‘ประชาธิปัตย์’ เปิดเวทีปราศรัย ช่วย ‘ดร.ทิวา เงินยวง’ ที่ตลาดปัฐวิกรณ์ เน้นขอคะแนนให้ได้ถึง 201 เสียง เพื่อคานอำนาจรัฐบาล ระบุ หาก ‘ทรท.’ ได้ 400 เสียงจริง อำนาจทุกอย่างจะตกในมือคนๆเดียว
วานนี้(27 ม.ค.48) เวลา 18.00น. ที่บริเวณลานท้าวพระพรหม ตลาดปัฐวิกรณ์ พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดเวทีปราศรัยช่วยดร.ทิวา เงินยวง ผู้สมัครส.ส.เขตบึ่งกุ่ม กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ โดยมีแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ร่วมการปราศรัยเป็นจำนวนมาก เช่น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายโพธิพงษ์ ล่ำซำ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ พร้อมกันนี้ได้มีการแนะนำตัวผู้สมัครในเขตต่างๆ อาทิ นางนาถยา แดงบุหงา ผู้สมัครเขตคันนายาว นายบำรงุ รัตนะ ผู้สมัครเขตวังทองหลาง — บางกะปิ เป็นต้น โดยบรรยากาศในการปราศรัย ได้มีการเปิดวิดีทัศน์ ‘ความจริงประเทศไทย’ โดยเป็นการแสดงถึงความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาล ทั้งในเรื่อง การปกปิดข้อมูลไข้หวัดนก , การทุจริตคอร์รัปชั่น , การเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง สลับกับผู้อภิปรายตลอดการปราศรัย
สำหรับเนื้อหาในการปราศรัยนั้น นายโพธิพงษ์ ล่ำซำ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมามีผลประโยชน์ทับซ้อน เกิดการทุจริตอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะฉะนั้นถึเวลาแล้วที่เราต้องทวงคืนประเทศไทยกลับคืนมา หลังจากนั้นนายถาวร เสนเนียม ผู้สมัครส.ส.เขต 6 จังหวัดสงขลา กล่าวว่า หากยุทธศาสตร์ 400 เสียงของพรรคไทยรักไทยประสบความสำเร็จแล้ว ต่อไปจะไม่มีผู้ใดทัดทานอำนาจที่ไม่ชอบมาพากลของรัฐบาลได้ ด้านนายทิวา เงินยวง ผู้สมัครส.ส.เขตบึ่งกุ่ม กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนขออาสาเป็นหนึ่งใน 201 เสียง เพื่อทำหน้าที่แทนประชาชนในการทวงคืนประเทศไทยจากระบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอย่างในปัจจุบัน
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าตนเคยเตือนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแล้วว่า ผู้ที่เป็นนายกฯ ต้องไม่ปฏิบัติ 3 ประการ คือ อวดรู้ อวดรวย และ อวดอำนาจ เพราะจะเป็นหนทางที่นำไปสู่หายนะ แต่ที่ผ่านมาก็นายกฯก็ไม่ได้ฟังหรือปฏิบัติตาม ในทางตรงข้ามนายกฯมีทุกข้อที่ตนกล่าวมา ดังนั้นตนจึงพอจะมองอนาคตของนายกฯผู้นี้ออกแล้วว่าท้ายที่สุดจะจบอย่างไร
หลังจากนั้นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีการแข่งขันไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมา เพราะมีทั้งการข่มขู่ทำร้ายประชาชนและข้าราชการ จากพรรคการเมืองที่มีอำนาจมาก ทั้งนี้ตนคิดว่าส่วนหนึ่งอาจสืบเนื่องมาจากการตั้งเป้าของพรรคไทยรักไทยที่จะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว 400 เสียง ซึ่งตนคิดว่าหากรัฐบาลทำได้อย่างที่ประกาศจริงๆ จะทำให้ประเทศเดินเข้าสู่ระบบการปกครองแบบเบ็ดเสร็จพรรคเดียวแน่นอน
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เคยมีการตั้งคำถามว่าหากพรรคไทยรักไทยได้เสียงแค่ 270 เสียงก็สามารถจะจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว แต่นายกฯเองที่ยืนยันจะต้องได้ 300 เสียงขึ้นไป เพราะหากรัฐบาลมีเสียงเกิน 300 เสียงแล้ว ฝ่ายค้านจะไม่สามารถอภิปรายตรวจสอบตัวนายกฯได้เลย ดังนั้นตนจึงคิดว่าการที่นายกฯไม่ต้องการให้เสียงต่ำกว่า 300 เสียง เพราะว่านายกฯกลัวการตรวจสอบหรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจมากที่สุด ‘นายกฯทักษิณขอ 400 เสียง เป็นการเพื่ออำนาจเบ็ดเสร็จของตัวเอง แต่พรรคประชาธิปัตย์ เราขอคะแนนจากประชาชนแค่ 201 เสียง ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อให้อำนาจการปกครองยังอยู่ในมือประชาชนไปอีก 4 ปี’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 28 ม.ค.2548--จบ--
-ดท-
วานนี้(27 ม.ค.48) เวลา 18.00น. ที่บริเวณลานท้าวพระพรหม ตลาดปัฐวิกรณ์ พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดเวทีปราศรัยช่วยดร.ทิวา เงินยวง ผู้สมัครส.ส.เขตบึ่งกุ่ม กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ โดยมีแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ร่วมการปราศรัยเป็นจำนวนมาก เช่น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายโพธิพงษ์ ล่ำซำ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ พร้อมกันนี้ได้มีการแนะนำตัวผู้สมัครในเขตต่างๆ อาทิ นางนาถยา แดงบุหงา ผู้สมัครเขตคันนายาว นายบำรงุ รัตนะ ผู้สมัครเขตวังทองหลาง — บางกะปิ เป็นต้น โดยบรรยากาศในการปราศรัย ได้มีการเปิดวิดีทัศน์ ‘ความจริงประเทศไทย’ โดยเป็นการแสดงถึงความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาล ทั้งในเรื่อง การปกปิดข้อมูลไข้หวัดนก , การทุจริตคอร์รัปชั่น , การเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง สลับกับผู้อภิปรายตลอดการปราศรัย
สำหรับเนื้อหาในการปราศรัยนั้น นายโพธิพงษ์ ล่ำซำ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมามีผลประโยชน์ทับซ้อน เกิดการทุจริตอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะฉะนั้นถึเวลาแล้วที่เราต้องทวงคืนประเทศไทยกลับคืนมา หลังจากนั้นนายถาวร เสนเนียม ผู้สมัครส.ส.เขต 6 จังหวัดสงขลา กล่าวว่า หากยุทธศาสตร์ 400 เสียงของพรรคไทยรักไทยประสบความสำเร็จแล้ว ต่อไปจะไม่มีผู้ใดทัดทานอำนาจที่ไม่ชอบมาพากลของรัฐบาลได้ ด้านนายทิวา เงินยวง ผู้สมัครส.ส.เขตบึ่งกุ่ม กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนขออาสาเป็นหนึ่งใน 201 เสียง เพื่อทำหน้าที่แทนประชาชนในการทวงคืนประเทศไทยจากระบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอย่างในปัจจุบัน
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าตนเคยเตือนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแล้วว่า ผู้ที่เป็นนายกฯ ต้องไม่ปฏิบัติ 3 ประการ คือ อวดรู้ อวดรวย และ อวดอำนาจ เพราะจะเป็นหนทางที่นำไปสู่หายนะ แต่ที่ผ่านมาก็นายกฯก็ไม่ได้ฟังหรือปฏิบัติตาม ในทางตรงข้ามนายกฯมีทุกข้อที่ตนกล่าวมา ดังนั้นตนจึงพอจะมองอนาคตของนายกฯผู้นี้ออกแล้วว่าท้ายที่สุดจะจบอย่างไร
หลังจากนั้นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีการแข่งขันไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมา เพราะมีทั้งการข่มขู่ทำร้ายประชาชนและข้าราชการ จากพรรคการเมืองที่มีอำนาจมาก ทั้งนี้ตนคิดว่าส่วนหนึ่งอาจสืบเนื่องมาจากการตั้งเป้าของพรรคไทยรักไทยที่จะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว 400 เสียง ซึ่งตนคิดว่าหากรัฐบาลทำได้อย่างที่ประกาศจริงๆ จะทำให้ประเทศเดินเข้าสู่ระบบการปกครองแบบเบ็ดเสร็จพรรคเดียวแน่นอน
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เคยมีการตั้งคำถามว่าหากพรรคไทยรักไทยได้เสียงแค่ 270 เสียงก็สามารถจะจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว แต่นายกฯเองที่ยืนยันจะต้องได้ 300 เสียงขึ้นไป เพราะหากรัฐบาลมีเสียงเกิน 300 เสียงแล้ว ฝ่ายค้านจะไม่สามารถอภิปรายตรวจสอบตัวนายกฯได้เลย ดังนั้นตนจึงคิดว่าการที่นายกฯไม่ต้องการให้เสียงต่ำกว่า 300 เสียง เพราะว่านายกฯกลัวการตรวจสอบหรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจมากที่สุด ‘นายกฯทักษิณขอ 400 เสียง เป็นการเพื่ออำนาจเบ็ดเสร็จของตัวเอง แต่พรรคประชาธิปัตย์ เราขอคะแนนจากประชาชนแค่ 201 เสียง ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อให้อำนาจการปกครองยังอยู่ในมือประชาชนไปอีก 4 ปี’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 28 ม.ค.2548--จบ--
-ดท-