“ปชป.”เดินหน้านโยบายเอทานอลคาร์ดันไทยสู่ศูนย์กลางผลิตในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก แนะกระทรวงพลังงานเปลี่ยนสูตรคิดราคาจากต้นทุนจริงไม่ใช่อิงราคาบราซิลเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม เอทานอลให้แข็งแกร่ง
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แถลงวันนี้(11 ส.ค.50)ว่า พรรคประชาธิปัตย์จะขับเคลื่อนนโยบายเอทานอลอย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อเป็นฐานเศรษฐกิจใหม่ของประเทศสำหรับภาคพลังงานและภาคเกษตรกรรมโดยมีแนวทางการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถเอทานอลหรือเอทานอลคาร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อรองรับการขยายตัวของการผลิตเอทานอลทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีแนวโน้มของการผลิตเพิ่มขึ้นในอนาคต ทั้งนี้มาตการส่งเสริมการลงทุนเอทานอลคาร์ จะคล้ายคลึงกับนโยบายอีโคคาร์ เป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกสู่ตลาดโลก ซึ่งเอทานอลคาร์จะเป็นรถที่ใช้ได้ทั้งน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอลล์ตั้งแต่ อี20 ถึง อี 100 ที่เรียกรถยนต์ประเภทนี้ว่า เอฟเอฟวี.(Flexible Fuel vehicles : FFV)โดยจะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกของโลกในภูมิภาคเอเซียและแปซิฟิกที่มีการผลิตเอทานอลคาร์
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังเสนอแนะกระทรวงพลังงานให้ปรับเปลี่ยนสูตรการคำณวนราคารับซื้อเอทานอลจากโรงงานเอทานอลว่า ควรจะคำณวนราคารับซื้อจากต้นทุนที่เป็นจริงไม่ใช่การอิงราคาบราซิลอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้เพราะไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้องเนื่องจากการคิดราคาควรขึ้นกับต้นทุนที่เป็นจริงและอุตสาหกรรมเอทานอลในประเทศไทยยังอยู่ในระยะเริ่มต้นของการพัฒนาซึ่งต่างจากบราซิลที่พัฒนาโครงการเอทานอลมาตั้งแต่ปี 2517 การปรับสูตรการคำณวนใหม่จะช่วยให้เกษตรกรขายมันสำปะหลังและอ้อยได้ตามราคาที่เป็นธรรม
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยัง แสดงความกังวลต่อกรณีปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ในระบบของสหรัฐ หรือซับไพร์ม ในขณะนี้ เพราะได้กระทบต่อตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยแล้ว ฉะนั้นรัฐบาลไม่ควรมองข้ามปัญหาดังกล่าวและควรนำมาหารือในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์นี้ด้วย เพื่อหาแนวทางในการป้องกันวิกฤติเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตและหากสหรัฐเกิดปัญหาฟองสบู่แตกกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย ที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นคู่ค้าสำคัญ
นอกจากนี้ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวอีกว่าแนวโน้มฟองสบู่แตกในสหรัฐขณะนี้เริ่มชัดเจนมากขึ้น โดยสหรัฐต้องทุ่มเงินในการแก้ไขปัญหาซับไพร์มไปแล้วจำนวนหลายล้านบาท
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 11 ส.ค. 2550--จบ--
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แถลงวันนี้(11 ส.ค.50)ว่า พรรคประชาธิปัตย์จะขับเคลื่อนนโยบายเอทานอลอย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อเป็นฐานเศรษฐกิจใหม่ของประเทศสำหรับภาคพลังงานและภาคเกษตรกรรมโดยมีแนวทางการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถเอทานอลหรือเอทานอลคาร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อรองรับการขยายตัวของการผลิตเอทานอลทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีแนวโน้มของการผลิตเพิ่มขึ้นในอนาคต ทั้งนี้มาตการส่งเสริมการลงทุนเอทานอลคาร์ จะคล้ายคลึงกับนโยบายอีโคคาร์ เป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกสู่ตลาดโลก ซึ่งเอทานอลคาร์จะเป็นรถที่ใช้ได้ทั้งน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอลล์ตั้งแต่ อี20 ถึง อี 100 ที่เรียกรถยนต์ประเภทนี้ว่า เอฟเอฟวี.(Flexible Fuel vehicles : FFV)โดยจะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกของโลกในภูมิภาคเอเซียและแปซิฟิกที่มีการผลิตเอทานอลคาร์
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังเสนอแนะกระทรวงพลังงานให้ปรับเปลี่ยนสูตรการคำณวนราคารับซื้อเอทานอลจากโรงงานเอทานอลว่า ควรจะคำณวนราคารับซื้อจากต้นทุนที่เป็นจริงไม่ใช่การอิงราคาบราซิลอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้เพราะไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้องเนื่องจากการคิดราคาควรขึ้นกับต้นทุนที่เป็นจริงและอุตสาหกรรมเอทานอลในประเทศไทยยังอยู่ในระยะเริ่มต้นของการพัฒนาซึ่งต่างจากบราซิลที่พัฒนาโครงการเอทานอลมาตั้งแต่ปี 2517 การปรับสูตรการคำณวนใหม่จะช่วยให้เกษตรกรขายมันสำปะหลังและอ้อยได้ตามราคาที่เป็นธรรม
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยัง แสดงความกังวลต่อกรณีปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ในระบบของสหรัฐ หรือซับไพร์ม ในขณะนี้ เพราะได้กระทบต่อตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยแล้ว ฉะนั้นรัฐบาลไม่ควรมองข้ามปัญหาดังกล่าวและควรนำมาหารือในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์นี้ด้วย เพื่อหาแนวทางในการป้องกันวิกฤติเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตและหากสหรัฐเกิดปัญหาฟองสบู่แตกกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย ที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นคู่ค้าสำคัญ
นอกจากนี้ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวอีกว่าแนวโน้มฟองสบู่แตกในสหรัฐขณะนี้เริ่มชัดเจนมากขึ้น โดยสหรัฐต้องทุ่มเงินในการแก้ไขปัญหาซับไพร์มไปแล้วจำนวนหลายล้านบาท
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 11 ส.ค. 2550--จบ--