วันนี้(16 ก.พ. 50) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงร่างรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญได้เสนอให้ยกเลิกส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อว่า ต้องรอฟังดูเหตุผลของคณะกรรมาธิการฯก่อน ซึ่งหลายเรื่องคิดว่าคณะกรรมาธิการฯชี้แจงได้ แต่หลายเรื่องก็นึกไม่ออกว่ามีที่มาอย่างไร เช่นเรื่องการเลือกส.ส.ที่จะเปลี่ยนไปเลือกแบบแบ่งเขตเรียงเบอร์ เหมือนการเลือกส.ว.หรือแต่เขตละ 3 คน ให้ลงสมัครพรรคละ 3 คน แต่ให้เลือกเพียงคนเดียว จึงอยากเตือนว่าอะไรที่ไม่แน่นอน หรือไม่ชัดเจนเพียงพอ ขออย่านำบ้านเมืองไปทดลอง เพราะผลพวงจากการที่ใช้บ้านเมืองทดลองความรู้ หรือทดลองความคิดแปลกๆ พิสดาร จะทำให้บ้านเมืองเสียหายแล้วแก้ยาก ดังนั้นอะไรที่ยังไม่แน่ใจ ศึกษาให้ถ่องแท้ก่อน แต่ถ้าสิ่งที่เคยปฏิบัติอย่างเช่นเป็นเขตใหญ่ขึ้นเขตละ 3 คน และเลือกได้ทั้ง 3 คน เป็นสิ่งที่เคยทำมาแล้วและถือว่าสอดคล้องกับแนวความคิดของชาวบ้านพอสมควร
“ให้ลองหลับตานึกดูแล้วกันว่าผลจะออกมาอย่างไร ดูจากเลือกส.ว.พอจะรู้ว่า คนที่ดังได้เป็นล้านคะแนน และคนที่ติดอีกพวกหนึ่งคือพวกที่มีกลุ่มของตัวเอง ดังนั้นต้องดูว่าเจตนารมณ์ที่เพื่อป้องกันการซื้อเสียงแล้วในที่สุดจะออกมาตรงกันข้ามหรือไม่ อย่างไรก็ตามผมให้ความเคารพกับผู้ที่คิดว่าท่านอาจจะมีความรอบรู้เป็นพิเศษในเรื่องเหล่านี้ และเราจะรอฟังคำชี้แจงเรื่องเหล่านี้ แต่เรื่องอื่นไม่มีปัญหา เพราะผมถือว่ารัฐธรรมนูญไม่ใช่ของนักการเมือง เป็นของประเทศชาติของประชาชน ดังนั้นอะไรที่จะเป็นประโยชน์กับส่วนรวมเราก็ยินดีสนับสนุน เช่นเขาจะตัดระบบบัญชีรายชื่อ ตัดส.ว.เราก็ไม่มีปัญหา” นายชวนกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ ที่มีความพยายามลดความน่าเชื่อถือของพรรคการเมืองและนักการเมือง นายชวน กล่าวว่า อย่าไปหวังสังฆราชมาสมัครผู้แทน ต้องคิดว่านักการเมืองก็คือปุถุชน เหมือนผู้ร่างรัฐธรรมนูญไม่ต่างกัน มีคนดี คนชั่ว ในทุกวงการจะมีอยู่เสมอ เรื่องใหญ่ที่สุด คือ สกัดไม่มีการทุจริตเลือกตั้ง การซื้อเสียง และการโกงทุกรูปแบบ ซึ่งตนคิดว่าเรามีบทเรียนที่ดีในการเลือกตั้งปี 2548 ส่วนนี้สามารถศึกษาได้ว่ากระบวนการทุจริตเลือกตั้งอย่างไร ทำไมถึงใช้ราชการทุกหน่วยงานช่วยโกงเลือกตั้งได้ ควรจะดูว่าตำรวจ นักปกครอง ทหารส่วนหนึ่งมีกระบวนการร่วมทุจริตเลือกตั้งได้อย่างไร ควรจะนำมาศึกษา แต่วันนี้ยังไม่เริ่มทำอะไรเลยในเรื่องมาตราการป้องกันการทุจริต และการรณงค์ให้ประชาชนร่วมกันต่อต้านการทุจริตเลือกตั้ง ทั้งนี้อย่าไปหวังว่าการจัดทำรัฐธรรมนญเสร็จเรียบร้อยใช้วลาสัก 1-2 เดือน แล้วคิดว่ารณรงค์ทัน เพราะต้องทำก่อนล่วงหน้ามาก
ส่วนกรณีมีคำสั่งแต่งตั้งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธานคณะกรรมการประสานงานและกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศนั้นนายชวน กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบได้และไม่ทราบรายละเอียดใดๆ ต้องไปถามพล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ นายกฯ
แต่ตนก็รู้สึกแปลกใจว่านายสมคิด จะเปลี่ยนแนวได้อย่างไร ในเมื่อแนวทางเศรษฐกิจของนายสมคิด ในสมัยรัฐบาลทักษิณ กับแนวทางรัฐบาลปัจจุบันนั้นแตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตามตนอยากเตือนว่าอย่าไปเข้าใจว่ามาตรฐานนักการเมืองต้องเป็นเช่นนี้ เพราะเรื่องนี้ตนเห็นว่าเป็นเรื่องนายบสมคิด และรัฐบาลชุดปัจจุบัน
“ผมเคยเรียนไว้เมื่อ 3 เดือน ว่ารัฐบาลนี้เกิดจากการรัฐประหาร แต่ว่าคนรัฐบาลชุดนี้ส่วนหนึ่งไม่ค่อยทุกร้อนกับระบอบทักษิณ จึงไม่ค่อยทุกร้อนว่าระบอบทักษิณเสียอย่างไร ซึ่งผมได้พูดไว้เมื่อที่มีการเรียกร้องให้มีการชี้แจง 4 ข้อกล่าวหา เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ” นายชวนกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นการวางตัวเพื่อสืบทอดอำนาจหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า ประเด็นนี้ตนไม่ทราบจริงๆ เพราะแม้คนในรัฐบาลยังไม่ทราบ ตยเป็นคนนอกยิ่งไม่มีโอกาสทราบว่าวัตุประสงค์คืออะไร เพียงแต่ว่าในส่วนของนโยบายนั้น จำได้ว่า 5 ปี ที่แล้วนายสมคิดพูดอะไรไว้ มากมาย แล้วมาวันนี้นายสมคิดจะเปลี่ยนสิ่งที่เคยพูดไว้ได้อย่างไร แต่ตนมีความเป็นห่วงว่าประชาชนจะสับสนและมองภาพลักษ์พรรคการเมืองว่าอะไรก็ได้ขอให้มีตำแหน่ง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 ก.พ. 2550--จบ--
“ให้ลองหลับตานึกดูแล้วกันว่าผลจะออกมาอย่างไร ดูจากเลือกส.ว.พอจะรู้ว่า คนที่ดังได้เป็นล้านคะแนน และคนที่ติดอีกพวกหนึ่งคือพวกที่มีกลุ่มของตัวเอง ดังนั้นต้องดูว่าเจตนารมณ์ที่เพื่อป้องกันการซื้อเสียงแล้วในที่สุดจะออกมาตรงกันข้ามหรือไม่ อย่างไรก็ตามผมให้ความเคารพกับผู้ที่คิดว่าท่านอาจจะมีความรอบรู้เป็นพิเศษในเรื่องเหล่านี้ และเราจะรอฟังคำชี้แจงเรื่องเหล่านี้ แต่เรื่องอื่นไม่มีปัญหา เพราะผมถือว่ารัฐธรรมนูญไม่ใช่ของนักการเมือง เป็นของประเทศชาติของประชาชน ดังนั้นอะไรที่จะเป็นประโยชน์กับส่วนรวมเราก็ยินดีสนับสนุน เช่นเขาจะตัดระบบบัญชีรายชื่อ ตัดส.ว.เราก็ไม่มีปัญหา” นายชวนกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ ที่มีความพยายามลดความน่าเชื่อถือของพรรคการเมืองและนักการเมือง นายชวน กล่าวว่า อย่าไปหวังสังฆราชมาสมัครผู้แทน ต้องคิดว่านักการเมืองก็คือปุถุชน เหมือนผู้ร่างรัฐธรรมนูญไม่ต่างกัน มีคนดี คนชั่ว ในทุกวงการจะมีอยู่เสมอ เรื่องใหญ่ที่สุด คือ สกัดไม่มีการทุจริตเลือกตั้ง การซื้อเสียง และการโกงทุกรูปแบบ ซึ่งตนคิดว่าเรามีบทเรียนที่ดีในการเลือกตั้งปี 2548 ส่วนนี้สามารถศึกษาได้ว่ากระบวนการทุจริตเลือกตั้งอย่างไร ทำไมถึงใช้ราชการทุกหน่วยงานช่วยโกงเลือกตั้งได้ ควรจะดูว่าตำรวจ นักปกครอง ทหารส่วนหนึ่งมีกระบวนการร่วมทุจริตเลือกตั้งได้อย่างไร ควรจะนำมาศึกษา แต่วันนี้ยังไม่เริ่มทำอะไรเลยในเรื่องมาตราการป้องกันการทุจริต และการรณงค์ให้ประชาชนร่วมกันต่อต้านการทุจริตเลือกตั้ง ทั้งนี้อย่าไปหวังว่าการจัดทำรัฐธรรมนญเสร็จเรียบร้อยใช้วลาสัก 1-2 เดือน แล้วคิดว่ารณรงค์ทัน เพราะต้องทำก่อนล่วงหน้ามาก
ส่วนกรณีมีคำสั่งแต่งตั้งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธานคณะกรรมการประสานงานและกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศนั้นนายชวน กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบได้และไม่ทราบรายละเอียดใดๆ ต้องไปถามพล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ นายกฯ
แต่ตนก็รู้สึกแปลกใจว่านายสมคิด จะเปลี่ยนแนวได้อย่างไร ในเมื่อแนวทางเศรษฐกิจของนายสมคิด ในสมัยรัฐบาลทักษิณ กับแนวทางรัฐบาลปัจจุบันนั้นแตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตามตนอยากเตือนว่าอย่าไปเข้าใจว่ามาตรฐานนักการเมืองต้องเป็นเช่นนี้ เพราะเรื่องนี้ตนเห็นว่าเป็นเรื่องนายบสมคิด และรัฐบาลชุดปัจจุบัน
“ผมเคยเรียนไว้เมื่อ 3 เดือน ว่ารัฐบาลนี้เกิดจากการรัฐประหาร แต่ว่าคนรัฐบาลชุดนี้ส่วนหนึ่งไม่ค่อยทุกร้อนกับระบอบทักษิณ จึงไม่ค่อยทุกร้อนว่าระบอบทักษิณเสียอย่างไร ซึ่งผมได้พูดไว้เมื่อที่มีการเรียกร้องให้มีการชี้แจง 4 ข้อกล่าวหา เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ” นายชวนกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นการวางตัวเพื่อสืบทอดอำนาจหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า ประเด็นนี้ตนไม่ทราบจริงๆ เพราะแม้คนในรัฐบาลยังไม่ทราบ ตยเป็นคนนอกยิ่งไม่มีโอกาสทราบว่าวัตุประสงค์คืออะไร เพียงแต่ว่าในส่วนของนโยบายนั้น จำได้ว่า 5 ปี ที่แล้วนายสมคิดพูดอะไรไว้ มากมาย แล้วมาวันนี้นายสมคิดจะเปลี่ยนสิ่งที่เคยพูดไว้ได้อย่างไร แต่ตนมีความเป็นห่วงว่าประชาชนจะสับสนและมองภาพลักษ์พรรคการเมืองว่าอะไรก็ได้ขอให้มีตำแหน่ง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 ก.พ. 2550--จบ--