ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.เผยถึงสาเหตุที่สภาพคล่องในตลาดเงินตึงตัวในขณะนี้ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึง กรณีที่
นักบริหารเงินระบุว่า ขณะนี้สภาพคล่องในตลาดเงินตึงตัวมาก ทำให้ต่างชาติไม่สามารถหาเงินบาทมาชำระคืนสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศ
ล่วงหน้า (สวอป) ได้ ส่งผลให้เงินบาทไม่อ่อนค่าลง และอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เงินบาทไม่อ่อนค่าเกิดขึ้นจากมาตรการกันสำรองเงินร้อยละ 30 ว่า
สภาพคล่องที่ตึงตัวในขณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากมาตรการกันสำรองร้อยละ 30 หรือการเตรียมเงินไว้สำหรับมาตรฐานบัญชีใหม่ IAS 39 และบาเซิล
2 เพราะ ธพ.ไม่น่าที่จะเตรียมเงินสำรองไว้จำนวนมากก่อนเป็นเวลานาน เนื่องจากมาตรฐานบัญชีดังกล่าวจะทยอยดำเนินการในงวดครึ่งปี 50
และสิ้นปี 50 ส่วนบาเซิล 2 จะใช้ในปี 51 แต่อาจเป็นการตึงตัวชั่วคราว เนื่องจาก ธพ.เตรียมสำรองเงินไว้เพื่อดูผลที่จะเกิดขึ้นจากการ
เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. จากอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืน พธบ. 14 วัน เป็น 1 วัน และมีการปรับปักษ์การดำรงสินทรัพย์
สภาพคล่องให้สอดคล้องกับดอกเบี้ยนโยบาย ในวันที่ 17 ม.ค.นี้ ซึ่งจะมีการพิจารณาในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
ครั้งต่อไป (ไทยรัฐ, สยามรัฐ, ข่าวสด, ผู้จัดการรายวัน)
2. ธปท.เผยถึงร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจคนต่างด้าวกระทบนักลงทุนต่างชาติน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ผู้ว่าการธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึง ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจคนต่างด้าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ที่ออกมากระทบนักลงทุนต่างชาติน้อยกว่า
ที่คาดไว้ในครั้งแรก และเรื่องนี้ไม่กระทบกับการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติใน ธพ.ไทย เนื่องจาก พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจ ธพ.ได้มีข้อกำหนด
ในการถือหุ้นของต่างชาติอยู่แล้ว และมีการดูแลในเรื่องการถือหุ้นแทน (นอมินี) ไว้ชัดเจน โดยแต่ละรายไม่สามารถถือหุ้นเกินร้อยละ 5 ยกเว้น
จะมีการขออนุญาตจาก ธปท.เป็นราย ๆ และต้องรายงานการถือหุ้นแทนให้ ธปท.ทราบ ขณะที่ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธปท.
กล่าวว่า ในกรณีสถาบันการเงินอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจ ธพ.ของ ธปท. ซึ่งตาม พ.ร.บ.ฉบับเดิมนั้น อนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นใน
ธพ.ไทยไม่เกินร้อยละ 25 ของทุนจดทะเบียนรวม และแต่ละรายไม่สามารถถือหุ้นได้เกินร้อยละ 5 ยกเว้นจะขออนุญาตเป็นราย ๆ จาก ธปท.
ซึ่งในปัจจุบันส่วนใหญ่ ธพ.จะมีการขออนุญาตเพื่อให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 49 แทบทุกธนาคารอยู่แล้ว และ ธปท.ก็อนุญาต
(สยามรัฐ)
3. การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในเดือน พ.ย.49 เพิ่มขึ้น 1,000 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เผยแพร่ข้อมูลการขยายตัวของธุรกิจบัตรเครดิตในเดือน พ.ย.49 ว่า การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตขยายตัวจากเดือนก่อนไม่มากนัก เมื่อ
รวมบัตรเครดิตที่ออกโดยผู้ประกอบการทุกกลุ่ม พบว่ามีปริมาณการใช้จ่ายจำนวน 66,465 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1,000 ล้านบาท
หรือร้อยละ 1.53 แยกเป็นปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ออกโดย ธพ.ในประเทศ 36,689 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,128 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.17
ส่วนปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ออกโดยสาขา ธพ.ต่างประเทศมีจำนวน 8,179 ล้านบาท ลดลง 367 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.3 และปริมาณ
การใช้จ่ายผ่านบัตรที่ออกโดยผู้ประกอบการที่ไม่ใช่ ธพ. (นอนแบงก์) มีจำนวน 21,596 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 239 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.12 ทั้งนี้
การใช้จ่ายในประเทศผ่านบัตรเครดิตมีจำนวน 47,926 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 711 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.51 เท่านั้น ขณะที่การใช้จ่ายที่
ต่างประเทศผ่านบัตรเครดิตมีจำนวน 2,134 ล้านบาท ลดลง 350 ล้านบาท หรือร้อยละ 14 ส่วนการเบิกเงินสดล่วงหน้ามีจำนวน
16,403 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 639 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.05 ส่วนยอดสินเชื่อคงค้างบัตรเครดิตทั้งระบบมียอดคงค้าง 166,753 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 3,594 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.2 โดยในเดือน พ.ย.49 มีบัตรเครดิตที่ใช้อยู่ในระบบ 10,830,979 บัตร เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน
110,447 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.03 เท่านั้น (มติชน, เดลินิวส์, กรุงเทพธุรกิจ)
4. ธปท.เผยความคืบหน้าการดำเนินคดีกับอดีตผู้บริหาร ธ.มหานคร รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้า
การดำเนินคดีกับอดีตผู้บริหาร ธ.มหานคร กรณีทุจริตปล่อยสินเชื่อให้กับห้างหุ้นส่วนจำกัด แสงสงวนพาณิชย์ จำนวน 4,000 ล้านบาท ทั้งที่บริษัท
ดังกล่าวมีทุนจดทะเบียนเพียง 600,000 บาท ว่า ในวันที่ 11 ม.ค.50 อดีตผู้บริหารที่ร่วมกันทุจริตทั้ง 3 ราย ประกอบด้วย
นายมาโนช กาญจนฉายา นายอุทัย อัครพัฒนากุล และนางภคินี สุวรรณภักดี จะต้องเดินทางไปมอบตัวต่ออัยการพิเศษคดีเศรษฐกิจ 3 เพื่อส่งตัวฟ้อง
ไปศาล ซึ่งเกรงว่าหากทั้ง 3 คน ไม่มามอบตัว หรือขอเลื่อนการมอบตัวอีก อาจจะส่งผลให้ทรัพย์ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
(ปปง.) ได้อายัดจากอดีตผู้บริหารกลุ่มนี้จำนวน 495 ล้านบาท ต้องหลุดไป เพราะกำหนดการอายัดทรัพย์จะสิ้นสุดในวันที่ 19 ม.ค.นี้ (มติชน)
5. ธปท.แนะ ปตท.ในการกู้เงินจากต่างประเทศเพื่อนำมาลงทุนขยายกิจการ ผอ.ฝ่ายกำกับการแลกเปลี่ยนเงินและสินเชื่อ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีที่ บ.ปตท.หารือ ธปท.เรื่องการกู้เงินจากต่างประเทศเพื่อนำเข้ามาลงทุนขยายกิจการว่า จะ
เข้าข่ายการกันสำรองเงินทุนร้อยละ 30 หรือไม่ว่า ได้แจ้งกับ ปตท.ว่า เนื่องจากเกณฑ์กันสำรองเงินทุนเป็นเกณฑ์ที่ใช้ครอบคลุมกับทุกกรณี
รวมทั้งเงินกู้ กรณีนี้จึงเข้าข่ายต้องกันสำรองเงินทุนนำเข้าร้อยละ 30 ด้วย ทั้งนี้ ในส่วนวงเงินที่จะกู้เข้ามาลงทุนให้แยกระหว่างส่วนที่ต้องใช้ใน
การซื้อวัตถุดิบเครื่องจักร หรืออุปกรณ์การก่อสร้างจากต่างประเทศ ส่วนนี้ให้ถือเป็นเงินดอลลาร์ สรอ.ฝากไว้ในต่างประเทศ ไม่ต้องนำมาแลก
เป็นเงินบาท ส่วนนี้ทำให้ไม่ต้องเสียต้นทุนในการกันสำรองเงินทุนร้อยละ 30 แต่จะช่วยลดต้นทุน สำหรับเงินกู้อีกส่วนหนึ่งที่ ปต่ท.ต้องนำเข้ามา
ลงทุนในประเทศและต้องแลกเป็นเงินบาท ส่วนนี้ต้องกันสำรองร้อยละ 30 (ไทยรัฐ, สยามรัฐ, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้,
โพสต์ทูเดย์)
6. สศค.สรุปผลกระทบทางเศรษฐกิจจากเหตุการณ์วางระเบิดในกรุงเทพฯ ผอ.กลุ่มการวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาคและระหว่งประเทศ ได้ทำการสรุปบทวิเคราะห์เรื่อง
ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากเหตุการณ์วางระเบิดในกรุงเทพฯ เมื่อ 31 ธ.ค.เรียบร้อยแล้ว โดยพบว่า หากเหตุการณ์ดังกล่าวได้ข้อยุติภายใน
ไตรมาสที่ 1 ปี 50 ความเชื่อมั่นที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 50 ลดลงร้อยละ 0.2 ต่อปี แบ่งเป็นการกระทบต่อการ
บริโภคภาคเอกชนมูลค่า 11,400 ล้านบาท การลงทุนภาคเอกชนมูลค่า 6,200 ล้านบาท และรายได้จากการท่องเที่ยวของชาวต่างประเทศ
7,300 ล้านบาท แต่หากรัฐบาลสามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ล่าช้า โดยไปจบลงในไตรมาส 2 ปี 50 จะส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ปรับลดลงร้อยละ 0.4 กรทะบต่อการบริโภคภาคเอกชนมูลค่า 31,600 ล้านบาท การลงทุนภาคเอกชนมูลค่า 17,000 ล้านบาท และกระทบต่อ
รายได้การท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ 14,600 ล้านบาท ทั้งนี้ สำหรับแนวโน้มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 50 นั้น สศค.ยังคาดว่าจะ
ขยายตัวได้ที่ร้อยละ 4-5 (แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ในเดือน พ.ย. 49 สรอ. ขาดดุลการค้าน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 48 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 50
ก.พาณิชย์ สรอ. เปิดเผยว่า ในเดือน พ.ย. 49 สรอ. ขาดดุลการค้าน้อยที่สุดในรอบ 16 เดือนนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 48 เนื่องจากค่าเงิน
ดอลลาร์ สรอ. อ่อนตัวลง และเศรษฐกิจต่างประเทศขยายตัวอย่างแข็งแกร่งส่งผลให้การส่งออกของ สรอ. ขยายตัวทำสถิติสูงสุด และดีกว่าที่
คาดการณ์ไว้ ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่าเป็นสัญญานว่าการขาดดุลการค้าจำนวนมหาศาลของ สรอ. จะลดลงต่อเนื่องไปอีกในปี 50 หลังจากลดลง
ทำสถิติสูงสุดเมื่อปีที่แล้ว ทั้งนี้นักเศรษฐศาสตร์จาก Morgan Stanley ได้ปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ของ
สรอ. จากร้อยละ 2.5 เป็นร้อยละ 2.8 ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Bank of America กล่าวว่าเศรษฐกิจ สรอ. ในไตรมาสสุดท้ายปี 49 ขยายตัว
จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าร้อยละ 3.0 ขณะที่เงินดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นอย่างมากจากข่าวการขาดดุลการค้าที่ลดลงในไตรมาสสุดท้ายปีที่แล้ว
ทำให้นักลงทุนเชื่อว่า ธ.กลาง สรอ. อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงต้นปีนี้ ทั้งนี้ที่ผ่านมา สรอ. ขาดดุลการค้าอย่างต่อเนื่องเป็น
จำนวนมาก ส่งผลให้เงินดอลลาร์ สรอ. เมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ อ่อนค่าลง (รอยเตอร์)
2. อังกฤษขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นในเดือน พ.ย.49 รายงานจากลอนดอนเมื่อ 10 ม.ค.50
The Office for National Statistics เปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าของอังกฤษในเดือน พ.ย.49 เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน
7.193 พัน ล.ปอนด์ จาก 6.601 พัน ล.ปอนด์ในเดือนก่อนหน้า และสูงกว่าการคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะขาดดุลการค้าเป็น
จำนวน 6.48 พัน ล.ปอนด์ สาเหตุจากการนำเข้าสูงกว่าการส่งออก โดยการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 ขณะที่การส่งออกลดลงร้อยละ 0.5
เช่นเดียวกับการขาดดุลการค้ากับประเทศนอกกลุ่มสหภาพยุโรปซึ่งขาดดุลสูงสุดเป็นจำนวน 4.631 พัน ล.ปอนด์จาก 3.952 พัน ล.ปอนด์ใน
เดือนก่อนหน้า สูงกว่ามากจากการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะขาดดุลจำนวน 3.9 พัน ล.ปอนด์ ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์มีความเห็นว่า
การขาดดุลการค้าดังกล่าวอาจส่งผลให้การขยายตัวของจีดีพีในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 49 ต่ำกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายภายในประเทศ
ที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งอาจเป็นปัจจัยชดเชยได้ (รอยเตอร์)
3. จีนได้เปรียบดุลการค้าปี 49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 74 มูลค่า 177.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
เมื่อวันที่ 10 ม.ค.50 สำนักข่าวซินหัวของจีนเปิดเผยว่า ในปี 49 ที่ผ่านมาจีนได้เปรียบดุลการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 74 ด้วยมูลค่าสูงเป็น
ประวัติการณ์จำนวน 177.47 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยเป็นผลมาจากการส่งออกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.2 ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์
กล่าวว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มแรงกดดันทางการเมืองต่อจีนที่จะต้องปล่อยให้เงินหยวนเพิ่มค่าเร็วขึ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อ
ภาคการผลิตของจีน ทั้งนี้ จีนได้เปรียบดุลการค้าเดือน ธ.ค.49 จำนวน 21 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงเล็กน้อยจาก 22.9 พันล้านดอลลาร์
สรอ. ในเดือน พ.ย.49 และ 23.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือน ต.ค.49 ขณะที่ยอดการส่งออกทั้งปีมีมูลค่ารวม 969.08 พันล้านดอลลาร์
สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.2 ส่วนการนำเข้ามีมูลค่ารวม 791.61 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ซึ่งการส่งออกที่เพิ่มขึ้นของจีนเป็น
ผลมาจากการบริโภคของประเทศคู่ค้าหลักหลายประเทศทั่วโลกปรับตัวดีขึ้น ด้านนักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่ายอดการได้เปรียบดุลการค้าของจีนจะ
เพิ่มขึ้นถึงระดับ 250 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ต่อปีภายในกลางปีนี้ และหลังจากนั้นจะเริ่มปรับตัวลดลงเนื่องจากจีนจะเริ่มนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค
และเครื่องมือเครื่องจักรในการผลิตที่มีมูลค่าสูงเพิ่มขึ้น (รอยเตอร์)
4. ธ.กลางเกาหลีใต้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 4.5 รายงานจากโซลเมื่อ 11 ม.ค.50 ธ.กลางเกาหลีใต้
เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับร้อยละ 4.5 เช่นเดิม ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของ
นักเศรษฐศาสตร์ และเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมเป็นเวลา 5 เดือนติดต่อกันนับตั้งแต่การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ครั้งล่าสุดร้อยละ 0.25 เมื่อเดือน ส.ค.49 ทั้งนี้ การตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้ เนื่องจาก ธ.กลางเกรงว่า อัตราดอกเบี้ยที่
ปรับตัวสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อภาวะเศรษฐกิจที่กำลังประสบภาวะชะลอตัวอยู่ในขณะนี้ อนึ่ง
ธ.กลางเกาหลีใต้ได้คาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 50 ไว้ที่ร้อยละ 4.4 ลดลงจากประมาณการร้อยละ 5.0 ในปี 49 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 11 ม.ค. 50 10 ม.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 36.062 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 35.8394/36.1961 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.11688 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 622.27/16.66 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,400/10,500 10,400/10,500 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 49.54 51.34 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.99*/22.94** 25.99*/22.94** 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเมื่อ 9 ม.ค.50 ** ปรับเมื่อ 6 ม.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.เผยถึงสาเหตุที่สภาพคล่องในตลาดเงินตึงตัวในขณะนี้ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึง กรณีที่
นักบริหารเงินระบุว่า ขณะนี้สภาพคล่องในตลาดเงินตึงตัวมาก ทำให้ต่างชาติไม่สามารถหาเงินบาทมาชำระคืนสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศ
ล่วงหน้า (สวอป) ได้ ส่งผลให้เงินบาทไม่อ่อนค่าลง และอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เงินบาทไม่อ่อนค่าเกิดขึ้นจากมาตรการกันสำรองเงินร้อยละ 30 ว่า
สภาพคล่องที่ตึงตัวในขณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากมาตรการกันสำรองร้อยละ 30 หรือการเตรียมเงินไว้สำหรับมาตรฐานบัญชีใหม่ IAS 39 และบาเซิล
2 เพราะ ธพ.ไม่น่าที่จะเตรียมเงินสำรองไว้จำนวนมากก่อนเป็นเวลานาน เนื่องจากมาตรฐานบัญชีดังกล่าวจะทยอยดำเนินการในงวดครึ่งปี 50
และสิ้นปี 50 ส่วนบาเซิล 2 จะใช้ในปี 51 แต่อาจเป็นการตึงตัวชั่วคราว เนื่องจาก ธพ.เตรียมสำรองเงินไว้เพื่อดูผลที่จะเกิดขึ้นจากการ
เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. จากอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืน พธบ. 14 วัน เป็น 1 วัน และมีการปรับปักษ์การดำรงสินทรัพย์
สภาพคล่องให้สอดคล้องกับดอกเบี้ยนโยบาย ในวันที่ 17 ม.ค.นี้ ซึ่งจะมีการพิจารณาในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
ครั้งต่อไป (ไทยรัฐ, สยามรัฐ, ข่าวสด, ผู้จัดการรายวัน)
2. ธปท.เผยถึงร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจคนต่างด้าวกระทบนักลงทุนต่างชาติน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ผู้ว่าการธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึง ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจคนต่างด้าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ที่ออกมากระทบนักลงทุนต่างชาติน้อยกว่า
ที่คาดไว้ในครั้งแรก และเรื่องนี้ไม่กระทบกับการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติใน ธพ.ไทย เนื่องจาก พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจ ธพ.ได้มีข้อกำหนด
ในการถือหุ้นของต่างชาติอยู่แล้ว และมีการดูแลในเรื่องการถือหุ้นแทน (นอมินี) ไว้ชัดเจน โดยแต่ละรายไม่สามารถถือหุ้นเกินร้อยละ 5 ยกเว้น
จะมีการขออนุญาตจาก ธปท.เป็นราย ๆ และต้องรายงานการถือหุ้นแทนให้ ธปท.ทราบ ขณะที่ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธปท.
กล่าวว่า ในกรณีสถาบันการเงินอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจ ธพ.ของ ธปท. ซึ่งตาม พ.ร.บ.ฉบับเดิมนั้น อนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นใน
ธพ.ไทยไม่เกินร้อยละ 25 ของทุนจดทะเบียนรวม และแต่ละรายไม่สามารถถือหุ้นได้เกินร้อยละ 5 ยกเว้นจะขออนุญาตเป็นราย ๆ จาก ธปท.
ซึ่งในปัจจุบันส่วนใหญ่ ธพ.จะมีการขออนุญาตเพื่อให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 49 แทบทุกธนาคารอยู่แล้ว และ ธปท.ก็อนุญาต
(สยามรัฐ)
3. การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในเดือน พ.ย.49 เพิ่มขึ้น 1,000 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เผยแพร่ข้อมูลการขยายตัวของธุรกิจบัตรเครดิตในเดือน พ.ย.49 ว่า การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตขยายตัวจากเดือนก่อนไม่มากนัก เมื่อ
รวมบัตรเครดิตที่ออกโดยผู้ประกอบการทุกกลุ่ม พบว่ามีปริมาณการใช้จ่ายจำนวน 66,465 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1,000 ล้านบาท
หรือร้อยละ 1.53 แยกเป็นปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ออกโดย ธพ.ในประเทศ 36,689 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,128 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.17
ส่วนปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ออกโดยสาขา ธพ.ต่างประเทศมีจำนวน 8,179 ล้านบาท ลดลง 367 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.3 และปริมาณ
การใช้จ่ายผ่านบัตรที่ออกโดยผู้ประกอบการที่ไม่ใช่ ธพ. (นอนแบงก์) มีจำนวน 21,596 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 239 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.12 ทั้งนี้
การใช้จ่ายในประเทศผ่านบัตรเครดิตมีจำนวน 47,926 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 711 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.51 เท่านั้น ขณะที่การใช้จ่ายที่
ต่างประเทศผ่านบัตรเครดิตมีจำนวน 2,134 ล้านบาท ลดลง 350 ล้านบาท หรือร้อยละ 14 ส่วนการเบิกเงินสดล่วงหน้ามีจำนวน
16,403 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 639 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.05 ส่วนยอดสินเชื่อคงค้างบัตรเครดิตทั้งระบบมียอดคงค้าง 166,753 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 3,594 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.2 โดยในเดือน พ.ย.49 มีบัตรเครดิตที่ใช้อยู่ในระบบ 10,830,979 บัตร เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน
110,447 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.03 เท่านั้น (มติชน, เดลินิวส์, กรุงเทพธุรกิจ)
4. ธปท.เผยความคืบหน้าการดำเนินคดีกับอดีตผู้บริหาร ธ.มหานคร รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้า
การดำเนินคดีกับอดีตผู้บริหาร ธ.มหานคร กรณีทุจริตปล่อยสินเชื่อให้กับห้างหุ้นส่วนจำกัด แสงสงวนพาณิชย์ จำนวน 4,000 ล้านบาท ทั้งที่บริษัท
ดังกล่าวมีทุนจดทะเบียนเพียง 600,000 บาท ว่า ในวันที่ 11 ม.ค.50 อดีตผู้บริหารที่ร่วมกันทุจริตทั้ง 3 ราย ประกอบด้วย
นายมาโนช กาญจนฉายา นายอุทัย อัครพัฒนากุล และนางภคินี สุวรรณภักดี จะต้องเดินทางไปมอบตัวต่ออัยการพิเศษคดีเศรษฐกิจ 3 เพื่อส่งตัวฟ้อง
ไปศาล ซึ่งเกรงว่าหากทั้ง 3 คน ไม่มามอบตัว หรือขอเลื่อนการมอบตัวอีก อาจจะส่งผลให้ทรัพย์ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
(ปปง.) ได้อายัดจากอดีตผู้บริหารกลุ่มนี้จำนวน 495 ล้านบาท ต้องหลุดไป เพราะกำหนดการอายัดทรัพย์จะสิ้นสุดในวันที่ 19 ม.ค.นี้ (มติชน)
5. ธปท.แนะ ปตท.ในการกู้เงินจากต่างประเทศเพื่อนำมาลงทุนขยายกิจการ ผอ.ฝ่ายกำกับการแลกเปลี่ยนเงินและสินเชื่อ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีที่ บ.ปตท.หารือ ธปท.เรื่องการกู้เงินจากต่างประเทศเพื่อนำเข้ามาลงทุนขยายกิจการว่า จะ
เข้าข่ายการกันสำรองเงินทุนร้อยละ 30 หรือไม่ว่า ได้แจ้งกับ ปตท.ว่า เนื่องจากเกณฑ์กันสำรองเงินทุนเป็นเกณฑ์ที่ใช้ครอบคลุมกับทุกกรณี
รวมทั้งเงินกู้ กรณีนี้จึงเข้าข่ายต้องกันสำรองเงินทุนนำเข้าร้อยละ 30 ด้วย ทั้งนี้ ในส่วนวงเงินที่จะกู้เข้ามาลงทุนให้แยกระหว่างส่วนที่ต้องใช้ใน
การซื้อวัตถุดิบเครื่องจักร หรืออุปกรณ์การก่อสร้างจากต่างประเทศ ส่วนนี้ให้ถือเป็นเงินดอลลาร์ สรอ.ฝากไว้ในต่างประเทศ ไม่ต้องนำมาแลก
เป็นเงินบาท ส่วนนี้ทำให้ไม่ต้องเสียต้นทุนในการกันสำรองเงินทุนร้อยละ 30 แต่จะช่วยลดต้นทุน สำหรับเงินกู้อีกส่วนหนึ่งที่ ปต่ท.ต้องนำเข้ามา
ลงทุนในประเทศและต้องแลกเป็นเงินบาท ส่วนนี้ต้องกันสำรองร้อยละ 30 (ไทยรัฐ, สยามรัฐ, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้,
โพสต์ทูเดย์)
6. สศค.สรุปผลกระทบทางเศรษฐกิจจากเหตุการณ์วางระเบิดในกรุงเทพฯ ผอ.กลุ่มการวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาคและระหว่งประเทศ ได้ทำการสรุปบทวิเคราะห์เรื่อง
ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากเหตุการณ์วางระเบิดในกรุงเทพฯ เมื่อ 31 ธ.ค.เรียบร้อยแล้ว โดยพบว่า หากเหตุการณ์ดังกล่าวได้ข้อยุติภายใน
ไตรมาสที่ 1 ปี 50 ความเชื่อมั่นที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 50 ลดลงร้อยละ 0.2 ต่อปี แบ่งเป็นการกระทบต่อการ
บริโภคภาคเอกชนมูลค่า 11,400 ล้านบาท การลงทุนภาคเอกชนมูลค่า 6,200 ล้านบาท และรายได้จากการท่องเที่ยวของชาวต่างประเทศ
7,300 ล้านบาท แต่หากรัฐบาลสามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ล่าช้า โดยไปจบลงในไตรมาส 2 ปี 50 จะส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ปรับลดลงร้อยละ 0.4 กรทะบต่อการบริโภคภาคเอกชนมูลค่า 31,600 ล้านบาท การลงทุนภาคเอกชนมูลค่า 17,000 ล้านบาท และกระทบต่อ
รายได้การท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ 14,600 ล้านบาท ทั้งนี้ สำหรับแนวโน้มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 50 นั้น สศค.ยังคาดว่าจะ
ขยายตัวได้ที่ร้อยละ 4-5 (แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ในเดือน พ.ย. 49 สรอ. ขาดดุลการค้าน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 48 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 50
ก.พาณิชย์ สรอ. เปิดเผยว่า ในเดือน พ.ย. 49 สรอ. ขาดดุลการค้าน้อยที่สุดในรอบ 16 เดือนนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 48 เนื่องจากค่าเงิน
ดอลลาร์ สรอ. อ่อนตัวลง และเศรษฐกิจต่างประเทศขยายตัวอย่างแข็งแกร่งส่งผลให้การส่งออกของ สรอ. ขยายตัวทำสถิติสูงสุด และดีกว่าที่
คาดการณ์ไว้ ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่าเป็นสัญญานว่าการขาดดุลการค้าจำนวนมหาศาลของ สรอ. จะลดลงต่อเนื่องไปอีกในปี 50 หลังจากลดลง
ทำสถิติสูงสุดเมื่อปีที่แล้ว ทั้งนี้นักเศรษฐศาสตร์จาก Morgan Stanley ได้ปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ของ
สรอ. จากร้อยละ 2.5 เป็นร้อยละ 2.8 ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Bank of America กล่าวว่าเศรษฐกิจ สรอ. ในไตรมาสสุดท้ายปี 49 ขยายตัว
จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าร้อยละ 3.0 ขณะที่เงินดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นอย่างมากจากข่าวการขาดดุลการค้าที่ลดลงในไตรมาสสุดท้ายปีที่แล้ว
ทำให้นักลงทุนเชื่อว่า ธ.กลาง สรอ. อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงต้นปีนี้ ทั้งนี้ที่ผ่านมา สรอ. ขาดดุลการค้าอย่างต่อเนื่องเป็น
จำนวนมาก ส่งผลให้เงินดอลลาร์ สรอ. เมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ อ่อนค่าลง (รอยเตอร์)
2. อังกฤษขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นในเดือน พ.ย.49 รายงานจากลอนดอนเมื่อ 10 ม.ค.50
The Office for National Statistics เปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าของอังกฤษในเดือน พ.ย.49 เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน
7.193 พัน ล.ปอนด์ จาก 6.601 พัน ล.ปอนด์ในเดือนก่อนหน้า และสูงกว่าการคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะขาดดุลการค้าเป็น
จำนวน 6.48 พัน ล.ปอนด์ สาเหตุจากการนำเข้าสูงกว่าการส่งออก โดยการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 ขณะที่การส่งออกลดลงร้อยละ 0.5
เช่นเดียวกับการขาดดุลการค้ากับประเทศนอกกลุ่มสหภาพยุโรปซึ่งขาดดุลสูงสุดเป็นจำนวน 4.631 พัน ล.ปอนด์จาก 3.952 พัน ล.ปอนด์ใน
เดือนก่อนหน้า สูงกว่ามากจากการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะขาดดุลจำนวน 3.9 พัน ล.ปอนด์ ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์มีความเห็นว่า
การขาดดุลการค้าดังกล่าวอาจส่งผลให้การขยายตัวของจีดีพีในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 49 ต่ำกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายภายในประเทศ
ที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งอาจเป็นปัจจัยชดเชยได้ (รอยเตอร์)
3. จีนได้เปรียบดุลการค้าปี 49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 74 มูลค่า 177.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
เมื่อวันที่ 10 ม.ค.50 สำนักข่าวซินหัวของจีนเปิดเผยว่า ในปี 49 ที่ผ่านมาจีนได้เปรียบดุลการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 74 ด้วยมูลค่าสูงเป็น
ประวัติการณ์จำนวน 177.47 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยเป็นผลมาจากการส่งออกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.2 ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์
กล่าวว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มแรงกดดันทางการเมืองต่อจีนที่จะต้องปล่อยให้เงินหยวนเพิ่มค่าเร็วขึ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อ
ภาคการผลิตของจีน ทั้งนี้ จีนได้เปรียบดุลการค้าเดือน ธ.ค.49 จำนวน 21 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงเล็กน้อยจาก 22.9 พันล้านดอลลาร์
สรอ. ในเดือน พ.ย.49 และ 23.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือน ต.ค.49 ขณะที่ยอดการส่งออกทั้งปีมีมูลค่ารวม 969.08 พันล้านดอลลาร์
สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.2 ส่วนการนำเข้ามีมูลค่ารวม 791.61 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ซึ่งการส่งออกที่เพิ่มขึ้นของจีนเป็น
ผลมาจากการบริโภคของประเทศคู่ค้าหลักหลายประเทศทั่วโลกปรับตัวดีขึ้น ด้านนักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่ายอดการได้เปรียบดุลการค้าของจีนจะ
เพิ่มขึ้นถึงระดับ 250 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ต่อปีภายในกลางปีนี้ และหลังจากนั้นจะเริ่มปรับตัวลดลงเนื่องจากจีนจะเริ่มนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค
และเครื่องมือเครื่องจักรในการผลิตที่มีมูลค่าสูงเพิ่มขึ้น (รอยเตอร์)
4. ธ.กลางเกาหลีใต้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 4.5 รายงานจากโซลเมื่อ 11 ม.ค.50 ธ.กลางเกาหลีใต้
เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับร้อยละ 4.5 เช่นเดิม ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของ
นักเศรษฐศาสตร์ และเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมเป็นเวลา 5 เดือนติดต่อกันนับตั้งแต่การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ครั้งล่าสุดร้อยละ 0.25 เมื่อเดือน ส.ค.49 ทั้งนี้ การตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้ เนื่องจาก ธ.กลางเกรงว่า อัตราดอกเบี้ยที่
ปรับตัวสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อภาวะเศรษฐกิจที่กำลังประสบภาวะชะลอตัวอยู่ในขณะนี้ อนึ่ง
ธ.กลางเกาหลีใต้ได้คาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 50 ไว้ที่ร้อยละ 4.4 ลดลงจากประมาณการร้อยละ 5.0 ในปี 49 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 11 ม.ค. 50 10 ม.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 36.062 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 35.8394/36.1961 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.11688 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 622.27/16.66 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,400/10,500 10,400/10,500 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 49.54 51.34 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.99*/22.94** 25.99*/22.94** 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเมื่อ 9 ม.ค.50 ** ปรับเมื่อ 6 ม.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--