‘อลงกรณ์’ เสนอ 5 มาตรการบรรเทาผลกระทบราคาน้ำมันแพง จี้รัฐขับเคลื่อนยุทธศาสตร์โลจิสติกส์และนโยบายพลังงานทดแทนเอทานอลและไบโอดีเซลรวมทั้งโครงการอีโคคาร์
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และประธานมูลนิธิสถาบันพลังงานทดแทน เอทานอล-ไบโอดีเซลแห่งชาติแถลงวันนี้(19 พ.ค.50)ที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอ 5 มาตรการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพงหลังจากราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเกินลิตรละ 30 บาทโดยเชื่อมั่นว่า มาตรการทั้ง 5 จะช่วยบรรเทาผลกระทบที่มีต่อปากท้องของประชาชนและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ดังนี้
1. มาตรการโลจิสติกส์
เร่งรัดปฏิบัติการแผนยุทธศาสตร์โลจิสติกส์แห่งชาติปี ๒๕๕๐ โดยเฉพาะการขนส่งระบบรางและการขนส่งทางน้ำเพื่อลดปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลในภาคการขนส่งและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานน้ำมันของประเทศ ปัจจุบันต้นทุนโลจิสติกส์ไทยสูงถึง ๑๖ % ของจีดีพี.
2.มาตรการลดราคาน้ำมัน 3 เดือน
ลดราคาน้ำมันเบินซิน และน้ำมันดีเซลเป็นเวลา 3 เดือนโดยการลดการนำเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพราะปัจจุบันเก็บเบนซิน 95 ถึงลิตรละ 3.46 บาท เบนซิน 91 ลิตรละ 3.24 บาท ดีเซลลิตรละ 1.00 บาทซึ่งเป็นมาตรการที่ไม่บิดเบือนกลไกตลาดและไม่เป็นการเพิ่มภาระภาครัฐแต่ลดภาระประชาชนและภาคเอกชนโดยทบทวนมาตรการนี้ทุก 3 เดือน
3.มาตรการเพิ่มการใช้เอ็นจีวี.
เพิ่มจำนวนรถบรรทุกรถโดยสารสาธารณะรถแท็กซี่และโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวี.ในภาคขนส่งและภาคการผลิต
4.มาตรการเอทานอลและไบโอดีเซล
ส่งเสริมโครงการพลังงานทดแทนเอทานอลโดยเร่งด่วนด้วยการเพิ่มการจำหน่ายแก๊สโซฮอลล์โดยเพิ่มปั้มจำหน่ายแก๊สโซฮอลล์ ซึ่งปัจจุบันมีเพียง 3,466 ปั้มจากจำนวนทั้งหมด 17,693 ปั้มหรือคิดเป็น 20 % ของปั๊มทั้งหมดพร้อมกับสร้างความมั่นใจภาคการผลิตเอทานอลโดยให้เมเจอร์ออยล์สต็อกสำรองเอทานอลโดยใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพราะปัจจุบันมีเอทานอลล้นตลาดถึง12 ล้านลิตร รวมทั้งเร่งผลักดันโครงการไบโอดีเซลระดับอุตสาหกรรมและระดับชุมชนทั่วประเทศ
5. มาตรการส่งเสริมโครงการอีโคคาร์และการประหยัดพลังงาน
ปัจจุบันประเทศไทยยังต้องนำเข้าน้ำมันวันละกว่า 820,000 บาร์เรลต่อวันในอัตราที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังปรับตัวเพิ่มขึ้น ดังนั้นรัฐบาลจะต้องปรับนโยบายและมาตรการให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเพื่อบรรเทาผลกระทบที่มีต่อผู้บริโภคผู้ประกอบการและเศรษฐกิจของประเทศ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 พ.ค. 2550--จบ--
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และประธานมูลนิธิสถาบันพลังงานทดแทน เอทานอล-ไบโอดีเซลแห่งชาติแถลงวันนี้(19 พ.ค.50)ที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอ 5 มาตรการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพงหลังจากราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเกินลิตรละ 30 บาทโดยเชื่อมั่นว่า มาตรการทั้ง 5 จะช่วยบรรเทาผลกระทบที่มีต่อปากท้องของประชาชนและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ดังนี้
1. มาตรการโลจิสติกส์
เร่งรัดปฏิบัติการแผนยุทธศาสตร์โลจิสติกส์แห่งชาติปี ๒๕๕๐ โดยเฉพาะการขนส่งระบบรางและการขนส่งทางน้ำเพื่อลดปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลในภาคการขนส่งและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานน้ำมันของประเทศ ปัจจุบันต้นทุนโลจิสติกส์ไทยสูงถึง ๑๖ % ของจีดีพี.
2.มาตรการลดราคาน้ำมัน 3 เดือน
ลดราคาน้ำมันเบินซิน และน้ำมันดีเซลเป็นเวลา 3 เดือนโดยการลดการนำเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพราะปัจจุบันเก็บเบนซิน 95 ถึงลิตรละ 3.46 บาท เบนซิน 91 ลิตรละ 3.24 บาท ดีเซลลิตรละ 1.00 บาทซึ่งเป็นมาตรการที่ไม่บิดเบือนกลไกตลาดและไม่เป็นการเพิ่มภาระภาครัฐแต่ลดภาระประชาชนและภาคเอกชนโดยทบทวนมาตรการนี้ทุก 3 เดือน
3.มาตรการเพิ่มการใช้เอ็นจีวี.
เพิ่มจำนวนรถบรรทุกรถโดยสารสาธารณะรถแท็กซี่และโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวี.ในภาคขนส่งและภาคการผลิต
4.มาตรการเอทานอลและไบโอดีเซล
ส่งเสริมโครงการพลังงานทดแทนเอทานอลโดยเร่งด่วนด้วยการเพิ่มการจำหน่ายแก๊สโซฮอลล์โดยเพิ่มปั้มจำหน่ายแก๊สโซฮอลล์ ซึ่งปัจจุบันมีเพียง 3,466 ปั้มจากจำนวนทั้งหมด 17,693 ปั้มหรือคิดเป็น 20 % ของปั๊มทั้งหมดพร้อมกับสร้างความมั่นใจภาคการผลิตเอทานอลโดยให้เมเจอร์ออยล์สต็อกสำรองเอทานอลโดยใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพราะปัจจุบันมีเอทานอลล้นตลาดถึง12 ล้านลิตร รวมทั้งเร่งผลักดันโครงการไบโอดีเซลระดับอุตสาหกรรมและระดับชุมชนทั่วประเทศ
5. มาตรการส่งเสริมโครงการอีโคคาร์และการประหยัดพลังงาน
ปัจจุบันประเทศไทยยังต้องนำเข้าน้ำมันวันละกว่า 820,000 บาร์เรลต่อวันในอัตราที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังปรับตัวเพิ่มขึ้น ดังนั้นรัฐบาลจะต้องปรับนโยบายและมาตรการให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเพื่อบรรเทาผลกระทบที่มีต่อผู้บริโภคผู้ประกอบการและเศรษฐกิจของประเทศ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 พ.ค. 2550--จบ--