ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. มาตรการกันสำรองร้อยละ 30 เพื่อป้องกันวิกฤตการส่งออกที่อาจกระทบภาพรวมเศรษฐกิจ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รอง
นรม. และ รมว.คลัง กล่าวว่า การที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าการออกมาตรการกันเงินสำรองเพื่อสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทของ ธปท.
ไม่มีประสิทธิภาพ สร้างความเสียหายให้เศรษฐกิจนั้น ขอให้ทุกฝ่ายไม่ต้องเป็นกังวล เพราะ ธปท. มีวัตถุประสงค์ในการดูแลภาคการส่งออกโดย
มีการประเมินสถานการณ์ตลอดเวลาและตระหนักดีว่าหากปล่อยให้ภาคส่งออกเกิดวิกฤตจะทำให้มีผลกับเศรษฐกิจของประเทศในวงกว้าง สำหรับ
ความเป็นไปได้ที่ ธปท. เตรียมผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวเพื่ออำนวยความสะดวกให้ธุรกิจที่มีธุรกรรมการกู้เงินจากต่างประเทศนั้น เป็นหน้าที่ของ
ธปท. ต้องตัดสินใจโดยตรง (ข่าวสด)
2. นักวิชาการแนะ ธปท. ยังไม่จำเป็นต้องลดดอกเบี้ย นายสมชัย จิตสุชน ผอ.ฝ่ายวิจัย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
กล่าวว่า ธปท. ยังไม่จำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงมาในระดับต่ำกว่าร้อยละ 5 ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินครั้งนี้
แต่ควรปรับลงในครั้งหน้า ขณะที่ นายวิชัย ตุรงค์พันธุ์ อาจารย์คณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กล่าวว่า เงินเฟ้อทั้งปีน่า
จะอยู่ที่ร้อยละ 2-3 ธปท. ต้องเป็นเสาหลักเศรษฐกิจ อย่าทำตามที่ตลาดคาดการณ์ ด้าน นายตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ
กล่าวว่า น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน เพราะยังมีความไม่แน่นอนสูงทั้งเรื่องการเมืองและค่าเงิน (โพสต์ทูเดย์)
3. กลต. มีมติให้ศึกษาโครงการนำหลักทรัพย์ต่างชาติจดทะเบียนซื้อขายในไทย สนง.คณะกรรมการ กลต. เปิดเผยว่า ที่ประชุม
คณะกรรมการ กลต. มีมติเห็นชอบให้ศึกษาโครงการนำหลักทรัพย์ต่างประเทศมาจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในรูปแบบ
ใบรับฝากหลักทรัพย์ที่เปลี่ยนมือได้ (TCR) โดยสถาบันการเงิน ได้แก่ บล. ธ.พาณิชย์ และสาขาของ ธ.พาณิชย์ต่างประเทศ เป็นผู้ออกตราสาร
ทั้งนี้ ผู้ออกตราสารจะซื้อหลักทรัพย์คุณภาพดีที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศชั้นนำตามที่ กลต. กำหนด ที่อยู่ในความสนใจของนักลงทุน
ภายในประเทศ และออก (TCR) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศด้วยวิธีนี้จะมีข้อดีคือ
เปิดโอกาสให้ผู้ออมภายในประเทศรายย่อยสามารถกระจายความเสี่ยงควบคุมวงเงินที่จะไหลออก และควบคุมผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนได้
(โลกวันนี้, มติชน, เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่า ธ.กลางญี่ปุ่นจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 0.25 ต่อไป รายงานจากนิวยอร์กเมื่อ 16 ม.ค.50
The Nihon Keizei Shimbun (Nikkei) เปิดเผยในรายงานที่เผยแพร่ทาง Website เกี่ยวกับความเห็นของคณะกรรมการนโยบายการเงิน
ซึ่งเชื่อว่า ธ.กลางญี่ปุ่นจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 0.25 ในการประชุมที่จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ โดยแม้ว่าภาวะ
เศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะขยายตัวอย่างยาวนานนับตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา แต่เนื่องจากปัจจุบันมีสัญญาณการชะลอตัวของการใช้จ่าย
ภายในประเทศยังคงเป็นปัจจัยสร้างความกังวลว่า การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายก่อนเวลาอันควรจะส่งผลให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นต้องกลับประสบ
กับภาวะเงินฝืดได้อีก ทั้งนี้ ธ.กลางญี่ปุ่นได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปีเมื่อเดือน ก.ค.49 ซึ่งเป็นช่วงที่ภาวะ
เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง (รอยเตอร์)
2. ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเยอรมนีในเดือน ม.ค.50 เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน รายงานจากเมนเฮลม์
เยอรมนี เมื่อ 16 ม.ค.50 ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเยอรมนีจากผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์และนักลงทุนสถาบันจำนวน
282 คนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ — 3.6 ในเดือน ม.ค.50 จากระดับ — 19 ในเดือน ธ.ค.49 เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และสูงกว่าที่รอยเตอร์
คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ — 10.0 แต่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ระดับ 33.5 ทั้งนี้เป็นผลมาจากตลาดแรงงานที่ดีขึ้นซึ่งช่วยให้รายได้
ของครัวเรือนดีขึ้นไปด้วย ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน นอกจากนี้ยังมีสัญญาณที่แสดงว่าการขึ้นอัตราภาษีที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคหรือ VAT
อีกร้อยละ 3.0 เป็นร้อยละ 19.0 ตั้งแต่ต้นปี 50 ที่ผ่านมาส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อเศรษฐกิจของเยอรมนี เนื่องจากผู้บริโภคและร้านค้ามี
เวลาเตรียมตัวในการจับจ่ายซื้อสินค้าล่วงหน้าและชะลอการขึ้นราคาสินค้า นักเศรษฐศาสตร์และรัฐบาลจึงคาดว่าเศรษฐกิจในปี 50 อาจขยายตัว
ถึงร้อยละ 2.0 หลังจากที่ขยายตัวถึงร้อยละ 2.7 (ตัวเลขหลังปรับด้วยจำนวนวันทำการแล้ว) ในปี 49 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ
6 ปี (รอยเตอร์)
3. อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษในเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 3.0 รายงานจากลอนดอน เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 50 สำนักงานสถิติ
แห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า ในเดือน ธ.ค. อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 0.6 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเมื่อ
เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วอยู่ที่ร้อยละ 3.0 อยู่ในระดับสูงสุดในรอบทศวรรษนับตั้งแต่ที่ได้มีการจัดเก็บข้อมูลสถิติอย่างเป็นทางการ และมากกว่า
ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านั้นว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือน ธ.ค. จะอยู่ที่ร้อยละ 2.8 เนื่องจากราคาขายปลีกซึ่งเป็นพื้นฐานของค่าจ้าง
เพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 4.4 สูงที่สุดในรอบ 15 ปีนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 34 โดยราคาต้นทุนการขนส่งเพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันและค่าธรรมเนียม
เชื้อเพลิงสูงขึ้น และเป็นสาเหตุที่ทำให้ ธ.กลางอังกฤษปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ เป้าหมายเงินเฟ้อที่ ธ.กลางอังกฤษ
ตั้งไว้อยู่ที่ร้อยละ 2.0 แต่ที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้อของ ธ.กลางอังกฤษได้สูงเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 49
(รอยเตอร์)
4. ยอดขายของห้างสรรพสินค้าชั้นนำ 3 แห่งของเกาหลีใต้ในเดือน ธ.ค.49 เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.0 เทียบต่อปี รายงานจากโซล
เมื่อ 17 ม.ค.50 ก.พาณิชย์เกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ยอดขายของห้างสรรพสินค้าชั้นนำ 3 แห่งของเกาหลีใต้
(Lotte Shopping, Shinsegae Co. Ltd. And Hyundai Department Store) ในเดือน ธ.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 จากปีก่อนหน้า
ชะลอลงจากเดือน พ.ย.49 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 ซึ่งเป็นอัตราเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือน ตั้งแต่เดือน มิ.ย.49 ที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 7.1 ทั้งนี้
ตัวเลขยอดขายห้างสรรพสินค้าดังกล่าวเป็นตัวเลขที่รัฐบาลเกาหลีใต้เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากแสดงถึงความแข็งแกร่งของความต้องการ
ในประเทศ โดยมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) นอกจากนี้ ก.พาณิชย์ ยังรายงานเพิ่มเติมว่า ยอดขายของร้านขาย
สินค้าประเภท Discount Store ชั้นนำ 3 แห่งของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 หลังจากที่ลดลงร้อยละ 0.7 ในเดือน พ.ย.49 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 17 ม.ค. 50 16 ม.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 36.018 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 35.8063/36.1391 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 655.90/13.32 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,550/10,650 10,600/10,700 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 48.7 49.71 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.59*/22.54* 25.59*/22.54* 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 13 ม.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. มาตรการกันสำรองร้อยละ 30 เพื่อป้องกันวิกฤตการส่งออกที่อาจกระทบภาพรวมเศรษฐกิจ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รอง
นรม. และ รมว.คลัง กล่าวว่า การที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าการออกมาตรการกันเงินสำรองเพื่อสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทของ ธปท.
ไม่มีประสิทธิภาพ สร้างความเสียหายให้เศรษฐกิจนั้น ขอให้ทุกฝ่ายไม่ต้องเป็นกังวล เพราะ ธปท. มีวัตถุประสงค์ในการดูแลภาคการส่งออกโดย
มีการประเมินสถานการณ์ตลอดเวลาและตระหนักดีว่าหากปล่อยให้ภาคส่งออกเกิดวิกฤตจะทำให้มีผลกับเศรษฐกิจของประเทศในวงกว้าง สำหรับ
ความเป็นไปได้ที่ ธปท. เตรียมผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวเพื่ออำนวยความสะดวกให้ธุรกิจที่มีธุรกรรมการกู้เงินจากต่างประเทศนั้น เป็นหน้าที่ของ
ธปท. ต้องตัดสินใจโดยตรง (ข่าวสด)
2. นักวิชาการแนะ ธปท. ยังไม่จำเป็นต้องลดดอกเบี้ย นายสมชัย จิตสุชน ผอ.ฝ่ายวิจัย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
กล่าวว่า ธปท. ยังไม่จำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงมาในระดับต่ำกว่าร้อยละ 5 ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินครั้งนี้
แต่ควรปรับลงในครั้งหน้า ขณะที่ นายวิชัย ตุรงค์พันธุ์ อาจารย์คณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กล่าวว่า เงินเฟ้อทั้งปีน่า
จะอยู่ที่ร้อยละ 2-3 ธปท. ต้องเป็นเสาหลักเศรษฐกิจ อย่าทำตามที่ตลาดคาดการณ์ ด้าน นายตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ
กล่าวว่า น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน เพราะยังมีความไม่แน่นอนสูงทั้งเรื่องการเมืองและค่าเงิน (โพสต์ทูเดย์)
3. กลต. มีมติให้ศึกษาโครงการนำหลักทรัพย์ต่างชาติจดทะเบียนซื้อขายในไทย สนง.คณะกรรมการ กลต. เปิดเผยว่า ที่ประชุม
คณะกรรมการ กลต. มีมติเห็นชอบให้ศึกษาโครงการนำหลักทรัพย์ต่างประเทศมาจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในรูปแบบ
ใบรับฝากหลักทรัพย์ที่เปลี่ยนมือได้ (TCR) โดยสถาบันการเงิน ได้แก่ บล. ธ.พาณิชย์ และสาขาของ ธ.พาณิชย์ต่างประเทศ เป็นผู้ออกตราสาร
ทั้งนี้ ผู้ออกตราสารจะซื้อหลักทรัพย์คุณภาพดีที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศชั้นนำตามที่ กลต. กำหนด ที่อยู่ในความสนใจของนักลงทุน
ภายในประเทศ และออก (TCR) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศด้วยวิธีนี้จะมีข้อดีคือ
เปิดโอกาสให้ผู้ออมภายในประเทศรายย่อยสามารถกระจายความเสี่ยงควบคุมวงเงินที่จะไหลออก และควบคุมผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนได้
(โลกวันนี้, มติชน, เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่า ธ.กลางญี่ปุ่นจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 0.25 ต่อไป รายงานจากนิวยอร์กเมื่อ 16 ม.ค.50
The Nihon Keizei Shimbun (Nikkei) เปิดเผยในรายงานที่เผยแพร่ทาง Website เกี่ยวกับความเห็นของคณะกรรมการนโยบายการเงิน
ซึ่งเชื่อว่า ธ.กลางญี่ปุ่นจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 0.25 ในการประชุมที่จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ โดยแม้ว่าภาวะ
เศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะขยายตัวอย่างยาวนานนับตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา แต่เนื่องจากปัจจุบันมีสัญญาณการชะลอตัวของการใช้จ่าย
ภายในประเทศยังคงเป็นปัจจัยสร้างความกังวลว่า การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายก่อนเวลาอันควรจะส่งผลให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นต้องกลับประสบ
กับภาวะเงินฝืดได้อีก ทั้งนี้ ธ.กลางญี่ปุ่นได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปีเมื่อเดือน ก.ค.49 ซึ่งเป็นช่วงที่ภาวะ
เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง (รอยเตอร์)
2. ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเยอรมนีในเดือน ม.ค.50 เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน รายงานจากเมนเฮลม์
เยอรมนี เมื่อ 16 ม.ค.50 ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเยอรมนีจากผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์และนักลงทุนสถาบันจำนวน
282 คนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ — 3.6 ในเดือน ม.ค.50 จากระดับ — 19 ในเดือน ธ.ค.49 เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และสูงกว่าที่รอยเตอร์
คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ — 10.0 แต่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ระดับ 33.5 ทั้งนี้เป็นผลมาจากตลาดแรงงานที่ดีขึ้นซึ่งช่วยให้รายได้
ของครัวเรือนดีขึ้นไปด้วย ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน นอกจากนี้ยังมีสัญญาณที่แสดงว่าการขึ้นอัตราภาษีที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคหรือ VAT
อีกร้อยละ 3.0 เป็นร้อยละ 19.0 ตั้งแต่ต้นปี 50 ที่ผ่านมาส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อเศรษฐกิจของเยอรมนี เนื่องจากผู้บริโภคและร้านค้ามี
เวลาเตรียมตัวในการจับจ่ายซื้อสินค้าล่วงหน้าและชะลอการขึ้นราคาสินค้า นักเศรษฐศาสตร์และรัฐบาลจึงคาดว่าเศรษฐกิจในปี 50 อาจขยายตัว
ถึงร้อยละ 2.0 หลังจากที่ขยายตัวถึงร้อยละ 2.7 (ตัวเลขหลังปรับด้วยจำนวนวันทำการแล้ว) ในปี 49 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ
6 ปี (รอยเตอร์)
3. อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษในเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 3.0 รายงานจากลอนดอน เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 50 สำนักงานสถิติ
แห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า ในเดือน ธ.ค. อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 0.6 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเมื่อ
เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วอยู่ที่ร้อยละ 3.0 อยู่ในระดับสูงสุดในรอบทศวรรษนับตั้งแต่ที่ได้มีการจัดเก็บข้อมูลสถิติอย่างเป็นทางการ และมากกว่า
ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านั้นว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือน ธ.ค. จะอยู่ที่ร้อยละ 2.8 เนื่องจากราคาขายปลีกซึ่งเป็นพื้นฐานของค่าจ้าง
เพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 4.4 สูงที่สุดในรอบ 15 ปีนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 34 โดยราคาต้นทุนการขนส่งเพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันและค่าธรรมเนียม
เชื้อเพลิงสูงขึ้น และเป็นสาเหตุที่ทำให้ ธ.กลางอังกฤษปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ เป้าหมายเงินเฟ้อที่ ธ.กลางอังกฤษ
ตั้งไว้อยู่ที่ร้อยละ 2.0 แต่ที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้อของ ธ.กลางอังกฤษได้สูงเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 49
(รอยเตอร์)
4. ยอดขายของห้างสรรพสินค้าชั้นนำ 3 แห่งของเกาหลีใต้ในเดือน ธ.ค.49 เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.0 เทียบต่อปี รายงานจากโซล
เมื่อ 17 ม.ค.50 ก.พาณิชย์เกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ยอดขายของห้างสรรพสินค้าชั้นนำ 3 แห่งของเกาหลีใต้
(Lotte Shopping, Shinsegae Co. Ltd. And Hyundai Department Store) ในเดือน ธ.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 จากปีก่อนหน้า
ชะลอลงจากเดือน พ.ย.49 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 ซึ่งเป็นอัตราเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือน ตั้งแต่เดือน มิ.ย.49 ที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 7.1 ทั้งนี้
ตัวเลขยอดขายห้างสรรพสินค้าดังกล่าวเป็นตัวเลขที่รัฐบาลเกาหลีใต้เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากแสดงถึงความแข็งแกร่งของความต้องการ
ในประเทศ โดยมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) นอกจากนี้ ก.พาณิชย์ ยังรายงานเพิ่มเติมว่า ยอดขายของร้านขาย
สินค้าประเภท Discount Store ชั้นนำ 3 แห่งของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 หลังจากที่ลดลงร้อยละ 0.7 ในเดือน พ.ย.49 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 17 ม.ค. 50 16 ม.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 36.018 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 35.8063/36.1391 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 655.90/13.32 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,550/10,650 10,600/10,700 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 48.7 49.71 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.59*/22.54* 25.59*/22.54* 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 13 ม.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--