โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกโรงยืนยัน กรณีการเปิดแอลซีรถดับเพลิงฯ ผู้ว่าฯอภิรักษ์ ยึดมั่นผลประโยชน์ส่วนรวม ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง ระบุได้หารือกับพรรคอย่างต่อเนื่อง ชี้ทุกหน่วยงานเห็นตรงกันว่ายังยกเลิกสัญญาไม่ได้
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2550ว่า เรื่องของปัญหารถดับเพลิง กทม. เป็นเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้ความสนใจมาแต่ต้น ก่อนที่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะเข้ารับตำแหน่ง และนายอภิรักษ์ ก็ได้มาปรึกษาหารือกับพรรคหลายครั้ง ประเด็นปัญหาที่มีการถกเถียงกันในขณะนี้คือปัญหาการเปิดแอลซี ซึ่งประเด็นนี้ทั้งหมดเป็นเรื่องข้อกฎหมาย ความเห็นทางกฎหมายในพรรค หรือนอกพรรคมีหลากหลายมาก ทั้งฝ่ายที่เห็นว่ามีความจำเป็นต้องเปิดเนื่องจากมีข้อผูกพันจากสัญญาระหว่างประเทศ ไปจนถึงคนที่มีความเชื่อว่าไม่มีความจำเป็นต้องเปิด ซึ่งทางพรรคได้ติดตามให้คำแนะนำนายอภิรักษ์มาโดยตลอด แต่ข้อกฎหมายจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่สิ่งที่พรรคเห็นชัดเจนคือนายอภิรักษ์ผู้ว่าฯ ได้พยายามรักษาผลประโยชน์ส่วนรวม เพราะเห็นตรงกับพรรคว่าโครงการมีปัญหา และพยายามที่จะทักท้วงไปยังกระทรวงมหาดไทยหลายครั้ง โดยได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบหาทางที่จะให้ประเทศไทยได้ผลประโยชน์ เพิ่มเติมขึ้น ทั้งการตั้ง นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ นายบุญเสริม วีสกุล อดีตอธิการบดีสถาบันพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) ซึ่งแสดงให้เห็นว่านายอภิรักษ์ ผู้ว่าฯ มีเจตนาที่จะแก้ไขปัญหา และพรรคไม่เชื่อว่านายอภิรักษ์ ผู้ว่าฯ มีเจตนาอื่นแอบแฝงเลย
นายองอาจกล่าวว่า ในช่วงหลังจากที่มีการเปิดแอลซีแล้วการปรึกษาระหว่างพรรคกับนายอภิรักษ์ ผู้ว่าฯ ก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดของความเป็นไปได้ที่จะยกเลิกสัญญาโดยเฉพาะจากที่ คตส.ชี้มูล พรรคได้ปรึกษากับ นายอภิรักษ์ ผู้ว่าฯและได้แนะนำ นายอภิรักษ์ ผู้ว่าฯ ให้ไปขอความเห็นจากอัยการ และ คตส. ว่ามีช่องทางที่จะเลิกสัญญาได้ไหม ซึ่งนายอภิรักษ์ ผู้ว่าฯ ก็ได้ดำเนินการ แต่สมาชิกพรรคอาจจะไม่ทราบกันทั่วถึงว่านายอภิรักษ์ ผู้ว่าฯ ได้ทำไปแล้ว และหน่วยงานเหล่านั้นก็ตอบมาว่าปัญหาขณะนี้ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้สัญญาเป็นโฆษะ ต้องบริหารสัญญาต่อไป
“เพราะฉะนั้นทั้งหมดนี้ผมคิดว่าผู้ว่ากทม.ไม่เคยนิ่งนอนใจ พรรคไม่เคยนิ่งนอนใจ ปรึกษาหารือกันเพื่อรักาผลประโยชน์ของประเทศ พรรคไม่เชื่อว่ามีปัญหาในเรื่องของเจตนาแอบแฝงอะไรในการทำงานของผู้ว่าฯ ส่วนปัญหาการเปิดแอลซี และปัญหาว่ามีความผิดอะไรหรือไม่เรื่องนี้ก็อยู่ในการพิจารณาของ คตส.อยู่แล้ว พรรคและผู้ว่ากทม.พร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่าง และต้องการให้คตส.ทำงานอย่างเป็นอิสระว่าไปตามข้อเท็จจริง” นายองอาจกล่าวและว่า กับสถานการณ์นี้พรรคไม่ได้เพิกเฉยและผู้ว่าฯอภิรักษ์ก็ไม่ได้เพิกเฉยต่อความเห็นของพรรค
ทางด้านนายชนินทร์ รุ่งแสง โฆษก กทม. กล่าวถึงกรณีที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค คณะทำงานด้านกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่านายอภิรักษ์ ไม่เชื่อฟังคำทัดทานของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และผู้ใหญ่ในพรรคที่ไม่ให้เปิดแอล/ซีแต่กลับไปปรึกษาสำนักงานทนายความอื่นแทน ว่าไม่เป็นความจริง ที่ผ่านมานายอภิรักษ์ ได้หารือเรื่องการทำงานกับนายอภิสิทธิ์ หรือผู้ใหญ่ในพรรคมาตลอด และ ประเพณีของพรรคเมื่อมีการปรึกษาหารือในเรื่องใดก็จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านนั้น ๆ เป็นที่ปรึกษา ซึ่งกรณีการจัดซื้อรถดับเพลิง ก็มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค เป็นผู้ให้คำแนะนำ
"ในขณะนั้นคุณมารุต บุนนาค หัวหน้า ทีมกฎหมายของพรรคได้แนะนำกับคุณสุเทพ ให้ปรึกษากับสำนักทนายความคนึง แอนด์ พาร์ท เนอร์ เพราะมีความเชี่ยวชาญเรื่องนี้ คุณอภิรักษ์ จึงได้ให้เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายมาโดยตลอด ซึ่งก็ได้ทำงานควบคู่กับสำนักงานกฎหมายและคดี กทม. มาตลอด ซึ่งเรื่องนี้หัวหน้าพรรคก็ทราบดี ส่วนกรณีผลตรวจสอบโครงการจัดซื้อรถดับเพลิง ของกระทรวงมหาดไทย ที่ระบุว่าสัญญาจัดซื้อรถดับเพลิงเป็นโมฆียะนั้น ทาง กทม.ได้หารือกับหลายหน่วยงานต่างมีคำวินิจฉัยในแนวทางเดียวกัน ว่าสัญญายังมีผลเพราะยังไม่พบการจ่ายสินบน หรือ เส้นทางการเงินแต่อย่างใด" นายชนินทร์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 ก.ค. 2550--จบ--
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2550ว่า เรื่องของปัญหารถดับเพลิง กทม. เป็นเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้ความสนใจมาแต่ต้น ก่อนที่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะเข้ารับตำแหน่ง และนายอภิรักษ์ ก็ได้มาปรึกษาหารือกับพรรคหลายครั้ง ประเด็นปัญหาที่มีการถกเถียงกันในขณะนี้คือปัญหาการเปิดแอลซี ซึ่งประเด็นนี้ทั้งหมดเป็นเรื่องข้อกฎหมาย ความเห็นทางกฎหมายในพรรค หรือนอกพรรคมีหลากหลายมาก ทั้งฝ่ายที่เห็นว่ามีความจำเป็นต้องเปิดเนื่องจากมีข้อผูกพันจากสัญญาระหว่างประเทศ ไปจนถึงคนที่มีความเชื่อว่าไม่มีความจำเป็นต้องเปิด ซึ่งทางพรรคได้ติดตามให้คำแนะนำนายอภิรักษ์มาโดยตลอด แต่ข้อกฎหมายจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่สิ่งที่พรรคเห็นชัดเจนคือนายอภิรักษ์ผู้ว่าฯ ได้พยายามรักษาผลประโยชน์ส่วนรวม เพราะเห็นตรงกับพรรคว่าโครงการมีปัญหา และพยายามที่จะทักท้วงไปยังกระทรวงมหาดไทยหลายครั้ง โดยได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบหาทางที่จะให้ประเทศไทยได้ผลประโยชน์ เพิ่มเติมขึ้น ทั้งการตั้ง นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ นายบุญเสริม วีสกุล อดีตอธิการบดีสถาบันพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) ซึ่งแสดงให้เห็นว่านายอภิรักษ์ ผู้ว่าฯ มีเจตนาที่จะแก้ไขปัญหา และพรรคไม่เชื่อว่านายอภิรักษ์ ผู้ว่าฯ มีเจตนาอื่นแอบแฝงเลย
นายองอาจกล่าวว่า ในช่วงหลังจากที่มีการเปิดแอลซีแล้วการปรึกษาระหว่างพรรคกับนายอภิรักษ์ ผู้ว่าฯ ก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดของความเป็นไปได้ที่จะยกเลิกสัญญาโดยเฉพาะจากที่ คตส.ชี้มูล พรรคได้ปรึกษากับ นายอภิรักษ์ ผู้ว่าฯและได้แนะนำ นายอภิรักษ์ ผู้ว่าฯ ให้ไปขอความเห็นจากอัยการ และ คตส. ว่ามีช่องทางที่จะเลิกสัญญาได้ไหม ซึ่งนายอภิรักษ์ ผู้ว่าฯ ก็ได้ดำเนินการ แต่สมาชิกพรรคอาจจะไม่ทราบกันทั่วถึงว่านายอภิรักษ์ ผู้ว่าฯ ได้ทำไปแล้ว และหน่วยงานเหล่านั้นก็ตอบมาว่าปัญหาขณะนี้ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้สัญญาเป็นโฆษะ ต้องบริหารสัญญาต่อไป
“เพราะฉะนั้นทั้งหมดนี้ผมคิดว่าผู้ว่ากทม.ไม่เคยนิ่งนอนใจ พรรคไม่เคยนิ่งนอนใจ ปรึกษาหารือกันเพื่อรักาผลประโยชน์ของประเทศ พรรคไม่เชื่อว่ามีปัญหาในเรื่องของเจตนาแอบแฝงอะไรในการทำงานของผู้ว่าฯ ส่วนปัญหาการเปิดแอลซี และปัญหาว่ามีความผิดอะไรหรือไม่เรื่องนี้ก็อยู่ในการพิจารณาของ คตส.อยู่แล้ว พรรคและผู้ว่ากทม.พร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่าง และต้องการให้คตส.ทำงานอย่างเป็นอิสระว่าไปตามข้อเท็จจริง” นายองอาจกล่าวและว่า กับสถานการณ์นี้พรรคไม่ได้เพิกเฉยและผู้ว่าฯอภิรักษ์ก็ไม่ได้เพิกเฉยต่อความเห็นของพรรค
ทางด้านนายชนินทร์ รุ่งแสง โฆษก กทม. กล่าวถึงกรณีที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค คณะทำงานด้านกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่านายอภิรักษ์ ไม่เชื่อฟังคำทัดทานของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และผู้ใหญ่ในพรรคที่ไม่ให้เปิดแอล/ซีแต่กลับไปปรึกษาสำนักงานทนายความอื่นแทน ว่าไม่เป็นความจริง ที่ผ่านมานายอภิรักษ์ ได้หารือเรื่องการทำงานกับนายอภิสิทธิ์ หรือผู้ใหญ่ในพรรคมาตลอด และ ประเพณีของพรรคเมื่อมีการปรึกษาหารือในเรื่องใดก็จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านนั้น ๆ เป็นที่ปรึกษา ซึ่งกรณีการจัดซื้อรถดับเพลิง ก็มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค เป็นผู้ให้คำแนะนำ
"ในขณะนั้นคุณมารุต บุนนาค หัวหน้า ทีมกฎหมายของพรรคได้แนะนำกับคุณสุเทพ ให้ปรึกษากับสำนักทนายความคนึง แอนด์ พาร์ท เนอร์ เพราะมีความเชี่ยวชาญเรื่องนี้ คุณอภิรักษ์ จึงได้ให้เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายมาโดยตลอด ซึ่งก็ได้ทำงานควบคู่กับสำนักงานกฎหมายและคดี กทม. มาตลอด ซึ่งเรื่องนี้หัวหน้าพรรคก็ทราบดี ส่วนกรณีผลตรวจสอบโครงการจัดซื้อรถดับเพลิง ของกระทรวงมหาดไทย ที่ระบุว่าสัญญาจัดซื้อรถดับเพลิงเป็นโมฆียะนั้น ทาง กทม.ได้หารือกับหลายหน่วยงานต่างมีคำวินิจฉัยในแนวทางเดียวกัน ว่าสัญญายังมีผลเพราะยังไม่พบการจ่ายสินบน หรือ เส้นทางการเงินแต่อย่างใด" นายชนินทร์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 ก.ค. 2550--จบ--