู้ริเริ่มโครงการฯ ถึงความกระตือรือร้นที่จังหวัด โรงเรียนและนักเรียนจากโรงเรียนนำร่องมีต่อการดำเนินกิจกรรมโครงการฯ มาโดยตลอดนับตั้งแต่เริ่มโครงการฯ เมื่อเดือน มิ.ย. 2549 จนถึงสิ้นสุดโครงการใน เดือน ก.พ. นี้ ซึ่งการสัมมนาในครั้งนี้มีขึ้นเพื่อให้ทุกฝ่ายได้ร่วมกันสรุปและประเมินผลการดำเนินโครงการฯ ทั้งหมดเป็นขั้นสุดท้ายและถือเป็นการปิดการดำเนินโครงการฯ ในลักษณะนำร่อง
จากเมื่อครู่ที่ผมได้ชมนิทรรศการแสดงผลงานการดำเนินกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ซึ่งเป็นหัวใจของโครงการฯ โดยนักเรียนจากโรงเรียนนำร่องทั้ง 21 แห่ง ผมยิ่งมีความประทับใจในความตั้งอกตั้งใจของทุกท่าน โดยเฉพาะการตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมของเด็กนักเรียนทุกคนที่ได้ลงมือทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ด้วยตนเองอันเป็นพื้นฐานของการสร้างคุณสมบัติที่พึงมีในนักเรียนทุกคนอย่างยั่งยืนและทั่วถึง
นอกจากนี้ ผมยินดีที่ได้รับทราบว่าจากการประเมินผลครึ่งทางของโครงการฯ ในการสัมมนาครั้งที่ 2 เมื่อเดือนตุลาคม 2549 โดยจังหวัด โรงเรียนและนักเรียนเห็นพ้องกันว่าสิ่งที่ดำเนินการไปได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากชุมชน ครอบครัวและตัวนักเรียนเอง จึงเป็นมติที่ประชุมฯ ให้กระทรวงการต่างประเทศ โดยคณะผู้แทนไทยประจำสหภาพยุโรป/สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ เสนอแนวคิดและผลสำเร็จครึ่งทางของโครงการฯ ต่อรัฐบาลเพื่อทราบผลในเบื้องต้น ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้ว ผมจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในการสัมมนาครั้งนี้ ซึ่งเป็นการสรุปประเมินผลขั้นสุดท้ายของโครงการฯ ทุกท่านที่ร่วมในโครงการฯ จะช่วยกันเน้นย้ำถึงประโยชน์และความเป็นรูปธรรมของการดำเนินโครงการฯ ที่เป็นส่วนใน กระบวนการกล่อมเกลาจริยธรรม/คุณธรรมให้แก่เยาวชนของชาติที่เป็นพลังของแผ่นดินว่าสมควรได้รับการนำไปขยายผลให้มีการปฏิบัติในวงกว้างทั่วประเทศอย่างเป็นระบบ สม่ำเสมอและยั่งยืน เพื่อกระทรวงการต่างประเทศจะได้นำผลที่เป็นรูปธรรมของการดำเนินโครงการฯ ในภาพรวมทั้งหมด เสนอต่อรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้พิจารณาบรรจุเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรการศึกษาระดับมัธยมทั่วประเทศในปีการศึกษา 2550 เป็นต้นไป หรือในโอกาสแรกที่จะดำเนินการได้
ที่ผมกล่าวไปเป็นแผนงานระยะสั้นของกระทรวงการต่างประเทศ แต่ในระยะยาวแล้ว กระทรวงการต่างประเทศมีความตั้งใจที่จะมีส่วนในการรณรงค์และส่งเสริมงานด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศซึ่งมุ่งเน้นที่เยาวชนฯ แม้ในความเป็นจริงแล้ว กระทรวงการต่างประเทศได้เริ่มโครงการยุวทูตความดีตั้งแต่เมื่อปี 2542 ที่เน้นระดับประถมศึกษา ซึ่งจนถึงขณะนี้มีกว่า 2000 โรงเรียนทั่วประเทศในโครงการฯ และต่อยอดด้วยโครงการเยาวชนนั้นไซร้ฯ ในปี 2549 ที่เน้นระดับมัธยมศึกษา ซึ่งเป็นโครงการฯ ที่ได้รับความเห็นชอบเป็นโครงการบูรณาการร่วมกันของสถานเอกอัครราชทูตไทยในภูมิภาคยุโรป 20 แห่ง ดังที่ ทุกท่านทราบกันดีอยู่แล้ว
ผมเชื่อว่าหลายท่านคงยังต้องการคำตอบในใจว่า ทำไมกระทรวงการต่างประเทศต้องเข้ามาทำหรือมีส่วนผลักดันเรื่องนี้? คำตอบพื้นฐานก็คือเป็นการตอบสนองต่อพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวที่ได้ทรงแสดงความห่วงพระราชหฤทัยต่อประเด็นพื้นฐานของไทยที่คนในชาติขาดแคลนวินัย ความมีน้ำใจ ความรับผิดชอบ ความสัตย์ซื่อ และการรู้รักสามัคคี ฯลฯ จึงถือเป็นภารกิจของคนไทยทุกคนที่ต้องรับผิดชอบพัฒนาเยาวชนคนรุ่นใหม่ของชาติเพื่อให้ได้คนรุ่นใหม่ที่เพียบพร้อมสามารถสืบสานความยั่งยืนอย่างมั่นคงของประเทศชาติและเสริมสร้างความผาสุกของคนในชาติโดยรวม
จุดสำคัญของโครงการฯ ทั้งสองเกิดขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชสักการะต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ (72 พรรษา) ในปี 2542 โดยโครงการยุวทูตความดี และเพื่อถวายเป็นพระราชสักการะในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีและต่อเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษาในปี พ.ศ. 2550 ด้วยโครงการเยาวชนนั้นไซร้คือพลังแผ่นดินในลักษณะที่เป็นการ “สร้างคนรุ่นใหม่ที่เพียบพร้อมด้วยคุณธรรม/จริยธรรมและมีคุณภาพ”
การดำเนินโครงการด้านนี้ยังเป็นการสนองต่อนโยบายของรัฐบาลปัจจุบันในเชิงปฏิบัติ คือ การเน้นคุณธรรมนำการศึกษา การปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีและจิตสาธารณะในเยาวชน รวมทั้งการเสริมสร้างให้เยาวชนมีความตระหนักในความพอเพียงที่ดีด้วย และเมื่อไม่นานมานี้ คณะรัฐมนตรียังเห็นชอบในการให้ข้าราชการและทุกหน่วยงานจัดเวลาให้แก่การทำกิจกรรมอาสาช่วยเหลือสังคมซึ่งเป็นการดำเนินการครบวงจรสำหรับในทุกรุ่นทุกวัย ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศจึงเห็นว่าการส่งเสริมการขยายผลในวงกว้างและอย่างยั่งยืนของโรงเรียนนำร่องของท่านน่าจะได้รับการสนับสนุนให้เป็นแบบอย่าง ที่พึงยกย่องต่อไปอย่างยั่งยืนและกว้างขวางมากยิ่งขึ้น
นอกจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศเห็นว่า การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในระดับเยาวชนใน องค์รวม (holistic) เพื่อผลในการเพิ่มความเข้มแข็ง/มั่นคงให้แก่ประเทศชาติถือเป็นหนึ่งในระเบียบวาระของชาติร่วมกันของทุกหน่วยงาน/องค์กร
แม้การพัฒนาเยาวชนจะมิใช่ภารกิจหลักของกระทรวงการต่างประเทศ ทว่าโดยบทบาท หน้าที่และความรับผิดชอบของกระทรวงการต่างประเทศในฐานะเป็นศูนย์กลางของงานความสัมพันธ์ของไทยกับทุกประเทศทั่วโลก และโครงสร้างการบริหารงานที่มีที่ตั้งทั้งภายในประเทศและในทุกทวีปของโลก ทำให้มองเห็นภาพรวมของความเป็นไปในด้านต่างๆ ของประเทศควบคู่ไปกับการตระหนักในพัฒนาการของประเทศต่างๆ ทั่วโลก และด้วยประสบการณ์โดยตรงในการติดต่อปฏิสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทำให้กระทรวงการต่างประเทศได้เข้าใจถึงการดำเนินงานของหลายประเทศที่ให้ความสำคัญยิ่งยวดต่อการพัฒนาคนในชาติ เพราะล้วนประจักษ์แจ้งว่า คุณภาพ “คน” เป็นหัวใจ / ศูนย์กลางของการพัฒนาประเทศในโลกยุคโลกาภิวัฒน์ และเป็นคำตอบสุดท้ายในทุกประเด็นปัญหาของทุกสังคม
ในส่วนของบุคลากรของกระทรวงการต่างประเทศก็เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีโอกาสได้สัมผัสชีวิต สั่งสมการเรียนรู้จากอาชีพที่ต้องใช้ชีวิตส่วนหนึ่งที่สำคัญในต่างประเทศ สามารถใช้ประสบการณ์ในต่างประเทศเชื่อมโยงและมองย้อนมายังประเทศไทยโดยเปรียบเทียบพัฒนาการที่เกิดขึ้นว่าการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาอันจะนำพาให้ประเทศชาติก้าวหน้าทัดเทียมนานาประเทศได้
โดยสรุปคือ การตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ ผนวกกับการตระหนักถึงความพร้อมในด้านทรัพยากรบุคคลของกระทรวงการต่างประเทศ
ทำให้กระทรวงฯ ก้าวเข้ามามีบทบาทในงานด้านนี้ดังที่ได้ริเริ่มไปแล้วใน 2 โครงการดังกล่าว
ในขณะนี้ กระทรวงการต่างประเทศมีวิสัยทัศน์ให้โครงการที่ได้ริเริ่มในด้านการพัฒนาเยาวชนดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ยั่งยืน และเป็นระบบ เพื่อผลสำเร็จรูปธรรมในระยะยาวในด้านการสร้าง “คน” ที่มีคุณธรรม/จริยธรรม ซึ่งจะเป็นพื้นฐานของการสร้างคนที่มีคุณภาพของประเทศ โดยจะจัดตั้ง
“มูลนิธิยูวทูตความดี” เพื่อเป็นกลไกประจำ/ถาวรของกระทรวงการต่างประเทศในการปฏิบัติ งานด้านการพัฒนาเยาวชนที่ได้ริเริ่มไว้ รวมทั้งรองรับเมื่อแนวคิดโครงการเยาวชนนั้นไซร้ฯ ได้รับการบรรจุเป็นหลักสูตรระดับมัธยมศึกษาทั่วประเทศในอนาคต
ท้ายนี้ ผมขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งหนึ่งที่ได้ร่วมกับกระทรวงในการบุกเบิกนำร่องโครงการด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในระดับเยาวชนของกระทรวงจนมาถึงขั้นสุดท้ายของโครงการเยาวชนนั้นไซร้ฯ ในวันนี้ ความตั้งใจและการลงมือลงแรงทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ของนักเรียนทุกคนภายใต้การชี้แนะและสนับสนุนจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดและคุณครูทุกท่านถือเป็นกิจกรรมที่มีคุณค่าเสมือนเป็นการเพาะหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งคุณธรรม/จริยธรรมในจิตใจของเยาวชนไทย ซึ่งจะเป็นพลังแผ่นดินที่มีคุณค่าและคุณภาพ ที่จะช่วยในการพัฒนาสังคมชาติไทยให้เข้มแข็งและส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในสังคมโลกในอนาคตสืบไป
ขออวยพรให้การสัมมนาในครั้งนี้ประสบความสำเร็จที่ตั้งเป้าหมายไว้ทุกประการ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้แทนจังหวัด ผู้แทนโรงเรียนและนักเรียนโรงเรียนนำร่องจากจังหวัดลพบุรี อุทัยธานี อุบลราชธานี และชุมพรและผู้เข้าร่วมการสัมมนาทุกท่าน
ก่อนอื่น ผมขอต้อนรับและขอขอบคุณทุกท่านโดยเฉพาะ 21 โรงเรียนนำร่องที่ได้เข้าร่วมโครงการเยาวชนนั้นไซร้คือพลังแผ่นดิน ซึ่งผมได้รับทราบด้วยความยินดียิ่งจากคณะผู้แทนไทยประจำสหภาพยุโรป/สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ ในฐานะผู้ริเริ่มโครงการฯ ถึงความกระตือรือร้นที่จังหวัด โรงเรียนและนักเรียนจากโรงเรียนนำร่องมีต่อการดำเนินกิจกรรมโครงการฯ มาโดยตลอดนับตั้งแต่เริ่มโครงการฯ เมื่อเดือน มิ.ย. 2549 จนถึงสิ้นสุดโครงการใน เดือน ก.พ. นี้ ซึ่งการสัมมนาในครั้งนี้มีขึ้นเพื่อให้ทุกฝ่ายได้ร่วมกันสรุปและประเมินผลการดำเนินโครงการฯ ทั้งหมดเป็นขั้นสุดท้ายและถือเป็นการปิดการดำเนินโครงการฯ ในลักษณะนำร่อง
จากเมื่อครู่ที่ผมได้ชมนิทรรศการแสดงผลงานการดำเนินกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ซึ่งเป็นหัวใจของโครงการฯ โดยนักเรียนจากโรงเรียนนำร่องทั้ง 21 แห่ง ผมยิ่งมีความประทับใจในความตั้งอกตั้งใจของทุกท่าน โดยเฉพาะการตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมของเด็กนักเรียนทุกคนที่ได้ลงมือทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ด้วยตนเองอันเป็นพื้นฐานของการสร้างคุณสมบัติที่พึงมีในนักเรียนทุกคนอย่างยั่งยืนและทั่วถึง
นอกจากนี้ ผมยินดีที่ได้รับทราบว่าจากการประเมินผลครึ่งทางของโครงการฯ ในการสัมมนาครั้งที่ 2 เมื่อเดือนตุลาคม 2549 โดยจังหวัด โรงเรียนและนักเรียนเห็นพ้องกันว่าสิ่งที่ดำเนินการไปได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากชุมชน ครอบครัวและตัวนักเรียนเอง จึงเป็นมติที่ประชุมฯ ให้กระทรวงการต่างประเทศ โดยคณะผู้แทนไทยประจำสหภาพยุโรป/สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ เสนอแนวคิดและผลสำเร็จครึ่งทางของโครงการฯ ต่อรัฐบาลเพื่อทราบผลในเบื้องต้น ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้ว ผมจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในการสัมมนาครั้งนี้ ซึ่งเป็นการสรุปประเมินผลขั้นสุดท้ายของโครงการฯ ทุกท่านที่ร่วมในโครงการฯ จะช่วยกันเน้นย้ำถึงประโยชน์และความเป็นรูปธรรมของการดำเนินโครงการฯ ที่เป็นส่วนใน กระบวนการกล่อมเกลาจริยธรรม/คุณธรรมให้แก่เยาวชนของชาติที่เป็นพลังของแผ่นดินว่าสมควรได้รับการนำไปขยายผลให้มีการปฏิบัติในวงกว้างทั่วประเทศอย่างเป็นระบบ สม่ำเสมอและยั่งยืน เพื่อกระทรวงการต่างประเทศจะได้นำผลที่เป็นรูปธรรมของการดำเนินโครงการฯ ในภาพรวมทั้งหมด เสนอต่อรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้พิจารณาบรรจุเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรการศึกษาระดับมัธยมทั่วประเทศในปีการศึกษา 2550 เป็นต้นไป หรือในโอกาสแรกที่จะดำเนินการได้
ที่ผมกล่าวไปเป็นแผนงานระยะสั้นของกระทรวงการต่างประเทศ แต่ในระยะยาวแล้ว กระทรวงการต่างประเทศมีความตั้งใจที่จะมีส่วนในการรณรงค์และส่งเสริมงานด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศซึ่งมุ่งเน้นที่เยาวชนฯ แม้ในความเป็นจริงแล้ว กระทรวงการต่างประเทศได้เริ่มโครงการยุวทูตความดีตั้งแต่เมื่อปี 2542 ที่เน้นระดับประถมศึกษา ซึ่งจนถึงขณะนี้มีกว่า 2000 โรงเรียนทั่วประเทศในโครงการฯ และต่อยอดด้วยโครงการเยาวชนนั้นไซร้ฯ ในปี 2549 ที่เน้นระดับมัธยมศึกษา ซึ่งเป็นโครงการฯ ที่ได้รับความเห็นชอบเป็นโครงการบูรณาการร่วมกันของสถานเอกอัครราชทูตไทยในภูมิภาคยุโรป 20 แห่ง ดังที่ ทุกท่านทราบกันดีอยู่แล้ว
ผมเชื่อว่าหลายท่านคงยังต้องการคำตอบในใจว่า ทำไมกระทรวงการต่างประเทศต้องเข้ามาทำหรือมีส่วนผลักดันเรื่องนี้? คำตอบพื้นฐานก็คือเป็นการตอบสนองต่อพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวที่ได้ทรงแสดงความห่วงพระราชหฤทัยต่อประเด็นพื้นฐานของไทยที่คนในชาติขาดแคลนวินัย ความมีน้ำใจ ความรับผิดชอบ ความสัตย์ซื่อ และการรู้รักสามัคคี ฯลฯ จึงถือเป็นภารกิจของคนไทยทุกคนที่ต้องรับผิดชอบพัฒนาเยาวชนคนรุ่นใหม่ของชาติเพื่อให้ได้คนรุ่นใหม่ที่เพียบพร้อมสามารถสืบสานความยั่งยืนอย่างมั่นคงของประเทศชาติและเสริมสร้างความผาสุกของคนในชาติโดยรวม
จุดสำคัญของโครงการฯ ทั้งสองเกิดขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชสักการะต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ (72 พรรษา) ในปี 2542 โดยโครงการยุวทูตความดี และเพื่อถวายเป็นพระราชสักการะในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีและต่อเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษาในปี พ.ศ. 2550 ด้วยโครงการเยาวชนนั้นไซร้คือพลังแผ่นดินในลักษณะที่เป็นการ “สร้างคนรุ่นใหม่ที่เพียบพร้อมด้วยคุณธรรม/จริยธรรมและมีคุณภาพ”
การดำเนินโครงการด้านนี้ยังเป็นการสนองต่อนโยบายของรัฐบาลปัจจุบันในเชิงปฏิบัติ คือ การเน้นคุณธรรมนำการศึกษา การปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีและจิตสาธารณะในเยาวชน รวมทั้งการเสริมสร้างให้เยาวชนมีความตระหนักในความพอเพียงที่ดีด้วย และเมื่อไม่นานมานี้ คณะรัฐมนตรียังเห็นชอบในการให้ข้าราชการและทุกหน่วยงานจัดเวลาให้แก่การทำกิจกรรมอาสาช่วยเหลือสังคมซึ่งเป็นการดำเนินการครบวงจรสำหรับในทุกรุ่นทุกวัย ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศจึงเห็นว่าการส่งเสริมการขยายผลในวงกว้างและอย่างยั่งยืนของโรงเรียนนำร่องของท่านน่าจะได้รับการสนับสนุนให้เป็นแบบอย่าง ที่พึงยกย่องต่อไปอย่างยั่งยืนและกว้างขวางมากยิ่งขึ้น
นอกจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศเห็นว่า การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในระดับเยาวชนใน องค์รวม (holistic) เพื่อผลในการเพิ่มความเข้มแข็ง/มั่นคงให้แก่ประเทศชาติถือเป็นหนึ่งในระเบียบวาระของชาติร่วมกันของทุกหน่วยงาน/องค์กร
แม้การพัฒนาเยาวชนจะมิใช่ภารกิจหลักของกระทรวงการต่างประเทศ ทว่าโดยบทบาท หน้าที่และความรับผิดชอบของกระทรวงการต่างประเทศในฐานะเป็นศูนย์กลางของงานความสัมพันธ์ของไทยกับทุกประเทศทั่วโลก และโครงสร้างการบริหารงานที่มีที่ตั้งทั้งภายในประเทศและในทุกทวีปของโลก ทำให้มองเห็นภาพรวมของความเป็นไปในด้านต่างๆ ของประเทศควบคู่ไปกับการตระหนักในพัฒนาการของประเทศต่างๆ ทั่วโลก และด้วยประสบการณ์โดยตรงในการติดต่อปฏิสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทำให้กระทรวงการต่างประเทศได้เข้าใจถึงการดำเนินงานของหลายประเทศที่ให้ความสำคัญยิ่งยวดต่อการพัฒนาคนในชาติ เพราะล้วนประจักษ์แจ้งว่า คุณภาพ “คน” เป็นหัวใจ / ศูนย์กลางของการพัฒนาประเทศในโลกยุคโลกาภิวัฒน์ และเป็นคำตอบสุดท้ายในทุกประเด็นปัญหาของทุกสังคม
ในส่วนของบุคลากรของกระทรวงการต่างประเทศก็เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีโอกาสได้สัมผัสชีวิต สั่งสมการเรียนรู้จากอาชีพที่ต้องใช้ชีวิตส่วนหนึ่งที่สำคัญในต่างประเทศ สามารถใช้ประสบการณ์ในต่างประเทศเชื่อมโยงและมองย้อนมายังประเทศไทยโดยเปรียบเทียบพัฒนาการที่เกิดขึ้นว่าการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาอันจะนำพาให้ประเทศชาติก้าวหน้าทัดเทียมนานาประเทศได้
โดยสรุปคือ การตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ ผนวกกับการตระหนักถึงความพร้อมในด้านทรัพยากรบุคคลของกระทรวงการต่างประเทศ
ทำให้กระทรวงฯ ก้าวเข้ามามีบทบาทในงานด้านนี้ดังที่ได้ริเริ่มไปแล้วใน 2 โครงการดังกล่าว
ในขณะนี้ กระทรวงการต่างประเทศมีวิสัยทัศน์ให้โครงการที่ได้ริเริ่มในด้านการพัฒนาเยาวชนดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ยั่งยืน และเป็นระบบ เพื่อผลสำเร็จรูปธรรมในระยะยาวในด้านการสร้าง “คน” ที่มีคุณธรรม/จริยธรรม ซึ่งจะเป็นพื้นฐานของการสร้างคนที่มีคุณภาพของประเทศ โดยจะจัดตั้ง
“มูลนิธิยูวทูตความดี” เพื่อเป็นกลไกประจำ/ถาวรของกระทรวงการต่างประเทศในการปฏิบัติ งานด้านการพัฒนาเยาวชนที่ได้ริเริ่มไว้ รวมทั้งรองรับเมื่อแนวคิดโครงการเยาวชนนั้นไซร้ฯ ได้รับการบรรจุเป็นหลักสูตรระดับมัธยมศึกษาทั่วประเทศในอนาคต
ท้ายนี้ ผมขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งหนึ่งที่ได้ร่วมกับกระทรวงในการบุกเบิกนำร่องโครงการด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในระดับเยาวชนของกระทรวงจนมาถึงขั้นสุดท้ายของโครงการเยาวชนนั้นไซร้ฯ ในวันนี้ ความตั้งใจและการลงมือลงแรงทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ของนักเรียนทุกคนภายใต้การชี้แนะและสนับสนุนจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดและคุณครูทุกท่านถือเป็นกิจกรรมที่มีคุณค่าเสมือนเป็นการเพาะหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งคุณธรรม/จริยธรรมในจิตใจของเยาวชนไทย ซึ่งจะเป็นพลังแผ่นดินที่มีคุณค่าและคุณภาพ ที่จะช่วยในการพัฒนาสังคมชาติไทยให้เข้มแข็งและส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในสังคมโลกในอนาคตสืบไป
ขออวยพรให้การสัมมนาในครั้งนี้ประสบความสำเร็จที่ตั้งเป้าหมายไว้ทุกประการ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-