นายสมชัย สัจจพงษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยฐานะการคลังเบื้องต้นตามระบบ สศค. (ระบบ Government Finance Statistics: GFS) ในช่วง 4 เดือนแรก (ตุลาคม 2549 — มกราคม 2550) ของปีงบประมาณ 2550 สรุปได้ว่า ดุลการคลังรัฐบาลตามระบบ สศค. เกินดุลทั้งหมด 70,764 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วขาดดุล 51,628 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าในระยะเวลา 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 นโยบายการคลังยังมีบทบาทในการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่เต็มที่ ทั้งนี้ เนื่องจากพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 เริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี สศค. มีความมั่นใจว่าในระยะเวลา 8 เดือนที่เหลือหลังจากพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 มีผลบังคับใช้ นโยบายการคลังจะมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาลในการดำเนินนโยบายแบบขาดดุลจำนวน 146,200 ล้านบาท โดยรายละเอียดของฐานะการคลังตามระบบ สศค. มีดังนี้
1. รายได้รัฐบาล ในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ รัฐบาลมีรายได้ทั้งสิ้น 409,673ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 4.9 ของ GDP) เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 11.0โดยรายได้ภาษีที่จัดเก็บได้เพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีสุรา เบียร์ ยาสูบ และน้ำมัน นอกจากนั้น การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วก็เพิ่มขึ้นมากเช่นเดียวกัน
2. รายจ่ายรัฐบาล ในช่วง 4 เดือนแรกมีเม็ดเงินที่รัฐบาลอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจทั้งสิ้น 390,132 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 4.7 ของ GDP) ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 18.8 ซึ่งเป็นผลจากการที่พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 เริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคม 2550 ทำให้ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณต้องใช้รายจ่ายประจำปีงบประมาณที่แล้วไปพลางก่อน ซึ่งจะใช้ได้เฉพาะงบรายจ่ายประจำและงบที่ผูกพันมาแล้วเท่านั้น
3. ผลจากการที่รายได้ยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่องในขณะที่รายจ่ายหดตัวลง ส่งผลให้ ดุลเงินงบประมาณในช่วง 4 เดือนแรกเกินดุล 19,541 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.2 ของ GDP) ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วขาดดุล 111,276 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.4 ของ GDP)
4. รายจ่ายจากเงินกู้ต่างประเทศประกอบด้วยรายจ่ายเงินกู้จาก Project Loans และ Structural Adjustment Loans (SAL) มีการเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศทั้งสิ้น 792 ล้านบาท ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วมีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 2,260 ล้านบาท ซึ่งเบิกจ่ายลดลง 1,468 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 64.9
5. ดุลบัญชีนอกงบประมาณ (ประกอบด้วยกองทุนนอกงบประมาณและเงินฝากนอกงบประมาณ) ในช่วง 4 เดือนแรกเกินดุล 52,015 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.6 ของ GDP) ลดลงจากปีที่แล้วที่เกินดุล 61,908 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.8 ของ GDP) การเกินดุลของกองทุนนอกงบประมาณลดลงจากปีที่แล้ว เนื่องจากรายได้ของกองทุนขยายตัวตามปกติ ในขณะที่รายจ่ายดำเนินงานของกองทุนสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยกองทุนที่มีรายจ่ายเพิ่มมากขึ้น ได้แก่ กองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและกองทุนประกันสังคม
6. การเกินดุลเงินงบประมาณและดุลบัญชีนอกงบประมาณ เมื่อหักรายจ่ายเงินกู้ต่างประเทศอีกจำนวน 792 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลการคลังรัฐบาลเกินดุลทั้งสิ้น 70,764 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.8 ของ GDP) ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วขาดดุล 51,628 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.7 ของ GDP)
7. ดุลการคลังที่ไม่รวมดอกเบี้ยรับ — จ่าย (Primary Balance) ในระยะ 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 เกินดุลทั้งสิ้น 88,406 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.1 ของ GDP)ในขณะเดียวกันปีที่แล้วขาดดุล 30,811 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.4 ของ GDP)
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 15/2550 28 กุมภาพันธ์ 50--
1. รายได้รัฐบาล ในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ รัฐบาลมีรายได้ทั้งสิ้น 409,673ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 4.9 ของ GDP) เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 11.0โดยรายได้ภาษีที่จัดเก็บได้เพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีสุรา เบียร์ ยาสูบ และน้ำมัน นอกจากนั้น การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วก็เพิ่มขึ้นมากเช่นเดียวกัน
2. รายจ่ายรัฐบาล ในช่วง 4 เดือนแรกมีเม็ดเงินที่รัฐบาลอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจทั้งสิ้น 390,132 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 4.7 ของ GDP) ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 18.8 ซึ่งเป็นผลจากการที่พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 เริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคม 2550 ทำให้ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณต้องใช้รายจ่ายประจำปีงบประมาณที่แล้วไปพลางก่อน ซึ่งจะใช้ได้เฉพาะงบรายจ่ายประจำและงบที่ผูกพันมาแล้วเท่านั้น
3. ผลจากการที่รายได้ยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่องในขณะที่รายจ่ายหดตัวลง ส่งผลให้ ดุลเงินงบประมาณในช่วง 4 เดือนแรกเกินดุล 19,541 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.2 ของ GDP) ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วขาดดุล 111,276 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.4 ของ GDP)
4. รายจ่ายจากเงินกู้ต่างประเทศประกอบด้วยรายจ่ายเงินกู้จาก Project Loans และ Structural Adjustment Loans (SAL) มีการเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศทั้งสิ้น 792 ล้านบาท ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วมีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 2,260 ล้านบาท ซึ่งเบิกจ่ายลดลง 1,468 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 64.9
5. ดุลบัญชีนอกงบประมาณ (ประกอบด้วยกองทุนนอกงบประมาณและเงินฝากนอกงบประมาณ) ในช่วง 4 เดือนแรกเกินดุล 52,015 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.6 ของ GDP) ลดลงจากปีที่แล้วที่เกินดุล 61,908 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.8 ของ GDP) การเกินดุลของกองทุนนอกงบประมาณลดลงจากปีที่แล้ว เนื่องจากรายได้ของกองทุนขยายตัวตามปกติ ในขณะที่รายจ่ายดำเนินงานของกองทุนสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยกองทุนที่มีรายจ่ายเพิ่มมากขึ้น ได้แก่ กองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและกองทุนประกันสังคม
6. การเกินดุลเงินงบประมาณและดุลบัญชีนอกงบประมาณ เมื่อหักรายจ่ายเงินกู้ต่างประเทศอีกจำนวน 792 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลการคลังรัฐบาลเกินดุลทั้งสิ้น 70,764 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.8 ของ GDP) ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วขาดดุล 51,628 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.7 ของ GDP)
7. ดุลการคลังที่ไม่รวมดอกเบี้ยรับ — จ่าย (Primary Balance) ในระยะ 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 เกินดุลทั้งสิ้น 88,406 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.1 ของ GDP)ในขณะเดียวกันปีที่แล้วขาดดุล 30,811 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.4 ของ GDP)
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 15/2550 28 กุมภาพันธ์ 50--