วันที่ 18 สค. 50 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องที่ได้มีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาให้มีการจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองได้ว่า เป็นนิมิตรหมายที่ดีที่กระบวนการทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยก็จะขับเคลื่อนต่อไปได้ เพราะเชื่อมั่นว่าหลายกลุ่มการเมืองก็จะไปขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง อย่างไรก็ดีในการจัดตั้งพรรคการเมืองนั้น นายองอาจ ได้ฝากข้อคิดไว้ว่า การจัดตั้งพรรคการเมืองนั้นควรเป็นการจัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อรวบรวมเอาบุคคลที่มีความคิดเห็นตรงกันในทางการเมือง มีความเชื่อมั่น มีจุดยืน ที่เป็นไปในทิศทางเดียวและมีอุดมการณ์ทางการเมืองเพื่อที่จะทำงานทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริงมารวมกันและไปจัดตั้งเป็นพรรคการเมืองเพื่อเสนอตัวให้ประชาชนได้พิจารณา
นายองอาจ ยังกล่าวอีกว่า การจัดตั้งพรรคการเมืองไม่ควรเป็นการจัดตั้งพรรคเพื่อเป็นนอมินีให้ใครคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และการจัดตั้งพรรคการเมืองก็ไม่ควรเป็นการจัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อที่จะให้ใครก็ตามมาสืบทอดอำนาจในวิธีการที่ไม่ถูกต้อง และข้อสำคัญที่สุดก็คือ การจัดตั้งพรรคการเมืองนั้นไม่ควรเป็นการจัดตั้งเฉพาะหน้าเพื่อประโยชน์ของคนไม่กี่คน หรือเพื่อประโยชน์ของครอบครัวใด ครอบครัวหนึ่งในประเทศไทยเท่านั้น เพราะแน่นอนที่สุดถ้าการจัดตั้งพรรคการเมืองเป็นไปในลักษณะนั้น นอกจากจะไม่เป็นผลดีต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยแล้ว ก็จะทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และจะส่งผลกระทบต่อประชาธิปไตยของไทยในระยะยาวต่อไป
ดังนั้นนายองอาจจึงต้องการให้การเริ่มต้นจัดตั้งพรรคการเมืองของกลุ่มบุคคล หรือคณะบุคคลใดก็ตาม เป็นไปตามอุดมการณ์ทางการเมืองที่ท่านเชื่อถือ ที่ท่านศรัทธา อย่างแท้จริง และตนเห็นว่าการจัดตั้งพรรคการเมืองด้วยอุดมการณ์เท่านั้นที่จะทำให้การดำเนินงานทางการเมืองเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและส่วนรวมต่อไปได้ และไม่ว่าพรรคการเมืองจะมีมากหรือน้อยเท่าใดก็ตาม ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ หรือไม่ได้เป็นอุปสรรคใด ๆ ต่อการดำเนินการในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งตามที่หลายคนมองว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไป ถ้าพรรคการเมืองมีมากแล้วจะทำให้เกิดผลกระทบหรือทำให้เกิดปัญหา แต่ตนเห็นว่าการจัดตั้งพรรคการเมืองก็เป็นสิทธิ์ของประชาชนที่จะไปจัดตั้งได้ ส่วนการเลือกตั้งจะได้พรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามามากหรือน้อยนั้นคงไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ในขณะนี้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ดังนั้นก็ไม่ควรที่จะตีตนไปก่อนไข้ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร และจะก่อให้เกิดความอ่อนแอหรือความเข้มแข็งในทางการเมืองต่อไปหรือไม่อย่างไร
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 ส.ค. 2550--จบ--
นายองอาจ ยังกล่าวอีกว่า การจัดตั้งพรรคการเมืองไม่ควรเป็นการจัดตั้งพรรคเพื่อเป็นนอมินีให้ใครคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และการจัดตั้งพรรคการเมืองก็ไม่ควรเป็นการจัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อที่จะให้ใครก็ตามมาสืบทอดอำนาจในวิธีการที่ไม่ถูกต้อง และข้อสำคัญที่สุดก็คือ การจัดตั้งพรรคการเมืองนั้นไม่ควรเป็นการจัดตั้งเฉพาะหน้าเพื่อประโยชน์ของคนไม่กี่คน หรือเพื่อประโยชน์ของครอบครัวใด ครอบครัวหนึ่งในประเทศไทยเท่านั้น เพราะแน่นอนที่สุดถ้าการจัดตั้งพรรคการเมืองเป็นไปในลักษณะนั้น นอกจากจะไม่เป็นผลดีต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยแล้ว ก็จะทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และจะส่งผลกระทบต่อประชาธิปไตยของไทยในระยะยาวต่อไป
ดังนั้นนายองอาจจึงต้องการให้การเริ่มต้นจัดตั้งพรรคการเมืองของกลุ่มบุคคล หรือคณะบุคคลใดก็ตาม เป็นไปตามอุดมการณ์ทางการเมืองที่ท่านเชื่อถือ ที่ท่านศรัทธา อย่างแท้จริง และตนเห็นว่าการจัดตั้งพรรคการเมืองด้วยอุดมการณ์เท่านั้นที่จะทำให้การดำเนินงานทางการเมืองเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและส่วนรวมต่อไปได้ และไม่ว่าพรรคการเมืองจะมีมากหรือน้อยเท่าใดก็ตาม ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ หรือไม่ได้เป็นอุปสรรคใด ๆ ต่อการดำเนินการในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งตามที่หลายคนมองว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไป ถ้าพรรคการเมืองมีมากแล้วจะทำให้เกิดผลกระทบหรือทำให้เกิดปัญหา แต่ตนเห็นว่าการจัดตั้งพรรคการเมืองก็เป็นสิทธิ์ของประชาชนที่จะไปจัดตั้งได้ ส่วนการเลือกตั้งจะได้พรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามามากหรือน้อยนั้นคงไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ในขณะนี้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ดังนั้นก็ไม่ควรที่จะตีตนไปก่อนไข้ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร และจะก่อให้เกิดความอ่อนแอหรือความเข้มแข็งในทางการเมืองต่อไปหรือไม่อย่างไร
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 ส.ค. 2550--จบ--