แท็ก
ญี่ปุ่น
1. สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
การผลิต
การลดปริมาณการจับปลาทูน่าของญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่จับปลาได้มากที่สุดในโลกเฉลี่ยราว 4 - 5 แสนตันต่อปี หรือประมาณร้อยละ 15 ของปริมาณปลาทูน่าที่จับได้ทั้งหมดของโลก มีแนวโน้มชะลอการจับปลาทูน่าลงหลังจากองค์การที่ดูแลการจับปลาทูน่าหลายแห่งของโลกมีแผนปรับลดโควตาการจับปลาทูน่า ล่าสุดญี่ปุ่นยอมปรับลดโควตาการจับปลาทูน่า Southerm Bluefin จากปีละ 6,065 ตัน เหลือปีละ 3,000 ตัน เป็นเวลา 5 ปี (2550—2554) ตามที่คณะกรรมาธิการเพื่อการอนุรักษ์ปลาทูน่า Southerm Bluefin (Commission for the Conservation of Southerm Bluefin Tuna:CCSBT) เสนอในการประชุมเมื่อปลายปีที่ผ่านมา หลังพบว่าญี่ปุ่นจับปลาทูน่า Southerm Bluefin เกินโควตาที่ได้กำหนดในช่วงหลายปีก่อน ทั้งนี้ตามมติที่ประชุมได้กำหนดให้ปรับลดปริมาณการจับปลาทูน่า Southerm Bluefin ลงร้อยละ 23 ของปริมาณการจับปลาทูน่าดังกล่าวทั้งหมดเพื่อรักษาจำนวนปลาทูน่าของโลก
นอกจากนี้ญี่ปุ่นมีแนวโน้มต้องปรับลดโควตาการจับปลาทูน่าชนิดอื่นๆ ลงอีกตั้งแต่ปี 2550 ตามมติของคณะกรรมาธิการเพื่อการอนุรักษ์ปลาทูน่าในมหาสมุทรแอตแลนติก (The International Commission for the Conservation of Atlantic Tunas : ICCAT) และคณะกรรมาธิการว่าด้วยการอนุรักษ์ และการจัดการปลาย้ายถิ่นอยู่เสมอในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลางและตะวันตก (The Commission for the Conservation and Management of Highly Migratory Fish Stocks in the Westerm and Central Pacific Ocean : WCPFC) ซึ่งญี่ปุ่นเป็นสมาชิกอยู่ด้วย
การที่ญี่ปุ่นและประเทศต่างๆ จำเป็นต้องลดปริมาณการจับปลาทูน่าตามมติปรับลดโควตาการจับปลาทูน่าทั่วโลก แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการขาดแคลนปลาทูน่าในอนาคต เมื่อหันมามองอุตสาหกรรมปลาทูน่ากระป๋องการส่งออกของประเทศไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 — 3 ปีที่ผ่านมา และส่งผลให้อัตราการนำเข้าปลาทูน่าทั้งสดและแช่แข็งในปี 2549 ของไทยเติบโตขึ้นกว่าเท่าตัว แสดงถึงการผลิตที่ยังต้องพึ่งพาการนำเข้าปลาทูน่าจากต่างประเทศเป็นหลัก จึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมปลาทูน่ากระป๋องในไทยต้องติดตามอย่างใกล้ชิดและเตรียมรับมือกับแนวโน้มการจับปลาทูน่าที่ลดลงทั่วโลกตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นไป
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (20 - 30 เม.ย. 2550) สัตว์น้ำทุกชนิดส่งเข้าประมูลจำหน่ายที่องค์การสะพานปลากรุงเทพฯ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 2,070.42 ตัน แยกเป็นสัตว์น้ำเค็ม 1,056.21 ตัน สัตว์น้ำจืด 1,014.21 ตัน ประกอบด้วยสัตว์น้ำที่สำคัญ ได้แก่
1.1 ปลาดุก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 5.68 ตัน
1.2 ปลาช่อน ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 4.66 ตัน
1.3 กุ้งทะเล ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 9.11 ตัน
1.4 ปลาทู ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 38.34 ตัน
1.5 ปลาหมึก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 159.71 ตัน
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 28.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 29.80 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.80 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ ไม่มีรายงานราคาจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
2.2 ปลาช่อน ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 52.79 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 54.65 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.86 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 90.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 92.50 บาท ของสัปดาห์ก่อน 2.50 บาท
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาดกลาง (51-60 ตัว/กก.) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 144.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 145.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.00 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดกลางกุ้งสมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 135.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาดกลาง (51-60 ตัว/กก.) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 103.66 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 110.25 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 6.59 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดกลางกุ้งสมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 108.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
2.5 ปลาทู ปลาทูสดขนาดกลาง ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 40.65 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 39.78 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.87 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 55.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 54.17 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.83 บาท
2.6 ปลาหมึก ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้ ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 110.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 120.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 10.00 บาท
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.25 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.17 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.08 บาท
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% (ระหว่างวันที่ 5 — 11 พ.ค. 2550) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 21.80 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 20.70 บาท ของสัปดาห์ก่อน 1.10 บาท
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ประจำวันที่ 7-13 พฤษภาคม 2550--
-พห-
การผลิต
การลดปริมาณการจับปลาทูน่าของญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่จับปลาได้มากที่สุดในโลกเฉลี่ยราว 4 - 5 แสนตันต่อปี หรือประมาณร้อยละ 15 ของปริมาณปลาทูน่าที่จับได้ทั้งหมดของโลก มีแนวโน้มชะลอการจับปลาทูน่าลงหลังจากองค์การที่ดูแลการจับปลาทูน่าหลายแห่งของโลกมีแผนปรับลดโควตาการจับปลาทูน่า ล่าสุดญี่ปุ่นยอมปรับลดโควตาการจับปลาทูน่า Southerm Bluefin จากปีละ 6,065 ตัน เหลือปีละ 3,000 ตัน เป็นเวลา 5 ปี (2550—2554) ตามที่คณะกรรมาธิการเพื่อการอนุรักษ์ปลาทูน่า Southerm Bluefin (Commission for the Conservation of Southerm Bluefin Tuna:CCSBT) เสนอในการประชุมเมื่อปลายปีที่ผ่านมา หลังพบว่าญี่ปุ่นจับปลาทูน่า Southerm Bluefin เกินโควตาที่ได้กำหนดในช่วงหลายปีก่อน ทั้งนี้ตามมติที่ประชุมได้กำหนดให้ปรับลดปริมาณการจับปลาทูน่า Southerm Bluefin ลงร้อยละ 23 ของปริมาณการจับปลาทูน่าดังกล่าวทั้งหมดเพื่อรักษาจำนวนปลาทูน่าของโลก
นอกจากนี้ญี่ปุ่นมีแนวโน้มต้องปรับลดโควตาการจับปลาทูน่าชนิดอื่นๆ ลงอีกตั้งแต่ปี 2550 ตามมติของคณะกรรมาธิการเพื่อการอนุรักษ์ปลาทูน่าในมหาสมุทรแอตแลนติก (The International Commission for the Conservation of Atlantic Tunas : ICCAT) และคณะกรรมาธิการว่าด้วยการอนุรักษ์ และการจัดการปลาย้ายถิ่นอยู่เสมอในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลางและตะวันตก (The Commission for the Conservation and Management of Highly Migratory Fish Stocks in the Westerm and Central Pacific Ocean : WCPFC) ซึ่งญี่ปุ่นเป็นสมาชิกอยู่ด้วย
การที่ญี่ปุ่นและประเทศต่างๆ จำเป็นต้องลดปริมาณการจับปลาทูน่าตามมติปรับลดโควตาการจับปลาทูน่าทั่วโลก แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการขาดแคลนปลาทูน่าในอนาคต เมื่อหันมามองอุตสาหกรรมปลาทูน่ากระป๋องการส่งออกของประเทศไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 — 3 ปีที่ผ่านมา และส่งผลให้อัตราการนำเข้าปลาทูน่าทั้งสดและแช่แข็งในปี 2549 ของไทยเติบโตขึ้นกว่าเท่าตัว แสดงถึงการผลิตที่ยังต้องพึ่งพาการนำเข้าปลาทูน่าจากต่างประเทศเป็นหลัก จึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมปลาทูน่ากระป๋องในไทยต้องติดตามอย่างใกล้ชิดและเตรียมรับมือกับแนวโน้มการจับปลาทูน่าที่ลดลงทั่วโลกตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นไป
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (20 - 30 เม.ย. 2550) สัตว์น้ำทุกชนิดส่งเข้าประมูลจำหน่ายที่องค์การสะพานปลากรุงเทพฯ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 2,070.42 ตัน แยกเป็นสัตว์น้ำเค็ม 1,056.21 ตัน สัตว์น้ำจืด 1,014.21 ตัน ประกอบด้วยสัตว์น้ำที่สำคัญ ได้แก่
1.1 ปลาดุก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 5.68 ตัน
1.2 ปลาช่อน ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 4.66 ตัน
1.3 กุ้งทะเล ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 9.11 ตัน
1.4 ปลาทู ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 38.34 ตัน
1.5 ปลาหมึก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 159.71 ตัน
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 28.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 29.80 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.80 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ ไม่มีรายงานราคาจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
2.2 ปลาช่อน ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 52.79 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 54.65 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.86 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 90.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 92.50 บาท ของสัปดาห์ก่อน 2.50 บาท
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาดกลาง (51-60 ตัว/กก.) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 144.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 145.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.00 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดกลางกุ้งสมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 135.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาดกลาง (51-60 ตัว/กก.) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 103.66 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 110.25 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 6.59 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดกลางกุ้งสมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 108.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
2.5 ปลาทู ปลาทูสดขนาดกลาง ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 40.65 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 39.78 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.87 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 55.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 54.17 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.83 บาท
2.6 ปลาหมึก ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้ ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 110.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 120.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 10.00 บาท
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.25 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.17 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.08 บาท
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% (ระหว่างวันที่ 5 — 11 พ.ค. 2550) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 21.80 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 20.70 บาท ของสัปดาห์ก่อน 1.10 บาท
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ประจำวันที่ 7-13 พฤษภาคม 2550--
-พห-