ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. สศช. ลดประมาณการจีดีพีปีนี้ลงเหลือร้อยละ 4.5 - 5.5 นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการ
คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงว่า สศช. ได้ปรับประมาณการจีดีพีปี 48 ลงเหลือ
ร้อยละ 4.5 — 5.5 จากเดิมที่ตั้งไว้ร้อยละ 5.5 — 6.5 ปรับอัตราเงินเฟ้อทั้งปีเหลือร้อยละ 3.6 และดุลบัญชี
เดินสะพัดเกินดุลมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ สรอ. คิดเป็นร้อยละ 0.1 ของจีดีพี ต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะเกินดุลร้อย
ละ 1.0 ของจีดีพี สาเหตุจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นโดยมีผลกระทบที่เห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 48 ที่จีดีพี
ขยายตัวร้อยละ 3.3 ต่ำกว่าที่ขยายตัวร้อยละ 6.1 ในไตรมาส 1 ปี 47 และร้อยละ 5.3 ในไตรมาส 4 ปี
47 และเป็นอัตราการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 3 ปี ทั้งนี้ ปัจจัยที่กระทบเศรษฐกิจช่วงไตรมาสแรกที่สำคัญมี 3
เรื่อง ได้แก่ 1) การปรับตัวของราคาน้ำมันในตลาดดูไบที่เฉลี่ย 40-50 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล 2) ปัญหา
ภัยแล้งเดือน ม.ค. — ก.พ. ทำให้ผลผลิตการเกษตรลดลงร้อยละ 8.2 และ 3) ภัยพิบัติสึนามิใน 6 จังหวัดภาค
ใต้ ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงร้อยละ 6.9 ในขณะที่ ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า การที่ สศช. ประเมินตัวเลข
ดีกว่าที่ ธปท. เคยคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 2.6 เนื่องจากต้นปี ธปท. ได้ประเมินผลกระทบจากคลื่นยักษ์สึนามิและ
การท่องเที่ยวที่เสียหายมาก แต่สถานการณ์คลี่คลายได้รวดเร็วทำให้ผลออกมาดีกว่าที่คาดไว้ ซึ่ง ธปท. จะทบทวน
ประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจใหม่อีกครั้ง เนื่องจากตัวเลขเดือน เม.ย. ออกมาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น (ไทยรัฐ,
กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, แนวหน้า)
2. ธ.พาณิชย์คาดว่า ธปท. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 นายจำลอง อติกุล กก.ผจก.
ใหญ่ ธป.กรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ในวันที่ 9 มิ.ย.นี้ คาดว่า
ธปท. จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์พี) ระยะ 14 วัน อีกร้อยละ 0.25 เพื่อลดความ
ห่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยของไทยและ สรอ. จากร้อยละ 0.75 เหลือร้อยละ 0.50 ซึ่งจะทำให้อัตราแลกเปลี่ยน
มีเสถียรภาพมากขึ้น และหาก ธปท. ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นจริงจะทำให้ ธ.พาณิชย์เริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นตามไป
ด้วย แต่จะไม่มากนัก โดยอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับขึ้นก่อนจะเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ตามด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
ส่วนจะขึ้นเท่าใดขึ้นอยู่กับสภาพตลาด ส่วนการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ สศช. ประกาศออกมานั้น ในส่วนของ
ธนาคารจะยังไม่ทบทวนหรือปรับตัวเลขจีดีพีและยังคงยืนยันตัวเลขไว้ที่ร้อยละ 5 เนื่องจากมองว่าการปรับตัวเลขดัง
กล่าวจะต้องดูจากปัจจัยหลายด้าน (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน)
3. ก.คลังยกร่างกฎหมายธุรกิจสถาบันการเงินฉบับใหม่ นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัด ก.คลัง เปิด
เผยว่า ได้มอบหมายให้ สนง.เศรษฐกิจการคลัง (สศค.) พิจารณาร่าง พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงินใหม่ หลังจากที่
กฎหมายดังกล่าวไม่ผ่านเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากสมาชิกวุฒิสภาไม่เห็นด้วยกับแนว
ทางการกำหนดส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก โดยให้ สศค. ไปหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น ธปท.
ธ.พาณิชย์ และภาคเอกชน เพื่อหาทิศทางในการปรับตัวบทกฎหมายของ พรบ.ดังกล่าวให้เหมาะสมเป็นที่ยอมรับร่วม
กัน สำหรับ พรบ.ดังกล่าวเป็นการรวมกฎหมายของสถาบันการเงิน อาทิ ธ.พาณิชย์ บง. บค. เป็นกฎหมายฉบับ
เดียว และมีการกำหนดส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากไว้ไม่เกินร้อยละ 5 (ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพ
ธุรกิจ, โพสต์ทูเดย์)
4. ก.คลังศึกษาวิธีการลดภาษีกรณีพิเศษให้ผู้มีอายุเกิน 65 ปี นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัด ก.คลัง
เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวว่ากำลังพิจารณาให้สิทธิผู้ที่มีอายุเกิน 65 ปี ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ว่า ก.คลังกำลังพิจารณา
ในรายละเอียดเบื้องต้นว่าจะช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 65 ปี ได้อย่างไรบ้าง โดยให้นำรายได้ส่วนหนึ่งไปหัก
เป็นค่าลดหย่อนได้เท่านั้น หรืออาจจะเพิ่มเพดานการเสียภาษีขึ้นมา แต่รัฐบาลไม่ได้สั่งให้ยกเว้นภาษีให้ทั้งหมด
เพราะผู้สูงอายุบางคนมีรายได้เป็นจำนวนมากเช่นกัน โดยแหล่งข่าวจากกรมสรรพากร เปิดเผยว่า จะมี 2 แนว
ทาง คือ ก.คลังออกประกาศเพื่อเพิ่มสัดส่วนที่จะต้องหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายในการหักภาษีจาก 3 หมื่นบาท อาจจะ
เป็น 5 — 6 หมื่นบาท หรือ เพิ่มเพดานรายได้ที่หักค่าลดหย่อนแล้วจะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่บุคคลทั่วไป
กำหนดไว้ว่า หากเกิน 1 แสนบาท ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี เป็น 1.3 — 1.5 แสนบาท จึงจะยื่นเสีย
ภาษี (โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. รัฐบาลสรอ.เห็นว่าไม่น่าจะเกิดสงครามทางการค้าสิ่งทอกับจีน รายงานจาก ฮ่องกง เมื่อวันที่
6 มิ.ย 48 เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสรอ.กล่าวว่าข้อโต้แย้งระหว่างสรอ.กับจีนในเรื่องการส่งออกสินค้าสิ่งทอของจีน
ไม่ควรที่จะเป็นสงครามทางการค้า ส่วนการทะลักเข้ามาของสินค้าสิ่งทอจากจีนเป็นจำนวนมากนั้นสรอ.จะมีการ
ทบทวนนโยบายการนำเข้าใหม่ในปลายปีนี้ ทั้งนี้สินค้าสิ่งทอนำเข้าจากจีนมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 6.0 ของการค้ากับ
จีน อย่างไรก็ตามเมื่อเร็วๆนี้สรอ. ได้เสนอมาตรการเร่งด่วนเพื่อควบคุมกลุ่มสินค้าสิ่งทอและเครื่องแต่งกายที่นำ
เข้าจากจีน 7 ประเภท อาทิ เครื่องนุ่งห่ม ชุดชั้นใน และเสื้อเชิ้ต เนื่องจากจีนส่งสินค้าดังกล่าวมายังสรอ.เป็น
จำนวนมาก จากการยกเลิกโควต้านำเข้าสิ่งทอทั่วโลกเมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา จนส่งผลกระทบต่อตลาดสิ่งทอ
สรอ. โดยเมื่อปีที่แล้วจีนส่งออกสิ่งทอมาสรอ.คิดเป็นมูลค่าถึง 10 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. (รอยเตอร์)
2. ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงของ สรอ.เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 8 สัปดาห์ รายงานจาก
วอชิงตันเมื่อ 6 มิ.ย.48 The U.S. Energy Information Administration เปิดเผยผลการสำรวจราคา
ขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงของสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง พบว่า ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงไร้สารตะกั่ว ณ
สัปดาห์ล่าสุดเพิ่มขึ้น 1.9 เซนต์จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ระดับ 2.12 ดอลลาร์ สรอ.ต่อแกลลอน เป็นการเพิ่มขึ้น
ครั้งแรกในรอบ 8 สัปดาห์นับตั้งแต่สัปดาห์ที่ 11 เม.ย.48 ซึ่งอยู่ที่ระดับสูงสุด 2.28 ดอลลาร์ สรอ.ต่อแกลลอน
และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ราคาขายปลีกเพิ่มขึ้น 8 เซนต์ ทั้งนี้ การที่ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง
ปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบซึ่งมีสัดส่วนเป็นครึ่งหนึ่งของต้นทุนในการผลิตน้ำมันเชื้อ
เพลิง โดยราคาน้ำมันดิบที่ซื้อขายในตลาดนิวยอร์กเมื่อวันจันทร์ที่ 6 มิ.ย.48 อยู่ที่ระดับ 55.40 ดอลลาร์ สรอ.ต่อ
บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ อนึ่ง ราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ในระดับสูง แม้ว่าปริมาณน้ำมันสำรอง
ของ สรอ. จะมีมากเพียงพอก็ตาม (รอยเตอร์)
3. ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของญี่ปุ่นในเดือน พ.ค.48 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน
รายงานจากโตเกียวเมื่อ 7 มิ.ย.48 ก.คลัง เปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของญี่ปุ่น ณ สิ้นเดือน พ.
ค.48 มีจำนวน 842.468 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน หลังจากที่เพิ่มขึ้นในเดือน
ก่อนหน้า ทั้งนี้ การลดลงของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมีสาเหตุหลักจากการอ่อนค่าของเงินยูโร ซึ่งในเดือน
พ.ค.48 เงินยูโรอ่อนค่าลงประมาณร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ. สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน นอก
จากนี้ การที่ทางการญี่ปุ่นไม่เข้าแทรกแซงตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศตั้งแต่เดือน มี.ค.47 เป็นอีกสาเหตุ
ที่ทำให้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของญี่ปุ่นลดลง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทุนสำรองเงินตราต่างประเทศในเดือน
พ.ค. จะลดลง แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับสูงสุดเป็นอันดับ 3 รองจากเดือน ธ.ค.47 และเดือน เม.ย.48 ที่มีจำนวน
844.543 และ 843.601 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ตามลำดับ (รอยเตอร์)
4. ผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่าผลผลิตอุตสาหกรรมของมาเลเซียในเดือน เม.ย.48 จะขยายตัวร้อย
ละ 4.5 เมื่อเทียบกับปีก่อน รายงานจากกัวลาลัมเปอร์ เมื่อ 6 มิ.ย.48 ผลสำรวจโดยรอยเตอร์คาดว่าผลผลิต
อุตสาหกรรมของมาเลเซียในเดือน เม.ย.48 จะชะลอตัวลงจากเดือนก่อนโดยขยายตัวร้อยละ 4.5 เมื่อเทียบกับ
ปีก่อน หลังจากขยายตัวร้อยละ 5.0 ต่อปีในเดือน มี.ค.48 อันเป็นผลจากความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น
อุปกรณ์เซมิคอนดัคเตอร์ เครื่องรับวิทยุและโทรทัศน์ เป็นต้น ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของมาเลเซียในตลาดโลก
ชะลอตัวลง โดยการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 ในเดือน เม.ย.48 เมื่อเทียบกับปีก่อน ต่ำสุดในรอบ 18 เดือน
ทั้งนี้ผลผลิตโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 2 ใน 3 ของผลผลิตอุตสาหกรรมทั้งหมดของมาเลเซียซึ่ง
ประกอบด้วยผลผลิตโรงงานอุตสาหกรรม เหมืองแร่และการผลิตกระแสไฟฟ้าก็เป็นการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เป็น
ส่วนใหญ่ มีการนำเข้าลดลงซึ่งเป็นเครื่องชี้ว่าผลผลิตโรงงานจะชะลอตัวลงด้วยเช่นกัน รัฐบาลมีกำหนดจะรายงาน
ตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมเบื้องต้นในวันที่ 7 มิ.ย.48 เวลา 12.01 น. ตามเวลาท้องถิ่น (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 7 มิ.ย. 48 6 มิ.ย.48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.685 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.5056/40.7824 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2. 3750 — 2.4000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 682.30/13.53 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,100/8,200 8,100/8,200 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 48.18 49.52 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.54*/18.19** 22.14/18.19** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 7มี.ค. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 3 บาท เมื่อ 23 มี.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. สศช. ลดประมาณการจีดีพีปีนี้ลงเหลือร้อยละ 4.5 - 5.5 นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการ
คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงว่า สศช. ได้ปรับประมาณการจีดีพีปี 48 ลงเหลือ
ร้อยละ 4.5 — 5.5 จากเดิมที่ตั้งไว้ร้อยละ 5.5 — 6.5 ปรับอัตราเงินเฟ้อทั้งปีเหลือร้อยละ 3.6 และดุลบัญชี
เดินสะพัดเกินดุลมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ สรอ. คิดเป็นร้อยละ 0.1 ของจีดีพี ต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะเกินดุลร้อย
ละ 1.0 ของจีดีพี สาเหตุจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นโดยมีผลกระทบที่เห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 48 ที่จีดีพี
ขยายตัวร้อยละ 3.3 ต่ำกว่าที่ขยายตัวร้อยละ 6.1 ในไตรมาส 1 ปี 47 และร้อยละ 5.3 ในไตรมาส 4 ปี
47 และเป็นอัตราการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 3 ปี ทั้งนี้ ปัจจัยที่กระทบเศรษฐกิจช่วงไตรมาสแรกที่สำคัญมี 3
เรื่อง ได้แก่ 1) การปรับตัวของราคาน้ำมันในตลาดดูไบที่เฉลี่ย 40-50 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล 2) ปัญหา
ภัยแล้งเดือน ม.ค. — ก.พ. ทำให้ผลผลิตการเกษตรลดลงร้อยละ 8.2 และ 3) ภัยพิบัติสึนามิใน 6 จังหวัดภาค
ใต้ ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงร้อยละ 6.9 ในขณะที่ ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า การที่ สศช. ประเมินตัวเลข
ดีกว่าที่ ธปท. เคยคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 2.6 เนื่องจากต้นปี ธปท. ได้ประเมินผลกระทบจากคลื่นยักษ์สึนามิและ
การท่องเที่ยวที่เสียหายมาก แต่สถานการณ์คลี่คลายได้รวดเร็วทำให้ผลออกมาดีกว่าที่คาดไว้ ซึ่ง ธปท. จะทบทวน
ประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจใหม่อีกครั้ง เนื่องจากตัวเลขเดือน เม.ย. ออกมาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น (ไทยรัฐ,
กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, แนวหน้า)
2. ธ.พาณิชย์คาดว่า ธปท. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 นายจำลอง อติกุล กก.ผจก.
ใหญ่ ธป.กรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ในวันที่ 9 มิ.ย.นี้ คาดว่า
ธปท. จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์พี) ระยะ 14 วัน อีกร้อยละ 0.25 เพื่อลดความ
ห่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยของไทยและ สรอ. จากร้อยละ 0.75 เหลือร้อยละ 0.50 ซึ่งจะทำให้อัตราแลกเปลี่ยน
มีเสถียรภาพมากขึ้น และหาก ธปท. ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นจริงจะทำให้ ธ.พาณิชย์เริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นตามไป
ด้วย แต่จะไม่มากนัก โดยอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับขึ้นก่อนจะเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ตามด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
ส่วนจะขึ้นเท่าใดขึ้นอยู่กับสภาพตลาด ส่วนการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ สศช. ประกาศออกมานั้น ในส่วนของ
ธนาคารจะยังไม่ทบทวนหรือปรับตัวเลขจีดีพีและยังคงยืนยันตัวเลขไว้ที่ร้อยละ 5 เนื่องจากมองว่าการปรับตัวเลขดัง
กล่าวจะต้องดูจากปัจจัยหลายด้าน (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน)
3. ก.คลังยกร่างกฎหมายธุรกิจสถาบันการเงินฉบับใหม่ นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัด ก.คลัง เปิด
เผยว่า ได้มอบหมายให้ สนง.เศรษฐกิจการคลัง (สศค.) พิจารณาร่าง พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงินใหม่ หลังจากที่
กฎหมายดังกล่าวไม่ผ่านเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากสมาชิกวุฒิสภาไม่เห็นด้วยกับแนว
ทางการกำหนดส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก โดยให้ สศค. ไปหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น ธปท.
ธ.พาณิชย์ และภาคเอกชน เพื่อหาทิศทางในการปรับตัวบทกฎหมายของ พรบ.ดังกล่าวให้เหมาะสมเป็นที่ยอมรับร่วม
กัน สำหรับ พรบ.ดังกล่าวเป็นการรวมกฎหมายของสถาบันการเงิน อาทิ ธ.พาณิชย์ บง. บค. เป็นกฎหมายฉบับ
เดียว และมีการกำหนดส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากไว้ไม่เกินร้อยละ 5 (ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพ
ธุรกิจ, โพสต์ทูเดย์)
4. ก.คลังศึกษาวิธีการลดภาษีกรณีพิเศษให้ผู้มีอายุเกิน 65 ปี นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัด ก.คลัง
เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวว่ากำลังพิจารณาให้สิทธิผู้ที่มีอายุเกิน 65 ปี ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ว่า ก.คลังกำลังพิจารณา
ในรายละเอียดเบื้องต้นว่าจะช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 65 ปี ได้อย่างไรบ้าง โดยให้นำรายได้ส่วนหนึ่งไปหัก
เป็นค่าลดหย่อนได้เท่านั้น หรืออาจจะเพิ่มเพดานการเสียภาษีขึ้นมา แต่รัฐบาลไม่ได้สั่งให้ยกเว้นภาษีให้ทั้งหมด
เพราะผู้สูงอายุบางคนมีรายได้เป็นจำนวนมากเช่นกัน โดยแหล่งข่าวจากกรมสรรพากร เปิดเผยว่า จะมี 2 แนว
ทาง คือ ก.คลังออกประกาศเพื่อเพิ่มสัดส่วนที่จะต้องหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายในการหักภาษีจาก 3 หมื่นบาท อาจจะ
เป็น 5 — 6 หมื่นบาท หรือ เพิ่มเพดานรายได้ที่หักค่าลดหย่อนแล้วจะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่บุคคลทั่วไป
กำหนดไว้ว่า หากเกิน 1 แสนบาท ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี เป็น 1.3 — 1.5 แสนบาท จึงจะยื่นเสีย
ภาษี (โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. รัฐบาลสรอ.เห็นว่าไม่น่าจะเกิดสงครามทางการค้าสิ่งทอกับจีน รายงานจาก ฮ่องกง เมื่อวันที่
6 มิ.ย 48 เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสรอ.กล่าวว่าข้อโต้แย้งระหว่างสรอ.กับจีนในเรื่องการส่งออกสินค้าสิ่งทอของจีน
ไม่ควรที่จะเป็นสงครามทางการค้า ส่วนการทะลักเข้ามาของสินค้าสิ่งทอจากจีนเป็นจำนวนมากนั้นสรอ.จะมีการ
ทบทวนนโยบายการนำเข้าใหม่ในปลายปีนี้ ทั้งนี้สินค้าสิ่งทอนำเข้าจากจีนมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 6.0 ของการค้ากับ
จีน อย่างไรก็ตามเมื่อเร็วๆนี้สรอ. ได้เสนอมาตรการเร่งด่วนเพื่อควบคุมกลุ่มสินค้าสิ่งทอและเครื่องแต่งกายที่นำ
เข้าจากจีน 7 ประเภท อาทิ เครื่องนุ่งห่ม ชุดชั้นใน และเสื้อเชิ้ต เนื่องจากจีนส่งสินค้าดังกล่าวมายังสรอ.เป็น
จำนวนมาก จากการยกเลิกโควต้านำเข้าสิ่งทอทั่วโลกเมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา จนส่งผลกระทบต่อตลาดสิ่งทอ
สรอ. โดยเมื่อปีที่แล้วจีนส่งออกสิ่งทอมาสรอ.คิดเป็นมูลค่าถึง 10 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. (รอยเตอร์)
2. ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงของ สรอ.เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 8 สัปดาห์ รายงานจาก
วอชิงตันเมื่อ 6 มิ.ย.48 The U.S. Energy Information Administration เปิดเผยผลการสำรวจราคา
ขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงของสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง พบว่า ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงไร้สารตะกั่ว ณ
สัปดาห์ล่าสุดเพิ่มขึ้น 1.9 เซนต์จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ระดับ 2.12 ดอลลาร์ สรอ.ต่อแกลลอน เป็นการเพิ่มขึ้น
ครั้งแรกในรอบ 8 สัปดาห์นับตั้งแต่สัปดาห์ที่ 11 เม.ย.48 ซึ่งอยู่ที่ระดับสูงสุด 2.28 ดอลลาร์ สรอ.ต่อแกลลอน
และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ราคาขายปลีกเพิ่มขึ้น 8 เซนต์ ทั้งนี้ การที่ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง
ปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบซึ่งมีสัดส่วนเป็นครึ่งหนึ่งของต้นทุนในการผลิตน้ำมันเชื้อ
เพลิง โดยราคาน้ำมันดิบที่ซื้อขายในตลาดนิวยอร์กเมื่อวันจันทร์ที่ 6 มิ.ย.48 อยู่ที่ระดับ 55.40 ดอลลาร์ สรอ.ต่อ
บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ อนึ่ง ราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ในระดับสูง แม้ว่าปริมาณน้ำมันสำรอง
ของ สรอ. จะมีมากเพียงพอก็ตาม (รอยเตอร์)
3. ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของญี่ปุ่นในเดือน พ.ค.48 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน
รายงานจากโตเกียวเมื่อ 7 มิ.ย.48 ก.คลัง เปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของญี่ปุ่น ณ สิ้นเดือน พ.
ค.48 มีจำนวน 842.468 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน หลังจากที่เพิ่มขึ้นในเดือน
ก่อนหน้า ทั้งนี้ การลดลงของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมีสาเหตุหลักจากการอ่อนค่าของเงินยูโร ซึ่งในเดือน
พ.ค.48 เงินยูโรอ่อนค่าลงประมาณร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ. สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน นอก
จากนี้ การที่ทางการญี่ปุ่นไม่เข้าแทรกแซงตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศตั้งแต่เดือน มี.ค.47 เป็นอีกสาเหตุ
ที่ทำให้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของญี่ปุ่นลดลง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทุนสำรองเงินตราต่างประเทศในเดือน
พ.ค. จะลดลง แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับสูงสุดเป็นอันดับ 3 รองจากเดือน ธ.ค.47 และเดือน เม.ย.48 ที่มีจำนวน
844.543 และ 843.601 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ตามลำดับ (รอยเตอร์)
4. ผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่าผลผลิตอุตสาหกรรมของมาเลเซียในเดือน เม.ย.48 จะขยายตัวร้อย
ละ 4.5 เมื่อเทียบกับปีก่อน รายงานจากกัวลาลัมเปอร์ เมื่อ 6 มิ.ย.48 ผลสำรวจโดยรอยเตอร์คาดว่าผลผลิต
อุตสาหกรรมของมาเลเซียในเดือน เม.ย.48 จะชะลอตัวลงจากเดือนก่อนโดยขยายตัวร้อยละ 4.5 เมื่อเทียบกับ
ปีก่อน หลังจากขยายตัวร้อยละ 5.0 ต่อปีในเดือน มี.ค.48 อันเป็นผลจากความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น
อุปกรณ์เซมิคอนดัคเตอร์ เครื่องรับวิทยุและโทรทัศน์ เป็นต้น ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของมาเลเซียในตลาดโลก
ชะลอตัวลง โดยการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 ในเดือน เม.ย.48 เมื่อเทียบกับปีก่อน ต่ำสุดในรอบ 18 เดือน
ทั้งนี้ผลผลิตโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 2 ใน 3 ของผลผลิตอุตสาหกรรมทั้งหมดของมาเลเซียซึ่ง
ประกอบด้วยผลผลิตโรงงานอุตสาหกรรม เหมืองแร่และการผลิตกระแสไฟฟ้าก็เป็นการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เป็น
ส่วนใหญ่ มีการนำเข้าลดลงซึ่งเป็นเครื่องชี้ว่าผลผลิตโรงงานจะชะลอตัวลงด้วยเช่นกัน รัฐบาลมีกำหนดจะรายงาน
ตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมเบื้องต้นในวันที่ 7 มิ.ย.48 เวลา 12.01 น. ตามเวลาท้องถิ่น (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 7 มิ.ย. 48 6 มิ.ย.48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.685 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.5056/40.7824 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2. 3750 — 2.4000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 682.30/13.53 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,100/8,200 8,100/8,200 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 48.18 49.52 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.54*/18.19** 22.14/18.19** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 7มี.ค. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 3 บาท เมื่อ 23 มี.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--