วันนี้(3 มิ.ย.50) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ขณะนี้สังคมไทยควรเดินหน้าไปสู่บรรยากาศของความมีประชาธิปไตย โดยเฉพาะสิ่งที่จะต้องเน้นให้เกิดขึ้นคือ ต้อง ทำให้ประชาชนมีทางเลือกและทำให้บรรยากาศของประชาธิปไตยนั้นสามารถสร้างทางออกในการแก้ไขปัญหาให้กับสังคมไทย กลุ่มบุคคล หรือบุคคลต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกันในทางการเมือง โดยคิดว่าสิ่งสำคัญที่ควรดำเนินการในขณะนี้คือการผ่อนคลายบรรยากาศทางการเมือง
คณะรัฐมนตรีสามารถมีมติที่จะผ่อนคลายได้ และควรจะผ่อนปรนประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(คปค.)ฉบับที่ 15 และ 27 เพื่อเปิดโอกาสให้มีการจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นส่วนสำคัญในการที่จะทำให้บรรยากาศประชาธิปไตยเกิดขึ้นและจะช่วยผ่อนคลายแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงจะช่วยคลี่คลายความไม่มั่นใจต่อบรรยากาศการเมืองได้มากขึ้น
ส่วนกรณีที่อดีตคณะผู้บริหารพรรคไทยรักไทยออกมาเคลื่อนไหวให้มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยบางคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในคดียุบพรรคนั้น นายองอาจ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่พรรคมีส่วนได้เสีย อย่างไรก็ตามสิ่งที่อยากจะเรียกร้องไปยังสังคมไทยว่าก่อนที่จะแสดงความคิดเห็นหรือเสนอความเห็นใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญนั้น อยากจะให้ไปอ่านคำวินิจฉัยให้ถ่องแท้และครบถ้วนแล้วจะเห็นได้ว่าคำวินิจฉัยดังกล่าวได้แสดงเหตุผลและมีความชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว ส่วนที่แต่ละฝ่ายจะดำเนินการอย่างไรต่อไปก็เป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาด้วยตัวเอง
“การจะเสนอความคิดเห็นใด ๆ ที่สืบเนื่องมาจากคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ จะต้องดูให้ดีว่าจะไม่ไปเพิ่มปัญหาให้สังคมของเรามากยิ่งขึ้น หลายครั้งทีเดียวเรา มักคิดว่าข้อเสนอนั้นเป็นการแก้ปัญหา แต่เมื่อไปดูในรายละเอียดจะพบว่าหลายครั้งเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะแต่จะไปเพิ่มปัญหาอื่นมากยิ่งขึ้นและเป็นปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก มากขึ้นกว่าปัญหาเดิมที่มีอยู่”นายองอาจ กล่าว
ส่วนที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ออกมาเตือนสมาชิกพรรคไม่ให้ลำพองกับผลการวินิจฉัยคดียุบพรรคในครั้งนี้นั้น นายองอาจ กล่าวว่าวพวกตนก็พร้อมรับคำชี้แนะของนายชวน และทราบดีว่าผลการพิจารณาคดีนี้ไม่ใช่เรื่องบำเหน็จรางวัลของพรรค แต่เป็นสิ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าพรรคไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ตามข้อกล่าวหา เพียงแต่มีหน้าที่นำความจริงไปพิสูจน์ให้เห็นความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา และเมื่อผลออกมาเป็นอย่างไรก็ต้อง เป็นไปตาม
ด้าน นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ควรจะพิจารณายกเลิกประกาศ คปค. ฉบับที่ 15 และ 27 ซึ่งจะยกเลิกทั้งหมดหรือบางส่วนก็ขอให้พิจารณา โดยเฉพาะในประเด็นของการทำกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งน่าจะพิจารณายกเลิกภายใน 2 สัปดาห์นี้ตามที่นายกรัฐมนตรีเคยกล่าวไว้ เพราะพรรคการเมืองจะได้เดินหน้าจัดกิจกรรมทางการเมือง โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม การเสริมองค์ความรู้ เพื่อนำมากำหนดยุทธศาสตร์ ซึ่งการยกเลิกประกาศดังกล่าวจะเป็นสัญญาณที่ดีในการก้าวไปสู่การฟื้นฟูประชาธิปไตยและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาต่างประเทศ นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรี ยังสามารถออกเป็นมติครม. ให้แก้ไขประกาศได้ทันทีอยู่แล้ว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 3 มิ.ย. 2550--จบ--
คณะรัฐมนตรีสามารถมีมติที่จะผ่อนคลายได้ และควรจะผ่อนปรนประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(คปค.)ฉบับที่ 15 และ 27 เพื่อเปิดโอกาสให้มีการจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นส่วนสำคัญในการที่จะทำให้บรรยากาศประชาธิปไตยเกิดขึ้นและจะช่วยผ่อนคลายแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงจะช่วยคลี่คลายความไม่มั่นใจต่อบรรยากาศการเมืองได้มากขึ้น
ส่วนกรณีที่อดีตคณะผู้บริหารพรรคไทยรักไทยออกมาเคลื่อนไหวให้มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยบางคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในคดียุบพรรคนั้น นายองอาจ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่พรรคมีส่วนได้เสีย อย่างไรก็ตามสิ่งที่อยากจะเรียกร้องไปยังสังคมไทยว่าก่อนที่จะแสดงความคิดเห็นหรือเสนอความเห็นใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญนั้น อยากจะให้ไปอ่านคำวินิจฉัยให้ถ่องแท้และครบถ้วนแล้วจะเห็นได้ว่าคำวินิจฉัยดังกล่าวได้แสดงเหตุผลและมีความชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว ส่วนที่แต่ละฝ่ายจะดำเนินการอย่างไรต่อไปก็เป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาด้วยตัวเอง
“การจะเสนอความคิดเห็นใด ๆ ที่สืบเนื่องมาจากคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ จะต้องดูให้ดีว่าจะไม่ไปเพิ่มปัญหาให้สังคมของเรามากยิ่งขึ้น หลายครั้งทีเดียวเรา มักคิดว่าข้อเสนอนั้นเป็นการแก้ปัญหา แต่เมื่อไปดูในรายละเอียดจะพบว่าหลายครั้งเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะแต่จะไปเพิ่มปัญหาอื่นมากยิ่งขึ้นและเป็นปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก มากขึ้นกว่าปัญหาเดิมที่มีอยู่”นายองอาจ กล่าว
ส่วนที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ออกมาเตือนสมาชิกพรรคไม่ให้ลำพองกับผลการวินิจฉัยคดียุบพรรคในครั้งนี้นั้น นายองอาจ กล่าวว่าวพวกตนก็พร้อมรับคำชี้แนะของนายชวน และทราบดีว่าผลการพิจารณาคดีนี้ไม่ใช่เรื่องบำเหน็จรางวัลของพรรค แต่เป็นสิ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าพรรคไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ตามข้อกล่าวหา เพียงแต่มีหน้าที่นำความจริงไปพิสูจน์ให้เห็นความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา และเมื่อผลออกมาเป็นอย่างไรก็ต้อง เป็นไปตาม
ด้าน นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ควรจะพิจารณายกเลิกประกาศ คปค. ฉบับที่ 15 และ 27 ซึ่งจะยกเลิกทั้งหมดหรือบางส่วนก็ขอให้พิจารณา โดยเฉพาะในประเด็นของการทำกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งน่าจะพิจารณายกเลิกภายใน 2 สัปดาห์นี้ตามที่นายกรัฐมนตรีเคยกล่าวไว้ เพราะพรรคการเมืองจะได้เดินหน้าจัดกิจกรรมทางการเมือง โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม การเสริมองค์ความรู้ เพื่อนำมากำหนดยุทธศาสตร์ ซึ่งการยกเลิกประกาศดังกล่าวจะเป็นสัญญาณที่ดีในการก้าวไปสู่การฟื้นฟูประชาธิปไตยและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาต่างประเทศ นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรี ยังสามารถออกเป็นมติครม. ให้แก้ไขประกาศได้ทันทีอยู่แล้ว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 3 มิ.ย. 2550--จบ--