ธปท.แย้มเลิกมาตรการ 30%

ข่าวเศรษฐกิจ Monday February 5, 2007 16:41 —กรมส่งเสริมการส่งออก

          นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงินและบริหารเงินสำรอง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีการยกเลิกมาตรการกันเงินสำรอง 30 % ว่า ขณะนี้ธปท.อยู่ระหว่างขั้นตอนการศึกษาวิธีการที่เหมาะสมในการยกเลิกมาตรการ ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ภาพรวมธุรกิจภายในประเทศเกิดการสะดุด หรือหยุดชะงัก เพราะขณะนี้ไม่รู้ว่าอนาคตสถานการณ์ต่างๆจะเป็นอย่างไร 
ทั้งนี้ หากจะต้องยกเลิกมาตรการก็จะต้องมีวิธีการที่เหมาะสม ส่วนผลที่จะเกิดขึ้นภายหลังจากยกเลิกมาตรการฯจะเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านสภาพตลาดเป็นสำคัญ ซึ่งหากประกาศยกเลิกมาตรการฯในช่วงเวลาที่ค่าเงินสกุลอื่นๆในภูมิภาคปรับตัวแข็งค่า หรือขณะที่ค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ค่าเงินบาทก็จะปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นการประกาศยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะดำเนินงานภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
สำหรับสถานการณ์ค่าเงินบาทในตลาดซื้อขายเงินบาทในประเทศ (ออนชอร์) กับตลาดซื้อขายเงินบาทในต่างประเทศ (ออฟชอร์) ในปัจจุบันซึ่งมีความแตกต่างกันมากนั้น คงมีโอกาสเป็นไปได้ยากที่เงินบาทในทั้ง 2 ตลาดจะปรับอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน ทั้งนี้เนื่องจากในเรื่องของต้นทุนที่แตกต่างกันจากมาตรการ 30% ของธปท.
โดยที่ผ่านมาตลาดออฟชอร์มีความผันผวนสูงมาก ซึ่งภายหลังจากออกมาตรการกันเงินสำรอง 30% แล้ว ค่าเงินบาทในตลาดออฟชอร์เคยปรับตัวแข็งค่าสูงสุดแตะระดับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เพราะเงินบาทขาดตลาด ดังนั้น จึงไม่จำเป็นว่าค่าเงินบาทในตลาดออฟชอร์ปรับตัวแข็งค่า แล้วจะส่งผลให้ค่าเงินบาทในตลาดออนชอร์ต้องปรับตัวแข็งค่าขึ้นด้วย
"บาทในประเทศแข็งเพราะผลของมาตรการ ไม่เกี่ยวกับปัจจัยภายนอกประเทศ อย่าคิดว่าบาทข้างนอกแข็ง แล้วจะทำให้บาทภายในประเทศแข็งตามแล้วแห่ขายซึ่งหากเข้าใจผิด ก็จะกลายเป็นลูกโซ่"
นางผ่องเพ็ญกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันยังมีนักลงทุนต่างชาติสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย แต่กลัวที่จะต้องปฏิบัติตามาตรการกันเงินสำรอง 30% ที่ธปท.ประกาศใช้ จึงใช้วิธีการซื้อเงินบาทในตลาดซื้อขายเงินบาทในตลาดต่างประเทศ (ออฟชอร์) เพื่อนำเข้ามาซื้อหุ้นภายในประเทศแต่การดำเนินการในรูปแบบดังกล่าวมีปริมาณไม่มาก จึงยากแก่การตรวจสอบถึงแหล่งที่มาของการแลกเงิน ซึ่งจะต้องอาศัยระยะเวลาในการตรวจสอบ
ด้านม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าว ว่า มาตรการสำรองเงิน 30 % นั้น ในมุมมองของนักลงทุนที่นำเงินเข้ามาลงทุนโดยตรง หรือ FDI ชอบมาตรการนี้ เพราะทำให้เงินบาทต่อดอลลาร์ในตลาดออนชอร์ไม่แข็งค่ามากขึ้น ในกรณีที่นักลงทุนเข้ามาลงทุน ทำให้คาดการณ์ได้ว่าสามารถส่งออกได้แน่ นี่คือจุดสำคัญ เพราะหลังจากประกาศมาตรการสำรอง 30 % ไปแล้ว พบว่าการลงทุนไหลเข้ามา
ประเด็นวิเคราะห์
"หลังประกาศมาตรการเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. มีนักลงทุนต่างประเทศที่ประกาศลงทุนกันเยอะมาก เพราะมั่นใจแล้วว่าค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ไม่แข็งค่าไปถึงที่ระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์ และการที่ตลาดออฟชอร์และออนชอร์ต่างกันมาก ก็เป็นเรื่องที่ดีสะท้อนชัดเจนว่ามาตรการนี้ได้ผล สะท้อนว่าถ้าไม่ออก 30 % เงินบาทในตลาดออนชอร์ เท่ากับตลาดออฟชอร์ไปแล้ว เพราะปกติตัวออฟชอร์กับออนชอร์ ถ้าไม่มีกำแพงจะเป็นเรทเดียวกันเสมอ หรือต่างกันอยู่ไม่เกิน 1 ชั่วโมง แต่การที่ต่างได้ตลอดเพราะมาตรการสำรอง 30 % คั่นอยู่”
ที่มา: http://www.depthai.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ