วันนี้(4เม.ย.50) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีความขัดกันระหว่างคมช.กับรัฐบาล จนปลายถึงขั้นว่าอาจจะมีปฏิวัติซ้ำ ปฏิวัติซ้อนขึ้นมา ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ขอแสดงจุดยืนว่าไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการใดๆที่จะนำไปสู่การมีปฏิวัติซ้ำ ปฏิวัติซ้อน ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ เพราะฉะนั้นตนเห็นว่าเป็นภาระหน้าที่ของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ในฐานะประธานคมช. และพล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี จะต้องร่วมมือกันเพื่อสยบข่าวลือต่างๆ ทั้งข่าวลือหรือกระแสข่าวดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางการเมือง และเศรษฐกิจ เป็นอย่างมาก
ส่วนกรณีที่ทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติออกมาบอกว่ารัฐบาลไม่เสนอกฎหมายเข้าไปสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สำหรับเรื่องนี้ตนคิดว่าการนำเสนอกฎหมายเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องนำเสนอกฎหมายเพื่อให้นโยบายของรัฐบาลที่ได้ประกาศออกมาสัมฤทธิ์ผล โดยใช้กระบวนการทางนิติบัญญัติ ซึ่งรัฐบาลควรจัดลำดับความสำคัญของกฎหมายที่จะนำเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าเป็นสิทธิ และหน้าที่ ของสภานิติบัญญัติฯที่จะนำเสนอกฎหมายโดยสมาชิกสนช.เอง กล่าวคือหาก สมาชิกสนช.เห็นชอบในกฎหมายใดที่เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ ต่อสังคม บ้านเมือง และ ประเทศชาติ สนช.ควรจะรวมตัวกันนำเสนอกฎหมายสู่การพิจารณาของสภา
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 4 เม.ย. 2550--จบ--
ส่วนกรณีที่ทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติออกมาบอกว่ารัฐบาลไม่เสนอกฎหมายเข้าไปสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สำหรับเรื่องนี้ตนคิดว่าการนำเสนอกฎหมายเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องนำเสนอกฎหมายเพื่อให้นโยบายของรัฐบาลที่ได้ประกาศออกมาสัมฤทธิ์ผล โดยใช้กระบวนการทางนิติบัญญัติ ซึ่งรัฐบาลควรจัดลำดับความสำคัญของกฎหมายที่จะนำเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าเป็นสิทธิ และหน้าที่ ของสภานิติบัญญัติฯที่จะนำเสนอกฎหมายโดยสมาชิกสนช.เอง กล่าวคือหาก สมาชิกสนช.เห็นชอบในกฎหมายใดที่เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ ต่อสังคม บ้านเมือง และ ประเทศชาติ สนช.ควรจะรวมตัวกันนำเสนอกฎหมายสู่การพิจารณาของสภา
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 4 เม.ย. 2550--จบ--