กรุงเทพ--19 ม.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
- เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2550 เอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทยได้โทรศัพท์แจ้งปลัดกระทรวงการต่างประเทศว่า พ.ต.ท.ทักษิณฯ จะเดินทางไปสิงคโปร์ระหว่างวันที่ 12-16 มกราคม 2550 และขอพบและรับประทานอาหารร่วมกับนาย S. Jayakumar รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ โดยจะดำเนินการในลักษณะ “low key” และส่วนตัว
- ปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้ตอบในเบื้องต้นว่า ขอให้รัฐบาลสิงคโปร์ตระหนักว่า ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่บุคคลในรัฐบาลของต่างประเทศจะพบและให้การต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณฯ หลังจากเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทยในวันที่ 19 กันยายน 2549 ซึ่งจะมีนัยสำคัญ และได้กล่าวถึงผลที่คาดว่าจะตามมาด้วย
- ในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนที่เมืองเซบู ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แจ้งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ทราบท่าทีของไทยอย่างเป็นทางการในเรื่องนี้ว่า การกระทำดังกล่าวอาจสร้างความเข้าใจผิดในหมู่สาธารณชนและจะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความไว้วางใจและความเข้าใจอันดีระหว่างไทยกับสิงคโปร์
- แม้ว่าฝ่ายไทยได้แจ้งท่าทีให้สิงคโปร์ทราบอย่างชัดแจ้งโดยพลันในระดับสูงแล้วก็ตาม ปรากฏว่า สิงคโปร์มิได้มีการเปลี่ยนท่าที
- เมื่อคำนึงถึงแง่มุมในด้านต่าง ๆ จึงได้พิจารณามาตรการต่าง ๆ เพื่อแสดงให้เห็นความไม่พอใจของฝ่ายไทย ดังนี้
1. ระงับความร่วมมือภายใต้กรอบโครงการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานข้าราชการพลเรือนไทย-สิงคโปร์ (CSEP)
2. ยกเลิกการประชุม CSEP ครั้งที่ 8 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 29-31 มกราคม 2550 ที่กรุงเทพ ฯ
3. ถอนคำเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ให้เยือนไทย ระหว่างวันที่ 29-30 มกราคม 2550 เพื่อร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการประชุม CSEP
- ในการนี้ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศเชิญเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทยเข้าพบเมื่อวันที่ 16 มค. 2550 เพื่อแจ้งความไม่พอใจของรัฐบาลไทยและมาตรการดังกล่าว
- มั่นใจว่า มาตรการที่ได้ดำเนินการไปแล้วทั้ง 3 มาตรการ มีความเหมาะสมและเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดแจ้ง ซึ่งคงต้องติดตามดูว่าสิงคโปร์จะแสดงถึงความเข้าใจสถานการณ์และความรู้สึกของคนไทยหรือไม่ โดยเฉพาะในเรื่องที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการสร้างความสมานฉันท์ ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติของรัฐบาล
- สิ่งที่กระทรวงการต่างประเทศไม่สบายใจคือ ความเข้าใจผิดส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินงานของกระทรวงการต่างประเทศ โดยบางครั้งมีการสร้างเรื่องโดยไม่มีมูลความจริง เช่น กล่าวหาว่ากระทรวงการต่างประเทศนิ่งเฉยเมื่อสิงคโปร์ได้แจ้งให้ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณฯ จะพบผู้นำระดับสูงของสิงคโปร์ ทั้งๆ ที่กระทรวงการต่างประเทศได้ทักท้วงเตือนให้ทราบโดยพลันอย่างชัดแจ้งและหนักแน่น พร้อมทั้งแจ้งล่วงหน้าว่าจะมีผลกระทบอย่างมากถึงความไว้วางใจและความเข้าใจระหว่างมิตรประเทศ การป้ายสีกระทรวงการต่างประเทศว่าขาดความเป็นมืออาชีพและยังจงรักภักดีกับขั้วอำนาจเก่านั้นเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง รวมทั้งกล่าวหาว่ากระทรวงการต่างประเทศสั่งการให้สถานเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศอำนวยความสะดวก แก่ พ.ต.ท.ทักษิณฯ ก็มิได้เป็นเรื่องจริงแต่ประการใดแต่ตรงกันข้าม
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
- เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2550 เอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทยได้โทรศัพท์แจ้งปลัดกระทรวงการต่างประเทศว่า พ.ต.ท.ทักษิณฯ จะเดินทางไปสิงคโปร์ระหว่างวันที่ 12-16 มกราคม 2550 และขอพบและรับประทานอาหารร่วมกับนาย S. Jayakumar รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ โดยจะดำเนินการในลักษณะ “low key” และส่วนตัว
- ปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้ตอบในเบื้องต้นว่า ขอให้รัฐบาลสิงคโปร์ตระหนักว่า ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่บุคคลในรัฐบาลของต่างประเทศจะพบและให้การต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณฯ หลังจากเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทยในวันที่ 19 กันยายน 2549 ซึ่งจะมีนัยสำคัญ และได้กล่าวถึงผลที่คาดว่าจะตามมาด้วย
- ในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนที่เมืองเซบู ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แจ้งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ทราบท่าทีของไทยอย่างเป็นทางการในเรื่องนี้ว่า การกระทำดังกล่าวอาจสร้างความเข้าใจผิดในหมู่สาธารณชนและจะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความไว้วางใจและความเข้าใจอันดีระหว่างไทยกับสิงคโปร์
- แม้ว่าฝ่ายไทยได้แจ้งท่าทีให้สิงคโปร์ทราบอย่างชัดแจ้งโดยพลันในระดับสูงแล้วก็ตาม ปรากฏว่า สิงคโปร์มิได้มีการเปลี่ยนท่าที
- เมื่อคำนึงถึงแง่มุมในด้านต่าง ๆ จึงได้พิจารณามาตรการต่าง ๆ เพื่อแสดงให้เห็นความไม่พอใจของฝ่ายไทย ดังนี้
1. ระงับความร่วมมือภายใต้กรอบโครงการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานข้าราชการพลเรือนไทย-สิงคโปร์ (CSEP)
2. ยกเลิกการประชุม CSEP ครั้งที่ 8 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 29-31 มกราคม 2550 ที่กรุงเทพ ฯ
3. ถอนคำเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ให้เยือนไทย ระหว่างวันที่ 29-30 มกราคม 2550 เพื่อร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการประชุม CSEP
- ในการนี้ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศเชิญเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทยเข้าพบเมื่อวันที่ 16 มค. 2550 เพื่อแจ้งความไม่พอใจของรัฐบาลไทยและมาตรการดังกล่าว
- มั่นใจว่า มาตรการที่ได้ดำเนินการไปแล้วทั้ง 3 มาตรการ มีความเหมาะสมและเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดแจ้ง ซึ่งคงต้องติดตามดูว่าสิงคโปร์จะแสดงถึงความเข้าใจสถานการณ์และความรู้สึกของคนไทยหรือไม่ โดยเฉพาะในเรื่องที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการสร้างความสมานฉันท์ ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติของรัฐบาล
- สิ่งที่กระทรวงการต่างประเทศไม่สบายใจคือ ความเข้าใจผิดส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินงานของกระทรวงการต่างประเทศ โดยบางครั้งมีการสร้างเรื่องโดยไม่มีมูลความจริง เช่น กล่าวหาว่ากระทรวงการต่างประเทศนิ่งเฉยเมื่อสิงคโปร์ได้แจ้งให้ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณฯ จะพบผู้นำระดับสูงของสิงคโปร์ ทั้งๆ ที่กระทรวงการต่างประเทศได้ทักท้วงเตือนให้ทราบโดยพลันอย่างชัดแจ้งและหนักแน่น พร้อมทั้งแจ้งล่วงหน้าว่าจะมีผลกระทบอย่างมากถึงความไว้วางใจและความเข้าใจระหว่างมิตรประเทศ การป้ายสีกระทรวงการต่างประเทศว่าขาดความเป็นมืออาชีพและยังจงรักภักดีกับขั้วอำนาจเก่านั้นเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง รวมทั้งกล่าวหาว่ากระทรวงการต่างประเทศสั่งการให้สถานเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศอำนวยความสะดวก แก่ พ.ต.ท.ทักษิณฯ ก็มิได้เป็นเรื่องจริงแต่ประการใดแต่ตรงกันข้าม
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-