คำต่อคำ “ประชาชนต้องมาก่อน”
โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ณ โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ 21 ก.ค. 50
พี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่าน วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ ยุคประชาชนต้องมาก่อน ได้จัดเวทีให้กับตัวแทนของพี่น้องประชาชนที่ท่านได้พบไปเมื่อสักครู่ สะท้อนความทุกข์ยาก สะท้อนความลำบากของท่านทั้งหลายเหล่านั้น ผมเชื่อว่าความทุกข์ที่พี่น้องที่รับชมอยู่ทางบ้าน ได้ฟังจากปากของเพื่อนร่วมชาติเมื่อสักครู่ จะเข้าใจว่าความทุกข์เหล่านี้ไม่ใช่เฉพาะความทุกข์ของคนที่อยู่บนเวทีนี้เท่านั้น แต่ว่า มีพี่น้องประชาชนหลายสิบล้านคนที่มีความทุกข์แบบนี้ และตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผมและพรรคประชาธิปัตย์ได้เดินทางไปพบปะกับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ เรารู้ว่ายังมีความทุกข์อีกหลายเรื่อง ซึ่งพี่น้องได้สะท้อนมาให้เราฟังโดยตลอด พี่น้องจำนวนมากทำงานด้วยความขยันขันแข็งอุตสาหะ แต่พบความเป็นจริงว่า รายได้ไม่พอรายจ่าย พี่น้องประชาชนจำนวนมากมีความวิตกกังวลต่อสภาพของบ้านเมือง ต่อสังคม ต่อเศรษฐกิจ เป็นห่วงลูก เป็นห่วงหลานของตัวเอง เป็นห่วงอนาคตของประเทศชาติบ้านเมือง
ผมไม่อยากเชื่อว่าพี่น้องคนไทยทั้งประเทศจะต้องตกอยู่ในภาวะความทุกข์อย่างนี้ เพราะผมไม่เชื่อว่าต้นตอของปัญหาความทุกข์ทั้งหลายนั้น เกิดขึ้นจากพี่น้องประชาชนคนไทยทั่วไป ตรงกันข้าม ผมเชื่อในศักยภาพความสามารถของคนไทยทุกคน คุณลุง คุณป้าที่นั่งอยู่บนเวทีนี้ เป็นตัวอย่างของคนไทยที่ต่อสู้กับชีวิต ด้วยความอดทน ด้วยความมุ่งมั่น คนไทยที่ผมรู้จัก คนไทยที่ผมเห็นคือคนที่มีทั้งความสามารถมีทั้งพลัง มีทั้งความคิดที่สร้างสรรค์ คนไทยที่ผมได้ติดตามมาตลอดคือคนไทยที่สามารถปรับตัวได้ ปรับตัวเก่ง เข้ากับสถานการณ์วิกฤตการณ์ต่าง ๆ และคนไทยสังคมไทยรู้จักมาตลอด คือคนไทยที่มีน้ำใจ มีความโอบอ้อมอารีย์แก่กันและกัน ต้นตอของความทุกข์ ต้นตอของปัญหา จึงไม่ใช่อยู่ที่คนไทย ตรงกันข้ามคนไทยคือทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของประเทศไทยที่พวกเราต้องช่วยกันส่งเสริม ผมไม่เชื่อด้วยว่า ต้นตอของความทุกข์ของพี่น้องคนไทยขณะนี้เราจะมองไปข้างนอกประเทศ แล้วไปโทษโลก ไปโทษกระแสความเปลี่ยนแปลงที่เขาเรียกว่า โลกาภิวัฒน์ เพราะผมมองเห็นว่าโลกสมัยใหม่ โลกของโลกาภิวัฒน์ มันเป็นโลกที่สร้างโอกาส ให้เทคโนโลยี ให้เครื่องมือ ให้ความสะดวกหลายสิ่งหลายอย่าง ซึ่งคนไทยและชาวโลกไม่เคยได้มาก่อน แต่ต้นตอของความทุกข์ทั้งหลายของคนไทยต้องสรุปกันง่าย ๆ คือเรื่องของการเมือง การบริหารประเทศ ภาวะผู้นำที่ขาดหายไปในประเทศของเรา
การเมืองที่ไม่สามารถสร้างประชาธิปไตยให้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง การเมืองที่ไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจมีความมั่นคงเพียงพอที่ทำให้คนของเราหลุดพ้นจากความยากจน การเมืองที่ไม่กล้าต่อสู้กับการผูกขาด ไม่กล้าต่อสู้กับกฎระเบียบ ปัญหาต่าง ๆ ซึ่งรัฐสร้างขึ้นเป็นภาระกับพี่น้องประชาชนเอง และการเมืองที่ไม่วางรากฐานให้กับลูกหลานให้กับอนาคตของประเทศ นานพอแล้วครับ ที่เราเจอกับการเมืองที่ทุจริต คอร์รัปชั่น นานเกินพอแล้วที่เราได้ยินข่าวคราวการทุจริตกันเป็นร้อยล้าน พันล้าน หมื่นล้าน ในขณะที่พี่น้องที่อยู่บนเวทีนี้บอกว่าได้วันละ 100 บาท นานพอแล้วกับการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ตอบสนอง ไม่กล้าตัดสินใจในเรื่องที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต่อประเทศ ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับทุกข์ของชาวบ้าน การเมืองที่ทุจริต คอร์รัปชั่น ได้แย่งชิงผลประโยชน์ไปจากประชาชน การเมืองที่ไม่ตอบสนอง ไม่ทุกข์ร้อนได้ทำลายโอกาสให้กับประเทศมานานพอแล้ว
วันนี้สิ่งที่ผมและพรรคประชาธิปัตย์ ต้องการจะประกาศบอกกับพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ ก็คือ ถึงเวลาของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่การเมือง จะเข้ามาแก้ไขปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริง การเมืองที่ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่โกง ไม่กิน การเมืองที่ทุกข์ร้อนไปกับประชาชน และตอบสนองความต้องการของประชาชน
วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ต้องการจะประกาศว่า ถึงเวลา ประชาชนแล้ว ถึงเวลาของ วาระประชาชน แล้ว และถึงเวลาแล้วที่ ประชาชนต้องมาก่อน (เสียงปรบมือ)
วาระประชาชน ที่พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศในวันนี้ เป็นแนวนโยบายที่มาจากการพบปะพูดคุยกับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ เป็นแนวความคิดที่อยู่กับความเป็นจริงของประเทศ อยู่กับความเป็นจริงของโลก มีฐานข้อมูล มีฐานความรู้ทางวิชาการที่รองรับ เป็นวาระประชาชนที่เราต้องเรียกร้องให้คนไทยทั้งประเทศมีความกล้าหาญที่จะเผชิญกับปัญหาที่แท้จริงและความท้าทายทั้งหลายที่อยู่ในชีวิตของเราทุกคน เราปฏิเสธไม่ได้หรอกครับ ยุคนี้ สมัยนี้ ประเทศไทยไม่สามารถที่จะหลบซ่อนได้จากความเป็นไปในโลก ประเทศไทยไม่สามารถที่จะหลอกตัวเองว่าจะหลีกหนีจากการแข่งขันที่เกิดขึ้นในระดับโลก เราต้องกล้าที่จะเผชิญ และผมอยากจะย้ำกับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศว่า ในอดีต วันที่ประเทศไทย เศรษฐกิจไทย เติบโต ก้าวหน้าทางเศรษฐกิจมากที่สุด ก็คือวันที่เราไม่กลัว วันที่เราค้าขาย วันที่เราส่งออก วันที่เรารับการลงทุนจากต่างประเทศ เพียงแต่ว่า วันนี้ถ้าเราจะเผชิญกับความท้าทายและการแข่งขันต่าง ๆ นั้น การเมือง รัฐบาล ผู้นำ ต้องเข้ามามีบทบาทในการเสริมความพร้อมและสนับสนุนคนของเรา ประเทศของเรา ที่จะเผชิญกับภาวะอย่างนี้
พี่น้องที่เคารพครับ วาระประชาชน จะประกอบไปด้วย 4 องค์ประกอบหลัก ๆ องค์ประกอบแรก หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพูดถึงก็คือการฟื้นฟูประชาธิปไตย ถ้าเรายังไม่มีประชาธิปไตยที่แท้จริง ถ้าพี่น้องประชาชนไม่สามารถมาร่วมกันกำหนดอนาคตของตัวเอง ถ้าเราไม่เปิดโอกาสให้พี่น้องสามารถปกป้องผลประโยชน์ของพี่น้องจากการใช้อำนาจของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นชุดไหนมาอย่างไร เราไม่สามารถสร้างอนาคตเพื่อคนทั้งประเทศได้
วันนี้ ผมเชื่อมั่นว่า พี่น้องประชาชนในประเทศก็รอคอยการฟื้นฟูประชาธิปไตย ผมอยากจะบอกว่า ผมเดินทางไปต่างประเทศ ชาวโลกก็จับตาดูประเทศไทย และต้องการเห็นประเทศไทยหวนคืนสู่ประชาธิปไตยโดยเร็วเช่นเดียวกัน เราเชื่อครับว่า เมื่อประชาธิปไตยฟื้นฟูกลับคืนมา ความเชื่อมั่นจะเกิดขึ้น การลงทุนจะเกิดขึ้น โอกาสจะเกิดขึ้น การสร้างงานจะเกิดขึ้น พี่น้องประชาชนจะมีเงินจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น และเราจะกลับไปสู่ประชาธิปไตย เราก็ต้องมีการเลือกตั้ง เราจะมีการเลือกตั้ง เราก็จำเป็นที่จะต้องมีรัฐธรรมนูญ วันนี้สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องการที่จะประกาศให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศทราบก็คือ เราสนับสนุนที่จะทำให้การเมืองมีความแน่นอนในการฟื้นฟูประชาธิปไตยโดยเร็ว เราอยากเห็นประเทศมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยถาวร เป็นกติการที่พี่น้องประชาชนจะหวนกลับเข้ามามีทางเลือกผ่านกระบวนการประชาธิปไตย นี่คือสิ่งที่เป็นความจำเป็นเร่งด่วน และผมขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนไปลงคะแนนเสียงประชามติเพื่อที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของชาติให้มีความชัดเจนเพื่อรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้งต่อไป
พี่น้องครับ การทำให้ประชาธิปไตยของเรานั้นมีความมั่นคงนั้น เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด หลังจากที่เรามีรัฐธรรมนูญและมีการเลือกตั้งแล้ว ไม่ได้หมายความว่าภารกิจของการดูแลประชาธิปไตยหมดไป พรรคประชาธิปัตย์ตั้งใจเป็นอย่างยิ่งว่า หลังจากที่มีการเลือกตั้งแล้วการเมืองใหม่จะต้องเกิดขึ้น เป็นการเมืองที่ไม่แบ่งแยกประชาชนเป็นการเมืองที่ไม่ทำให้ความแตกแยกในสังคมลุกลามบานปลาย เป็นการเมืองที่มีความสุจริต เป็นการเมืองที่พี่น้องประชาชนทุกคนมั่นใจได้ว่า จะผดุงรักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติด้วยความจงรักภักดี และถ้าเรามีการเมืองอย่างนี้พี่น้องครับ พี่น้องของเราที่อยู่ในกองทัพจะได้กลับไปปฏิบัติภารกิจที่มีคุณค่า มีเกียรติอย่างยิ่งที่สุดของเขา นั่นก็คือดูแลรักษาความมั่นคงของประเทศชาติ วาระประชาชนในข้อแรกจึงเป็นเรื่องของการฟื้นฟูประชาธิปไตย
พี่น้องที่เคารพครับ ในส่วนที่สองนั้น ก็คือเรื่องของการพัฒนาคนและการศึกษา ทำไม ผมและพรรคประชาธิปัตย์จึงหยิบเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะผมอยากจะบอกว่า ในโลกที่ท้าทายในโลกที่แข่งขันที่ประเทศไทยจะต้องเจริญก้าวหน้าไปได้นั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ คุณภาพของคนของเรา หากว่าคนของเรามีความพร้อมมีความแข็งแกร่ง นั่นย่อมเป็นหลักประกันที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ เมื่อสักครู่ เราได้ยินจากคุณปิยะรัตน์ที่มีลูกเล็ก ๆ 1 คนและกำลังจะมีลูกอีก 1 คน เป็นห่วง เป็นกังวลในเรื่องของการศึกษาของลูกภาระที่จะเกิดขึ้น ผมไม่สามารถที่จะไปให้หลักประกันคุณปิยะรัตน์ได้หรอกครับว่า ลูก ๆ นั้นจะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน แต่ผมคิดในใจว่า อย่างน้อยที่สุดสิ่งที่รัฐ จะต้องหยิบยื่นให้กับคนไทยทุกคนและบอกกับแม่คนไทยทุกคนตั้งแต่ก่อนลูกจะเกิดก็คือว่า เราให้เขาได้ 2 สิ่ง 1.คือบันไดแห่งโอกาส 2. คือหลังพิงสำหรับเขาในวันที่เขาทุกข์ยาก
วาระประชาชนว่าด้วยการพัฒนาคน จึงหมุนอยู่กับ 2 เรื่องนี้เป็นหลัก บันไดแห่งโอกาสที่เราต้องการที่จะสร้างให้กับพี่น้องคนไทยทุกคนนั้นก็คือการศึกษาที่ทั่วถึง มีคุณภาพ เป็นเรื่องที่ผมย้ำแล้ว ย้ำอีก และประชาธิปัตย์ทุกยุค ทุกสมัย ย้ำแล้ว ย้ำอีกว่า จะต้องเป็นการลงทุนอันดับหนึ่งของประเทศ จะต้องทุ่มเททรัพยากรต่าง ๆ เพื่อที่จะให้คนของเรานั้นมีโอกาสเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีคุณภาพ มีความพร้อม มีความแข็งแกร่ง ทั้งความรู้ทั้งอารมณ์ ทั้งจิตสำนึก ทั้งจิตวิญญาณ อย่างแท้จริง
วาระประชาชนว่าด้วยเรื่องการศึกษานั้น จึงจะดูแลเด็กของเราตั้งแต่ยังไม่เกิด จัดระบบการดูแลคุณแม่ซึ่งตั้งครรภ์ เพื่อให้ได้รับอาหาร เพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง ที่ลูกจะเติบโตขึ้นมามีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ดูแลต่อเนื่องมาจนถึงตอนเป็นเด็กเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของอาหารและโภชนาการ เพราะไม่เพียงแต่จะทำให้เด็กของเราแข็งแรงทางด้านร่างกายเท่านั้น แต่จะทำให้สมองมีความพร้อมอย่างยิ่ง ในการที่จะพัฒนาเป็นคนเก่ง คนฉลาดต่อไป มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่จะดูแล ใกล้บ้าน หรือมีศูนย์รับดูเด็กเล็กเกิดขึ้นตามที่ทำงานต่าง ๆ เพื่อให้แม่กับลูกมีความใกล้ชิดกัน และเมื่อเข้าสู่โรงเรียนสิ่งที่เราเคยพร่ำพูด แม้กระทั่งเขียนลงไปในกฎหมายสูงสุดที่บอกว่า เรียนฟรี เรียนฟรี เราต้องทำให้เกิดขึ้นจริง เราได้ยินเมื่อสักครู่ว่ามันไม่จริง เขียนในรัฐธรรมนูญเฉย ๆ เขียนในกฎหมายเฉย ๆ แต่ภาระของเด็กยังมีอยู่ตลอดเวลา ของแม่ยังมีอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ประถมจนจบมัธยม วาระประชาชนที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศในวันนี้ ยืนยันว่า จากนี้ไป เด็กไทยทุกคนต้องได้เรียนฟรีจริง จนจบมัธยม(เสียงปรบมือ)
ไม่ใช่เรื่องยากครับ เพราะว่าในกรุงเทพมหานคร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ว่า กทม. ได้ทำแล้ว เอาตัวเลขมาให้ผมดูตอนนั้นว่าจะต้องเพิ่มงบประมาณ 500 กว่าล้าน หรือเป็นพันล้านแต่ที่สุดก็อยู่ที่การตัดสินใจว่า อะไรสำคัญที่สุดสำหรับคนของเรา เมื่อมองดูตัวเลข เมื่อพิจารณาแล้ว ท่านผู้ว่า กทม. ก็ตัดสินใจอย่างไม่ลังเลว่า ความสำคัญที่สุดก็คืออนาคตของประเทศ ก็อนุมัติงบ เพราฉะนั้นเด็กในโรงเรียน กทม. จึงเรียนฟรีจริง มาตั้งแต่เดือน พฤษภาคม (เสียงปรบมือ)
แต่การศึกษาคงไม่หยุดอยู่เพียงแค่เรื่องของมัธยมฯ วันนี้สิ่งที่เราพยายามทำอย่างยิ่งก็คือการทำให้ลูกหลานของเรานั้นมีโอกาสเรียนต่อ แต่ไม่ใช่เรียนเพื่อได้ปริญญา ไม่ได้เรียนเพื่อที่จะมีกระดาษหนึ่งแผ่นรับรองคุณวุฒิ แต่เรียนแล้วมีงานทำ เรียนแล้วมีโอกาส เรียนแล้ว สามารถที่จะมีความก้าวหน้าในชีวิตการงานในการประกอบอาชีพของตัวเองได้ เพราะฉะนั้นการปฏิรูประบบอุดมศึกษา อาชีวะศึกษาโดยเฉพาะ จะเป็นหัวใจของวาระประชาชน เช่นเดียวกัน
พี่น้องครับ ผมเคยเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2540 -2544 งานสำคัญที่สุดที่ผมร่วมผลักดันในขณะนั้นก็คือการปฏิรูปการศึกษา กฎหมายการศึกษาแห่งชาติ ที่ออกมาเมื่อปี พ.ศ. 2542 ผมขอยืนยันว่า ถ้าผมและพรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสเข้าไปทำงานเพื่อบ้านเมือง เราจะได้เห็นการปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่ที่สุดที่เป็นรูปธรรม ทั้งในเรื่องโอกาสการศึกษา และคุณภาพการศึกษาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นี่คือ หัวใจสำคัญที่สุดของวาระประชาชน ที่ลูกหลานของเราต้องมาก่อน (เสียงปรบมือ)
ผมอยากจะบอกต่อไปว่า การเตรียมการปูพื้น การหยิบยื่นบันไดแห่งโอกาสให้นั้น มันจะมีผลที่ตามมาอีกเยอะครับ ไม่ใช่แค่เพียงว่า ลูกหลานเรามีงานทำเท่านั้น แต่ว่าถ้าการศึกษาของเราดี ครอบครัวคนไทยอบอุ่น ภัยคุกคามปัญหาบางอย่างก็จะแก้ได้ด้วย เช่นยาเสพติด เราต้องเลิกคิดว่า จะต้องฆ่าคนกันปีละกี่พันคน เพื่อทำสงครามกับยาเสพติด แต่เราต้องคิดว่า ถ้าไม่มีคนซื้อ ย่อมไม่มีคนขาย ครอบครัวที่อบอุ่น การศึกษาที่ดี การเปิดโอกาส การทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่สร้างสรรค์ในสังคมเท่านั้นจะเป็นหนทางที่เราจะชนะภัยยาเสพติดได้อย่างมั่นคงถาวร และยั่งยืน
ในส่วนที่สอง พี่น้องครับ นอกจากบันไดแห่งโอกาสแล้ว เราจะต้องให้หลักพิงกับคนของเรา โลกที่เปลี่ยนแปลงเร็วนั้น เราไม่รู้หรอกครับว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา และธรรมชาติของมนุษย์เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว วันนี้เรามีหลายโครงการที่ได้เริ่มต้นมาจากรัฐบาลชุดก่อน ๆ ซึ่งให้หลักประกันอยู่บ้างเรื่อง โครงการเหล่านี้ต้องเดินต่อ โครงการรักษาฟรี ที่ท่านนายกฯ สุรยุทธ ต่อยอดมาจาก 30 บาทที่นายกฯ ทักษิณ ต่อยอดมาจากการรักษาคนบางกลุ่มซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เริ่มต้นไว้ โครงการนี้ต้องเดินต่อ แต่เราก็ต้องสามารถที่จะตอบคำถาม แก้ความทุกข์ของลุงซินว่า การรักษาฟรีนั้นต้องมีคุณภาพ ถ้ามีความต้องการเป็นพิเศษ จะเป็นยาแพง จะเป็นความพิการที่เกิดขึ้น ตรงนี้ต้องปรับปรุงให้เข้าไปดูแลได้อย่างทั่วถึง อย่างแท้จริง นี่ก็เป็นสิ่งที่เราต้องการจะผลักดัน แต่มันไม่ใช่เฉพาะเรื่องของการรักษาพยาบาล หลังพิงที่เราจะต้องให้กับทุกคนนั้น คือเราต้องคิดถึงระบบสวัสดิการที่ครอบคลุมจริง ๆ
ปัจจุบันนี้เรามีเพื่อนพี่น้องที่เป็นข้าราชการ อาจจะล้านกว่าคน รวมครอบครัว อาจจะ 6 — 7 ล้านที่มีสิทธิประโยชน์บางอย่าง เรามีพี่น้องประชาชนที่ทำงานอยู่มีนายจ้าง เข้าสู่ระบบที่เรียกว่าประกันสังคม ดูแลสิทธิประโยชน์ 5 เรื่อง 6 เรื่อง ประมาณ 9 ล้านคน แต่คนอีก 40 กว่าล้านคน ไม่มีหลักประกัน ไม่มีสวัสดิการ ผมทราบดีครับว่าประเทศเราไม่ได้ร่ำรวยที่จะให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับทุกคน แต่เราต้องเริ่มต้น แต่เราต้องพยายามทำทุกอย่าง ที่จะให้อย่างน้อยที่สุด คนของเรานั้นมีความอุ่นใจว่าไม่ถูกทอดทิ้ง ประชาธิปัตย์เคยเริ่มต้นเบี้ยยังชีพ ให้พี่น้องผู้สูงอายุ เริ่มต้น 200 บาทต่อเดือน เปลี่ยนมาเป็น 300 บาทต่อเดือน ปัจจุบันรัฐบาลขยับให้มาเป็น 500 บาทต่อเดือน แต่ที่อยู่บนเวทีนี้ คุณลุง คุณป้าที่อยู่บนเวทีนี้ ไม่ได้รับครับ เพราะเราไม่ได้ให้ทั่วถึง สภาพอย่างนี้เราต้องแก้ไขจริง ๆ เราต้องให้หลักประกันว่คนของเรา เกิด แก่ เจ็บ ตาย นั้น อย่างน้อยที่สุดต้องได้รับการดูแลระดับพื้นฐาน
วาระประชาชนในส่วนของการพัฒนาคน นอกจากเรื่องของการศึกษาแล้ว ขอประกาศว่า เราจะเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงระบบ สวัสดิการของคนไทยทั้งประเทศ ครั้งใหญ่ (เสียงปรบมือ)
เราอยากจะเห็นความฝันของอาจารย์ป๋วย ซึ่งเคยบันทึกเอาไว้ในบันทึกสั้น ๆ จากครรภ์มารดา สู่เชิงตะกอน ว่าต่อไปนี้จะไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป แต่จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ปฏิบัติจริง ภายใต้วาระประชาชนที่ประชาชนต้องมาก่อน (เสียงปรบมือ)
พี่น้องครับ วาระประชาชนในส่วนที่สาม คือเรื่องของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ปัจจุบันนี้ เรามีปัญหาทางเศรษฐกิจมากและเราก็ตื่นตระหนกไปกับปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นวันต่อวัน เดือนต่อเดือน หุ้นตก นักธุรกิจก็มีความทุกข์ ค่าเงินบาทแข็ง นักธุรกิจก็มีความทุกข์ ถ้าค่าเงินบาทอ่อนมาก น้ำมันแพง ทุกคนก็มีความทุกข์ เราต้องยอมรับว่า การแก้ปัญหาการฟื้นฟูเศรษฐกิจนั้น เราต้องเข้าใจสภาพความเป็นจริงของประเทศและของโลกอย่างแท้จริง ผมไม่เชื่อเรื่องเศรษฐกิจคู่ขนาน ที่ใครมาบอกว่า ดูแลเศรษฐกิจสมัยใหม่ก็แยกกันไป แล้วเราก็หาเงินมาช่วยคนยากคนจนแบบสังคมสงเคราะห์ แบบโครงการที่วาดฝัน แต่ผมเชื่อว่า เศรษฐกิจที่เข้มแข็งจริง เราต้องยอมรับว่า เราอยู่ในเรือลำเดียวกัน เศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรที่ปลูกข้าว ที่อยู่ที่อุบลราชธานี กับผู้ส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มันคือเศรษฐกิจเดียวกัน คือเรือลำเดียวกัน เราต้องเข้าใจความเชื่อมโยงตรงนี้ วาระประชาชนจึงเริ่มต้นจากฐานคิดที่บอกว่า เศรษฐกิจของประเทศจะดีได้ เศรษฐกิจของชาวบ้านต้องดีก่อน ประเทศไทยเป็นประเทศไม่กี่ประเทศที่ยังสามารถส่งออกอาหารไปป้อนชาวโลก แต่เกษตรกรของเรากลับกลายเป็นคนที่ยากจนที่สุดในประเทศของเรา เศรษฐกิจที่ดีที่เริ่มจากเศรษฐกิจชาวบ้านที่แข็งแกร่ง จะมาด้วยการมีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจชนบทที่เป็นรูปธรรม
เมื่อสักครู่เราได้ยินว่า ทุกข์ของชาวนา คือการไม่มีน้ำ คือความไม่แน่ ไม่นอนที่เกิดขึ้น ตรงนี้แหละครับ คือจุดที่รัฐจะต้องลงทุนมากที่สุดในทางเศรษฐกิจ หัวใจสำคัญของการฟื้นฟูเศรษฐกิจชนบทของวาระประชาชนคือการเร่งลงทุนในเรื่องของระบบชลประทาน เพื่อให้พื้นที่ซึ่งขาดแคลนน้ำมีน้ำใช้เพื่อการเกษตร เพื่อให้การปลูกพืชผลต่าง ๆ ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นอีกหลายเปอร์เซนต์ หรือแม้กระทั่งอาจจะเป็นเท่าตัว เพราะนั่นคือวิธีที่เราจะให้หลักประกันได้ดีที่สุดว่า คนที่ยากจนที่สุดของเรามีรายได้ที่มั่นคง จึงจะสามารถหลุดพ้นจากความยากจนได้ เศรษฐกิจชนบทที่ดีต้องอยู่กับของจริง ผมถามว่า ถ้าน้ำดี ดินดี พันธุ์พืชดี ทำไมรายได้ของเกษตรกรจะไม่ดี รัฐต้องเข้าไปลงทุนในเรื่องเหล่านี้ พี่น้องที่ไม่มีที่ทำกินต้องเร่งไปจัดที่ทำกิน ออกเอกสารสิทธิ์ให้ มีระบบชลประทาน มีการดูแลโดยการวิจัยเรื่องของพันธุ์พืช เพื่อเพิ่มผลผลิต และตรงนี้แหละครับ พอเราเชื่อมโยงไปถึงโลก เราก็มาดูเรื่องตลาด เรื่องราคาพืชผล โลกาภิวัฒน์ผมบอกแล้วว่าไม่ได้น่ากลัวครับ วันนี้โลกหยิบยื่นโอกาสให้กับคนไทย
ตัวอย่างง่าย ๆ ที่วาระประชาชนได้เดินหน้าไปแล้วคือเราประกาศ สนับสนุนเรื่องการผลิตเอทานอล ทำแก๊สโซฮอล ทำพลังงานทดแทน ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของทั้งชาวโลก และของประเทศ นอกจากการที่เราจะใช้พลังงานได้อย่างชาญฉลาดขึ้น ลดการนำเข้า ดูแลสิ่งแวดล้อมแล้ว นี่คือโอกาสทองของเกษตรกรไทย โครงการนี้เรามั่นใจครับว่า จะทำให้เกษตรกรหลายกลุ่มลืมตา อ้าปากได้ ที่พูดว่า อ้อยพัน มันสองบาท ไม่ใช่ฝันที่ไกลเกินจริงอีกต่อไป วาระประชาชนจะเดินหน้าเรื่องนี้ (เสียงปรบมือ)
นอกจากนั้นครับ ความไม่แน่ ไม่นอนที่ต้องเผชิญอยู่เป็นระยะ ๆ ในเรื่องของดินฟ้าอากาศ ต้องจัดให้มีระบบประกันภัยพืชผล ฝนแล้ง น้ำท่วม นาล่ม เราต้องไม่ปล่อยให้ชีวิตของคนของเรา หรือเกษตรกรล่มตามไปด้วย ระบบประกันภัยพืชผลที่สามารถที่จะให้หลักประกันล่วงหน้ามีหลักเกณฑ์ที่ดีในการชดเชย สามารถที่จะชดเชยได้ทันทีทันควัน เป็นสิ่งที่ต้องเข้ามาทดแทน ระบบที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน คือปล่อยให้ภัยเกิดขึ้นก่อน วิ่งสำรวจ หางบกลาง แล้วก็มาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนหรือเกษตรกร เมื่อช้าจนเกินไป
นอกจากนี้วาระประชาชนยังจะจัดตั้งกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเป็นกำลังสำคัญให้เศรษฐกิจในระดับชุมชน ให้เกษตรกรที่อยากจะรวมตัวกันสามารถที่จะมีเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับส่วนรวม เพิ่มพูนความสามารถในการหารายได้ กองทุนนี้ทุกหมู่บ้านจะต้องได้ใช้ กองทุนนี้เกษตรกรต้องสามารถรวมตัวกันได้ อาจจะสร้างยุ้งฉาง อาจจะทำลานตากมัน อาจจะมีรถไถ อาจจะมีรถเก็บเกี่ยวพืชผล เพื่อที่ลดต้นทุนของพี่น้องเกษตรกรทั้งประเทศ สำหรับภาคเศรษฐกิจอื่น ๆ นั้น เราก็ไม่ละทิ้ง แต่เราเชื่อว่าพี่น้องนักธุรกิจ ที่ทำอุตสาหกรรม ที่ทำธุรกิจในภาคบริการของเรานั้น ความสามารถดีอยู่แล้ว สิ่งที่บั่นทอนท่านทั้งหลายในขณะนี้ ก็คือความล้มเหลวของภาครัฐมากกว่า ความล้มเหลวของภาครัฐที่ไปเพิ่มต้นทุนให้กับท่าน หรือไม่ลดต้นทุนให้ท่าน หัวใจของวาระประชาชนในการทำให้อุตสาหกรรมไทย ภาคบริการไทยแข่งขันได้ คือการลดต้นทุน
วันนี้ต้นทุนของเศรษฐกิจไทย เรื่องการขนส่ง เรื่องโลจิสติกส์ สูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก สูงถึงเกือบร้อยละ 20 ภายใน 4 ปี ถ้าเรามีโอกาสทำ เราจะลดให้ต่ำกว่าร้อยละ 15 เราจะทำระบบราง ระบบขนส่งทางน้ำ (เสียงปรบมือ) และเราจะเลือกทำโครงการขนาดใหญ่ ไม่ใช่เพียงเพราะว่าเงินเยอะ กระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เราจะตอบคำถามได้ว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ลงไปนั้น พี่น้องประชาชนคนไทย ธุรกิจไทย ได้อะไร การลงทุนระบบขนส่งจะต้องเปิดพื้นที่ยังภาคอีสาน ออกสู่ท่าเรือ ออกสู่ทะเลทางใด ทางหนึ่ง โดยระบบราง การมีรถไฟรางคู่ เพื่อที่จะเชื่อมโยงเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ทั้งหลายให้มาใช้เส้นทางที่ผ่านออกสู่ทะเลในเมืองไทย ก็ต้องเร่งทำ การที่พี่น้องที่อยู่ในฝั่งอันดามัน ควรจะมีประตูออกสู่ภาคตะวันตก สิ่งเหล่านี้คือแนวทางสำคัญในวาระประชาชนว่าด้วยเรื่องของเศรษฐกิจ และสำหรับภาคบริการครับ ผมมีความเชื่อมั่นว่า เรายังทำอะไรได้อีกมาก
อุปนิสัยคนไทย ที่ชื่นชม ชื่นชอบทั่วโลก แต่ 10 ปีที่ผ่านมาเชื่อไหมครับว่า ภาคบริการ เมื่อเทียบกับรายได้ของประเทศกลับลดลง เรามีจุดแข็งเราต้องใช้ เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาเราส่งเสริมภาคบริการการท่องเที่ยว เราคิดว่าหน้าที่รัฐแค่ทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ ทำการตลาด แต่ที่จริงแล้ว ถ้าเรามาส่งเสริมให้หลายสิ่งหลายอย่างมันครบวงจร เพราะขณะนี้ของเรามีอะไรหลายอย่าง ซึ่งชาวโลกสนใจ ไม่ใช่การท่องเที่ยวแค่ชายหาดหรือภูเขา แต่บริการในเรื่องสุขภาพ การจัดการประชุม นิทรรศการ เรื่องของอุตสาหกรรมบันเทิง การถ่ายทำภาพยนตร์ มีโรงถ่ายภาพยนตร์ชั้นนำ แม้กระทั่งการทำการ์ตูนแอนนิเมชั่น ทำหนังโฆษณา ฝีมือคนไทยไม่เป็นรองใคร คนของเราก็ไปรับรางวัลจากต่างประเทศมาแล้ว เพียงแต่ว่าที่ผ่านมารัฐไม่ได้ทำหน้าที่ในการทำให้สิ่งเหล่านี้ครบวงจร เพื่อเป็นแนวทางในการหารายได้เข้าประเทศ
พี่น้องครับ ในส่วนสุดท้ายที่เป็นส่วนสำคัญของวาระประชาชน ก็คือความสงบสุข ความสันติสุข คุณลุง คุณป้าที่เล่าความทุกข์ให้เราฟังเมื่อสักครู่ บ้านถูกเผา 3 ครั้ง แต่ไม่อยากทิ้งถิ่นฐานไปไหน ไม่เชื่อว่าคนไทยจะอยู่ร่วมกันไม่ได้ เพราะรู้ว่าในอดีตในประวัติศาสตร์ เราอยู่ร่วมกันมาได้เป็นอย่างดี และผมเชื่อครับ ผมเชื่อว่าคนไทยนั้นรักสงบ คนไทยต้องการความสันติสุข สภาพที่ไทยฆ่าไทยอยู่ทุกวันนี้ ไม่ใช่ธรรมชาติแต่เราต้องมียุทธศาสตร์ในการต่อสู้
ผมและพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านประธานที่ปรึกษา ท่านอดีตนายกฯ ชวน ได้ทุ่มเทการศึกษาปัญหา พูดคุยกับทุกฝ่ายในเรื่องนี้อย่างมาก เราเชื่อครับว่า การจัดการที่ดีทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น เข้าใจนโยบายที่ตรงกัน ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีเอกภาพ เบื้องต้นดูแลรักษาความปลอดภัยหยุดยั้งความรุนแรงนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด และมีเครื่องมืออีกหลายอย่างครับ ที่เรายังไม่ได้ใช้อย่างเต็มที่ จะเป็นนิติวิทยาศาสตร์ จะเป็นกล้องวงจรปิด จะเป็นเทคโนโลยีดาวเทียม หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าเราใช้ ผมมั่นใจว่าเราดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับพี่น้องของเราได้ดีกว่านี้ และสิ่งเหล่านี้ยังจะเป็นพื้นฐาน ในการขจัดเงื่อนไขของความรุนแรงคือความไม่เป็นธรรม รัฐบาลที่เอาใจใส่ทุกข์ไปกับพี่น้องที่อยู่ท่ามกลางความกลัว จะเป็นรัฐบาลที่ต้องเดินหน้าในการสร้างโอกาสและความหวังในพื้นที่ โอกาสและความหวังในพื้นที่นั้นก็ต้องทำทั้งในส่วนของเศรษฐกิจ ที่เป็นเศรษฐกิจของพื้นที่ สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนที่นั่น ซึ่งมีโอกาสมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรม อาหารฮาลาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเผยแผ่วัฒนธรรมที่มีความหลากหลายอยู่ในพื้นที่ แม้กระทั่งเรื่องของการศึกษา และโอกาสที่สำคัญก็คือว่า ระบบการศึกษาในพื้นที่จะต้องให้สองสิ่งที่คนที่นั่นต้องการ คือ 1. โอกาสที่เมื่อจบการศึกษามาแล้ว มีอาชีพ มีรายได้ และ 2. ได้ซึมซับหลักธรรมคำสอนทางศาสนาที่ถูกต้อง ที่จะทำให้เขาสามารถยึดมั่น ในการใช้ชีวิตตามความเชื่อของเขาอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี
ปณิธานความตั้งใจ ของพวกเราชาวประชาธิปัตย์ ที่ปรากฎอยู่ในวาระประชาชนก็คือ พี่น้องทุกคนที่อยู่ใน 3 จังหวัดภาคใต้ จะต้องรู้สึกว่าตัวเองภาคภูมิใจมีความหวัง มีความมั่นใจ มีความอบอุ่นใจที่จะอยู่ร่วมกันในผืนแผ่นดินนี้ ภายใต้พระบรมโพธิสมภารขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนี่คือความสงบสุข ความสันติสุขที่เราต้องคืนให้กับพี่น้องชาวใต้ใน 3 จังหวัดอย่างเร่งด่วนที่สุดครับ (เสียงปรบมือ)
พี่น้องที่เคารพครับ ทั้ง 4 เรื่องที่เป็นหัวใจของวาระประชาชน เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่คงไม่ได้อยู่ที่ผม ไม่ได้อยู่ที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น แต่อยู่ที่พี่น้องประชาชน ประชาธิปไตย ไม่ได้หมายถึงว่ามีรัฐธรรมนูญ มีพรรคการเมือง มีการเลือกตั้ง แต่ประชาธิปไตย ต้องหมายถึงประชาชนมีทางเลือก วาระประชาชนที่พวกเราเดินหน้าเพื่อที่สร้างนั้น เป็นทางเลือกของพี่น้องประชาชน เป็นทางเลือกสำหรับคนไทยทุกคน ที่จะต้องตัดสินใจว่าเราจะเอาการเมืองที่ยึดประโยชน์ตน ประโยชน์พวกพ้อง หรือจะเอาการเมืองที่ยึดประโยชน์ของประชาชน เราจะเอาการเมืองที่ละเลย ไม่เข้าใจ ไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับประชาชน หรือจะเอาการเมืองที่คลุกคลีทุกข์ร้อน ยืนหยัดปักหลักเคียงข้างกับประชาชนมานานนับกว่า 60 ปี
นี่คือทางเลือกที่พี่น้องประชาชนจะต้องตัดสินใจ และจากนี้ไปจนถึงสิ้นปี ผมและสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์ทุกคน จะเดินหน้าเข้าไปพบปะกับพี่น้องเพื่อพูดคุยอธิบาย แก้ไข ปรับปรุง วาระประชาชนตรงนี้อย่างเต็มกำลัง เพราะผมเชื่อครับว่า อนาคตของประเทศเป็นอนาคตที่สดใส ผมเชื่อมั่นว่าความสามารถของพี่น้องคนไทยทุกคน หากได้รวมพลังร่วมมือร่วมใจกันแล้ว ประเทศนี้ สังคมนี้ ไม่เป็นรองใคร และประเทศนี้ สังคมนี้จะเจริญมั่งคั่ง เพียงพอที่จะให้พี่น้องคนไทยทุกคนได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ (เสียงปรบมือ)
นี่คือความหมายของวาระประชาชน นี่คือภารกิจที่ผมและพรรคประชาธิปัตย์ ถือว่าสำคัญที่สุด และผมหวังเป็นอย่างยิ่งครับว่า ถ้าพี่น้องประชาชนจะให้ความกรุณา หยิบยื่นมือเข้ามาจับมือกับเรา จับมือกับคนไทยทั้งประเทศ ผลักดันวาระประชาชนตรงนี้ ผลประโยชน์ของประชาชนจะเป็นใหญ่ เมืองไทยจะก้าวหน้า สงบสุข และถึงวันนั้นเราพูดได้เต็มปากเต็มคำครับว่า เราได้ยึดหลักการ ประชาชนต้องมาก่อน อย่างสมบูรณ์แล้ว
ขอขอบพระคุณครับ (เสียงปรบมือ)
*****************************************
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 21 ก.ค. 2550--จบ--
โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ณ โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ 21 ก.ค. 50
พี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่าน วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ ยุคประชาชนต้องมาก่อน ได้จัดเวทีให้กับตัวแทนของพี่น้องประชาชนที่ท่านได้พบไปเมื่อสักครู่ สะท้อนความทุกข์ยาก สะท้อนความลำบากของท่านทั้งหลายเหล่านั้น ผมเชื่อว่าความทุกข์ที่พี่น้องที่รับชมอยู่ทางบ้าน ได้ฟังจากปากของเพื่อนร่วมชาติเมื่อสักครู่ จะเข้าใจว่าความทุกข์เหล่านี้ไม่ใช่เฉพาะความทุกข์ของคนที่อยู่บนเวทีนี้เท่านั้น แต่ว่า มีพี่น้องประชาชนหลายสิบล้านคนที่มีความทุกข์แบบนี้ และตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผมและพรรคประชาธิปัตย์ได้เดินทางไปพบปะกับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ เรารู้ว่ายังมีความทุกข์อีกหลายเรื่อง ซึ่งพี่น้องได้สะท้อนมาให้เราฟังโดยตลอด พี่น้องจำนวนมากทำงานด้วยความขยันขันแข็งอุตสาหะ แต่พบความเป็นจริงว่า รายได้ไม่พอรายจ่าย พี่น้องประชาชนจำนวนมากมีความวิตกกังวลต่อสภาพของบ้านเมือง ต่อสังคม ต่อเศรษฐกิจ เป็นห่วงลูก เป็นห่วงหลานของตัวเอง เป็นห่วงอนาคตของประเทศชาติบ้านเมือง
ผมไม่อยากเชื่อว่าพี่น้องคนไทยทั้งประเทศจะต้องตกอยู่ในภาวะความทุกข์อย่างนี้ เพราะผมไม่เชื่อว่าต้นตอของปัญหาความทุกข์ทั้งหลายนั้น เกิดขึ้นจากพี่น้องประชาชนคนไทยทั่วไป ตรงกันข้าม ผมเชื่อในศักยภาพความสามารถของคนไทยทุกคน คุณลุง คุณป้าที่นั่งอยู่บนเวทีนี้ เป็นตัวอย่างของคนไทยที่ต่อสู้กับชีวิต ด้วยความอดทน ด้วยความมุ่งมั่น คนไทยที่ผมรู้จัก คนไทยที่ผมเห็นคือคนที่มีทั้งความสามารถมีทั้งพลัง มีทั้งความคิดที่สร้างสรรค์ คนไทยที่ผมได้ติดตามมาตลอดคือคนไทยที่สามารถปรับตัวได้ ปรับตัวเก่ง เข้ากับสถานการณ์วิกฤตการณ์ต่าง ๆ และคนไทยสังคมไทยรู้จักมาตลอด คือคนไทยที่มีน้ำใจ มีความโอบอ้อมอารีย์แก่กันและกัน ต้นตอของความทุกข์ ต้นตอของปัญหา จึงไม่ใช่อยู่ที่คนไทย ตรงกันข้ามคนไทยคือทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของประเทศไทยที่พวกเราต้องช่วยกันส่งเสริม ผมไม่เชื่อด้วยว่า ต้นตอของความทุกข์ของพี่น้องคนไทยขณะนี้เราจะมองไปข้างนอกประเทศ แล้วไปโทษโลก ไปโทษกระแสความเปลี่ยนแปลงที่เขาเรียกว่า โลกาภิวัฒน์ เพราะผมมองเห็นว่าโลกสมัยใหม่ โลกของโลกาภิวัฒน์ มันเป็นโลกที่สร้างโอกาส ให้เทคโนโลยี ให้เครื่องมือ ให้ความสะดวกหลายสิ่งหลายอย่าง ซึ่งคนไทยและชาวโลกไม่เคยได้มาก่อน แต่ต้นตอของความทุกข์ทั้งหลายของคนไทยต้องสรุปกันง่าย ๆ คือเรื่องของการเมือง การบริหารประเทศ ภาวะผู้นำที่ขาดหายไปในประเทศของเรา
การเมืองที่ไม่สามารถสร้างประชาธิปไตยให้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง การเมืองที่ไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจมีความมั่นคงเพียงพอที่ทำให้คนของเราหลุดพ้นจากความยากจน การเมืองที่ไม่กล้าต่อสู้กับการผูกขาด ไม่กล้าต่อสู้กับกฎระเบียบ ปัญหาต่าง ๆ ซึ่งรัฐสร้างขึ้นเป็นภาระกับพี่น้องประชาชนเอง และการเมืองที่ไม่วางรากฐานให้กับลูกหลานให้กับอนาคตของประเทศ นานพอแล้วครับ ที่เราเจอกับการเมืองที่ทุจริต คอร์รัปชั่น นานเกินพอแล้วที่เราได้ยินข่าวคราวการทุจริตกันเป็นร้อยล้าน พันล้าน หมื่นล้าน ในขณะที่พี่น้องที่อยู่บนเวทีนี้บอกว่าได้วันละ 100 บาท นานพอแล้วกับการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ตอบสนอง ไม่กล้าตัดสินใจในเรื่องที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต่อประเทศ ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับทุกข์ของชาวบ้าน การเมืองที่ทุจริต คอร์รัปชั่น ได้แย่งชิงผลประโยชน์ไปจากประชาชน การเมืองที่ไม่ตอบสนอง ไม่ทุกข์ร้อนได้ทำลายโอกาสให้กับประเทศมานานพอแล้ว
วันนี้สิ่งที่ผมและพรรคประชาธิปัตย์ ต้องการจะประกาศบอกกับพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ ก็คือ ถึงเวลาของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่การเมือง จะเข้ามาแก้ไขปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริง การเมืองที่ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่โกง ไม่กิน การเมืองที่ทุกข์ร้อนไปกับประชาชน และตอบสนองความต้องการของประชาชน
วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ต้องการจะประกาศว่า ถึงเวลา ประชาชนแล้ว ถึงเวลาของ วาระประชาชน แล้ว และถึงเวลาแล้วที่ ประชาชนต้องมาก่อน (เสียงปรบมือ)
วาระประชาชน ที่พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศในวันนี้ เป็นแนวนโยบายที่มาจากการพบปะพูดคุยกับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ เป็นแนวความคิดที่อยู่กับความเป็นจริงของประเทศ อยู่กับความเป็นจริงของโลก มีฐานข้อมูล มีฐานความรู้ทางวิชาการที่รองรับ เป็นวาระประชาชนที่เราต้องเรียกร้องให้คนไทยทั้งประเทศมีความกล้าหาญที่จะเผชิญกับปัญหาที่แท้จริงและความท้าทายทั้งหลายที่อยู่ในชีวิตของเราทุกคน เราปฏิเสธไม่ได้หรอกครับ ยุคนี้ สมัยนี้ ประเทศไทยไม่สามารถที่จะหลบซ่อนได้จากความเป็นไปในโลก ประเทศไทยไม่สามารถที่จะหลอกตัวเองว่าจะหลีกหนีจากการแข่งขันที่เกิดขึ้นในระดับโลก เราต้องกล้าที่จะเผชิญ และผมอยากจะย้ำกับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศว่า ในอดีต วันที่ประเทศไทย เศรษฐกิจไทย เติบโต ก้าวหน้าทางเศรษฐกิจมากที่สุด ก็คือวันที่เราไม่กลัว วันที่เราค้าขาย วันที่เราส่งออก วันที่เรารับการลงทุนจากต่างประเทศ เพียงแต่ว่า วันนี้ถ้าเราจะเผชิญกับความท้าทายและการแข่งขันต่าง ๆ นั้น การเมือง รัฐบาล ผู้นำ ต้องเข้ามามีบทบาทในการเสริมความพร้อมและสนับสนุนคนของเรา ประเทศของเรา ที่จะเผชิญกับภาวะอย่างนี้
พี่น้องที่เคารพครับ วาระประชาชน จะประกอบไปด้วย 4 องค์ประกอบหลัก ๆ องค์ประกอบแรก หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพูดถึงก็คือการฟื้นฟูประชาธิปไตย ถ้าเรายังไม่มีประชาธิปไตยที่แท้จริง ถ้าพี่น้องประชาชนไม่สามารถมาร่วมกันกำหนดอนาคตของตัวเอง ถ้าเราไม่เปิดโอกาสให้พี่น้องสามารถปกป้องผลประโยชน์ของพี่น้องจากการใช้อำนาจของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นชุดไหนมาอย่างไร เราไม่สามารถสร้างอนาคตเพื่อคนทั้งประเทศได้
วันนี้ ผมเชื่อมั่นว่า พี่น้องประชาชนในประเทศก็รอคอยการฟื้นฟูประชาธิปไตย ผมอยากจะบอกว่า ผมเดินทางไปต่างประเทศ ชาวโลกก็จับตาดูประเทศไทย และต้องการเห็นประเทศไทยหวนคืนสู่ประชาธิปไตยโดยเร็วเช่นเดียวกัน เราเชื่อครับว่า เมื่อประชาธิปไตยฟื้นฟูกลับคืนมา ความเชื่อมั่นจะเกิดขึ้น การลงทุนจะเกิดขึ้น โอกาสจะเกิดขึ้น การสร้างงานจะเกิดขึ้น พี่น้องประชาชนจะมีเงินจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น และเราจะกลับไปสู่ประชาธิปไตย เราก็ต้องมีการเลือกตั้ง เราจะมีการเลือกตั้ง เราก็จำเป็นที่จะต้องมีรัฐธรรมนูญ วันนี้สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องการที่จะประกาศให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศทราบก็คือ เราสนับสนุนที่จะทำให้การเมืองมีความแน่นอนในการฟื้นฟูประชาธิปไตยโดยเร็ว เราอยากเห็นประเทศมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยถาวร เป็นกติการที่พี่น้องประชาชนจะหวนกลับเข้ามามีทางเลือกผ่านกระบวนการประชาธิปไตย นี่คือสิ่งที่เป็นความจำเป็นเร่งด่วน และผมขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนไปลงคะแนนเสียงประชามติเพื่อที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของชาติให้มีความชัดเจนเพื่อรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้งต่อไป
พี่น้องครับ การทำให้ประชาธิปไตยของเรานั้นมีความมั่นคงนั้น เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด หลังจากที่เรามีรัฐธรรมนูญและมีการเลือกตั้งแล้ว ไม่ได้หมายความว่าภารกิจของการดูแลประชาธิปไตยหมดไป พรรคประชาธิปัตย์ตั้งใจเป็นอย่างยิ่งว่า หลังจากที่มีการเลือกตั้งแล้วการเมืองใหม่จะต้องเกิดขึ้น เป็นการเมืองที่ไม่แบ่งแยกประชาชนเป็นการเมืองที่ไม่ทำให้ความแตกแยกในสังคมลุกลามบานปลาย เป็นการเมืองที่มีความสุจริต เป็นการเมืองที่พี่น้องประชาชนทุกคนมั่นใจได้ว่า จะผดุงรักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติด้วยความจงรักภักดี และถ้าเรามีการเมืองอย่างนี้พี่น้องครับ พี่น้องของเราที่อยู่ในกองทัพจะได้กลับไปปฏิบัติภารกิจที่มีคุณค่า มีเกียรติอย่างยิ่งที่สุดของเขา นั่นก็คือดูแลรักษาความมั่นคงของประเทศชาติ วาระประชาชนในข้อแรกจึงเป็นเรื่องของการฟื้นฟูประชาธิปไตย
พี่น้องที่เคารพครับ ในส่วนที่สองนั้น ก็คือเรื่องของการพัฒนาคนและการศึกษา ทำไม ผมและพรรคประชาธิปัตย์จึงหยิบเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะผมอยากจะบอกว่า ในโลกที่ท้าทายในโลกที่แข่งขันที่ประเทศไทยจะต้องเจริญก้าวหน้าไปได้นั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ คุณภาพของคนของเรา หากว่าคนของเรามีความพร้อมมีความแข็งแกร่ง นั่นย่อมเป็นหลักประกันที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ เมื่อสักครู่ เราได้ยินจากคุณปิยะรัตน์ที่มีลูกเล็ก ๆ 1 คนและกำลังจะมีลูกอีก 1 คน เป็นห่วง เป็นกังวลในเรื่องของการศึกษาของลูกภาระที่จะเกิดขึ้น ผมไม่สามารถที่จะไปให้หลักประกันคุณปิยะรัตน์ได้หรอกครับว่า ลูก ๆ นั้นจะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน แต่ผมคิดในใจว่า อย่างน้อยที่สุดสิ่งที่รัฐ จะต้องหยิบยื่นให้กับคนไทยทุกคนและบอกกับแม่คนไทยทุกคนตั้งแต่ก่อนลูกจะเกิดก็คือว่า เราให้เขาได้ 2 สิ่ง 1.คือบันไดแห่งโอกาส 2. คือหลังพิงสำหรับเขาในวันที่เขาทุกข์ยาก
วาระประชาชนว่าด้วยการพัฒนาคน จึงหมุนอยู่กับ 2 เรื่องนี้เป็นหลัก บันไดแห่งโอกาสที่เราต้องการที่จะสร้างให้กับพี่น้องคนไทยทุกคนนั้นก็คือการศึกษาที่ทั่วถึง มีคุณภาพ เป็นเรื่องที่ผมย้ำแล้ว ย้ำอีก และประชาธิปัตย์ทุกยุค ทุกสมัย ย้ำแล้ว ย้ำอีกว่า จะต้องเป็นการลงทุนอันดับหนึ่งของประเทศ จะต้องทุ่มเททรัพยากรต่าง ๆ เพื่อที่จะให้คนของเรานั้นมีโอกาสเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีคุณภาพ มีความพร้อม มีความแข็งแกร่ง ทั้งความรู้ทั้งอารมณ์ ทั้งจิตสำนึก ทั้งจิตวิญญาณ อย่างแท้จริง
วาระประชาชนว่าด้วยเรื่องการศึกษานั้น จึงจะดูแลเด็กของเราตั้งแต่ยังไม่เกิด จัดระบบการดูแลคุณแม่ซึ่งตั้งครรภ์ เพื่อให้ได้รับอาหาร เพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง ที่ลูกจะเติบโตขึ้นมามีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ดูแลต่อเนื่องมาจนถึงตอนเป็นเด็กเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของอาหารและโภชนาการ เพราะไม่เพียงแต่จะทำให้เด็กของเราแข็งแรงทางด้านร่างกายเท่านั้น แต่จะทำให้สมองมีความพร้อมอย่างยิ่ง ในการที่จะพัฒนาเป็นคนเก่ง คนฉลาดต่อไป มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่จะดูแล ใกล้บ้าน หรือมีศูนย์รับดูเด็กเล็กเกิดขึ้นตามที่ทำงานต่าง ๆ เพื่อให้แม่กับลูกมีความใกล้ชิดกัน และเมื่อเข้าสู่โรงเรียนสิ่งที่เราเคยพร่ำพูด แม้กระทั่งเขียนลงไปในกฎหมายสูงสุดที่บอกว่า เรียนฟรี เรียนฟรี เราต้องทำให้เกิดขึ้นจริง เราได้ยินเมื่อสักครู่ว่ามันไม่จริง เขียนในรัฐธรรมนูญเฉย ๆ เขียนในกฎหมายเฉย ๆ แต่ภาระของเด็กยังมีอยู่ตลอดเวลา ของแม่ยังมีอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ประถมจนจบมัธยม วาระประชาชนที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศในวันนี้ ยืนยันว่า จากนี้ไป เด็กไทยทุกคนต้องได้เรียนฟรีจริง จนจบมัธยม(เสียงปรบมือ)
ไม่ใช่เรื่องยากครับ เพราะว่าในกรุงเทพมหานคร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ว่า กทม. ได้ทำแล้ว เอาตัวเลขมาให้ผมดูตอนนั้นว่าจะต้องเพิ่มงบประมาณ 500 กว่าล้าน หรือเป็นพันล้านแต่ที่สุดก็อยู่ที่การตัดสินใจว่า อะไรสำคัญที่สุดสำหรับคนของเรา เมื่อมองดูตัวเลข เมื่อพิจารณาแล้ว ท่านผู้ว่า กทม. ก็ตัดสินใจอย่างไม่ลังเลว่า ความสำคัญที่สุดก็คืออนาคตของประเทศ ก็อนุมัติงบ เพราฉะนั้นเด็กในโรงเรียน กทม. จึงเรียนฟรีจริง มาตั้งแต่เดือน พฤษภาคม (เสียงปรบมือ)
แต่การศึกษาคงไม่หยุดอยู่เพียงแค่เรื่องของมัธยมฯ วันนี้สิ่งที่เราพยายามทำอย่างยิ่งก็คือการทำให้ลูกหลานของเรานั้นมีโอกาสเรียนต่อ แต่ไม่ใช่เรียนเพื่อได้ปริญญา ไม่ได้เรียนเพื่อที่จะมีกระดาษหนึ่งแผ่นรับรองคุณวุฒิ แต่เรียนแล้วมีงานทำ เรียนแล้วมีโอกาส เรียนแล้ว สามารถที่จะมีความก้าวหน้าในชีวิตการงานในการประกอบอาชีพของตัวเองได้ เพราะฉะนั้นการปฏิรูประบบอุดมศึกษา อาชีวะศึกษาโดยเฉพาะ จะเป็นหัวใจของวาระประชาชน เช่นเดียวกัน
พี่น้องครับ ผมเคยเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2540 -2544 งานสำคัญที่สุดที่ผมร่วมผลักดันในขณะนั้นก็คือการปฏิรูปการศึกษา กฎหมายการศึกษาแห่งชาติ ที่ออกมาเมื่อปี พ.ศ. 2542 ผมขอยืนยันว่า ถ้าผมและพรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสเข้าไปทำงานเพื่อบ้านเมือง เราจะได้เห็นการปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่ที่สุดที่เป็นรูปธรรม ทั้งในเรื่องโอกาสการศึกษา และคุณภาพการศึกษาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นี่คือ หัวใจสำคัญที่สุดของวาระประชาชน ที่ลูกหลานของเราต้องมาก่อน (เสียงปรบมือ)
ผมอยากจะบอกต่อไปว่า การเตรียมการปูพื้น การหยิบยื่นบันไดแห่งโอกาสให้นั้น มันจะมีผลที่ตามมาอีกเยอะครับ ไม่ใช่แค่เพียงว่า ลูกหลานเรามีงานทำเท่านั้น แต่ว่าถ้าการศึกษาของเราดี ครอบครัวคนไทยอบอุ่น ภัยคุกคามปัญหาบางอย่างก็จะแก้ได้ด้วย เช่นยาเสพติด เราต้องเลิกคิดว่า จะต้องฆ่าคนกันปีละกี่พันคน เพื่อทำสงครามกับยาเสพติด แต่เราต้องคิดว่า ถ้าไม่มีคนซื้อ ย่อมไม่มีคนขาย ครอบครัวที่อบอุ่น การศึกษาที่ดี การเปิดโอกาส การทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่สร้างสรรค์ในสังคมเท่านั้นจะเป็นหนทางที่เราจะชนะภัยยาเสพติดได้อย่างมั่นคงถาวร และยั่งยืน
ในส่วนที่สอง พี่น้องครับ นอกจากบันไดแห่งโอกาสแล้ว เราจะต้องให้หลักพิงกับคนของเรา โลกที่เปลี่ยนแปลงเร็วนั้น เราไม่รู้หรอกครับว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา และธรรมชาติของมนุษย์เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว วันนี้เรามีหลายโครงการที่ได้เริ่มต้นมาจากรัฐบาลชุดก่อน ๆ ซึ่งให้หลักประกันอยู่บ้างเรื่อง โครงการเหล่านี้ต้องเดินต่อ โครงการรักษาฟรี ที่ท่านนายกฯ สุรยุทธ ต่อยอดมาจาก 30 บาทที่นายกฯ ทักษิณ ต่อยอดมาจากการรักษาคนบางกลุ่มซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เริ่มต้นไว้ โครงการนี้ต้องเดินต่อ แต่เราก็ต้องสามารถที่จะตอบคำถาม แก้ความทุกข์ของลุงซินว่า การรักษาฟรีนั้นต้องมีคุณภาพ ถ้ามีความต้องการเป็นพิเศษ จะเป็นยาแพง จะเป็นความพิการที่เกิดขึ้น ตรงนี้ต้องปรับปรุงให้เข้าไปดูแลได้อย่างทั่วถึง อย่างแท้จริง นี่ก็เป็นสิ่งที่เราต้องการจะผลักดัน แต่มันไม่ใช่เฉพาะเรื่องของการรักษาพยาบาล หลังพิงที่เราจะต้องให้กับทุกคนนั้น คือเราต้องคิดถึงระบบสวัสดิการที่ครอบคลุมจริง ๆ
ปัจจุบันนี้เรามีเพื่อนพี่น้องที่เป็นข้าราชการ อาจจะล้านกว่าคน รวมครอบครัว อาจจะ 6 — 7 ล้านที่มีสิทธิประโยชน์บางอย่าง เรามีพี่น้องประชาชนที่ทำงานอยู่มีนายจ้าง เข้าสู่ระบบที่เรียกว่าประกันสังคม ดูแลสิทธิประโยชน์ 5 เรื่อง 6 เรื่อง ประมาณ 9 ล้านคน แต่คนอีก 40 กว่าล้านคน ไม่มีหลักประกัน ไม่มีสวัสดิการ ผมทราบดีครับว่าประเทศเราไม่ได้ร่ำรวยที่จะให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับทุกคน แต่เราต้องเริ่มต้น แต่เราต้องพยายามทำทุกอย่าง ที่จะให้อย่างน้อยที่สุด คนของเรานั้นมีความอุ่นใจว่าไม่ถูกทอดทิ้ง ประชาธิปัตย์เคยเริ่มต้นเบี้ยยังชีพ ให้พี่น้องผู้สูงอายุ เริ่มต้น 200 บาทต่อเดือน เปลี่ยนมาเป็น 300 บาทต่อเดือน ปัจจุบันรัฐบาลขยับให้มาเป็น 500 บาทต่อเดือน แต่ที่อยู่บนเวทีนี้ คุณลุง คุณป้าที่อยู่บนเวทีนี้ ไม่ได้รับครับ เพราะเราไม่ได้ให้ทั่วถึง สภาพอย่างนี้เราต้องแก้ไขจริง ๆ เราต้องให้หลักประกันว่คนของเรา เกิด แก่ เจ็บ ตาย นั้น อย่างน้อยที่สุดต้องได้รับการดูแลระดับพื้นฐาน
วาระประชาชนในส่วนของการพัฒนาคน นอกจากเรื่องของการศึกษาแล้ว ขอประกาศว่า เราจะเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงระบบ สวัสดิการของคนไทยทั้งประเทศ ครั้งใหญ่ (เสียงปรบมือ)
เราอยากจะเห็นความฝันของอาจารย์ป๋วย ซึ่งเคยบันทึกเอาไว้ในบันทึกสั้น ๆ จากครรภ์มารดา สู่เชิงตะกอน ว่าต่อไปนี้จะไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป แต่จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ปฏิบัติจริง ภายใต้วาระประชาชนที่ประชาชนต้องมาก่อน (เสียงปรบมือ)
พี่น้องครับ วาระประชาชนในส่วนที่สาม คือเรื่องของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ปัจจุบันนี้ เรามีปัญหาทางเศรษฐกิจมากและเราก็ตื่นตระหนกไปกับปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นวันต่อวัน เดือนต่อเดือน หุ้นตก นักธุรกิจก็มีความทุกข์ ค่าเงินบาทแข็ง นักธุรกิจก็มีความทุกข์ ถ้าค่าเงินบาทอ่อนมาก น้ำมันแพง ทุกคนก็มีความทุกข์ เราต้องยอมรับว่า การแก้ปัญหาการฟื้นฟูเศรษฐกิจนั้น เราต้องเข้าใจสภาพความเป็นจริงของประเทศและของโลกอย่างแท้จริง ผมไม่เชื่อเรื่องเศรษฐกิจคู่ขนาน ที่ใครมาบอกว่า ดูแลเศรษฐกิจสมัยใหม่ก็แยกกันไป แล้วเราก็หาเงินมาช่วยคนยากคนจนแบบสังคมสงเคราะห์ แบบโครงการที่วาดฝัน แต่ผมเชื่อว่า เศรษฐกิจที่เข้มแข็งจริง เราต้องยอมรับว่า เราอยู่ในเรือลำเดียวกัน เศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรที่ปลูกข้าว ที่อยู่ที่อุบลราชธานี กับผู้ส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มันคือเศรษฐกิจเดียวกัน คือเรือลำเดียวกัน เราต้องเข้าใจความเชื่อมโยงตรงนี้ วาระประชาชนจึงเริ่มต้นจากฐานคิดที่บอกว่า เศรษฐกิจของประเทศจะดีได้ เศรษฐกิจของชาวบ้านต้องดีก่อน ประเทศไทยเป็นประเทศไม่กี่ประเทศที่ยังสามารถส่งออกอาหารไปป้อนชาวโลก แต่เกษตรกรของเรากลับกลายเป็นคนที่ยากจนที่สุดในประเทศของเรา เศรษฐกิจที่ดีที่เริ่มจากเศรษฐกิจชาวบ้านที่แข็งแกร่ง จะมาด้วยการมีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจชนบทที่เป็นรูปธรรม
เมื่อสักครู่เราได้ยินว่า ทุกข์ของชาวนา คือการไม่มีน้ำ คือความไม่แน่ ไม่นอนที่เกิดขึ้น ตรงนี้แหละครับ คือจุดที่รัฐจะต้องลงทุนมากที่สุดในทางเศรษฐกิจ หัวใจสำคัญของการฟื้นฟูเศรษฐกิจชนบทของวาระประชาชนคือการเร่งลงทุนในเรื่องของระบบชลประทาน เพื่อให้พื้นที่ซึ่งขาดแคลนน้ำมีน้ำใช้เพื่อการเกษตร เพื่อให้การปลูกพืชผลต่าง ๆ ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นอีกหลายเปอร์เซนต์ หรือแม้กระทั่งอาจจะเป็นเท่าตัว เพราะนั่นคือวิธีที่เราจะให้หลักประกันได้ดีที่สุดว่า คนที่ยากจนที่สุดของเรามีรายได้ที่มั่นคง จึงจะสามารถหลุดพ้นจากความยากจนได้ เศรษฐกิจชนบทที่ดีต้องอยู่กับของจริง ผมถามว่า ถ้าน้ำดี ดินดี พันธุ์พืชดี ทำไมรายได้ของเกษตรกรจะไม่ดี รัฐต้องเข้าไปลงทุนในเรื่องเหล่านี้ พี่น้องที่ไม่มีที่ทำกินต้องเร่งไปจัดที่ทำกิน ออกเอกสารสิทธิ์ให้ มีระบบชลประทาน มีการดูแลโดยการวิจัยเรื่องของพันธุ์พืช เพื่อเพิ่มผลผลิต และตรงนี้แหละครับ พอเราเชื่อมโยงไปถึงโลก เราก็มาดูเรื่องตลาด เรื่องราคาพืชผล โลกาภิวัฒน์ผมบอกแล้วว่าไม่ได้น่ากลัวครับ วันนี้โลกหยิบยื่นโอกาสให้กับคนไทย
ตัวอย่างง่าย ๆ ที่วาระประชาชนได้เดินหน้าไปแล้วคือเราประกาศ สนับสนุนเรื่องการผลิตเอทานอล ทำแก๊สโซฮอล ทำพลังงานทดแทน ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของทั้งชาวโลก และของประเทศ นอกจากการที่เราจะใช้พลังงานได้อย่างชาญฉลาดขึ้น ลดการนำเข้า ดูแลสิ่งแวดล้อมแล้ว นี่คือโอกาสทองของเกษตรกรไทย โครงการนี้เรามั่นใจครับว่า จะทำให้เกษตรกรหลายกลุ่มลืมตา อ้าปากได้ ที่พูดว่า อ้อยพัน มันสองบาท ไม่ใช่ฝันที่ไกลเกินจริงอีกต่อไป วาระประชาชนจะเดินหน้าเรื่องนี้ (เสียงปรบมือ)
นอกจากนั้นครับ ความไม่แน่ ไม่นอนที่ต้องเผชิญอยู่เป็นระยะ ๆ ในเรื่องของดินฟ้าอากาศ ต้องจัดให้มีระบบประกันภัยพืชผล ฝนแล้ง น้ำท่วม นาล่ม เราต้องไม่ปล่อยให้ชีวิตของคนของเรา หรือเกษตรกรล่มตามไปด้วย ระบบประกันภัยพืชผลที่สามารถที่จะให้หลักประกันล่วงหน้ามีหลักเกณฑ์ที่ดีในการชดเชย สามารถที่จะชดเชยได้ทันทีทันควัน เป็นสิ่งที่ต้องเข้ามาทดแทน ระบบที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน คือปล่อยให้ภัยเกิดขึ้นก่อน วิ่งสำรวจ หางบกลาง แล้วก็มาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนหรือเกษตรกร เมื่อช้าจนเกินไป
นอกจากนี้วาระประชาชนยังจะจัดตั้งกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเป็นกำลังสำคัญให้เศรษฐกิจในระดับชุมชน ให้เกษตรกรที่อยากจะรวมตัวกันสามารถที่จะมีเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับส่วนรวม เพิ่มพูนความสามารถในการหารายได้ กองทุนนี้ทุกหมู่บ้านจะต้องได้ใช้ กองทุนนี้เกษตรกรต้องสามารถรวมตัวกันได้ อาจจะสร้างยุ้งฉาง อาจจะทำลานตากมัน อาจจะมีรถไถ อาจจะมีรถเก็บเกี่ยวพืชผล เพื่อที่ลดต้นทุนของพี่น้องเกษตรกรทั้งประเทศ สำหรับภาคเศรษฐกิจอื่น ๆ นั้น เราก็ไม่ละทิ้ง แต่เราเชื่อว่าพี่น้องนักธุรกิจ ที่ทำอุตสาหกรรม ที่ทำธุรกิจในภาคบริการของเรานั้น ความสามารถดีอยู่แล้ว สิ่งที่บั่นทอนท่านทั้งหลายในขณะนี้ ก็คือความล้มเหลวของภาครัฐมากกว่า ความล้มเหลวของภาครัฐที่ไปเพิ่มต้นทุนให้กับท่าน หรือไม่ลดต้นทุนให้ท่าน หัวใจของวาระประชาชนในการทำให้อุตสาหกรรมไทย ภาคบริการไทยแข่งขันได้ คือการลดต้นทุน
วันนี้ต้นทุนของเศรษฐกิจไทย เรื่องการขนส่ง เรื่องโลจิสติกส์ สูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก สูงถึงเกือบร้อยละ 20 ภายใน 4 ปี ถ้าเรามีโอกาสทำ เราจะลดให้ต่ำกว่าร้อยละ 15 เราจะทำระบบราง ระบบขนส่งทางน้ำ (เสียงปรบมือ) และเราจะเลือกทำโครงการขนาดใหญ่ ไม่ใช่เพียงเพราะว่าเงินเยอะ กระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เราจะตอบคำถามได้ว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ลงไปนั้น พี่น้องประชาชนคนไทย ธุรกิจไทย ได้อะไร การลงทุนระบบขนส่งจะต้องเปิดพื้นที่ยังภาคอีสาน ออกสู่ท่าเรือ ออกสู่ทะเลทางใด ทางหนึ่ง โดยระบบราง การมีรถไฟรางคู่ เพื่อที่จะเชื่อมโยงเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ทั้งหลายให้มาใช้เส้นทางที่ผ่านออกสู่ทะเลในเมืองไทย ก็ต้องเร่งทำ การที่พี่น้องที่อยู่ในฝั่งอันดามัน ควรจะมีประตูออกสู่ภาคตะวันตก สิ่งเหล่านี้คือแนวทางสำคัญในวาระประชาชนว่าด้วยเรื่องของเศรษฐกิจ และสำหรับภาคบริการครับ ผมมีความเชื่อมั่นว่า เรายังทำอะไรได้อีกมาก
อุปนิสัยคนไทย ที่ชื่นชม ชื่นชอบทั่วโลก แต่ 10 ปีที่ผ่านมาเชื่อไหมครับว่า ภาคบริการ เมื่อเทียบกับรายได้ของประเทศกลับลดลง เรามีจุดแข็งเราต้องใช้ เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาเราส่งเสริมภาคบริการการท่องเที่ยว เราคิดว่าหน้าที่รัฐแค่ทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ ทำการตลาด แต่ที่จริงแล้ว ถ้าเรามาส่งเสริมให้หลายสิ่งหลายอย่างมันครบวงจร เพราะขณะนี้ของเรามีอะไรหลายอย่าง ซึ่งชาวโลกสนใจ ไม่ใช่การท่องเที่ยวแค่ชายหาดหรือภูเขา แต่บริการในเรื่องสุขภาพ การจัดการประชุม นิทรรศการ เรื่องของอุตสาหกรรมบันเทิง การถ่ายทำภาพยนตร์ มีโรงถ่ายภาพยนตร์ชั้นนำ แม้กระทั่งการทำการ์ตูนแอนนิเมชั่น ทำหนังโฆษณา ฝีมือคนไทยไม่เป็นรองใคร คนของเราก็ไปรับรางวัลจากต่างประเทศมาแล้ว เพียงแต่ว่าที่ผ่านมารัฐไม่ได้ทำหน้าที่ในการทำให้สิ่งเหล่านี้ครบวงจร เพื่อเป็นแนวทางในการหารายได้เข้าประเทศ
พี่น้องครับ ในส่วนสุดท้ายที่เป็นส่วนสำคัญของวาระประชาชน ก็คือความสงบสุข ความสันติสุข คุณลุง คุณป้าที่เล่าความทุกข์ให้เราฟังเมื่อสักครู่ บ้านถูกเผา 3 ครั้ง แต่ไม่อยากทิ้งถิ่นฐานไปไหน ไม่เชื่อว่าคนไทยจะอยู่ร่วมกันไม่ได้ เพราะรู้ว่าในอดีตในประวัติศาสตร์ เราอยู่ร่วมกันมาได้เป็นอย่างดี และผมเชื่อครับ ผมเชื่อว่าคนไทยนั้นรักสงบ คนไทยต้องการความสันติสุข สภาพที่ไทยฆ่าไทยอยู่ทุกวันนี้ ไม่ใช่ธรรมชาติแต่เราต้องมียุทธศาสตร์ในการต่อสู้
ผมและพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านประธานที่ปรึกษา ท่านอดีตนายกฯ ชวน ได้ทุ่มเทการศึกษาปัญหา พูดคุยกับทุกฝ่ายในเรื่องนี้อย่างมาก เราเชื่อครับว่า การจัดการที่ดีทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น เข้าใจนโยบายที่ตรงกัน ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีเอกภาพ เบื้องต้นดูแลรักษาความปลอดภัยหยุดยั้งความรุนแรงนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด และมีเครื่องมืออีกหลายอย่างครับ ที่เรายังไม่ได้ใช้อย่างเต็มที่ จะเป็นนิติวิทยาศาสตร์ จะเป็นกล้องวงจรปิด จะเป็นเทคโนโลยีดาวเทียม หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าเราใช้ ผมมั่นใจว่าเราดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับพี่น้องของเราได้ดีกว่านี้ และสิ่งเหล่านี้ยังจะเป็นพื้นฐาน ในการขจัดเงื่อนไขของความรุนแรงคือความไม่เป็นธรรม รัฐบาลที่เอาใจใส่ทุกข์ไปกับพี่น้องที่อยู่ท่ามกลางความกลัว จะเป็นรัฐบาลที่ต้องเดินหน้าในการสร้างโอกาสและความหวังในพื้นที่ โอกาสและความหวังในพื้นที่นั้นก็ต้องทำทั้งในส่วนของเศรษฐกิจ ที่เป็นเศรษฐกิจของพื้นที่ สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนที่นั่น ซึ่งมีโอกาสมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรม อาหารฮาลาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเผยแผ่วัฒนธรรมที่มีความหลากหลายอยู่ในพื้นที่ แม้กระทั่งเรื่องของการศึกษา และโอกาสที่สำคัญก็คือว่า ระบบการศึกษาในพื้นที่จะต้องให้สองสิ่งที่คนที่นั่นต้องการ คือ 1. โอกาสที่เมื่อจบการศึกษามาแล้ว มีอาชีพ มีรายได้ และ 2. ได้ซึมซับหลักธรรมคำสอนทางศาสนาที่ถูกต้อง ที่จะทำให้เขาสามารถยึดมั่น ในการใช้ชีวิตตามความเชื่อของเขาอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี
ปณิธานความตั้งใจ ของพวกเราชาวประชาธิปัตย์ ที่ปรากฎอยู่ในวาระประชาชนก็คือ พี่น้องทุกคนที่อยู่ใน 3 จังหวัดภาคใต้ จะต้องรู้สึกว่าตัวเองภาคภูมิใจมีความหวัง มีความมั่นใจ มีความอบอุ่นใจที่จะอยู่ร่วมกันในผืนแผ่นดินนี้ ภายใต้พระบรมโพธิสมภารขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนี่คือความสงบสุข ความสันติสุขที่เราต้องคืนให้กับพี่น้องชาวใต้ใน 3 จังหวัดอย่างเร่งด่วนที่สุดครับ (เสียงปรบมือ)
พี่น้องที่เคารพครับ ทั้ง 4 เรื่องที่เป็นหัวใจของวาระประชาชน เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่คงไม่ได้อยู่ที่ผม ไม่ได้อยู่ที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น แต่อยู่ที่พี่น้องประชาชน ประชาธิปไตย ไม่ได้หมายถึงว่ามีรัฐธรรมนูญ มีพรรคการเมือง มีการเลือกตั้ง แต่ประชาธิปไตย ต้องหมายถึงประชาชนมีทางเลือก วาระประชาชนที่พวกเราเดินหน้าเพื่อที่สร้างนั้น เป็นทางเลือกของพี่น้องประชาชน เป็นทางเลือกสำหรับคนไทยทุกคน ที่จะต้องตัดสินใจว่าเราจะเอาการเมืองที่ยึดประโยชน์ตน ประโยชน์พวกพ้อง หรือจะเอาการเมืองที่ยึดประโยชน์ของประชาชน เราจะเอาการเมืองที่ละเลย ไม่เข้าใจ ไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับประชาชน หรือจะเอาการเมืองที่คลุกคลีทุกข์ร้อน ยืนหยัดปักหลักเคียงข้างกับประชาชนมานานนับกว่า 60 ปี
นี่คือทางเลือกที่พี่น้องประชาชนจะต้องตัดสินใจ และจากนี้ไปจนถึงสิ้นปี ผมและสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์ทุกคน จะเดินหน้าเข้าไปพบปะกับพี่น้องเพื่อพูดคุยอธิบาย แก้ไข ปรับปรุง วาระประชาชนตรงนี้อย่างเต็มกำลัง เพราะผมเชื่อครับว่า อนาคตของประเทศเป็นอนาคตที่สดใส ผมเชื่อมั่นว่าความสามารถของพี่น้องคนไทยทุกคน หากได้รวมพลังร่วมมือร่วมใจกันแล้ว ประเทศนี้ สังคมนี้ ไม่เป็นรองใคร และประเทศนี้ สังคมนี้จะเจริญมั่งคั่ง เพียงพอที่จะให้พี่น้องคนไทยทุกคนได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ (เสียงปรบมือ)
นี่คือความหมายของวาระประชาชน นี่คือภารกิจที่ผมและพรรคประชาธิปัตย์ ถือว่าสำคัญที่สุด และผมหวังเป็นอย่างยิ่งครับว่า ถ้าพี่น้องประชาชนจะให้ความกรุณา หยิบยื่นมือเข้ามาจับมือกับเรา จับมือกับคนไทยทั้งประเทศ ผลักดันวาระประชาชนตรงนี้ ผลประโยชน์ของประชาชนจะเป็นใหญ่ เมืองไทยจะก้าวหน้า สงบสุข และถึงวันนั้นเราพูดได้เต็มปากเต็มคำครับว่า เราได้ยึดหลักการ ประชาชนต้องมาก่อน อย่างสมบูรณ์แล้ว
ขอขอบพระคุณครับ (เสียงปรบมือ)
*****************************************
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 21 ก.ค. 2550--จบ--