นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้แถลงข่าวรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนมิถุนายน และไตรมาส 2 ของปี 2550 ว่า การใช้จ่ายของรัฐบาลมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ควบคู่กับการส่งออกที่ขยายตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ส่วนการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม การบริโภคภาคเอกชนยังมีแนวโน้มขยายตัวลดลง สำหรับด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยมีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้
1.เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจด้านการคลังในเดือนมิถุนายนและไตรมาส 2 ของปี 2550 แสดงถึงบทบาทของรัฐบาลในการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณเพิ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในภาวะที่อุปสงค์ภายในประเทศยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ โดยรายจ่ายงบประมาณในเดือนมิถุนายนสามารถเบิกจ่ายได้รวมทั้งสิ้น 164.4 พันล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับสูงที่ร้อยละ 40.1 ต่อปี ในขณะที่รายจ่ายงบประมาณในไตรมาส 2 ของปี 2550 เบิกจ่ายได้ทั้งสิ้น 417.3 พันล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 36.3 ต่อปี โดยแบ่งออกเป็นรายจ่ายประจำจำนวน 314.5 พันล้านบาท รายจ่ายลงทุนจำนวน 86.7 พันล้านบาท และรายจ่ายเหลื่อมปีจำนวน 16.2 พันล้านบาท สำหรับรายได้จัดเก็บสุทธิของรัฐบาลในเดือนมิถุนายน 2550 จัดเก็บได้รวม 99.4 พันล้านบาท ขยายตัวที่ร้อยละ 29.2 ต่อปี ซึ่งเป็นการขยายตัวในระดับสูงกว่าปกติ เนื่องจากปัจจัยฐานต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีการหักเงินจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้ หากไม่รวมผลกระทบจากการหักเงินจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มฯดังกล่าว พบว่า รายได้จัดเก็บสุทธิของรัฐบาลในเดือนมิถุนายนขยายตัวที่ร้อยละ 4.1 ต่อปี ในขณะที่รายได้จัดเก็บสุทธิของรัฐบาลในไตรมาส 2 ของปี 2550 อยู่ที่ 429.8 พันล้านบาท หรือขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ร้อยละ 3.2 ต่อปี
2.สำหรับการบริโภคภาคเอกชนในเดือนมิถุนายนและไตรมาส 2 ของปี 2550 ยังคงขยายตัวชะลอลงต่อเนื่อง โดยเครื่องชี้การบริโภคจากภาษีมูลค่าเพิ่ม (ณ ราคาคงที่) ในเดือนมิถุนายนยังคงหดตัวร้อยละ -0.5 ต่อปี ทำให้ภาษีมูลค่าเพิ่มในไตรมาส 2 ขยายตัวร้อยละ 0.7 ต่อปี ชะลอลงจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 3.3 ต่อปี ในขณะที่เครื่องชี้การบริโภคสินค้าคงทนยังคงหดตัวต่อเนื่อง โดยปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งในเดือนมิถุนายนหดตัวร้อยละ -0.7 ต่อปี ทำให้ปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งในไตรมาส 2 ยังคงหดตัวร้อยละ -7.9 ต่อปี ส่วนปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในเดือนมิถุนายนและไตรมาส 2 หดตัวร้อยละ -19.0 ต่อปี และร้อยละ -23.0 ต่อปี ตามลำดับ นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนมิถุนายนลดลงมาอยู่ที่ 71.0 จุด ชะลอลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2549 เนื่องจากผู้บริโภคยังมีความกังวลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่แน่นอน
3. การลงทุนภาคเอกชนในเดือนมิถุนายนและไตรมาส 2 ของปี 2550 มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย โดยเครื่องชี้การลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรจากมูลค่าการนำเข้าสินค้าทุนในเดือนมิถุนายนขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 ต่อปี ทำให้มูลค่านำเข้าสินค้าทุนในไตรมาส 2 ขยายตัวร้อยละ 3.9 ต่อปี ทั้งนี้หากหักมูลค่าการนำเข้าเครื่องบินซึ่งเป็นรายการนำเข้าพิเศษในไตรมาส 2 จะพบว่ามูลค่าการนำเข้าสินค้าทุน (หักเครื่องบิน) ในไตรมาส 2 ขยายตัวร้อยละ 1.6 ต่อปี ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสแรกที่หดตัวร้อยละ -4.5 ต่อปี สำหรับเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนด้านการก่อสร้างปรับตัวดีขึ้น โดยภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ในเดือนมิถุนายนขยายตัวร้อยละ 6.6 ต่อปี จากที่หดตัวในเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 2 ยังคงหดตัวที่ร้อยละ -2.5 ต่อปี
4. ด้านมูลค่าการส่งออกยังคงขยายตัวได้ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โดยการส่งออกในเดือนมิถุนายนมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 12.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือขยายตัวร้อยละ 17.7 ต่อปี ขณะที่มูลค่าการส่งออกในไตรมาส 2 มีมูลค่ารวม 36.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือขยายตัวได้สูงถึงร้อยละ 19.1 ต่อปี ซึ่งสินค้ากลุ่มหลักที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็คทรอนิคส์ ยานยนต์ วัสดุก่อสร้าง และ ข้าว ดังนั้น การส่งออกจึงยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย สำหรับมูลค่าการนำเข้าในเดือนมิถุนายนและในไตรมาส 2 ของปี 2550 ปรับตัวดีขึ้นตามการลงทุนในประเทศที่ฟื้นตัว โดยมูลค่าการนำเข้าในเดือนมิถุนายนรวมทั้งสิ้น 11.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือขยายตัวร้อยละ 5.2 ต่อปี ในขณะที่มูลค่าการนำเข้าในไตรมาส 2 อยู่ที่ 34.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวเร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ร้อยละ 7.3 ต่อปี สำหรับดุลการค้าในเดือนมิถุนายนยังคงเกินดุลในระดับสูงใกล้เคียงกับเดือนก่อนที่ 882.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ดุลการค้าในไตรมาส 2 เกินดุลทั้งสิ้นเป็น 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
5.สำหรับเครื่องชี้ในด้านอุปทานพบว่า ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรในเดือนมิถุนายนและไตรมาส 2 ของปี 2550 ยังคงขยายตัวได้ดีที่ร้อยละ 6.8 ต่อปี และ 11.7 ต่อปี ตามลำดับ เนื่องจากผลผลิตหลัก เช่น ข้าวนาปรังและมันสำปะหลัง ขยายตัวเพิ่มขึ้นมาก ส่วนเครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรมพบว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(เบื้องต้น)ในเดือนมิถุนายนขยายตัวร้อยละ 5.9 ต่อปี ทำให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในไตรมาส 2 ชะลอตัวลงเล็กน้อยมาขยายตัวที่ร้อยละ 5.1 ต่อปี จากไตรมาสแรกที่ขยายตัวร้อยละ 5.4 ต่อปี สอดคล้องกับมูลค่าการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบในไตรมาส 2 ที่ขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ 13.3 ต่อปี ลดลงจากร้อยละ 15.2 ในไตรมาสแรก ในด้านเครื่องชี้ภาคบริการโดยเฉพาะการท่องเที่ยว พบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในเดือนมิถุนายน 2550 มีจำนวน 1.02 ล้านคน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในไตรมาส 2 รวมทั้งสิ้น 3.1 ล้านคน ลดลงจากไตรมาสแรกที่มีจำนวน 3.8 ล้านคน เนื่องจากปัจจัยฤดูกาลที่นักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอการท่องเที่ยวในไตรมาส 2
6. เสถียรภาพทั้งภายในและภายนอกประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมิถุนายนและไตรมาส 2 ของปี 2550 ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 1.9 ต่อปี ในขณะที่อัตราการว่างงานเดือนพฤษภาคม ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 1.6 และสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ในเดือนพฤษภาคม 2550 อยู่ที่ร้อยละ 38.2 ซึ่งยังคงต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ตั้งไว้ร้อยละ 50.0 ค่อนข้างมาก สำหรับเครื่องชี้เสถียรภาพภายนอกประเทศอยู่ในระดับแข็งแกร่ง โดยทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ 73.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้นค่อนข้างมาก
--ข่าวสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ฉบับที่ 13/2550 26 กรกฏาคม 2550--
1.เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจด้านการคลังในเดือนมิถุนายนและไตรมาส 2 ของปี 2550 แสดงถึงบทบาทของรัฐบาลในการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณเพิ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในภาวะที่อุปสงค์ภายในประเทศยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ โดยรายจ่ายงบประมาณในเดือนมิถุนายนสามารถเบิกจ่ายได้รวมทั้งสิ้น 164.4 พันล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับสูงที่ร้อยละ 40.1 ต่อปี ในขณะที่รายจ่ายงบประมาณในไตรมาส 2 ของปี 2550 เบิกจ่ายได้ทั้งสิ้น 417.3 พันล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 36.3 ต่อปี โดยแบ่งออกเป็นรายจ่ายประจำจำนวน 314.5 พันล้านบาท รายจ่ายลงทุนจำนวน 86.7 พันล้านบาท และรายจ่ายเหลื่อมปีจำนวน 16.2 พันล้านบาท สำหรับรายได้จัดเก็บสุทธิของรัฐบาลในเดือนมิถุนายน 2550 จัดเก็บได้รวม 99.4 พันล้านบาท ขยายตัวที่ร้อยละ 29.2 ต่อปี ซึ่งเป็นการขยายตัวในระดับสูงกว่าปกติ เนื่องจากปัจจัยฐานต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีการหักเงินจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้ หากไม่รวมผลกระทบจากการหักเงินจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มฯดังกล่าว พบว่า รายได้จัดเก็บสุทธิของรัฐบาลในเดือนมิถุนายนขยายตัวที่ร้อยละ 4.1 ต่อปี ในขณะที่รายได้จัดเก็บสุทธิของรัฐบาลในไตรมาส 2 ของปี 2550 อยู่ที่ 429.8 พันล้านบาท หรือขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ร้อยละ 3.2 ต่อปี
2.สำหรับการบริโภคภาคเอกชนในเดือนมิถุนายนและไตรมาส 2 ของปี 2550 ยังคงขยายตัวชะลอลงต่อเนื่อง โดยเครื่องชี้การบริโภคจากภาษีมูลค่าเพิ่ม (ณ ราคาคงที่) ในเดือนมิถุนายนยังคงหดตัวร้อยละ -0.5 ต่อปี ทำให้ภาษีมูลค่าเพิ่มในไตรมาส 2 ขยายตัวร้อยละ 0.7 ต่อปี ชะลอลงจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 3.3 ต่อปี ในขณะที่เครื่องชี้การบริโภคสินค้าคงทนยังคงหดตัวต่อเนื่อง โดยปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งในเดือนมิถุนายนหดตัวร้อยละ -0.7 ต่อปี ทำให้ปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งในไตรมาส 2 ยังคงหดตัวร้อยละ -7.9 ต่อปี ส่วนปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในเดือนมิถุนายนและไตรมาส 2 หดตัวร้อยละ -19.0 ต่อปี และร้อยละ -23.0 ต่อปี ตามลำดับ นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนมิถุนายนลดลงมาอยู่ที่ 71.0 จุด ชะลอลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2549 เนื่องจากผู้บริโภคยังมีความกังวลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่แน่นอน
3. การลงทุนภาคเอกชนในเดือนมิถุนายนและไตรมาส 2 ของปี 2550 มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย โดยเครื่องชี้การลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรจากมูลค่าการนำเข้าสินค้าทุนในเดือนมิถุนายนขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 ต่อปี ทำให้มูลค่านำเข้าสินค้าทุนในไตรมาส 2 ขยายตัวร้อยละ 3.9 ต่อปี ทั้งนี้หากหักมูลค่าการนำเข้าเครื่องบินซึ่งเป็นรายการนำเข้าพิเศษในไตรมาส 2 จะพบว่ามูลค่าการนำเข้าสินค้าทุน (หักเครื่องบิน) ในไตรมาส 2 ขยายตัวร้อยละ 1.6 ต่อปี ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสแรกที่หดตัวร้อยละ -4.5 ต่อปี สำหรับเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนด้านการก่อสร้างปรับตัวดีขึ้น โดยภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ในเดือนมิถุนายนขยายตัวร้อยละ 6.6 ต่อปี จากที่หดตัวในเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 2 ยังคงหดตัวที่ร้อยละ -2.5 ต่อปี
4. ด้านมูลค่าการส่งออกยังคงขยายตัวได้ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โดยการส่งออกในเดือนมิถุนายนมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 12.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือขยายตัวร้อยละ 17.7 ต่อปี ขณะที่มูลค่าการส่งออกในไตรมาส 2 มีมูลค่ารวม 36.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือขยายตัวได้สูงถึงร้อยละ 19.1 ต่อปี ซึ่งสินค้ากลุ่มหลักที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็คทรอนิคส์ ยานยนต์ วัสดุก่อสร้าง และ ข้าว ดังนั้น การส่งออกจึงยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย สำหรับมูลค่าการนำเข้าในเดือนมิถุนายนและในไตรมาส 2 ของปี 2550 ปรับตัวดีขึ้นตามการลงทุนในประเทศที่ฟื้นตัว โดยมูลค่าการนำเข้าในเดือนมิถุนายนรวมทั้งสิ้น 11.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือขยายตัวร้อยละ 5.2 ต่อปี ในขณะที่มูลค่าการนำเข้าในไตรมาส 2 อยู่ที่ 34.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวเร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ร้อยละ 7.3 ต่อปี สำหรับดุลการค้าในเดือนมิถุนายนยังคงเกินดุลในระดับสูงใกล้เคียงกับเดือนก่อนที่ 882.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ดุลการค้าในไตรมาส 2 เกินดุลทั้งสิ้นเป็น 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
5.สำหรับเครื่องชี้ในด้านอุปทานพบว่า ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรในเดือนมิถุนายนและไตรมาส 2 ของปี 2550 ยังคงขยายตัวได้ดีที่ร้อยละ 6.8 ต่อปี และ 11.7 ต่อปี ตามลำดับ เนื่องจากผลผลิตหลัก เช่น ข้าวนาปรังและมันสำปะหลัง ขยายตัวเพิ่มขึ้นมาก ส่วนเครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรมพบว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(เบื้องต้น)ในเดือนมิถุนายนขยายตัวร้อยละ 5.9 ต่อปี ทำให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในไตรมาส 2 ชะลอตัวลงเล็กน้อยมาขยายตัวที่ร้อยละ 5.1 ต่อปี จากไตรมาสแรกที่ขยายตัวร้อยละ 5.4 ต่อปี สอดคล้องกับมูลค่าการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบในไตรมาส 2 ที่ขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ 13.3 ต่อปี ลดลงจากร้อยละ 15.2 ในไตรมาสแรก ในด้านเครื่องชี้ภาคบริการโดยเฉพาะการท่องเที่ยว พบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในเดือนมิถุนายน 2550 มีจำนวน 1.02 ล้านคน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในไตรมาส 2 รวมทั้งสิ้น 3.1 ล้านคน ลดลงจากไตรมาสแรกที่มีจำนวน 3.8 ล้านคน เนื่องจากปัจจัยฤดูกาลที่นักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอการท่องเที่ยวในไตรมาส 2
6. เสถียรภาพทั้งภายในและภายนอกประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมิถุนายนและไตรมาส 2 ของปี 2550 ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 1.9 ต่อปี ในขณะที่อัตราการว่างงานเดือนพฤษภาคม ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 1.6 และสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ในเดือนพฤษภาคม 2550 อยู่ที่ร้อยละ 38.2 ซึ่งยังคงต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ตั้งไว้ร้อยละ 50.0 ค่อนข้างมาก สำหรับเครื่องชี้เสถียรภาพภายนอกประเทศอยู่ในระดับแข็งแกร่ง โดยทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ 73.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้นค่อนข้างมาก
--ข่าวสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ฉบับที่ 13/2550 26 กรกฏาคม 2550--