กรุงเทพ--23 เม.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2550 ในโอกาสเดินทางเยือนอียิปต์ นายสวนิต คงสิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงวัตถุประสงค์ของการเยือนประเทศอียิปต์และซูดานว่า มีประเด็นหลักคือ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอียิปต์และซูดาน ซึ่งทั้งสองประเทศมีบทบาทสำคัญในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยอียิปต์ถือเป็นประเทศมุสลิมอาหรับและเป็นประเทศแอฟริกาที่มีความสำคัญในฐานะผู้นำโลกมุสลิม ในขณะที่ซูดานถือเป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกาและเป็นประเทศที่มีทรัพยากรพลังงานทั้งก๊าซธรรมชาติและแหล่งน้ำมันที่ไทยต้องการแสวงหาความร่วมมือในอนาคต
การเยือนอียิปต์และซูดานในครั้งนี้ยังเป็นการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศในการดูแลทุกข์สุขของประชาชนชาวไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะนักศึกษาและแรงงานไทยในประเทศทั้งสอง โดยเฉพาะนักศึกษาไทยซึ่งกระทรวงการต่างประเทศพยายามส่งเสริมให้ได้ศึกษาวิทยาการความรู้สาขาวิชาอื่น นอกเหนือจากด้านศาสนา เพื่อเป็นทางเลือกในการประกอบอาชีพ ทั้งนี้ เพราะรัฐบาลกำหนดให้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษที่ต้องการผู้มีความรู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาทั้งวิศวกรรม เกษตรกรรม การบริหาร การลงทุนและการค้า
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เข้าเยี่ยมชมศูนย์การเรียนทางไกลไคโร เพื่อพบปะกับนักศึกษาไทย และรับทราบถึงปัญหาของนักเรียนไทยในด้านต่าง ๆ พร้อมกันนี้ ยังได้นำทีมแพทย์และพยาบาลจากประเทศไทยไปตรวจสุขภาพแก่นักเรียนไทยและคนไทยในอียิปต์ด้วย
ในช่วงบ่ายของวันที่ 17 เมษายน นายสวนิตฯ ได้พบหารือกับนาย Amre Moussa เลขาธิการสันนิบาตอาหรับเพื่อสอบถามและแลกเปลี่ยนทัศนะเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ สถานการณ์ในอิรัก โครงการนิวเคลียร์ในอิหร่าน และปัญหาในโซมาเลีย โดยนายสวนิตฯ กล่าวว่า ปัญหาในตะวันออกกลางส่งผลกระทบไม่เพียงแต่ประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางเท่านั้น แต่จะส่งผลถึงประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย และว่า ประเทศไทยชื่นชมบทบาทของเลขาธิการและสันนิบาตอาหรับในการแสวงหาสันติภาพในตะวันออกกลางโดยริเริ่มแผนสันติภาพอาหรับ (Arab Peace Initiative) ซึ่งประเทศไทยยินดีจะประสานกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ในการแสวงหาความร่วมมือระหว่างกันเพื่อสร้างความสมานฉันท์ในโลกมุสลิม
ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน นายสวนิตฯ ได้เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการคลีนิกฟุตบอลและการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมเยาวชนทีมชาติไทย (อายุไม่เกิน 17 ปี) และทีมนักเรียนไทยในไคโร ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ริเริ่มโดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโรเพื่อสนองต่อโครงการยุทธศาสตร์ไทยต่อโลกมุสลิมของกระทรวงการต่างประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความปรองดองระหว่างนักเรียนไทยในไคโร และเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนไทยและสถานเอกอัคร -ราชทูต นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมให้นักเรียนเหล่านี้รู้จักการทำงานเป็นทีมในฐานะตัวแทนของประเทศไทยในการแข่งขันกับทีมอาเซียนอื่น ๆ ในไคโรด้วย
ในวันที่ 18 เมษายน นายสวนิตฯ ได้เข้าพบ ดร. Muhammad Sayid Tantawy ผู้นำสูงสุดทางศาสนาอิสลามของอียิปต์ (Grand Sheikh of Al Azhar) เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการศึกษากับมหาวิทยาลัยอัล อัซฮัร (Al Azhar) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ และมีชื่อเสียงในเรื่องการศึกษาศาสนาอิสลามและได้รับความนิยมยกย่องอย่างมากของชุมชนมุสลิมในประเทศไทย ในโอกาสนี้ นายสวนิตฯ ได้มอบเงินจำนวน 1 ล้านบาท ให้แก่มหาวิทยาลัยฯ เพื่อสนับสนุนกิจกรรมของนักศึกษาไทยในมหาวิทยาลัยอัล อัซฮัร ซึ่งมีนักศึกษาไทยอยู่มากกว่า 1,500 คนด้วย
นายสวนิตฯ หารือกับ ดร. Muhammad Sayid Tantawy เกี่ยวนักศึกษาไทยว่า นักเรียนไทยส่วนใหญ่เรียนในภาควิชาเกี่ยวข้องกับศาสนาซึ่งเป็นสิ่งดี แต่ทางรัฐบาลไทยอยากเห็นนักเรียนเหล่านี้มีความรู้ในด้านวิชาสามัญด้วย เช่น ด้านวิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และการบริหาร เป็นต้น เนื่องจากตำแหน่งอาชีพครูสอนด้านศาสนามีจำนวนจำกัด รัฐบาลจึงอยากให้นักศึกษาเหล่านี้มีความรู้ในวิชาที่หลากหลายเพื่อที่จะได้นำความรู้เหล่านี้นำกลับไปพัฒนาชุมชนของตนเอง โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ดร. Muhammad Sayid Tantawy เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว และจะพยายามชักชวนให้นักเรียนเหล่านี้สนใจศึกษาสาขาสามัญเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ นายสวนิตฯ ยังได้เชิญ ดร. Muhammad Sayid Tantawy ไปเยือนประเทศไทยใช่วงก่อนเดือนมิถุนายน ในฐานะแขกรัฐบาล ซึ่งท่านได้ตอบรับในหลักการแล้ว
ดร.Muhammad Sayid Tantawy ได้กล่าวฝากถึงพี่น้องชาวไทยมุสลิมในประเทศไทยด้วยว่า ท่านเห็นด้วยกับแนวทางการสร้างความสมานฉันท์ของรัฐบาลและส่งเสริมให้ดำเนินการตามหลักความเชื่อของศาสนาโดยยึดแนวทางสายกลาง และคัดค้านอย่างมากต่อกลุ่มที่ใช้ศาสนามาอ้างเพื่อสร้างความรุนแรง พร้อมทั้งอยากเห็นทุกคนยอมรับในความคิดที่แตกต่างและอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2550 ในโอกาสเดินทางเยือนอียิปต์ นายสวนิต คงสิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงวัตถุประสงค์ของการเยือนประเทศอียิปต์และซูดานว่า มีประเด็นหลักคือ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอียิปต์และซูดาน ซึ่งทั้งสองประเทศมีบทบาทสำคัญในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยอียิปต์ถือเป็นประเทศมุสลิมอาหรับและเป็นประเทศแอฟริกาที่มีความสำคัญในฐานะผู้นำโลกมุสลิม ในขณะที่ซูดานถือเป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกาและเป็นประเทศที่มีทรัพยากรพลังงานทั้งก๊าซธรรมชาติและแหล่งน้ำมันที่ไทยต้องการแสวงหาความร่วมมือในอนาคต
การเยือนอียิปต์และซูดานในครั้งนี้ยังเป็นการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศในการดูแลทุกข์สุขของประชาชนชาวไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะนักศึกษาและแรงงานไทยในประเทศทั้งสอง โดยเฉพาะนักศึกษาไทยซึ่งกระทรวงการต่างประเทศพยายามส่งเสริมให้ได้ศึกษาวิทยาการความรู้สาขาวิชาอื่น นอกเหนือจากด้านศาสนา เพื่อเป็นทางเลือกในการประกอบอาชีพ ทั้งนี้ เพราะรัฐบาลกำหนดให้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษที่ต้องการผู้มีความรู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาทั้งวิศวกรรม เกษตรกรรม การบริหาร การลงทุนและการค้า
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เข้าเยี่ยมชมศูนย์การเรียนทางไกลไคโร เพื่อพบปะกับนักศึกษาไทย และรับทราบถึงปัญหาของนักเรียนไทยในด้านต่าง ๆ พร้อมกันนี้ ยังได้นำทีมแพทย์และพยาบาลจากประเทศไทยไปตรวจสุขภาพแก่นักเรียนไทยและคนไทยในอียิปต์ด้วย
ในช่วงบ่ายของวันที่ 17 เมษายน นายสวนิตฯ ได้พบหารือกับนาย Amre Moussa เลขาธิการสันนิบาตอาหรับเพื่อสอบถามและแลกเปลี่ยนทัศนะเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ สถานการณ์ในอิรัก โครงการนิวเคลียร์ในอิหร่าน และปัญหาในโซมาเลีย โดยนายสวนิตฯ กล่าวว่า ปัญหาในตะวันออกกลางส่งผลกระทบไม่เพียงแต่ประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางเท่านั้น แต่จะส่งผลถึงประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย และว่า ประเทศไทยชื่นชมบทบาทของเลขาธิการและสันนิบาตอาหรับในการแสวงหาสันติภาพในตะวันออกกลางโดยริเริ่มแผนสันติภาพอาหรับ (Arab Peace Initiative) ซึ่งประเทศไทยยินดีจะประสานกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ในการแสวงหาความร่วมมือระหว่างกันเพื่อสร้างความสมานฉันท์ในโลกมุสลิม
ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน นายสวนิตฯ ได้เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการคลีนิกฟุตบอลและการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมเยาวชนทีมชาติไทย (อายุไม่เกิน 17 ปี) และทีมนักเรียนไทยในไคโร ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ริเริ่มโดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโรเพื่อสนองต่อโครงการยุทธศาสตร์ไทยต่อโลกมุสลิมของกระทรวงการต่างประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความปรองดองระหว่างนักเรียนไทยในไคโร และเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนไทยและสถานเอกอัคร -ราชทูต นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมให้นักเรียนเหล่านี้รู้จักการทำงานเป็นทีมในฐานะตัวแทนของประเทศไทยในการแข่งขันกับทีมอาเซียนอื่น ๆ ในไคโรด้วย
ในวันที่ 18 เมษายน นายสวนิตฯ ได้เข้าพบ ดร. Muhammad Sayid Tantawy ผู้นำสูงสุดทางศาสนาอิสลามของอียิปต์ (Grand Sheikh of Al Azhar) เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการศึกษากับมหาวิทยาลัยอัล อัซฮัร (Al Azhar) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ และมีชื่อเสียงในเรื่องการศึกษาศาสนาอิสลามและได้รับความนิยมยกย่องอย่างมากของชุมชนมุสลิมในประเทศไทย ในโอกาสนี้ นายสวนิตฯ ได้มอบเงินจำนวน 1 ล้านบาท ให้แก่มหาวิทยาลัยฯ เพื่อสนับสนุนกิจกรรมของนักศึกษาไทยในมหาวิทยาลัยอัล อัซฮัร ซึ่งมีนักศึกษาไทยอยู่มากกว่า 1,500 คนด้วย
นายสวนิตฯ หารือกับ ดร. Muhammad Sayid Tantawy เกี่ยวนักศึกษาไทยว่า นักเรียนไทยส่วนใหญ่เรียนในภาควิชาเกี่ยวข้องกับศาสนาซึ่งเป็นสิ่งดี แต่ทางรัฐบาลไทยอยากเห็นนักเรียนเหล่านี้มีความรู้ในด้านวิชาสามัญด้วย เช่น ด้านวิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และการบริหาร เป็นต้น เนื่องจากตำแหน่งอาชีพครูสอนด้านศาสนามีจำนวนจำกัด รัฐบาลจึงอยากให้นักศึกษาเหล่านี้มีความรู้ในวิชาที่หลากหลายเพื่อที่จะได้นำความรู้เหล่านี้นำกลับไปพัฒนาชุมชนของตนเอง โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ดร. Muhammad Sayid Tantawy เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว และจะพยายามชักชวนให้นักเรียนเหล่านี้สนใจศึกษาสาขาสามัญเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ นายสวนิตฯ ยังได้เชิญ ดร. Muhammad Sayid Tantawy ไปเยือนประเทศไทยใช่วงก่อนเดือนมิถุนายน ในฐานะแขกรัฐบาล ซึ่งท่านได้ตอบรับในหลักการแล้ว
ดร.Muhammad Sayid Tantawy ได้กล่าวฝากถึงพี่น้องชาวไทยมุสลิมในประเทศไทยด้วยว่า ท่านเห็นด้วยกับแนวทางการสร้างความสมานฉันท์ของรัฐบาลและส่งเสริมให้ดำเนินการตามหลักความเชื่อของศาสนาโดยยึดแนวทางสายกลาง และคัดค้านอย่างมากต่อกลุ่มที่ใช้ศาสนามาอ้างเพื่อสร้างความรุนแรง พร้อมทั้งอยากเห็นทุกคนยอมรับในความคิดที่แตกต่างและอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-