ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.คาดว่าปี 51 เงินบาทอาจอ่อนค่าลงจากการลงทุนโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยว่า ทิศทางค่าเงินบาทในช่วงต่อไปของปีนี้ยังไม่แน่ชัดว่าจะเคลื่อนไหวในทิศทางใด เนื่องจากมีปัจจัยต่างๆ ที่อาจเข้ามากระทบ
อาทิเช่น ความไม่สมดุลในระบบการเงินโลกที่ทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า รวมถึงฐานะดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยที่ยังคงเกินดุล หรือการที่ภาครัฐ
มีมาตรการให้คนไทยนำเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศได้มากขึ้น นอกจากนี้ ทิศทางของค่าเงินบาทยังขึ้นอยู่กับการปรับตัวของภาคธุรกิจด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับทิศทางค่าเงินบาทในปีหน้านั้น น่าจะมีโอกาสอ่อนค่าลงมากกว่าในปีนี้ เนื่องจากมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ
ที่ทำให้ต้องนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเข้ามา ซึ่งก็จะเป็นปัจจัยที่ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้ (กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด, โพสต์ทูเดย์)
2. อัตราเงินเฟ้อเดือน ก.ค.50 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า นายการุณ กิตติสถาพร ปลัด ก.พาณิชย์ เปิดเผยถึงดัชนี
ราคาผู้บริโภค (อัตราเงินเฟ้อ) เดือน ก.ค.50 ว่า ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้าต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง เป็นผลจากดัชนีหมวดอาหาร
และเครื่องดื่มลดลง 0.1% ขณะที่ดัชนีหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากการบริโภคยังคงชะลอตัวลง สำหรับ
ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา (เม.ย.-ก.ค.50) อัตราเงินเฟ้อต่ำกว่า 2% มาโดยตลอด โดยอยู่ในระดับใกล้เคียงกันคือเพิ่มขึ้น 1.8% 1.9% 1.9%
และ 1.7% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงคือ 1.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด
ในรอบ 42 เดือน จากการสูงขึ้นของดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่ม 5% ขณะที่ดัชนีหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มลดลง 0.3% ส่วน
เงินเฟ้อเฉลี่ย 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.50) เพิ่มขึ้น 2.1% และคาดว่าเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 1.5-2.5% ตามเป้าหมาย พร้อมยืนยันว่า
ยังไม่มีสัญญาณของเงินฝืดแม้ว่าเงินเฟ้อจะมีแนวโน้มต่ำลงต่อเนื่อง (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด, ไทยโพสต์)
3. ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงตามดัชนีฯ ทั่วโลก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
เมื่อวันที่ 1 ส.ค.50 ดัชนีทรุดตัวลงอย่างหนักตามดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากนักลงทุนกังวลกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกทั้งยุโรปและสหรัฐฯ
โดยดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 833.47 จุด ลดลง 26.29 จุด มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 25,939.18 ล.บาท แบ่งเป็นนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ
4,259.12 ล.บาท นักลงทุนประเภทสถาบันในประเทศขายสุทธิ 677.82 ล.บาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 4,936.94 ล.บาท ทั้งนี้
การที่ดัชนีฯ ปรับตัวลงแรก เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการปรับฐานของตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก โดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ที่ปรับลดกว่า 146 จุด ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียและตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ, มติชน)
4. ธปท.จัดพิมพ์ธนบัตรที่ระลึกเนื่องในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้จัดพิมพ์และนำธนบัตรที่ระลึกเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญ
พระชนมพรรษา 80 พรรษาออกใช้ เป็นธนบัตรที่จัดทำเป็นชุดมีธนบัตรชนิด 1 บาท 5 บาท และ 10 บาท ติดกันเป็นแผ่นในหนึ่งชุด ด้านหน้า
เป็นภาพพระราชพิธีสำคัญ ส่วนด้านหลังเป็นพระบรมฉายาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เกี่ยวข้องกับพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ
และพระราชอัจฉริยภาพ โดยธนบัตรที่ระลึกที่จะออกมามีสองประเภท คือ ประเภทจ่ายแลกชุดละ 300 บาท ซึ่งประกอบด้วยธนบัตรที่ระลึก
แผ่นพับบรรจุธนบัตร และบรรจุภัณฑ์ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ จัดพิมพ์จำนวน 1 ล้านชุด และเปิดให้สั่งจองได้ที่สาขา ธพ.และสถาบันการเงิน
ของรัฐทุกแห่งระหว่างวันที่ 2-31 ส.ค.นี้ และรับธนบัตรได้ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.เป็นต้นไป ส่วนธนบัตรอีกประเภทหนึ่งสามารถจ่ายแลกได้ใน
ราคา 100 บาท ประกอบด้วยธนบัตรที่ระลึกและแผ่นพันบรรจุธนบัตร จัดพิมพ์จำนวน 14 ล้านชุด ประเภทนี้ไม่ต้องสั่งจอง โดยสามารถแลกซื้อ
ได้ที่ ธพ.และสถาบันการเงินของรัฐทุกแห่งได้ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.นี้ เป็นต้นไป ทั้งนี้ หากจ่ายแลกจนหมดจำนวนที่พิมพ์แล้วจะไม่มีการจัดพิมพ์
เพิ่มเติมอีก เนื่องจากการเตรียมการและการผลิตต้องใช้เวลานานถึง 2 ปี (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. IMF เห็นว่าเศรษฐกิจ สรอ. ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 50 IMF กล่าวว่า
เศรษฐกิจ สรอ. ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเผชิญกับความเสี่ยงจากการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ปัญหาในตลาดสินเชื่อจำนอง
ที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ ทั้งนี้เศรษฐกิจ สรอ. ในไตรมาสที่ 2 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 3.4 ฟื้นตัวขึ้นจากที่ขยายตัวเพียง
ร้อยละ 0.6 ในไตรมาสแรก ซึ่งทางการ สรอ. เน้นว่าจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากหนี้เสียในตลาดสินเชื่อจำนอง โดยคณะทำงาน IMF
ยังพบว่าเงินดอลลาร์ สรอ. มีค่าสูงกว่าความเป็นจริง และมีความเห็นว่าการที่ค่าเงินดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องจะส่งผลดี
ต่อการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจำนวนมากของ สรอ. โดยเมื่อเร็วๆนี้ เงินดอลลาร์ สรอ. มีค่าลดลงอย่างมาก ในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ขณะที่นักลงทุนต่างทบทวนอัตราดอกเบี้ยและอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจระหว่าง สรอ. และประเทศคู่แข่ง นอกจากนั้นนักลงทุนยังวิตก
เรื่องการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของ สรอ. ที่สูงถึงร้อยละ 6 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) (รอยเตอร์)
2. ภาคการผลิตของอังกฤษในเดือน ก.ค.50 ขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบ 3 ปี รายงานจากลอนดอน เมื่อ 1 ส.ค.50
ดัชนี PMI จากผลสำรวจความเห็นของผู้บริหารฝ่ายจัดซื้อในภาคการผลิตเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 55.7 ในเดือน ก.ค.50 จากระดับ 54.7
ในเดือน มิ.ย.50 สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค.47 ผิดจากที่คาดไว้ว่าจะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 54.0 โดยนับเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็น
เดือนที่ 24 ติดต่อกัน (ตัวเลขที่สูงกว่า 50 แสดงถึงการขยายตัว) ทั้งนี้ เป็นผลมาจากความต้องการในประเทศขยายตัว ในขณะที่คำสั่งซื้อใหม่
จากต่างประเทศขยายตัวในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ดี คำสั่งซื้อใหม่โดยรวมขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบ 13 เดือน
ในขณะเดียวกันมีรายงานว่าราคาสินค้าหน้าโรงงานโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดในรอบ 15 ปีนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูลดังกล่าวในปี 35
ในขณะที่ราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี นักวิเคราะห์จึงคาดว่า ธ.กลางอังกฤษอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกภายในปีนี้ ทั้งนี้
เป็นที่คาดกันว่าในการประชุมในสัปดาห์นี้ ธ.กลางอังกฤษจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิมหลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 5 ครั้ง
ในช่วงไม่ถึง 1 ปีที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
3. ผลผลิตโรงงานของ Euro zone ในเดือน ก.ค.50 ขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 17 เดือน รายงานจากลอนดอน เมื่อ
1 ส.ค.50 ดัชนี PMI ของ Euro zone ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 54.9 ในเดือน ก.ค.50 จากระดับ 55.6 ในเดือน มิ.ย.50 อยู่ในระดับต่ำสุด
ในรอบ 17 เดือน แต่ก็ยังจัดว่าอยู่ในช่วงขยายตัวจากตัวเลขดัชนีที่อยู่ในระดับสูงกว่า 50 ทั้งนี้ เป็นผลจากภาคการผลิตชะลอตัวลงในประเทศ
ที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทั้ง 4 ประเทศคือ เยอรมนี ฝรังเศส อิตาลีและสเปน โดยเฉพาะฝรั่งเศสที่ผลผลิตลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ
6 เดือนและคำสั่งซื้อใหม่จากต่างประเทศลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีจากผลกระทบของค่าเงินยูโร โดยผลผลิตโดยรวมของ
Euro zone ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 18 ปี ในขณะเดียวกันราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ของปีที่แล้วที่กว่า 78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลยังได้ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิต โดยทำให้ราคาวัตถุดิบในเดือน ก.ค.50 เพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดในรอบ
9 เดือน ในขณะที่ราคาผลผลิตกลับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือนในเดือน มิ.ย.50 (รอยเตอร์)
4. อัตราเงินเฟ้อของเกาหลีใต้ในเดือน ก.ค.50 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.5 เทียบต่อปี รายงานจากโซล เมื่อ 1 ส.ค.50
รัฐบาลเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนก.ค. 50 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.5 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่ง
สอดคล้องกับผลสำรวจของนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์ที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้ และเป็นการสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าอาจต้องมีการปรับเพิ่มอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ อย่างไรก็ตามความวิตกเกี่ยวกับตลาดสินเชื่อของ สรอ. ที่อาจส่งผลกระทบถึงเกาหลีใต้ และอาจทำให้การ
ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเกาหลีใต้ต้องล่าช้าออกไปอีก โดยในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ธ.กลางเกาหลีใต้ประกาศ
ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยข้ามคืน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 4.75 นับเป็นครั้งแรกที่ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในรอบ 11 เดือน และจะ
มีการประชุมเพื่อทบทวนอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งต่อไปในวันที่ 9 ส.ค.นี้ ทั้งนี้ ธ.กลางเกาหลีใต้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาแล้วรวม
ร้อยละ 1.5 ตั้งแต่เดือน ต.ค.48 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเฟื่องฟูของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และราคาสินทรัพย์ประเภทอื่น รวมทั้ง
การขยายตัวของปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก อาจส่งผลต่อเสถียรภาพระบบการเงินในประเทศ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 2 ส.ค. 50 1 ส.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 33.803 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 33.5890/33.9241 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.38875 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 833.47/25.94 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,600/10,700 10,600/10,700 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 71.21 69.56 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 29.19*/25.74** 29.19*/25.74** 26.49/23.34 ปตท
* ปรับเลดเมื่อ 27 ก.ค. 50 , ** ปรับเพิ่มเมื่อ 11 ก.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.คาดว่าปี 51 เงินบาทอาจอ่อนค่าลงจากการลงทุนโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยว่า ทิศทางค่าเงินบาทในช่วงต่อไปของปีนี้ยังไม่แน่ชัดว่าจะเคลื่อนไหวในทิศทางใด เนื่องจากมีปัจจัยต่างๆ ที่อาจเข้ามากระทบ
อาทิเช่น ความไม่สมดุลในระบบการเงินโลกที่ทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า รวมถึงฐานะดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยที่ยังคงเกินดุล หรือการที่ภาครัฐ
มีมาตรการให้คนไทยนำเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศได้มากขึ้น นอกจากนี้ ทิศทางของค่าเงินบาทยังขึ้นอยู่กับการปรับตัวของภาคธุรกิจด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับทิศทางค่าเงินบาทในปีหน้านั้น น่าจะมีโอกาสอ่อนค่าลงมากกว่าในปีนี้ เนื่องจากมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ
ที่ทำให้ต้องนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเข้ามา ซึ่งก็จะเป็นปัจจัยที่ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้ (กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด, โพสต์ทูเดย์)
2. อัตราเงินเฟ้อเดือน ก.ค.50 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า นายการุณ กิตติสถาพร ปลัด ก.พาณิชย์ เปิดเผยถึงดัชนี
ราคาผู้บริโภค (อัตราเงินเฟ้อ) เดือน ก.ค.50 ว่า ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้าต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง เป็นผลจากดัชนีหมวดอาหาร
และเครื่องดื่มลดลง 0.1% ขณะที่ดัชนีหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากการบริโภคยังคงชะลอตัวลง สำหรับ
ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา (เม.ย.-ก.ค.50) อัตราเงินเฟ้อต่ำกว่า 2% มาโดยตลอด โดยอยู่ในระดับใกล้เคียงกันคือเพิ่มขึ้น 1.8% 1.9% 1.9%
และ 1.7% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงคือ 1.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด
ในรอบ 42 เดือน จากการสูงขึ้นของดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่ม 5% ขณะที่ดัชนีหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มลดลง 0.3% ส่วน
เงินเฟ้อเฉลี่ย 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.50) เพิ่มขึ้น 2.1% และคาดว่าเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 1.5-2.5% ตามเป้าหมาย พร้อมยืนยันว่า
ยังไม่มีสัญญาณของเงินฝืดแม้ว่าเงินเฟ้อจะมีแนวโน้มต่ำลงต่อเนื่อง (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด, ไทยโพสต์)
3. ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงตามดัชนีฯ ทั่วโลก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
เมื่อวันที่ 1 ส.ค.50 ดัชนีทรุดตัวลงอย่างหนักตามดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากนักลงทุนกังวลกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกทั้งยุโรปและสหรัฐฯ
โดยดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 833.47 จุด ลดลง 26.29 จุด มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 25,939.18 ล.บาท แบ่งเป็นนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ
4,259.12 ล.บาท นักลงทุนประเภทสถาบันในประเทศขายสุทธิ 677.82 ล.บาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 4,936.94 ล.บาท ทั้งนี้
การที่ดัชนีฯ ปรับตัวลงแรก เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการปรับฐานของตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก โดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ที่ปรับลดกว่า 146 จุด ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียและตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ, มติชน)
4. ธปท.จัดพิมพ์ธนบัตรที่ระลึกเนื่องในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้จัดพิมพ์และนำธนบัตรที่ระลึกเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญ
พระชนมพรรษา 80 พรรษาออกใช้ เป็นธนบัตรที่จัดทำเป็นชุดมีธนบัตรชนิด 1 บาท 5 บาท และ 10 บาท ติดกันเป็นแผ่นในหนึ่งชุด ด้านหน้า
เป็นภาพพระราชพิธีสำคัญ ส่วนด้านหลังเป็นพระบรมฉายาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เกี่ยวข้องกับพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ
และพระราชอัจฉริยภาพ โดยธนบัตรที่ระลึกที่จะออกมามีสองประเภท คือ ประเภทจ่ายแลกชุดละ 300 บาท ซึ่งประกอบด้วยธนบัตรที่ระลึก
แผ่นพับบรรจุธนบัตร และบรรจุภัณฑ์ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ จัดพิมพ์จำนวน 1 ล้านชุด และเปิดให้สั่งจองได้ที่สาขา ธพ.และสถาบันการเงิน
ของรัฐทุกแห่งระหว่างวันที่ 2-31 ส.ค.นี้ และรับธนบัตรได้ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.เป็นต้นไป ส่วนธนบัตรอีกประเภทหนึ่งสามารถจ่ายแลกได้ใน
ราคา 100 บาท ประกอบด้วยธนบัตรที่ระลึกและแผ่นพันบรรจุธนบัตร จัดพิมพ์จำนวน 14 ล้านชุด ประเภทนี้ไม่ต้องสั่งจอง โดยสามารถแลกซื้อ
ได้ที่ ธพ.และสถาบันการเงินของรัฐทุกแห่งได้ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.นี้ เป็นต้นไป ทั้งนี้ หากจ่ายแลกจนหมดจำนวนที่พิมพ์แล้วจะไม่มีการจัดพิมพ์
เพิ่มเติมอีก เนื่องจากการเตรียมการและการผลิตต้องใช้เวลานานถึง 2 ปี (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. IMF เห็นว่าเศรษฐกิจ สรอ. ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 50 IMF กล่าวว่า
เศรษฐกิจ สรอ. ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเผชิญกับความเสี่ยงจากการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ปัญหาในตลาดสินเชื่อจำนอง
ที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ ทั้งนี้เศรษฐกิจ สรอ. ในไตรมาสที่ 2 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 3.4 ฟื้นตัวขึ้นจากที่ขยายตัวเพียง
ร้อยละ 0.6 ในไตรมาสแรก ซึ่งทางการ สรอ. เน้นว่าจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากหนี้เสียในตลาดสินเชื่อจำนอง โดยคณะทำงาน IMF
ยังพบว่าเงินดอลลาร์ สรอ. มีค่าสูงกว่าความเป็นจริง และมีความเห็นว่าการที่ค่าเงินดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องจะส่งผลดี
ต่อการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจำนวนมากของ สรอ. โดยเมื่อเร็วๆนี้ เงินดอลลาร์ สรอ. มีค่าลดลงอย่างมาก ในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ขณะที่นักลงทุนต่างทบทวนอัตราดอกเบี้ยและอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจระหว่าง สรอ. และประเทศคู่แข่ง นอกจากนั้นนักลงทุนยังวิตก
เรื่องการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของ สรอ. ที่สูงถึงร้อยละ 6 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) (รอยเตอร์)
2. ภาคการผลิตของอังกฤษในเดือน ก.ค.50 ขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบ 3 ปี รายงานจากลอนดอน เมื่อ 1 ส.ค.50
ดัชนี PMI จากผลสำรวจความเห็นของผู้บริหารฝ่ายจัดซื้อในภาคการผลิตเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 55.7 ในเดือน ก.ค.50 จากระดับ 54.7
ในเดือน มิ.ย.50 สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค.47 ผิดจากที่คาดไว้ว่าจะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 54.0 โดยนับเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็น
เดือนที่ 24 ติดต่อกัน (ตัวเลขที่สูงกว่า 50 แสดงถึงการขยายตัว) ทั้งนี้ เป็นผลมาจากความต้องการในประเทศขยายตัว ในขณะที่คำสั่งซื้อใหม่
จากต่างประเทศขยายตัวในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ดี คำสั่งซื้อใหม่โดยรวมขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบ 13 เดือน
ในขณะเดียวกันมีรายงานว่าราคาสินค้าหน้าโรงงานโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดในรอบ 15 ปีนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูลดังกล่าวในปี 35
ในขณะที่ราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี นักวิเคราะห์จึงคาดว่า ธ.กลางอังกฤษอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกภายในปีนี้ ทั้งนี้
เป็นที่คาดกันว่าในการประชุมในสัปดาห์นี้ ธ.กลางอังกฤษจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิมหลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 5 ครั้ง
ในช่วงไม่ถึง 1 ปีที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
3. ผลผลิตโรงงานของ Euro zone ในเดือน ก.ค.50 ขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 17 เดือน รายงานจากลอนดอน เมื่อ
1 ส.ค.50 ดัชนี PMI ของ Euro zone ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 54.9 ในเดือน ก.ค.50 จากระดับ 55.6 ในเดือน มิ.ย.50 อยู่ในระดับต่ำสุด
ในรอบ 17 เดือน แต่ก็ยังจัดว่าอยู่ในช่วงขยายตัวจากตัวเลขดัชนีที่อยู่ในระดับสูงกว่า 50 ทั้งนี้ เป็นผลจากภาคการผลิตชะลอตัวลงในประเทศ
ที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทั้ง 4 ประเทศคือ เยอรมนี ฝรังเศส อิตาลีและสเปน โดยเฉพาะฝรั่งเศสที่ผลผลิตลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ
6 เดือนและคำสั่งซื้อใหม่จากต่างประเทศลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีจากผลกระทบของค่าเงินยูโร โดยผลผลิตโดยรวมของ
Euro zone ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 18 ปี ในขณะเดียวกันราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ของปีที่แล้วที่กว่า 78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลยังได้ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิต โดยทำให้ราคาวัตถุดิบในเดือน ก.ค.50 เพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดในรอบ
9 เดือน ในขณะที่ราคาผลผลิตกลับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือนในเดือน มิ.ย.50 (รอยเตอร์)
4. อัตราเงินเฟ้อของเกาหลีใต้ในเดือน ก.ค.50 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.5 เทียบต่อปี รายงานจากโซล เมื่อ 1 ส.ค.50
รัฐบาลเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนก.ค. 50 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.5 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่ง
สอดคล้องกับผลสำรวจของนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์ที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้ และเป็นการสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าอาจต้องมีการปรับเพิ่มอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ อย่างไรก็ตามความวิตกเกี่ยวกับตลาดสินเชื่อของ สรอ. ที่อาจส่งผลกระทบถึงเกาหลีใต้ และอาจทำให้การ
ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเกาหลีใต้ต้องล่าช้าออกไปอีก โดยในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ธ.กลางเกาหลีใต้ประกาศ
ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยข้ามคืน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 4.75 นับเป็นครั้งแรกที่ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในรอบ 11 เดือน และจะ
มีการประชุมเพื่อทบทวนอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งต่อไปในวันที่ 9 ส.ค.นี้ ทั้งนี้ ธ.กลางเกาหลีใต้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาแล้วรวม
ร้อยละ 1.5 ตั้งแต่เดือน ต.ค.48 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเฟื่องฟูของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และราคาสินทรัพย์ประเภทอื่น รวมทั้ง
การขยายตัวของปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก อาจส่งผลต่อเสถียรภาพระบบการเงินในประเทศ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 2 ส.ค. 50 1 ส.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 33.803 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 33.5890/33.9241 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.38875 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 833.47/25.94 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,600/10,700 10,600/10,700 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 71.21 69.56 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 29.19*/25.74** 29.19*/25.74** 26.49/23.34 ปตท
* ปรับเลดเมื่อ 27 ก.ค. 50 , ** ปรับเพิ่มเมื่อ 11 ก.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--