คาซัคสถานเป็นตลาดเกิดใหม่ที่น่าสนใจ เนื่องจากอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติมากมาย อาทิ น้ำมันก๊าซธรรมชาติ และแร่ธาตุต่าง ๆ ฯลฯ ประกอบกับหลังจากที่คาซัคสถานได้แยกตัวเป็นอิสระจากอดีตสหภาพโซเวียตเมื่อปี 2534 รัฐบาลคาซัคสถานได้เร่งพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง ทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีอัตราการขยายตัวไม่ต่ำกว่า 9% ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สูงเป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคเอเชียรองจากประเทศจีน ทำให้ประชากรมีรายได้ค่อนข้างสูง เฉลี่ยราว 5,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี แม้ว่าปัจจุบันมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับคาซัคสถานยังมีสัดส่วนค่อนข้างน้อย แต่ยังมีสินค้าไทยหลายรายการที่มีโอกาสขยายตลาดในคาซัคสถาน อาทิเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเสื้อผ้าสำเร็จรูป ฯลฯ ดังนั้นการทราบถึงกฎระเบียบด้านการนำเข้าของคาซัคสถาน อาจช่วยให้ผู้ส่งออกไทยมีโอกาสขยายตลาดการค้าในคาซัคสถานได้เพิ่มขึ้น โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ภาษีนำเข้า (Import Tariff) คาซัคสถานมีการเก็บภาษีสินค้านำเข้าในอัตราที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเดียวกัน เนื่องจากข้อจำกัดด้านกำลังการผลิต ขณะที่ชาวคาซัคสถานเริ่มมีกำลังซื้อสูงขึ้นทำให้จำเป็นต้องนำเข้าสินค้าเกือบทุกชนิดจากต่างประเทศเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
อัตราภาษีนำเข้าของคาซัคสถาน แบ่งเป็น 3 ประเภท ขึ้นกับชนิดของสินค้า คือ 1) อัตราภาษีคงที่ต่อหน่วย(Specific Taxes) 2) อัตราภาษีที่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าสินค้า (Ad Valorem Taxes) โดยอยู่ในช่วงระหว่าง 0%-100% แต่มีอัตราเฉลี่ยเพียง 9% โดยสินค้านำเข้ากว่า 95% ของรายการสินค้านำเข้าทั้งหมด มีอัตราภาษีนำเข้าระหว่าง 0%-15% เท่านั้น และ 3) อัตราภาษีผสม (Mixed Taxes) อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันคาซัคสถานได้ให้การยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าบางรายการ อาทิ อุปกรณ์และชิ้นส่วนเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
อาทิ น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ แร่ธาตุ การสื่อสารและคมนาคม ฯลฯ โดยมีเงื่อนไขว่าอุปกรณ์และชิ้นส่วนที่นำเข้ามาดังกล่าวไม่สามารถจัดหาได้ในคาซัคสถาน ฯลฯ นอกจากนี้ อุปกรณ์และวัตถุดิบบางประเภทที่นำเข้าโดยธนาคารกลางคาซัคสถานก็ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าด้วยเช่นกัน
นอกจากภาษีนำเข้าแล้ว ในการนำเข้าสินค้าบางชนิดจะต้องมีการขอใบอนุญาตนำเข้าจากหน่วยงานที่ดูแลสินค้าชนิดนั้น ๆ โดยตรงด้วย ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขอนามัยของประชาชน เช่น สารเคมีและยาปราบศัตรูพืช ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และเอทิลแอลกอฮอล์ สารกระตุ้น/บำรุงกำลัง เนื้อไก่ ไส้กรอกและอาหารกระป๋องประเภทเนื้อสัตว์ เป็นต้น
2. ภาษีสรรพสามิต (Excise Taxes) คาซัคสถานเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตจากสินค้านำเข้าบางรายการในอัตราระหว่าง 7%-100% ขึ้นกับชนิดของสินค้า เช่น เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์จากใบยาสูบ ปิโตรเลียม (ยกเว้นสำหรับใช้ในเครื่องบิน) ยานพาหนะที่ใช้เครื่องกลและดีเซล เพชรพลอยและอัญมณี เสื้อผ้าที่ทำจากหนังและขนสัตว์ ปลาแซลมอนและคาเวียร์ เป็นต้น
3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value-added Taxes) คาซัคสถานเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราคงที่ คือ 15% จากยอดขายสินค้าทั้งที่ผลิตได้เองในประเทศและที่นำเข้าจากต่างประเทศ ในกรณีที่เป็นสินค้านำเข้าจะเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้นำเข้า
4. ค่าธรรมเนียมศุลกากร (Customs Fees) ได้แก่ ค่าผ่านพิธีการศุลกากร (Customs Clearance Fees) เรียกเก็บ 50-70 ยูโรต่อใบขนส่งสินค้าขาเข้า ค่าเก็บรักษาสินค้าทัณฑ์บน (Custom Storage Fees) จัดเก็บไม่เกิน 1 ยูโรต่อตารางเมตรต่อวัน ค่าธรรมเนียมสินค้าที่ต้องควบคุมเป็นพิเศษ (Custom Escort Fees) จัดเก็บในหลายอัตรา ขึ้นกับชนิดของสินค้า นอกจากนี้ ยังมีค่าธรรมเนียมอื่น ๆ อาทิ การจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนชั่วคราวจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต 8,000 ยูโรต่อครั้ง ค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาตรับรองคุณภาพสินค้า 200 ยูโร/ครั้ง เป็นต้น
5. ฉลากสินค้า (Label Requirements) ปัจจุบันคาซัคสถานไม่มีกฎหมายเรื่องการปิดฉลากสินค้า โดยตรง แต่กำหนดให้สินค้านำเข้าต้องปิดฉลากสินค้าที่ระบุรายละเอียดต่าง ๆ ที่สำคัญบนฉลากสินค้าให้ครบถ้วนและเห็นได้อย่างชัดเจน ได้แก่ ชื่อสินค้า ชื่อและที่อยู่ของผู้ผลิต ประเทศผู้ผลิต วัน เดือน ปี ที่ผลิตและหมดอายุ เป็นภาษารัสเซียและภาษาคาซัคควบคู่กันทั้ง 2 ภาษา ยกเว้น สินค้าบางชนิด อาทิ เวชภัณฑ์ ที่อาจปิดฉลากเป็นภาษาใดภาษาหนึ่งก็ได้
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย มีนาคม 2550--
-พห-
1. ภาษีนำเข้า (Import Tariff) คาซัคสถานมีการเก็บภาษีสินค้านำเข้าในอัตราที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเดียวกัน เนื่องจากข้อจำกัดด้านกำลังการผลิต ขณะที่ชาวคาซัคสถานเริ่มมีกำลังซื้อสูงขึ้นทำให้จำเป็นต้องนำเข้าสินค้าเกือบทุกชนิดจากต่างประเทศเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
อัตราภาษีนำเข้าของคาซัคสถาน แบ่งเป็น 3 ประเภท ขึ้นกับชนิดของสินค้า คือ 1) อัตราภาษีคงที่ต่อหน่วย(Specific Taxes) 2) อัตราภาษีที่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าสินค้า (Ad Valorem Taxes) โดยอยู่ในช่วงระหว่าง 0%-100% แต่มีอัตราเฉลี่ยเพียง 9% โดยสินค้านำเข้ากว่า 95% ของรายการสินค้านำเข้าทั้งหมด มีอัตราภาษีนำเข้าระหว่าง 0%-15% เท่านั้น และ 3) อัตราภาษีผสม (Mixed Taxes) อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันคาซัคสถานได้ให้การยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าบางรายการ อาทิ อุปกรณ์และชิ้นส่วนเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
อาทิ น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ แร่ธาตุ การสื่อสารและคมนาคม ฯลฯ โดยมีเงื่อนไขว่าอุปกรณ์และชิ้นส่วนที่นำเข้ามาดังกล่าวไม่สามารถจัดหาได้ในคาซัคสถาน ฯลฯ นอกจากนี้ อุปกรณ์และวัตถุดิบบางประเภทที่นำเข้าโดยธนาคารกลางคาซัคสถานก็ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าด้วยเช่นกัน
นอกจากภาษีนำเข้าแล้ว ในการนำเข้าสินค้าบางชนิดจะต้องมีการขอใบอนุญาตนำเข้าจากหน่วยงานที่ดูแลสินค้าชนิดนั้น ๆ โดยตรงด้วย ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขอนามัยของประชาชน เช่น สารเคมีและยาปราบศัตรูพืช ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และเอทิลแอลกอฮอล์ สารกระตุ้น/บำรุงกำลัง เนื้อไก่ ไส้กรอกและอาหารกระป๋องประเภทเนื้อสัตว์ เป็นต้น
2. ภาษีสรรพสามิต (Excise Taxes) คาซัคสถานเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตจากสินค้านำเข้าบางรายการในอัตราระหว่าง 7%-100% ขึ้นกับชนิดของสินค้า เช่น เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์จากใบยาสูบ ปิโตรเลียม (ยกเว้นสำหรับใช้ในเครื่องบิน) ยานพาหนะที่ใช้เครื่องกลและดีเซล เพชรพลอยและอัญมณี เสื้อผ้าที่ทำจากหนังและขนสัตว์ ปลาแซลมอนและคาเวียร์ เป็นต้น
3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value-added Taxes) คาซัคสถานเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราคงที่ คือ 15% จากยอดขายสินค้าทั้งที่ผลิตได้เองในประเทศและที่นำเข้าจากต่างประเทศ ในกรณีที่เป็นสินค้านำเข้าจะเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้นำเข้า
4. ค่าธรรมเนียมศุลกากร (Customs Fees) ได้แก่ ค่าผ่านพิธีการศุลกากร (Customs Clearance Fees) เรียกเก็บ 50-70 ยูโรต่อใบขนส่งสินค้าขาเข้า ค่าเก็บรักษาสินค้าทัณฑ์บน (Custom Storage Fees) จัดเก็บไม่เกิน 1 ยูโรต่อตารางเมตรต่อวัน ค่าธรรมเนียมสินค้าที่ต้องควบคุมเป็นพิเศษ (Custom Escort Fees) จัดเก็บในหลายอัตรา ขึ้นกับชนิดของสินค้า นอกจากนี้ ยังมีค่าธรรมเนียมอื่น ๆ อาทิ การจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนชั่วคราวจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต 8,000 ยูโรต่อครั้ง ค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาตรับรองคุณภาพสินค้า 200 ยูโร/ครั้ง เป็นต้น
5. ฉลากสินค้า (Label Requirements) ปัจจุบันคาซัคสถานไม่มีกฎหมายเรื่องการปิดฉลากสินค้า โดยตรง แต่กำหนดให้สินค้านำเข้าต้องปิดฉลากสินค้าที่ระบุรายละเอียดต่าง ๆ ที่สำคัญบนฉลากสินค้าให้ครบถ้วนและเห็นได้อย่างชัดเจน ได้แก่ ชื่อสินค้า ชื่อและที่อยู่ของผู้ผลิต ประเทศผู้ผลิต วัน เดือน ปี ที่ผลิตและหมดอายุ เป็นภาษารัสเซียและภาษาคาซัคควบคู่กันทั้ง 2 ภาษา ยกเว้น สินค้าบางชนิด อาทิ เวชภัณฑ์ ที่อาจปิดฉลากเป็นภาษาใดภาษาหนึ่งก็ได้
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย มีนาคม 2550--
-พห-