ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ยอดใช้บัตรเครดิตสิ้นสุดไตรมาส 2 ลดลงอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสแรกเกือบ 6 พันล้านบาท ธปท. เปิดเผยปริมาณ
การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตสิ้นสุดไตรมาส 2 ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงจากช่วงเดือน ม.ค. ถึง 9.64 พันล้านบาท และลดลงเมื่อเทียบกับ
ไตรมาสแรกเกือบ 6 พันล้านบาท หรือร้อยละ 8.41 เนื่องจากประชาชนระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ขณะที่ยอดการเบิกเงินสดลดลง
2.87 พันล้านบาท และลดลงจากไตรมาสแรก 2 พันล้านบาท ส่วนสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดือน ม.ค.ที่อยู่ที่ระดับ
1.68 แสนล้านบาท เป็น 1.69 แสนล้านบาท โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของสถาบันการเงินทั้งระบบ ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับสิ้นเดือน มี.ค. ที่มียอด
สินเชื่อคงค้างทั้งระบบ 1.66 แสนล้านบาท พบว่ายอดสินเชื่อคงค้างมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.63 พันล้านบาท หรือร้อยละ 1.58 แยกเป็นของ
ธ.พาณิชย์ไทย 5.71 หมื่นล้านบาท เทียบกับเดือน มี.ค. ที่มีอยู่ 5.5 หมื่นล้านบาท สาขาธนาคารต่างประเทศ 3.43 หมื่นล้านบาท เทียบกับ
เดือน มี.ค. ที่มีอยู่ 3.36 หมื่นล้านบาท และนันแบงก์ 7.76 หมื่นล้านบาท เทียบกับเดือน มี.ค. ที่มีอยู่ 7.68 หมื่นล้านบาท ด้านปริมาณ
บัตรเครดิตยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 11.25 ล้านบัตร เทียบกับสิ้นเดือน ม.ค. ที่มีบัตรเครดิต 11.08 ล้านบัตร เพิ่มขึ้น 1.67 แสนบัตร
หรือร้อยละ 1.50 นอกจากนี้ ธปท. วิเคราะห์ว่าเมื่อประเมินภาพรวมจำนวนบัตรจะเห็นการเพิ่มขึ้น โดยสิ้นเดือน มิ.ย. มีบัตรเครดิตของ
ธ.พาณิชย์ไทย 4.49 ล้านบัตร เพิ่มขึ้นจากสิ้นเดือน มี.ค. จำนวน 5.15 หมื่นบัตร สาขาธนาคารต่างประเทศเพิ่มขึ้น 1.36 หมื่นบัตร
และนันแบงก์เพิ่มขึ้น 1.02 แสนบัตร ซึ่งหากดูภาพรวมของการใช้บริการบัตรเครดิตทั้งระบบพบว่าปริมาณบัตรยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ยอด
สินเชื่อคงค้างของทั้งระบบมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่วนปริมาณการใช้จ่ายรวมมีอัตราลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน
(โพสต์ทูเดย์, มติชน, ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ทุนสำรองทางการระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน มิ.ย.50 อยู่ที่ 73,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. รายงานข่าวจาก ธปท. ระบุว่า
ธปท. ได้เข้าแทรกแซงค่าเงินบาทโดยซื้อเงินดอลลาร์ สรอ. สะสมในทุนสำรองทางการระหว่างประเทศในปี 49 ทั้งการซื้อทันทีและล่วงหน้า
18,100 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือประมาณ 651,600 ล้านบาท ขณะที่ ณ สิ้นเดือน ธ.ค.49 ถึงสิ้นเดือน มิ.ย.50 ได้เข้าซื้อดอลลาร์ สรอ.
สะสมในทุนสำรองเพื่อแทรกแซงค่าเงินบาท 7,800 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือ 263,640 ล้านบาท เป็นการซื้อทันที 6,000 ล้านดอลลาร์ สรอ.
และซื้อล่วงหน้า 1,800 ล้านดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้ทุนสำรองทางการระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน มิ.ย.50 อยู่ที่ 73,000 ล้านดอลอลาร์
สรอ. ส่วนทุนสำรองทางการระหว่างประเทศสุทธิอยู่ที่ 82,500 ล้านดอลลาร์ สรอ. สำหรับปัจจัยเสี่ยงของค่าเงินบาทในระยะต่อไปคาดว่า
ความไม่สมดุลของระบบการเงินโลกจะกดดันให้ค่าเงินดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าต่อเนื่อง (โลกวันนี้, ไทยรัฐ)
3. สนช. จะพิจารณาร่าง พรบ.เงินตราในวันนี้ นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รมว.คลัง กล่าวว่า ร่าง พรบ.เงินตรา จะเข้า
สู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในวันนี้ ซึ่ง พรบ.ดังกล่าวจะช่วยให้การดูแลค่าเงินบาทของ ธปท. มีความคล่องตัว และการ
แก้กฎหมายนี้จะทำให้มีผลในการตีค่าเงินเก็บไว้ในบัญชีต่าง ๆ ไม่กระทบบัญชีผลประโยชน์ประจำปีของ ธปท. ในขณะที่กฎหมายเดิมไม่มีความ
สมดุลในเรื่องการตีค่าเงินต่างประเทศ เวลาค่าเงินบาทอ่อนทำให้ ธปท. มีกำไรก็ให้นำกำไรไปใส่ในบัญชีพิเศษ แต่กรณีค่าเงินบาทแข็งขึ้นทำให้
ธปท. ขาดทุนก็ถูกนำมาใส่ไว้ในบัญชีผลประโยชน์ประจำปี แต่ที่แก้ไขใหม่ทั้ง 2 กรณี ไม่ว่าจะกำไรหรือขาดทุนก็ให้นำไปใส่ไว้ในบัญชีพิเศษ
ไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับบัญชีผลประโยชน์ประจำปีที่ได้มาจากการนำทุนสำรองไปลงทุน ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ธปท. ระบุว่าการแก้ไข พรบ.เงินตรา
มีหลักการและสาระสำคัญเพื่อให้การบริหารจัดการสินทรัพย์ของทุนสำรองเงินตรามีประสิทธิภาพมากขึ้นและสอดคล้องกับพัฒนาการของตลาด
การเงินโลก และเพื่อให้การบันทึกบัญชีของทุนสำรองเงินตรามีความเหมาะสมกับภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลง โดยการปรับปรุงวิธีการบันทึกบัญชี
ของทุนสำรองให้สะท้อนผลกำไรขาดทุนที่เกิดขึ้นจริงในบัญชีผลประโยชน์ประจำปี (โพสต์ทูเดย์, มติชน, ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
4. กลต. หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอนุญาตให้นักลงทุนไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
เลขาธิการ กลต. เปิดเผยว่า กลต. ได้ประชุมร่วมกับผู้แทน ธปท. สนง.เศรษฐกิจการคลัง ตลาดหลักทรัพย์ฯ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ และ
สมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เพื่อหารือและอนุญาตให้นักลงทุน 2 กลุ่ม ลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศได้ คือ นักลงทุนทั่วไป และ
นักลงทุนสถาบันที่เป็นหน่วยงาน สถาบัน มหาวิทยาลัย หรือมูลนิธิ จากเดิมที่ให้เฉพาะนักลงทุนสถาบันที่เป็นกองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
พอร์ตการลงทุนของ บล. และ บลจ. คาดว่าจะร่างและประกาศใช้ได้ในเดือน ก.ย.นี้ โดยกำหนดให้นักลงทุนสถาบันลงทุนได้ในวงเงินไม่เกิน
50 ล้านดอลลาร์ สรอ. บุคคลธรรมดาลงทุนได้ไม่เกิน 5 ล้านดอลลาร์ สรอ. และสามารถลงทุนได้โดยตรงหากเป็นการลงทุนในหลักทรัพย์ที่
จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่หากเป็นการลงทุนในหลักทรัพย์ทั่วไป มีความเสี่ยง วิเคราะห์ยาก มีความซับซ้อน เช่น การลงทุนในสินเชื่อ
สังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพร์ม) ให้ลงทุนผ่านกองทุนส่วนบุคคล นอกจากนี้ ได้อนุญาตให้นำหลักทรัพย์ต่างประเทศมาจดทะเบียนซื้อขาย
เป็นเงินบาทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ในรูปแบบใบรับฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศที่เปลี่ยนมือได้(โลกวันนี้, มติชน, เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีราคาผู้ผลิตของสรอ. ในเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้นขณะที่ดุลการค้าขาดดุลลดลง รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 14 ส.ค.50
ก.แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า ในเดือน ก.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิตซึ่งเป็นมาตรวัดราคาสินค้าหน้าโรงงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 มากกว่าผลการ
สำรวจนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์ที่คาดว่าดัชนีราคาผู้ผลิตจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.2 เนื่องจากต้นทุนน้ำมันสูงขึ้น ขณะที่ดุลการค้าของ สรอ.
ในเดือน มิ.ย. ขาดดุลลดลงอย่างผิดคาดจากการส่งออกที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยขาดดุลเป็นจำนวนทั้งสิ้น 58.1 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ.
ลดลงร้อยละ 1.7 จากเดือน พ.ค. ที่มียอดขาดดุล 59.2 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. และต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดว่า
ยอดขาดดุลจะมีจำนวน 61 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. อย่างไรก็ตาม ธ.กลางยังคงกังวลเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทั้งนี้ใน
ช่วง 2 — 3 วันที่ผ่านมา ธ.กลาง สรอ. ได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดสินเชื่อจำนองเพื่อคลายความวิตกในเรื่องผลกระทบจากสินเชื่อจำนอง
ที่ต่ำกว่ามาตรฐาน เนื่องจากตลาดสินเชื่ออยู่ในภาวะตึงตัว ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่าการที่มีสัญญานของภาวะเงินเฟ้อหรือการที่เศรษฐกิจเริ่ม
ฟื้นตัวอาจทำให้ ธ.กลางต้องมีความรอบคอบในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (รอยเตอร์)
2. เศรษฐกิจยูโรโซนในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 50 ขยายตัวร้อยละ 0.3 ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า รายงานจากบรัสเซลส์
เมื่อ 14 ส.ค.50 The European Union’s statistics office (Eurostat) เปิดเผยว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี)
ของ 13 ประเทศเขตเศรษฐกิจยุโรปที่ใช้เงินสกุลยูโร (ยูโรโซน) ในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 50 ขยายตัวร้อยละ 0.3 ชะลอลงกว่าครึ่งจาก
ไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 0.7 และต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 0.6 ทั้งนี้ การที่จีดีพีขยายตัว
ชะลอลงดังกล่าว มีสาเหตุจากการที่ผลผลิตอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงร้อยละ 0.1 ในเดือน มิ.ย.50 หลังจากที่ขยายตัวร้อยละ 1 ในเดือน
ก่อนหน้า โดยผลผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งสินค้าคงทนและสินค้าไม่คงทนลดลงร้อยละ 0.1 และ 0.3 เทียบต่อเดือนตามลำดับ ขณะที่ผลผลิต
พลังงานและสินค้ากึ่งสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เทียบต่อเดือน ส่วนผลผลิตสินค้าทุนทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับเมื่อเทียบต่อปี จีดีพี
ขยายตัวร้อยละ 2.5 เช่นเดียวกันผลผลิตอุตสาหกรรมที่ขยายตัวร้อยละ 2.3 อนึ่ง การที่จีดีพีของยูโรโซนในช่วงไตรมาสที่ 2 ขยายตัวชะลอลง
ดังกล่าว อาจส่งผลให้ตลาดปรับเปลี่ยนทิศทางการคาดการณ์เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่เคยคาดว่า ธ.กลาง สหภาพยุโรปจะปรับเพิ่ม
อัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ (รอยเตอร์)
3. กลุ่มผู้ค้าส่งของเยอรมนีคาดว่ายอดค้าส่งในปีนี้จะขยายตัวน้อยกว่าปีที่แล้ว รายงานจากเบอร์ลินเมื่อวันที่ 14 ส.ค. 50 สมาคม
ผู้ค้าส่งของเยอรมนี (BGA) คาดว่า ยอดการค้าส่งของเยอรมนีในปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 4.5 อยู่ที่ 778 พัน ล. ยูโร (1.1 ล้านล้านดอลลาร์
สรอ.) ชะลอตัวลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 6.7 เมื่อปีที่แล้ว ทั้งนี้คาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเยอรมนีซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจ
ใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรปจะอยู่ในอัตราร้อยละ 2.4 ในปีนี้ ชะลอลงเล็กน้อยจากร้อยละ 2.9 ในปีก่อนหน้า (รอยเตอร์)
4. อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษในเดือน ก.ค.50 ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 2.0 ต่อปีเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี รายงาน
จากลอนดอน เมื่อ 14 ส.ค.50 อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 1.9 ต่อปีในเดือน ก.ค.50 จากร้อยละ 2.4 ต่อปีในเดือนก่อน
จากที่คาดไว้ที่ร้อยละ 2.3 ต่อปี นับเป็นอัตราเงินเฟ้อต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.49 และนับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปีที่อัตราเงินเฟ้อลดลงมา
อยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 2.0 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ ธ.กลางอังกฤษต้องการไม่ให้อัตราเงินเฟ้อสูงเกินกว่านี้ ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นผลจากการลด
ราคาสินค้าของซูเปอร์มาร์เก็ตซึ่งส่งผลให้ราคาสินค้าขายปลีกชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดไว้มาอยู่ที่ร้อยละ 3.8 ในเดือน ก.ค.50 จากร้อยละ 4.4
ในเดือนก่อน นักวิเคราะห์จึงคาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกจากที่ก่อนหน้านี้คาดว่าอัตราดอกเบี้ยอาจเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 6.0 ต่อปี
ภายในปีนี้ แต่อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางคนเตือนว่าอัตราเงินเฟ้ออาจสูงขึ้นอีกจากสภาพเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวและราคาอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น
จากผลกระทบของน้ำท่วมซึ่งสร้างความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตร ดังนั้นจึงยังมีโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 6.0 ต่อปี
ภายในปีนี้ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 15 ส.ค. 50 14 ส.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 34.103 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 33.8660/34.2049 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.38500 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 793.82/15.69 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,700/10,800 10,650/10,750 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 66.36 66.24 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 28.39*/25.34* 28.39*/25.34* 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเลดสิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 9 ส.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ยอดใช้บัตรเครดิตสิ้นสุดไตรมาส 2 ลดลงอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสแรกเกือบ 6 พันล้านบาท ธปท. เปิดเผยปริมาณ
การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตสิ้นสุดไตรมาส 2 ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงจากช่วงเดือน ม.ค. ถึง 9.64 พันล้านบาท และลดลงเมื่อเทียบกับ
ไตรมาสแรกเกือบ 6 พันล้านบาท หรือร้อยละ 8.41 เนื่องจากประชาชนระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ขณะที่ยอดการเบิกเงินสดลดลง
2.87 พันล้านบาท และลดลงจากไตรมาสแรก 2 พันล้านบาท ส่วนสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดือน ม.ค.ที่อยู่ที่ระดับ
1.68 แสนล้านบาท เป็น 1.69 แสนล้านบาท โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของสถาบันการเงินทั้งระบบ ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับสิ้นเดือน มี.ค. ที่มียอด
สินเชื่อคงค้างทั้งระบบ 1.66 แสนล้านบาท พบว่ายอดสินเชื่อคงค้างมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.63 พันล้านบาท หรือร้อยละ 1.58 แยกเป็นของ
ธ.พาณิชย์ไทย 5.71 หมื่นล้านบาท เทียบกับเดือน มี.ค. ที่มีอยู่ 5.5 หมื่นล้านบาท สาขาธนาคารต่างประเทศ 3.43 หมื่นล้านบาท เทียบกับ
เดือน มี.ค. ที่มีอยู่ 3.36 หมื่นล้านบาท และนันแบงก์ 7.76 หมื่นล้านบาท เทียบกับเดือน มี.ค. ที่มีอยู่ 7.68 หมื่นล้านบาท ด้านปริมาณ
บัตรเครดิตยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 11.25 ล้านบัตร เทียบกับสิ้นเดือน ม.ค. ที่มีบัตรเครดิต 11.08 ล้านบัตร เพิ่มขึ้น 1.67 แสนบัตร
หรือร้อยละ 1.50 นอกจากนี้ ธปท. วิเคราะห์ว่าเมื่อประเมินภาพรวมจำนวนบัตรจะเห็นการเพิ่มขึ้น โดยสิ้นเดือน มิ.ย. มีบัตรเครดิตของ
ธ.พาณิชย์ไทย 4.49 ล้านบัตร เพิ่มขึ้นจากสิ้นเดือน มี.ค. จำนวน 5.15 หมื่นบัตร สาขาธนาคารต่างประเทศเพิ่มขึ้น 1.36 หมื่นบัตร
และนันแบงก์เพิ่มขึ้น 1.02 แสนบัตร ซึ่งหากดูภาพรวมของการใช้บริการบัตรเครดิตทั้งระบบพบว่าปริมาณบัตรยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ยอด
สินเชื่อคงค้างของทั้งระบบมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่วนปริมาณการใช้จ่ายรวมมีอัตราลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน
(โพสต์ทูเดย์, มติชน, ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ทุนสำรองทางการระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน มิ.ย.50 อยู่ที่ 73,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. รายงานข่าวจาก ธปท. ระบุว่า
ธปท. ได้เข้าแทรกแซงค่าเงินบาทโดยซื้อเงินดอลลาร์ สรอ. สะสมในทุนสำรองทางการระหว่างประเทศในปี 49 ทั้งการซื้อทันทีและล่วงหน้า
18,100 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือประมาณ 651,600 ล้านบาท ขณะที่ ณ สิ้นเดือน ธ.ค.49 ถึงสิ้นเดือน มิ.ย.50 ได้เข้าซื้อดอลลาร์ สรอ.
สะสมในทุนสำรองเพื่อแทรกแซงค่าเงินบาท 7,800 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือ 263,640 ล้านบาท เป็นการซื้อทันที 6,000 ล้านดอลลาร์ สรอ.
และซื้อล่วงหน้า 1,800 ล้านดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้ทุนสำรองทางการระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน มิ.ย.50 อยู่ที่ 73,000 ล้านดอลอลาร์
สรอ. ส่วนทุนสำรองทางการระหว่างประเทศสุทธิอยู่ที่ 82,500 ล้านดอลลาร์ สรอ. สำหรับปัจจัยเสี่ยงของค่าเงินบาทในระยะต่อไปคาดว่า
ความไม่สมดุลของระบบการเงินโลกจะกดดันให้ค่าเงินดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าต่อเนื่อง (โลกวันนี้, ไทยรัฐ)
3. สนช. จะพิจารณาร่าง พรบ.เงินตราในวันนี้ นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รมว.คลัง กล่าวว่า ร่าง พรบ.เงินตรา จะเข้า
สู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในวันนี้ ซึ่ง พรบ.ดังกล่าวจะช่วยให้การดูแลค่าเงินบาทของ ธปท. มีความคล่องตัว และการ
แก้กฎหมายนี้จะทำให้มีผลในการตีค่าเงินเก็บไว้ในบัญชีต่าง ๆ ไม่กระทบบัญชีผลประโยชน์ประจำปีของ ธปท. ในขณะที่กฎหมายเดิมไม่มีความ
สมดุลในเรื่องการตีค่าเงินต่างประเทศ เวลาค่าเงินบาทอ่อนทำให้ ธปท. มีกำไรก็ให้นำกำไรไปใส่ในบัญชีพิเศษ แต่กรณีค่าเงินบาทแข็งขึ้นทำให้
ธปท. ขาดทุนก็ถูกนำมาใส่ไว้ในบัญชีผลประโยชน์ประจำปี แต่ที่แก้ไขใหม่ทั้ง 2 กรณี ไม่ว่าจะกำไรหรือขาดทุนก็ให้นำไปใส่ไว้ในบัญชีพิเศษ
ไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับบัญชีผลประโยชน์ประจำปีที่ได้มาจากการนำทุนสำรองไปลงทุน ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ธปท. ระบุว่าการแก้ไข พรบ.เงินตรา
มีหลักการและสาระสำคัญเพื่อให้การบริหารจัดการสินทรัพย์ของทุนสำรองเงินตรามีประสิทธิภาพมากขึ้นและสอดคล้องกับพัฒนาการของตลาด
การเงินโลก และเพื่อให้การบันทึกบัญชีของทุนสำรองเงินตรามีความเหมาะสมกับภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลง โดยการปรับปรุงวิธีการบันทึกบัญชี
ของทุนสำรองให้สะท้อนผลกำไรขาดทุนที่เกิดขึ้นจริงในบัญชีผลประโยชน์ประจำปี (โพสต์ทูเดย์, มติชน, ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
4. กลต. หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอนุญาตให้นักลงทุนไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
เลขาธิการ กลต. เปิดเผยว่า กลต. ได้ประชุมร่วมกับผู้แทน ธปท. สนง.เศรษฐกิจการคลัง ตลาดหลักทรัพย์ฯ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ และ
สมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เพื่อหารือและอนุญาตให้นักลงทุน 2 กลุ่ม ลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศได้ คือ นักลงทุนทั่วไป และ
นักลงทุนสถาบันที่เป็นหน่วยงาน สถาบัน มหาวิทยาลัย หรือมูลนิธิ จากเดิมที่ให้เฉพาะนักลงทุนสถาบันที่เป็นกองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
พอร์ตการลงทุนของ บล. และ บลจ. คาดว่าจะร่างและประกาศใช้ได้ในเดือน ก.ย.นี้ โดยกำหนดให้นักลงทุนสถาบันลงทุนได้ในวงเงินไม่เกิน
50 ล้านดอลลาร์ สรอ. บุคคลธรรมดาลงทุนได้ไม่เกิน 5 ล้านดอลลาร์ สรอ. และสามารถลงทุนได้โดยตรงหากเป็นการลงทุนในหลักทรัพย์ที่
จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่หากเป็นการลงทุนในหลักทรัพย์ทั่วไป มีความเสี่ยง วิเคราะห์ยาก มีความซับซ้อน เช่น การลงทุนในสินเชื่อ
สังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพร์ม) ให้ลงทุนผ่านกองทุนส่วนบุคคล นอกจากนี้ ได้อนุญาตให้นำหลักทรัพย์ต่างประเทศมาจดทะเบียนซื้อขาย
เป็นเงินบาทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ในรูปแบบใบรับฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศที่เปลี่ยนมือได้(โลกวันนี้, มติชน, เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีราคาผู้ผลิตของสรอ. ในเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้นขณะที่ดุลการค้าขาดดุลลดลง รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 14 ส.ค.50
ก.แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า ในเดือน ก.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิตซึ่งเป็นมาตรวัดราคาสินค้าหน้าโรงงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 มากกว่าผลการ
สำรวจนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์ที่คาดว่าดัชนีราคาผู้ผลิตจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.2 เนื่องจากต้นทุนน้ำมันสูงขึ้น ขณะที่ดุลการค้าของ สรอ.
ในเดือน มิ.ย. ขาดดุลลดลงอย่างผิดคาดจากการส่งออกที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยขาดดุลเป็นจำนวนทั้งสิ้น 58.1 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ.
ลดลงร้อยละ 1.7 จากเดือน พ.ค. ที่มียอดขาดดุล 59.2 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. และต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดว่า
ยอดขาดดุลจะมีจำนวน 61 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. อย่างไรก็ตาม ธ.กลางยังคงกังวลเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทั้งนี้ใน
ช่วง 2 — 3 วันที่ผ่านมา ธ.กลาง สรอ. ได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดสินเชื่อจำนองเพื่อคลายความวิตกในเรื่องผลกระทบจากสินเชื่อจำนอง
ที่ต่ำกว่ามาตรฐาน เนื่องจากตลาดสินเชื่ออยู่ในภาวะตึงตัว ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่าการที่มีสัญญานของภาวะเงินเฟ้อหรือการที่เศรษฐกิจเริ่ม
ฟื้นตัวอาจทำให้ ธ.กลางต้องมีความรอบคอบในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (รอยเตอร์)
2. เศรษฐกิจยูโรโซนในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 50 ขยายตัวร้อยละ 0.3 ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า รายงานจากบรัสเซลส์
เมื่อ 14 ส.ค.50 The European Union’s statistics office (Eurostat) เปิดเผยว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี)
ของ 13 ประเทศเขตเศรษฐกิจยุโรปที่ใช้เงินสกุลยูโร (ยูโรโซน) ในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 50 ขยายตัวร้อยละ 0.3 ชะลอลงกว่าครึ่งจาก
ไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 0.7 และต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 0.6 ทั้งนี้ การที่จีดีพีขยายตัว
ชะลอลงดังกล่าว มีสาเหตุจากการที่ผลผลิตอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงร้อยละ 0.1 ในเดือน มิ.ย.50 หลังจากที่ขยายตัวร้อยละ 1 ในเดือน
ก่อนหน้า โดยผลผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งสินค้าคงทนและสินค้าไม่คงทนลดลงร้อยละ 0.1 และ 0.3 เทียบต่อเดือนตามลำดับ ขณะที่ผลผลิต
พลังงานและสินค้ากึ่งสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เทียบต่อเดือน ส่วนผลผลิตสินค้าทุนทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับเมื่อเทียบต่อปี จีดีพี
ขยายตัวร้อยละ 2.5 เช่นเดียวกันผลผลิตอุตสาหกรรมที่ขยายตัวร้อยละ 2.3 อนึ่ง การที่จีดีพีของยูโรโซนในช่วงไตรมาสที่ 2 ขยายตัวชะลอลง
ดังกล่าว อาจส่งผลให้ตลาดปรับเปลี่ยนทิศทางการคาดการณ์เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่เคยคาดว่า ธ.กลาง สหภาพยุโรปจะปรับเพิ่ม
อัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ (รอยเตอร์)
3. กลุ่มผู้ค้าส่งของเยอรมนีคาดว่ายอดค้าส่งในปีนี้จะขยายตัวน้อยกว่าปีที่แล้ว รายงานจากเบอร์ลินเมื่อวันที่ 14 ส.ค. 50 สมาคม
ผู้ค้าส่งของเยอรมนี (BGA) คาดว่า ยอดการค้าส่งของเยอรมนีในปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 4.5 อยู่ที่ 778 พัน ล. ยูโร (1.1 ล้านล้านดอลลาร์
สรอ.) ชะลอตัวลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 6.7 เมื่อปีที่แล้ว ทั้งนี้คาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเยอรมนีซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจ
ใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรปจะอยู่ในอัตราร้อยละ 2.4 ในปีนี้ ชะลอลงเล็กน้อยจากร้อยละ 2.9 ในปีก่อนหน้า (รอยเตอร์)
4. อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษในเดือน ก.ค.50 ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 2.0 ต่อปีเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี รายงาน
จากลอนดอน เมื่อ 14 ส.ค.50 อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 1.9 ต่อปีในเดือน ก.ค.50 จากร้อยละ 2.4 ต่อปีในเดือนก่อน
จากที่คาดไว้ที่ร้อยละ 2.3 ต่อปี นับเป็นอัตราเงินเฟ้อต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.49 และนับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปีที่อัตราเงินเฟ้อลดลงมา
อยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 2.0 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ ธ.กลางอังกฤษต้องการไม่ให้อัตราเงินเฟ้อสูงเกินกว่านี้ ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นผลจากการลด
ราคาสินค้าของซูเปอร์มาร์เก็ตซึ่งส่งผลให้ราคาสินค้าขายปลีกชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดไว้มาอยู่ที่ร้อยละ 3.8 ในเดือน ก.ค.50 จากร้อยละ 4.4
ในเดือนก่อน นักวิเคราะห์จึงคาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกจากที่ก่อนหน้านี้คาดว่าอัตราดอกเบี้ยอาจเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 6.0 ต่อปี
ภายในปีนี้ แต่อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางคนเตือนว่าอัตราเงินเฟ้ออาจสูงขึ้นอีกจากสภาพเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวและราคาอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น
จากผลกระทบของน้ำท่วมซึ่งสร้างความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตร ดังนั้นจึงยังมีโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 6.0 ต่อปี
ภายในปีนี้ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 15 ส.ค. 50 14 ส.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 34.103 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 33.8660/34.2049 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.38500 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 793.82/15.69 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,700/10,800 10,650/10,750 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 66.36 66.24 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 28.39*/25.34* 28.39*/25.34* 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเลดสิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 9 ส.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--