ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ยืนยันไม่มีการยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีที่ ธปท.จะมีการ
ผ่อนคลายมาตรการกันสำรอง 30% ให้กับเงินที่นำเข้ามาลงทุนในตลาด พธบ.และกองทุนรวมว่า ธปท.ยังยืนอยู่ในจุดยืนเดิมคือ ไม่ได้ยกเลิก
มาตรการกันสำรอง 30% แต่เป็นเพียงการผ่อนคลายให้นักลงทุนมีทางเลือกมากขึ้น โดยเป้าหมายคือการดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวน ส่วนการที่
ค่าเงินบาทในตลาดต่างประเทศ (ออฟชอว์) และตลาดในประเทศ (ออนชอว์) มีส่วนต่างเพิ่มมากขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น เป็นไปตามอุปสงค์
และอุปทานที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วง เพราะอาจจะมีสัญญาซื้อขายเงินบาทครบกำหนดส่งมอบ (มติชน, โลกวันนี้)
2. คาดว่าเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือในปี 50 จะขยายตัวได้ 4-4.5% ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือในปี 2550 ว่า จะสามารถขยายตัวได้ประมาณ 4-4.5% โดย
มีปัจจัยสนับสนุนคือ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่มีความชัดเจนมากขึ้น เช่น การจัดทำ งปม.ขาดดุล และการลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งน่าจะ
ส่งผลให้การลงทุนภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้น โดยจะมีผลเป็นรูปธรรมตั้งแต่ไตรมาส 2 นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากการขยายตัวของการค้าการลงทุน
ในจังหวัดแถบชายแดน โดยเฉพาะจังหวัดมุกดาหาร เพราะมีการเปิดสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 2 รวมถึงการขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจกับ
ประเทศเพื่อนบ้านภายใต้โครงการยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACEMCS) ซึ่งจะช่วยให้ภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือมีแนวโน้มขยายการค้าการลงทุนและท่องเที่ยวกับประเทศลาวมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบ
ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคดังกล่าวคือ การเพาะปลูกในฤดูการผลิตปี 2550/2551 ซึ่งอาจจะประสบปัญหาภัยแล้งจากภาวะเอลนิญโญ
ที่มีสัญญาณว่าอาจเกิดขึ้นในปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการระบาดของโรคไข้หวัดนกระลอกใหม่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตปศุสัตว์ (มติชน)
3. ก.ล.ต.ชี้หลายปัจจัยส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์
และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมามีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น โดยเฉพาะมาตรการกันเงินสำรอง
30% ของ ธปท. รวมถึงการที่ ครม.อนุมัติร่างแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับธุรกิจของคนต่างด้าว ทำให้จำนวนบริษัทที่ยื่นขอกระจายหุ้นน้อยลง โดยมีบริษัท
ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาเพียง 13 บริษัท เทียบกับ 30 บริษัทในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ขณะที่บริษัทที่ออกหุ้นกู้ระยะยาวมีแนวโน้มลดลงในช่วง 2 ปี
ที่ผ่านมา โดยปี 2548 มีเม็ดเงิน 210,000 ล.บาท และปี 2549 ลดเหลือ 160,000 ล.บาท (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ)
4. ต.ล.ท.เตรียมเปิดบริการชำระราคาหลักทรัพย์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
(ต.ล.ท.) เปิดเผยว่า ต.ล.ท.จะเปิดบริการชำระราคาหลักทรัพย์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Automated Transfer System - ATS) แก่
ผู้ลงทุนบุคคลทุกรายที่ซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านบัญชีเงินสดตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้ โดยนักลงทุนสามารถชำระค่าซื้อและรับเงินค่าขายหลักทรัพย์โดยผ่าน
ระบบหักบัญชีเงินฝากธนาคารอัตโนมัติ ช่วยให้ผู้ลงทุนได้รับความสะดวกในการซื้อขายหลักทรัพย์มากขึ้น ทั้งการประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่ต้องใช้เช็ค
ในการชำระค่าซื้อหลักทรัพย์ ทั้งนี้ ผู้ลงทุนที่ซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยบัญชีเงินสดสามารถสมัครใช้บริการ ATS ได้ด้วยการแจ้งบริษัทหลักทรัพย์ที่เปิด
บัญชีซื้อขายโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ (โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. เงินลงทุนไหลออกสุทธิของสรอ. ในเดือน ธ.ค. มีจำนวน 11 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อวันที่
15 ก.พ. 50 ก.คลังสรอ. เปิดเผยว่า ในเดือน ธ.ค. เงินลงทุนไหลออกสุทธิของ สรอ. มีจำนวน 11 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. เป็นครั้งแรก
ในรอบเกือบ 2 ปี นับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 48 จากที่มีเงินลงทุนไหลเข้า 70.5 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ในเดือน พ.ย. ทั้งนี้เงินลงทุนไหลออกไม่
นับรวมการขาดดุลการค้าในเดือน ธ.ค. ซึ่งขาดดุลเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 61.18 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ซึ่งขาดดุลถึงร้อยละ 90 ของการขาดดุลบัญชี
เดินสะพัด ทั้งนี้นาย Ashraf Laidi ซึ่งเป็น chief currency strategist ของ CMC กล่าวว่าผลกระทบจากค่าเงินดอลลาร์สรอ.อาจเป็น
เพียงชั่วคราว โดยเมื่อวันพฤหัสบดี ค่าเงินดอลลาร์ สรอ. เมื่อเทียบกับเงินสกุลสำคัญในตะกร้าเงินลดลงอย่างผิดคาด อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ
6 สัปดาห์ สำหรับเงินลงทุนไหลเข้าสุทธิที่มาลงทุนในหลักทรัพย์ระยะยาวระหว่าง 12 เดือนหรือมากกว่า ในเดือนธ.ค. ลดลงอยู่ที่
15.6 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. จาก 84.9 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ.(ตัวเลขที่ปรับแล้วจาก 68.4 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) ในเดือน พ.ย.
โดยภาคเอกชนซื้อสุทธิ 39 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ในเดือน ธ.ค. ลดลงจาก 115.7 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ.ในเดือน พ.ย. ขณะที่ทางการ
ยังคงซื้อเพิ่มขึ้นอย่างมากอยู่ที่ 24 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจาก 6.5 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. (รอยเตอร์)
2. ความเชื่อมั่นของผู้รับเหมาก่อสร้างใน สรอ.ในเดือน ก.พ.50 ดีขึ้นอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.49 รายงานจาก
นิวยอร์ค เมื่อ 15 ก.พ.50 ดัชนีชี้วัดตลาดบ้านจากผลสำรวจโดยสมาคมผู้รับเหมาก่อสร้างแห่งชาติหรือ NAHB และ Wells Fargo เพิ่มขึ้นมา
อยู่ที่ระดับ 40 ในเดือน ก.พ.50 จากระดับ 35 ในเดือน ม.ค.50 ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่อยู่ที่ระดับ 42 ในเดือน มิ.ย.49 หลังจากเคย
ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 30 ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 15 ปีเมื่อเดือน ก.ย.49 ที่ผ่านมา โดยเป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อซื้อบ้านที่อยู่ใน
ระดับต่ำและการให้สิ่งจูงใจในการซื้อช่วยให้ความต้องการซื้อบ้านเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ดีตัวเลขดัชนีที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 ชี้ให้เห็นว่าจำนวน
ผู้รับเหมาที่มองสภาวะธุรกิจในปัจจุบันของตนว่าไม่ดีมีมากกว่าผู้ที่รายงานว่าดี ผลสำรวจดังกล่าวข้างต้นสอดคล้องกับความเห็นของประธาน ธ.กลาง
สรอ.ที่แถลงต่อสภาคองเกรสของ สรอ.ว่ามีสัญญาณว่าความต้องการในตลาดบ้านเริ่มมีเสถียรภาพแล้ว โดยราคาพลังงานที่ลดลง อัตราดอกเบี้ย
เงินกู้เพื่อซื้อบ้านที่ต่ำและการจ้างงานและรายได้ของครัวเรือนที่ดีขึ้นมีส่วนช่วยให้ความต้องการซื้อบ้านเพิ่มสูงขึ้น (รอยเตอร์)
3. คาดว่าอัตราการว่างงานของเยอรมนีในปีนี้จะลดลงต่ำกว่าระดับ 4 ล้านคน รายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
เมื่อวันที่ 15 ก.พ.50 Ludwig Georg Bruan ประธานหอการค้าอุตสาหกรรมและพาณิชย์ของเยอรมนี คาดการณ์ว่า อัตราการว่างงานของ
เยอรมนีในปีนี้จะลดลงต่ำกว่า 4 ล้านคน และอาจจะลดลงเหลือ 3.5 ล้านคน ในปี 51 โดยมีปัจจัยสำคัญจากการกำหนดอัตราค่าจ้างรอบใหม่ที่
กำลังจะมาถึง ทั้งนี้ ในเดือน ม.ค.50 จำนวนอัตราการว่างงานที่ปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ข้อมูลที่ยังไม่
ปรับตัวเลขตามฤดูกาลเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 4.247 ล้านคน จาก 4.008 ล้านคน ในเดือน ธ.ค.49 ด้านหัวหน้าสำนักงานแรงงานของรัฐกล่าวว่า
อัตราคนว่างงานจะลดลงต่ำกว่าระดับ 4 ล้านคน ในเดือน เม.ย. หรือ พ.ค.50 (รอยเตอร์)
4. ปริมาณเงิน M2 ของจีนในเดือน ม.ค.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.9 รายงานจากปักกิ่ง เมื่อ 15 ก.พ.50 ธ.กลางจีน เปิดเผยว่า
ปริมาณเงิน M2 ของจีนในเดือน ม.ค.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.9 ชะลอลงจากร้อยละ 16.9 ในเดือน ธ.ค.49 ขณะที่ผลสำรวจโดยรอยเตอร์
คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.9 ทั้งนี้ ธ.กลางจีนมีความกังวลว่าสภาพคล่องส่วนเกินจะกระตุ้นให้การลงทุนขยายตัวเพิ่มขึ้นจนเหนือการควบคุม อนึ่ง
ตัวเลขเงินกู้ยืมของจีน ณ สิ้นเดือน ม.ค.50 เพิ่มขึ้นอยู่ที่จำนวน 23.1 ล้านล้านหยวน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.0 จากปีก่อน นอกจากนี้
ธ.กลางจีนยังมียอดกู้ยืมใหม่อีกจำนวน 567.6 พัน ล.หยวนในเดือน ม.ค.50 เทียบกับที่กู้ยืม 565.8 พัน ล.หยวนในช่วงเดียวกันของปีก่อน
นับเป็นการกู้ยืมมากเกือบเป็น 2 เท่าของเดือน ม.ค.48 ทั้ง ๆ ที่ ธ.กลางจีนพยายามหลีกเลี่ยงภาวะการกู้ยืมอย่างมากเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา
แล้วก็ตาม นอกจากนี้ จีนได้กู้ยืมเงินสกุลในประเทศใหม่ทั้งปี 49 จำนวน 3.18 ล้านล้านหยวน เกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้เบื้องต้นว่าจะกู้ยืม
เพียง 2.5 ล้านล้านหยวน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 16 ก.พ. 50 15 ก.พ. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 35.762 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 35.5664/35.8891 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.86688 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 693.86/14.97 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 11,150/11,250 11,150/11,250 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 54.17 54.29 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.59*/23.34** 25.59*/23.34** 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 3 ก.พ. 50
** ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 8 ก.พ. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ยืนยันไม่มีการยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีที่ ธปท.จะมีการ
ผ่อนคลายมาตรการกันสำรอง 30% ให้กับเงินที่นำเข้ามาลงทุนในตลาด พธบ.และกองทุนรวมว่า ธปท.ยังยืนอยู่ในจุดยืนเดิมคือ ไม่ได้ยกเลิก
มาตรการกันสำรอง 30% แต่เป็นเพียงการผ่อนคลายให้นักลงทุนมีทางเลือกมากขึ้น โดยเป้าหมายคือการดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวน ส่วนการที่
ค่าเงินบาทในตลาดต่างประเทศ (ออฟชอว์) และตลาดในประเทศ (ออนชอว์) มีส่วนต่างเพิ่มมากขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น เป็นไปตามอุปสงค์
และอุปทานที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วง เพราะอาจจะมีสัญญาซื้อขายเงินบาทครบกำหนดส่งมอบ (มติชน, โลกวันนี้)
2. คาดว่าเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือในปี 50 จะขยายตัวได้ 4-4.5% ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือในปี 2550 ว่า จะสามารถขยายตัวได้ประมาณ 4-4.5% โดย
มีปัจจัยสนับสนุนคือ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่มีความชัดเจนมากขึ้น เช่น การจัดทำ งปม.ขาดดุล และการลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งน่าจะ
ส่งผลให้การลงทุนภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้น โดยจะมีผลเป็นรูปธรรมตั้งแต่ไตรมาส 2 นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากการขยายตัวของการค้าการลงทุน
ในจังหวัดแถบชายแดน โดยเฉพาะจังหวัดมุกดาหาร เพราะมีการเปิดสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 2 รวมถึงการขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจกับ
ประเทศเพื่อนบ้านภายใต้โครงการยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACEMCS) ซึ่งจะช่วยให้ภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือมีแนวโน้มขยายการค้าการลงทุนและท่องเที่ยวกับประเทศลาวมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบ
ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคดังกล่าวคือ การเพาะปลูกในฤดูการผลิตปี 2550/2551 ซึ่งอาจจะประสบปัญหาภัยแล้งจากภาวะเอลนิญโญ
ที่มีสัญญาณว่าอาจเกิดขึ้นในปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการระบาดของโรคไข้หวัดนกระลอกใหม่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตปศุสัตว์ (มติชน)
3. ก.ล.ต.ชี้หลายปัจจัยส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์
และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมามีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น โดยเฉพาะมาตรการกันเงินสำรอง
30% ของ ธปท. รวมถึงการที่ ครม.อนุมัติร่างแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับธุรกิจของคนต่างด้าว ทำให้จำนวนบริษัทที่ยื่นขอกระจายหุ้นน้อยลง โดยมีบริษัท
ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาเพียง 13 บริษัท เทียบกับ 30 บริษัทในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ขณะที่บริษัทที่ออกหุ้นกู้ระยะยาวมีแนวโน้มลดลงในช่วง 2 ปี
ที่ผ่านมา โดยปี 2548 มีเม็ดเงิน 210,000 ล.บาท และปี 2549 ลดเหลือ 160,000 ล.บาท (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ)
4. ต.ล.ท.เตรียมเปิดบริการชำระราคาหลักทรัพย์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
(ต.ล.ท.) เปิดเผยว่า ต.ล.ท.จะเปิดบริการชำระราคาหลักทรัพย์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Automated Transfer System - ATS) แก่
ผู้ลงทุนบุคคลทุกรายที่ซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านบัญชีเงินสดตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้ โดยนักลงทุนสามารถชำระค่าซื้อและรับเงินค่าขายหลักทรัพย์โดยผ่าน
ระบบหักบัญชีเงินฝากธนาคารอัตโนมัติ ช่วยให้ผู้ลงทุนได้รับความสะดวกในการซื้อขายหลักทรัพย์มากขึ้น ทั้งการประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่ต้องใช้เช็ค
ในการชำระค่าซื้อหลักทรัพย์ ทั้งนี้ ผู้ลงทุนที่ซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยบัญชีเงินสดสามารถสมัครใช้บริการ ATS ได้ด้วยการแจ้งบริษัทหลักทรัพย์ที่เปิด
บัญชีซื้อขายโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ (โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. เงินลงทุนไหลออกสุทธิของสรอ. ในเดือน ธ.ค. มีจำนวน 11 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อวันที่
15 ก.พ. 50 ก.คลังสรอ. เปิดเผยว่า ในเดือน ธ.ค. เงินลงทุนไหลออกสุทธิของ สรอ. มีจำนวน 11 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. เป็นครั้งแรก
ในรอบเกือบ 2 ปี นับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 48 จากที่มีเงินลงทุนไหลเข้า 70.5 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ในเดือน พ.ย. ทั้งนี้เงินลงทุนไหลออกไม่
นับรวมการขาดดุลการค้าในเดือน ธ.ค. ซึ่งขาดดุลเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 61.18 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ซึ่งขาดดุลถึงร้อยละ 90 ของการขาดดุลบัญชี
เดินสะพัด ทั้งนี้นาย Ashraf Laidi ซึ่งเป็น chief currency strategist ของ CMC กล่าวว่าผลกระทบจากค่าเงินดอลลาร์สรอ.อาจเป็น
เพียงชั่วคราว โดยเมื่อวันพฤหัสบดี ค่าเงินดอลลาร์ สรอ. เมื่อเทียบกับเงินสกุลสำคัญในตะกร้าเงินลดลงอย่างผิดคาด อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ
6 สัปดาห์ สำหรับเงินลงทุนไหลเข้าสุทธิที่มาลงทุนในหลักทรัพย์ระยะยาวระหว่าง 12 เดือนหรือมากกว่า ในเดือนธ.ค. ลดลงอยู่ที่
15.6 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. จาก 84.9 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ.(ตัวเลขที่ปรับแล้วจาก 68.4 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) ในเดือน พ.ย.
โดยภาคเอกชนซื้อสุทธิ 39 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ในเดือน ธ.ค. ลดลงจาก 115.7 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ.ในเดือน พ.ย. ขณะที่ทางการ
ยังคงซื้อเพิ่มขึ้นอย่างมากอยู่ที่ 24 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจาก 6.5 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. (รอยเตอร์)
2. ความเชื่อมั่นของผู้รับเหมาก่อสร้างใน สรอ.ในเดือน ก.พ.50 ดีขึ้นอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.49 รายงานจาก
นิวยอร์ค เมื่อ 15 ก.พ.50 ดัชนีชี้วัดตลาดบ้านจากผลสำรวจโดยสมาคมผู้รับเหมาก่อสร้างแห่งชาติหรือ NAHB และ Wells Fargo เพิ่มขึ้นมา
อยู่ที่ระดับ 40 ในเดือน ก.พ.50 จากระดับ 35 ในเดือน ม.ค.50 ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่อยู่ที่ระดับ 42 ในเดือน มิ.ย.49 หลังจากเคย
ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 30 ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 15 ปีเมื่อเดือน ก.ย.49 ที่ผ่านมา โดยเป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อซื้อบ้านที่อยู่ใน
ระดับต่ำและการให้สิ่งจูงใจในการซื้อช่วยให้ความต้องการซื้อบ้านเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ดีตัวเลขดัชนีที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 ชี้ให้เห็นว่าจำนวน
ผู้รับเหมาที่มองสภาวะธุรกิจในปัจจุบันของตนว่าไม่ดีมีมากกว่าผู้ที่รายงานว่าดี ผลสำรวจดังกล่าวข้างต้นสอดคล้องกับความเห็นของประธาน ธ.กลาง
สรอ.ที่แถลงต่อสภาคองเกรสของ สรอ.ว่ามีสัญญาณว่าความต้องการในตลาดบ้านเริ่มมีเสถียรภาพแล้ว โดยราคาพลังงานที่ลดลง อัตราดอกเบี้ย
เงินกู้เพื่อซื้อบ้านที่ต่ำและการจ้างงานและรายได้ของครัวเรือนที่ดีขึ้นมีส่วนช่วยให้ความต้องการซื้อบ้านเพิ่มสูงขึ้น (รอยเตอร์)
3. คาดว่าอัตราการว่างงานของเยอรมนีในปีนี้จะลดลงต่ำกว่าระดับ 4 ล้านคน รายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
เมื่อวันที่ 15 ก.พ.50 Ludwig Georg Bruan ประธานหอการค้าอุตสาหกรรมและพาณิชย์ของเยอรมนี คาดการณ์ว่า อัตราการว่างงานของ
เยอรมนีในปีนี้จะลดลงต่ำกว่า 4 ล้านคน และอาจจะลดลงเหลือ 3.5 ล้านคน ในปี 51 โดยมีปัจจัยสำคัญจากการกำหนดอัตราค่าจ้างรอบใหม่ที่
กำลังจะมาถึง ทั้งนี้ ในเดือน ม.ค.50 จำนวนอัตราการว่างงานที่ปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ข้อมูลที่ยังไม่
ปรับตัวเลขตามฤดูกาลเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 4.247 ล้านคน จาก 4.008 ล้านคน ในเดือน ธ.ค.49 ด้านหัวหน้าสำนักงานแรงงานของรัฐกล่าวว่า
อัตราคนว่างงานจะลดลงต่ำกว่าระดับ 4 ล้านคน ในเดือน เม.ย. หรือ พ.ค.50 (รอยเตอร์)
4. ปริมาณเงิน M2 ของจีนในเดือน ม.ค.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.9 รายงานจากปักกิ่ง เมื่อ 15 ก.พ.50 ธ.กลางจีน เปิดเผยว่า
ปริมาณเงิน M2 ของจีนในเดือน ม.ค.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.9 ชะลอลงจากร้อยละ 16.9 ในเดือน ธ.ค.49 ขณะที่ผลสำรวจโดยรอยเตอร์
คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.9 ทั้งนี้ ธ.กลางจีนมีความกังวลว่าสภาพคล่องส่วนเกินจะกระตุ้นให้การลงทุนขยายตัวเพิ่มขึ้นจนเหนือการควบคุม อนึ่ง
ตัวเลขเงินกู้ยืมของจีน ณ สิ้นเดือน ม.ค.50 เพิ่มขึ้นอยู่ที่จำนวน 23.1 ล้านล้านหยวน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.0 จากปีก่อน นอกจากนี้
ธ.กลางจีนยังมียอดกู้ยืมใหม่อีกจำนวน 567.6 พัน ล.หยวนในเดือน ม.ค.50 เทียบกับที่กู้ยืม 565.8 พัน ล.หยวนในช่วงเดียวกันของปีก่อน
นับเป็นการกู้ยืมมากเกือบเป็น 2 เท่าของเดือน ม.ค.48 ทั้ง ๆ ที่ ธ.กลางจีนพยายามหลีกเลี่ยงภาวะการกู้ยืมอย่างมากเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา
แล้วก็ตาม นอกจากนี้ จีนได้กู้ยืมเงินสกุลในประเทศใหม่ทั้งปี 49 จำนวน 3.18 ล้านล้านหยวน เกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้เบื้องต้นว่าจะกู้ยืม
เพียง 2.5 ล้านล้านหยวน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 16 ก.พ. 50 15 ก.พ. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 35.762 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 35.5664/35.8891 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.86688 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 693.86/14.97 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 11,150/11,250 11,150/11,250 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 54.17 54.29 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.59*/23.34** 25.59*/23.34** 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 3 ก.พ. 50
** ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 8 ก.พ. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--