นางสาวพจนีย์ ธนวรานิช อธิบดีกรมการประกันภัย เปิดเผยว่า จากข้อมูลล่าสุดจนถึง วันที่ 24 พฤษภาคม 2548 มีผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตและสูญหาย ได้ทำประกันชีวิตไว้จำนวน 676 ราย จำนวนเงินเอาประกันภัย 330.98 ล้านบาท โดยแยกเป็นผู้เอาประกันภัยที่เสียชีวิตจำนวน 489 ราย จำนวนเงินเอาประกันภัย 229.16 ล้านบาท ผู้เอาประกันภัยที่สูญหายจำนวน 187 ราย จำนวนเงินเอาประกันภัย 101.82 ล้านบาท
จากจำนวนผู้เอาประกันภัยที่เสียชีวิตดังกล่าว แยกเป็นผู้เอาประกันภัยที่ทำประกันภัยราย บุคคลและรายกลุ่มจำนวน 454 ราย จำนวนเงินเอาประกันภัย 225.14 ล้านบาท จำนวนผู้เอาประกันภัยที่ทำประกันภัยเอื้ออาทรจำนวน 11 ราย จำนวนเงินเอาประกันภัย 3.3 ล้านบาท ผู้เอาประกันภัยที่ทำประกันภัยเอื้ออาทรนักเรียนจำนวน 24 ราย จำนวนเงินเอาประกันภัย 0.72 ล้านบาท ในจำนวนนี้บริษัทประกันชีวิตได้มีการจ่ายเงินผลประโยชน์ให้กับผู้รับประโยชน์หรือทายาทแล้วจำนวน 457 ราย เป็นจำนวนเงิน 212.37 ล้านบาท
จำนวนผู้เอาประกันภัยที่เป็นผู้สูญหายดังกล่าว บริษัทประกันชีวิตได้มีการจ่ายเงิน ผลประโยชน์แล้วจำนวน 134 ราย เป็นจำนวนเงิน 61.86 ล้านบาท
อธิบดีกรมการประกันภัย ยังเปิดเผยด้วยว่า กรมการประกันภัยได้ประสานงานกับบริษัทประกันชีวิตให้มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนด้วยความรวดเร็วและเป็นธรรม โดยที่ทุกบริษัทได้ดำเนินการชดใช้เงินตามกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ผู้รับประโยชน์และทายาททุกราย ไม่มีการปฏิเสธการชดใช้เงินแม้แต่รายเดียว สำหรับสาเหตุที่บริษัทประกันภัยยังมิได้ดำเนินการจ่ายเงินให้แก่ผู้รับประโยชน์และทายาท เนื่องจาก
1. ผู้เอาประกันภัยและผู้รับประโยชน์เสียชีวิตพร้อมกัน ยังไม่มีทายาทผู้เสียชีวิตมายื่นขอรับเงินตามกรมธรรม์ประกันภัย
2. ผู้รับประโยชน์บางรายเป็นผู้เยาว์ ต้องใช้ระยะเวลาในการร้องขอต่อศาลในการตั้งผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์
3. กรณีร้องขอต่อศาลแต่งตั้งผู้จัดการมรดก ซึ่งต้องรอระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด
อนึ่ง บริษัทประกันชีวิตบางรายแจ้งว่า หากสามารถติดต่อทายาทได้ บริษัทจะขอให้ทายาททำหนังสือรับรองขอรับเงินผลประโยชน์ ซึ่งไม่ต้องร้องขอต่อศาลแต่งตั้งผู้จัดการมรดก อันเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับทายาทได้ในระดับหนึ่ง
4. บริษัทได้รับรายงานการเสียชีวิตจากเหตุการณ์ธรณีพิบัติเพิ่มเติมเข้ามาใหม่ ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลผู้สูญหายที่ได้พบศพแล้ว
5. ผู้รับประโยชน์บางรายเป็นธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นการประกันภัยคุ้มครองบัตรเครดิต และบริษัทประกันชีวิตได้แจ้งให้ผู้รับประโยชน์ทราบแล้ว แต่ผู้รับประโยชน์ยังมิได้ดำเนินการใด ๆ
6. บริษัทประกันชีวิตได้ตรวจสอบพบว่า ชื่อ-นามสกุล ซ้ำกัน แต่หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนไม่ตรงกัน จึงไม่ใช่ลูกค้าของบริษัท
ดังนั้น จึงขอให้ทายาทตามกฎหมายของผู้ที่ประสบภัยจากเหตุธรณีพิบัติ ดำเนินการแก้ไขปัญหาขัดข้องในเรื่องดังกล่าวโดยเร็ว และหากมีข้อสงสัยประการใดโปรดติดต่อกรมการประกันภัย โทร. 0-2547-4581-7 ได้ในวันและเวลาราชการ
ที่มา: http://www.doi.go.th