ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ผ่อนเกณฑ์การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติเพื่อแก้ไขปัญหาเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง นายสุชาติ สักการโกศล ผู้อำนวยการ
ฝ่ายกำกับการแลกเปลี่ยนเงินและสินเชื่อ ธปท. กล่าวถึงผลการประชุมร่วมกับธนาคารพาณิชย์ เพื่อแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทแข็งต่อเนื่องจาก
เม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่ไหลเข้ามาจากต่างประเทศว่า ธปท.ได้อนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติ (Non-resident) ที่มีธุรกรรมการซื้อขาย
เงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Swap) ที่พิสูจน์ได้ว่ามีธุรกรรมการลงทุนจริงในประเทศไทย (Underlying) รองรับ และทำสัญญาครั้งแรก
ก่อนวันที่ 19 ธ.ค.49 หรือก่อนการประกาศมาตรการกันสำรอง 30% สามารถเปลี่ยนมาทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศกับสถาบัน
การเงินไทยได้ โดยได้รับยกเว้นไม่ต้องกันสำรองเงินทุนระยะสั้นนำเข้า 30% และไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาท
โดยเปิดโอกาสให้ดำเนินการในช่วงวันที่ 16 ก.ค.-17 ส.ค.2550 เพียงช่วงเดียวเท่านั้น หากพ้นกำหนดแล้วจะไม่สามารถดำเนินการได้
โดยให้นักลงทุนต่างประเทศติดต่อกับธนาคารต่างประเทศที่ทำสัญญาซื้อขายไว้ในตลาดต่างประเทศ (Offshore) นำเอกสารการลงทุนจริง
ในประเทศมาขออนุญาตต่อ ธปท. ด้านนางพรรณี สถาวโรดม ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า สาเหตุที่เงินบาทปรับตัว
แข็งค่าขึ้นเนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่ง มีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ขณะที่เศรษฐกิจของ สรอ.ยังไม่ฟื้นตัว ประสบปัญหา
ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดและดุลการค้า ทำให้มีเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาในภูมิภาคเอเชียจำนวนมาก โดยล่าสุดเงินบาทต่อดอลลาร์
ในตลาด Onshore อยู่ที่ 33.89/92 และ Offshore อยู่ที่ 31.75/80 (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้, ข่าวสด)
2. ช่วงไตรมาสแรกปี 50 ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีสัดส่วนเอ็นพีแอลต่อสินเชื่อรวมสูงสุด สายนโยบายสถาบันการเงิน
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานตัวเลขยอดคงค้างหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) แยกรายภาคธุรกิจ ณ สิ้นไตรมาสแรก
ปี 50 พบว่า ภาคที่มีสัดส่วนหนี้เอ็นพีแอลต่อสินเชื่อรวมมากที่สุด คือ ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีเอ็นพีแอล 54,421 ล้านบาทหรือ 16.32%
ของสินเชื่อรวม อันดับ 2 คือ ภาคก่อสร้าง มีเอ็นพีแอล 16.28% มูลหนี้รวม 30,139 ล้านบาท ทั้งนี้ หากพิจารณาเฉพาะยอดเอ็นพีแอล
ที่เพิ่มขึ้น จะพบว่า เอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ ภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 22,003 ล้านบาท เป็นเอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นใหม่ 14,306 ล้านบาท
และเป็นหนี้ที่ปรับโครงสร้างหนี้แล้วกลับมาเป็นเอ็นพีแอลใหม่ 4,057 ล้านบาท อันดับ 2 เป็นภาคการธนาคารและธุรกิจการเงิน เพิ่มขึ้น
12,102 ล้านบาท ส่วนอันดับ 3 เป็นการเพิ่มขึ้นของเอ็นพีแอลภาคการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล เพิ่มขึ้น 11,678 ล้านบาท (ข่าวสด, ไทยรัฐ)
3. ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลเดือน มิ.ย.50 สูงกว่าประมาณการ 1.9% นายสมชัย สัจจพงษ์ โฆษก ก.คลัง เปิดเผย
ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลประจำเดือน มิ.ย.50 ว่า สูงกว่าประมาณการ 1,890 ล.บาท หรือ 1.9% โดยจัดเก็บได้สุทธิ 99,370 ล.บาท
ส่วนการจัดเก็บในช่วง 9 เดือนแรกของปี งปม.50 (ต.ค.49-มิ.ย.50) สูงกว่าประมาณการ 4,487 ล.บาท หรือ 0.4% หรือจัดเก็บได้
สุทธิ 1,043,744 ล.บาท โดยเป็นผลจากการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ การจัดเก็บภาษีของกรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรที่สูงกว่าที่
คาดไว้ นอกจากนี้ ยังได้รับรายได้จากส่วนเกินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลอีกจำนวน 10,600 ล.บาทด้วย (ข่าวสด, ไทยโพสต์, มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่า สรอ. จะขาดดุลการค้าในเดือน พ.ค.50 ประมาณ 60 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า
รายงานจากกรุงนิวยอร์ค ประเทศ สรอ. เมื่อวันที่ 9 ก.ค.50 สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า
การนำเข้าน้ำมันที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้นจะทำให้ สรอ. ขาดดุลการค้าในเดือน พ.ค.50 ประมาณ 60 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
จาก 58.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือน เม.ย.50 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเป็นค่าเฉลี่ยจากความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ 69 คน ระหว่าง
64.6 — 57.0 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ คาดว่าการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นจะสามารถชดเชยได้เพียงเล็กน้อยจากการส่งออกที่ได้รับผลดีจาก
การอ่อนตัวลงของค่าเงินดอลลาร์ สรอ. ที่ทำให้สินค้าของ สรอ. สามารถแข่งขันได้เพิ่มขึ้นในตลาดโลก รวมถึงตลาดต่างประเทศที่ขยายตัว
อย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์หลายคนยังคาดว่าภาคการส่งออกจะมีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ สรอ.
อย่างแท้จริงในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ (รอยเตอร์)
2. ธ.กลางจีนจะขยายตลาดกู้ยืมระหว่างธพ. พร้อมทั้งควบคุมดูแลอย่างเข้มงวด รายงานจากเชียงไฮ้ เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 50
ธ.กลางจีนเปิดเผยว่า จีนมีเป้าหมายจะขยายตลาดการกู้ยืมระหว่าง ธพ. โดยอนุญาตให้สถาบันประเภทอื่นๆเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดการกู้ยืม
ระหว่าง ธพ. มากขึ้นและจะมีการควบคุมดูแลอย่างเข้มงวด อาทิเช่นการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร โดยกิจการที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมกู้ยืม
ในตลาดนี้เพิ่มขึ้นคือ Insurers, Trust firms, financial asset and insurance asset managers, financial leasing
companies และ auto financing firms ทั้งนี้โดยจะเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดเป็นครั้งแรกเมื่อกฎดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในวันที่ 8 สิงหาคมนี้
หรืออาจกล่าวได้ว่า ธพ.ทั้งหมดของจีน และ non-financial ส่วนใหญ่จะสามารถเข้ามากู้ยืมเงินจากตลาดกู้ยืมระหว่างธพ. ได้ ซึ่งมี
อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าปกติเพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่อง ซึ่งกฎใหม่ดังกล่าวจะใช้แทนกฎหมายควบคุมการกู้ยืมของธพ. ที่ออกใช้เมื่อปี 33 และได้
ใช้มาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ที่จีนได้ก่อตั้งตลาดกู้ยืมระหว่างธพ. ขึ้นเมื่อปี 39 และได้พัฒนาอย่างรวดเร็วหลังจากที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
โดยอัตราดอกเบี้ยในตลาดกู้ยืมระหว่าง ธพ. ได้กลายมาเป็นหนึ่งในอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในระบบอัตราดอกเบี้ยของจีน โดยมีรายละเอียด
และข้อจำกัดการกู้ยืมที่แตกต่างกันระหว่างสมาชิก อาทิเช่น ระยะเวลาการกู้ยืมโดย ธพ. สามารถกู้ยืมเงินได้เป็นเวลา 1 ปี ขณะที่
securities brokerages และ trust companies กู้ได้ระยะสั้นเพียง 7 วัน ทั้งนี้เมื่อปลายปี 49 ตลาดกู้ยืมระหว่างธพ. มีสมาชิก
703 รายมีปริมาณเงินหมุนเวียน 2.15 ล้าน ล้าน หยวน (283 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ.) มากกว่า 10 เท่าของปริมาณเงินหมุนเวียน
เมื่อแรกก่อตั้ง (รอยเตอร์)
3. ผลผลิตอุตสาหกรรมของมาเลเซียในเดือน พ.ค.50 เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือนที่ร้อยละ 3.1 เทียบต่อปี รายงานจาก
กัวลาลัมเปอร์ เมื่อ 9 ก.ค.50 รัฐบาลมาเลเซีย เปิดเผยว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมของมาเลเซีย (ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดผลผลิตอุตสาหกรรม
การผลิต เหมืองแร่ และผลผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้า) ในเดือน พ.ค.50 เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดที่ร้อยละ 3.1 เทียบต่อปี และเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 4.3 เมื่อเทียบต่อเดือน (ตัวเลขก่อนปรับปัจจัยทางฤดูกาล) หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ในเดือน เม.ย.50 (ตัวเลขหลังการ
ทบทวนแล้ว) นับเป็นอัตราการขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 5 เดือน (ตั้งแต่เดือน ธ.ค.49ที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 6.4) ขณะที่ผลสำรวจ
นักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.2 เท่านั้น ทั้งนี้ สาเหตุที่สนับสนุนให้ผลผลิตอุตสาหกรรมของมาเลเซีย
เพิ่มขึ้นในเดือน พ.ค.เนื่องจากผลผลิตอุตสาหกรรมเหมืองแร่ และไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 13.9 และ 6.8 เทียบต่อปี
ตามลำดับ ขณะที่ผลผลิตอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งมีสัดส่วนถึง 2 ใน 3 ของดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1 เทียบต่อปี
(รอยเตอร์)
4. คาดว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์จะขยายตัวในไตรมาสที่ 2 ปี 50 ในอัตราร้อยละ 12.8 ต่อไตรมาสสูงสุดในรอบ 2 ปี รายงาน
จากสิงคโปร์ เมื่อ 10 ก.ค.50 ก.การค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ประมาณการจากตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของ
เดือน เม.ย.และ พ.ค.50 ที่ผ่านมาคาดว่าในไตรมาสที่ 2 ปี 50 เศรษฐกิจสิงคโปร์จะขยายตัวในอัตราร้อยละ 12.8 ต่อไตรมาส
สูงสุดในรอบ 2 ปีนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปี 48 ซึ่งเศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 14.5 ต่อไตรมาส หลังจากขยายตัวร้อยละ 8.5 ต่อไตรมาส
ในไตรมาสแรก และสูงกว่าที่ผลสำรวจโดยรอยเตอร์คาดไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 7.6 ต่อไตรมาส โดยหากเทียบต่อปี เศรษฐกิจขยายตัว
ในอัตราร้อยละ 8.2 สูงกว่าที่รอยเตอร์คาดไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 6.6 ต่อปี ทั้งนี้ เป็นผลจากการขยายตัวของภาคการผลิตและ
ภาคการก่อสร้าง นักเศรษฐศาสตร์จึงคาดว่ารัฐบาลสิงคโปร์อาจปรับเพิ่มประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสำหรับปี 50
เป็นร้อยละ 6 — 8 ต่อปีจากประมาณการครั้งล่าสุดที่ร้อยละ 5 — 7 ต่อปี (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 10 ก.ค. 50 9 ก.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 33.918 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 33.7466/34.0659 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.67188 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 844.19/40.03 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,450/10,550 10,500/10,600 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 69.60 70.88 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 30.39*/25.34** 30.39*/25.34** 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเลดเมื่อ 7 ก.ค. 50 , ** ปรับเพิ่มเมื่อ 26 เม.ย. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ผ่อนเกณฑ์การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติเพื่อแก้ไขปัญหาเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง นายสุชาติ สักการโกศล ผู้อำนวยการ
ฝ่ายกำกับการแลกเปลี่ยนเงินและสินเชื่อ ธปท. กล่าวถึงผลการประชุมร่วมกับธนาคารพาณิชย์ เพื่อแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทแข็งต่อเนื่องจาก
เม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่ไหลเข้ามาจากต่างประเทศว่า ธปท.ได้อนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติ (Non-resident) ที่มีธุรกรรมการซื้อขาย
เงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Swap) ที่พิสูจน์ได้ว่ามีธุรกรรมการลงทุนจริงในประเทศไทย (Underlying) รองรับ และทำสัญญาครั้งแรก
ก่อนวันที่ 19 ธ.ค.49 หรือก่อนการประกาศมาตรการกันสำรอง 30% สามารถเปลี่ยนมาทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศกับสถาบัน
การเงินไทยได้ โดยได้รับยกเว้นไม่ต้องกันสำรองเงินทุนระยะสั้นนำเข้า 30% และไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาท
โดยเปิดโอกาสให้ดำเนินการในช่วงวันที่ 16 ก.ค.-17 ส.ค.2550 เพียงช่วงเดียวเท่านั้น หากพ้นกำหนดแล้วจะไม่สามารถดำเนินการได้
โดยให้นักลงทุนต่างประเทศติดต่อกับธนาคารต่างประเทศที่ทำสัญญาซื้อขายไว้ในตลาดต่างประเทศ (Offshore) นำเอกสารการลงทุนจริง
ในประเทศมาขออนุญาตต่อ ธปท. ด้านนางพรรณี สถาวโรดม ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า สาเหตุที่เงินบาทปรับตัว
แข็งค่าขึ้นเนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่ง มีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ขณะที่เศรษฐกิจของ สรอ.ยังไม่ฟื้นตัว ประสบปัญหา
ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดและดุลการค้า ทำให้มีเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาในภูมิภาคเอเชียจำนวนมาก โดยล่าสุดเงินบาทต่อดอลลาร์
ในตลาด Onshore อยู่ที่ 33.89/92 และ Offshore อยู่ที่ 31.75/80 (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้, ข่าวสด)
2. ช่วงไตรมาสแรกปี 50 ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีสัดส่วนเอ็นพีแอลต่อสินเชื่อรวมสูงสุด สายนโยบายสถาบันการเงิน
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานตัวเลขยอดคงค้างหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) แยกรายภาคธุรกิจ ณ สิ้นไตรมาสแรก
ปี 50 พบว่า ภาคที่มีสัดส่วนหนี้เอ็นพีแอลต่อสินเชื่อรวมมากที่สุด คือ ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีเอ็นพีแอล 54,421 ล้านบาทหรือ 16.32%
ของสินเชื่อรวม อันดับ 2 คือ ภาคก่อสร้าง มีเอ็นพีแอล 16.28% มูลหนี้รวม 30,139 ล้านบาท ทั้งนี้ หากพิจารณาเฉพาะยอดเอ็นพีแอล
ที่เพิ่มขึ้น จะพบว่า เอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ ภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 22,003 ล้านบาท เป็นเอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นใหม่ 14,306 ล้านบาท
และเป็นหนี้ที่ปรับโครงสร้างหนี้แล้วกลับมาเป็นเอ็นพีแอลใหม่ 4,057 ล้านบาท อันดับ 2 เป็นภาคการธนาคารและธุรกิจการเงิน เพิ่มขึ้น
12,102 ล้านบาท ส่วนอันดับ 3 เป็นการเพิ่มขึ้นของเอ็นพีแอลภาคการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล เพิ่มขึ้น 11,678 ล้านบาท (ข่าวสด, ไทยรัฐ)
3. ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลเดือน มิ.ย.50 สูงกว่าประมาณการ 1.9% นายสมชัย สัจจพงษ์ โฆษก ก.คลัง เปิดเผย
ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลประจำเดือน มิ.ย.50 ว่า สูงกว่าประมาณการ 1,890 ล.บาท หรือ 1.9% โดยจัดเก็บได้สุทธิ 99,370 ล.บาท
ส่วนการจัดเก็บในช่วง 9 เดือนแรกของปี งปม.50 (ต.ค.49-มิ.ย.50) สูงกว่าประมาณการ 4,487 ล.บาท หรือ 0.4% หรือจัดเก็บได้
สุทธิ 1,043,744 ล.บาท โดยเป็นผลจากการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ การจัดเก็บภาษีของกรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรที่สูงกว่าที่
คาดไว้ นอกจากนี้ ยังได้รับรายได้จากส่วนเกินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลอีกจำนวน 10,600 ล.บาทด้วย (ข่าวสด, ไทยโพสต์, มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่า สรอ. จะขาดดุลการค้าในเดือน พ.ค.50 ประมาณ 60 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า
รายงานจากกรุงนิวยอร์ค ประเทศ สรอ. เมื่อวันที่ 9 ก.ค.50 สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า
การนำเข้าน้ำมันที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้นจะทำให้ สรอ. ขาดดุลการค้าในเดือน พ.ค.50 ประมาณ 60 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
จาก 58.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือน เม.ย.50 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเป็นค่าเฉลี่ยจากความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ 69 คน ระหว่าง
64.6 — 57.0 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ คาดว่าการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นจะสามารถชดเชยได้เพียงเล็กน้อยจากการส่งออกที่ได้รับผลดีจาก
การอ่อนตัวลงของค่าเงินดอลลาร์ สรอ. ที่ทำให้สินค้าของ สรอ. สามารถแข่งขันได้เพิ่มขึ้นในตลาดโลก รวมถึงตลาดต่างประเทศที่ขยายตัว
อย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์หลายคนยังคาดว่าภาคการส่งออกจะมีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ สรอ.
อย่างแท้จริงในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ (รอยเตอร์)
2. ธ.กลางจีนจะขยายตลาดกู้ยืมระหว่างธพ. พร้อมทั้งควบคุมดูแลอย่างเข้มงวด รายงานจากเชียงไฮ้ เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 50
ธ.กลางจีนเปิดเผยว่า จีนมีเป้าหมายจะขยายตลาดการกู้ยืมระหว่าง ธพ. โดยอนุญาตให้สถาบันประเภทอื่นๆเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดการกู้ยืม
ระหว่าง ธพ. มากขึ้นและจะมีการควบคุมดูแลอย่างเข้มงวด อาทิเช่นการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร โดยกิจการที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมกู้ยืม
ในตลาดนี้เพิ่มขึ้นคือ Insurers, Trust firms, financial asset and insurance asset managers, financial leasing
companies และ auto financing firms ทั้งนี้โดยจะเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดเป็นครั้งแรกเมื่อกฎดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในวันที่ 8 สิงหาคมนี้
หรืออาจกล่าวได้ว่า ธพ.ทั้งหมดของจีน และ non-financial ส่วนใหญ่จะสามารถเข้ามากู้ยืมเงินจากตลาดกู้ยืมระหว่างธพ. ได้ ซึ่งมี
อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าปกติเพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่อง ซึ่งกฎใหม่ดังกล่าวจะใช้แทนกฎหมายควบคุมการกู้ยืมของธพ. ที่ออกใช้เมื่อปี 33 และได้
ใช้มาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ที่จีนได้ก่อตั้งตลาดกู้ยืมระหว่างธพ. ขึ้นเมื่อปี 39 และได้พัฒนาอย่างรวดเร็วหลังจากที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
โดยอัตราดอกเบี้ยในตลาดกู้ยืมระหว่าง ธพ. ได้กลายมาเป็นหนึ่งในอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในระบบอัตราดอกเบี้ยของจีน โดยมีรายละเอียด
และข้อจำกัดการกู้ยืมที่แตกต่างกันระหว่างสมาชิก อาทิเช่น ระยะเวลาการกู้ยืมโดย ธพ. สามารถกู้ยืมเงินได้เป็นเวลา 1 ปี ขณะที่
securities brokerages และ trust companies กู้ได้ระยะสั้นเพียง 7 วัน ทั้งนี้เมื่อปลายปี 49 ตลาดกู้ยืมระหว่างธพ. มีสมาชิก
703 รายมีปริมาณเงินหมุนเวียน 2.15 ล้าน ล้าน หยวน (283 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ.) มากกว่า 10 เท่าของปริมาณเงินหมุนเวียน
เมื่อแรกก่อตั้ง (รอยเตอร์)
3. ผลผลิตอุตสาหกรรมของมาเลเซียในเดือน พ.ค.50 เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือนที่ร้อยละ 3.1 เทียบต่อปี รายงานจาก
กัวลาลัมเปอร์ เมื่อ 9 ก.ค.50 รัฐบาลมาเลเซีย เปิดเผยว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมของมาเลเซีย (ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดผลผลิตอุตสาหกรรม
การผลิต เหมืองแร่ และผลผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้า) ในเดือน พ.ค.50 เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดที่ร้อยละ 3.1 เทียบต่อปี และเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 4.3 เมื่อเทียบต่อเดือน (ตัวเลขก่อนปรับปัจจัยทางฤดูกาล) หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ในเดือน เม.ย.50 (ตัวเลขหลังการ
ทบทวนแล้ว) นับเป็นอัตราการขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 5 เดือน (ตั้งแต่เดือน ธ.ค.49ที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 6.4) ขณะที่ผลสำรวจ
นักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.2 เท่านั้น ทั้งนี้ สาเหตุที่สนับสนุนให้ผลผลิตอุตสาหกรรมของมาเลเซีย
เพิ่มขึ้นในเดือน พ.ค.เนื่องจากผลผลิตอุตสาหกรรมเหมืองแร่ และไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 13.9 และ 6.8 เทียบต่อปี
ตามลำดับ ขณะที่ผลผลิตอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งมีสัดส่วนถึง 2 ใน 3 ของดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1 เทียบต่อปี
(รอยเตอร์)
4. คาดว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์จะขยายตัวในไตรมาสที่ 2 ปี 50 ในอัตราร้อยละ 12.8 ต่อไตรมาสสูงสุดในรอบ 2 ปี รายงาน
จากสิงคโปร์ เมื่อ 10 ก.ค.50 ก.การค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ประมาณการจากตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของ
เดือน เม.ย.และ พ.ค.50 ที่ผ่านมาคาดว่าในไตรมาสที่ 2 ปี 50 เศรษฐกิจสิงคโปร์จะขยายตัวในอัตราร้อยละ 12.8 ต่อไตรมาส
สูงสุดในรอบ 2 ปีนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปี 48 ซึ่งเศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 14.5 ต่อไตรมาส หลังจากขยายตัวร้อยละ 8.5 ต่อไตรมาส
ในไตรมาสแรก และสูงกว่าที่ผลสำรวจโดยรอยเตอร์คาดไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 7.6 ต่อไตรมาส โดยหากเทียบต่อปี เศรษฐกิจขยายตัว
ในอัตราร้อยละ 8.2 สูงกว่าที่รอยเตอร์คาดไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 6.6 ต่อปี ทั้งนี้ เป็นผลจากการขยายตัวของภาคการผลิตและ
ภาคการก่อสร้าง นักเศรษฐศาสตร์จึงคาดว่ารัฐบาลสิงคโปร์อาจปรับเพิ่มประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสำหรับปี 50
เป็นร้อยละ 6 — 8 ต่อปีจากประมาณการครั้งล่าสุดที่ร้อยละ 5 — 7 ต่อปี (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 10 ก.ค. 50 9 ก.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 33.918 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 33.7466/34.0659 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.67188 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 844.19/40.03 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,450/10,550 10,500/10,600 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 69.60 70.88 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 30.39*/25.34** 30.39*/25.34** 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเลดเมื่อ 7 ก.ค. 50 , ** ปรับเพิ่มเมื่อ 26 เม.ย. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--