นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า จากการที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ติดตามการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ คือ 1.พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2.พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. และ 3.พ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยคณะอนุกรรมาธิการจัดทำร่างฯ ในคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) พบว่ามีหลายประเด็นที่พรรคไม่เห็นด้วยและขอเสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไขก่อนตราเป็น พ.ร.บ.ที่มาบังคับใช้ เช่น การห้ามไม่ให้ผู้ที่เป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ถูกเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา รวมถึงห้ามดำเนินกิจกรรมการเมืองทุกอย่าง ซึ่งเป็นข้อห้ามที่ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานมากเกินไป
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเรื่องที่หยุมหยิมเกินไป เช่น ในร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองที่กำหนดให้หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคมีวาระการดำรงตำแหน่งได้ไม่เกินคราวละ 4 ปี สมาชิกจะดำรงตำแหน่งใดติดต่อกันไม่เกิน 2 วาระ ซึ่งบุคคลใดที่จะมาเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองขึ้นอยู่กับสมาชิกของพรรคการเมืองนั้นๆเป็นผู้เลือก ไม่ควรมีกฎหมายใดไปห้าม แต่ควรเปิดโอกาสผู้ที่มีความรู้ความสามารถได้ทำหน้าที่บริหารพรรคการเมือง ทั้งนี้ ถ้าสังคมเห็นว่าพรรคการเมืองใดปล่อยให้พรรคอยู่ภายใต้มือของคนใดคนหนึ่ง ประชาชนก็สามารถพิจารณาตัดสินลงโทษพรรคนั้นๆด้วยการไม่ให้การสนับสนุนพรรคดังกล่าว มากกว่าการออกกฎหมายห้ามในลักษณะนี้
ส่วนการจัดงานดีเบตแสดงความเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ นายองอาจ กล่าวว่า จากนี้ไปการแสดงความคิดเห็นในลักษณะของการดีเบตจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ จึงอยากฝากให้องค์กรที่จัดงานควรคำนึงถึงการบริหารจัดการเพื่อให้การดีเบตเป็นไปเพื่อประโยชน์ของสาธารณชนอย่างแท้จริง อย่าปล่อยให้มีการกดดันหรือการแสดงอารมณ์โห่ฮา แต่ควรให้ผู้ที่ร่วมดีเบตได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 4 ส.ค. 2550--จบ--
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเรื่องที่หยุมหยิมเกินไป เช่น ในร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองที่กำหนดให้หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคมีวาระการดำรงตำแหน่งได้ไม่เกินคราวละ 4 ปี สมาชิกจะดำรงตำแหน่งใดติดต่อกันไม่เกิน 2 วาระ ซึ่งบุคคลใดที่จะมาเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองขึ้นอยู่กับสมาชิกของพรรคการเมืองนั้นๆเป็นผู้เลือก ไม่ควรมีกฎหมายใดไปห้าม แต่ควรเปิดโอกาสผู้ที่มีความรู้ความสามารถได้ทำหน้าที่บริหารพรรคการเมือง ทั้งนี้ ถ้าสังคมเห็นว่าพรรคการเมืองใดปล่อยให้พรรคอยู่ภายใต้มือของคนใดคนหนึ่ง ประชาชนก็สามารถพิจารณาตัดสินลงโทษพรรคนั้นๆด้วยการไม่ให้การสนับสนุนพรรคดังกล่าว มากกว่าการออกกฎหมายห้ามในลักษณะนี้
ส่วนการจัดงานดีเบตแสดงความเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ นายองอาจ กล่าวว่า จากนี้ไปการแสดงความคิดเห็นในลักษณะของการดีเบตจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ จึงอยากฝากให้องค์กรที่จัดงานควรคำนึงถึงการบริหารจัดการเพื่อให้การดีเบตเป็นไปเพื่อประโยชน์ของสาธารณชนอย่างแท้จริง อย่าปล่อยให้มีการกดดันหรือการแสดงอารมณ์โห่ฮา แต่ควรให้ผู้ที่ร่วมดีเบตได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 4 ส.ค. 2550--จบ--