ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.อยู่ระหว่างติดตามภาวะการใช้จ่ายในประเทศ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.อยู่ระหว่าง
ติดตามภาวะการใช้จ่ายในประเทศว่าเป็นเช่นไร หลังจากเกิดเหตุระเบิดหลายจุดในกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะกรรมการนโยบาย
การเงิน (กนง.) เดือน ธ.ค.49 ธปท.ก็เริ่มเห็นการใช้จ่ายในประเทศแผ่วลงแล้ว ดังนั้น ในการประชุม กนง.วันที่ 17 ม.ค.นี้ ธปท.คงต้องนำ
เรื่องภาวะการใช้จ่ายในประเทศมาพิจารณาประกอบด้วย นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงกรณีโบรกเกอร์ต่างชาติมองว่า การแก้ไขกฎหมายธุรกิจต่างด้าว
จะส่งผลให้ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์ สรอ.อ่อนค่าลงร้อยละ 5 ว่า กฎหมายดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของผู้ลงทุน ซึ่งก็คงจะทำให้ค่าเงินบาทอ่อน
ค่าลง แต่จะอ่อนค่าต่ำลงเท่าไหร่นั้นไม่สามารถประเมินได้ อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมา ธปท.ไม่เห็นเงินทุนต่างชาติไหลเข้าออกมากผิดปกติ
(เดลินิวส์, แนวหน้า, ข่าวสด)
2. กองทุนฟื้นฟูฯ ประกาศขายหุ้นสามัญที่ไม่ได้จดทะเบียนใน ตลท.จำนวน 30 บริษัท กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบ
สถาบันการเงินประกาศขายหุ้นสามัญที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถืออยู่จำนวน 30 บริษัท โดยกำหนดให้ยื่นซองเสนอราคา
ตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.ถึง 9 ก.พ.นี้ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทั้งนี้ หุ้นของบริษัทไม่จดทะเบียนดังกล่าว เดิมเป็นหุ้นที่อยู่ในกรรมสิทธิ์ของ
สถาบันการเงิน 56 แห่งที่ปิดตัวไปในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ และกองทุนฟื้นฟูฯ ได้รับมาบริหารจัดการต่อ โดยผู้ที่ชนะการประมูลที่ดินกองทุนฟื้นฟูฯ
ครั้งนี้จะต้องวางเงินมัดจำร้อยละ 25 ของราคาเสนอซื้อหรือตามที่กองทุนแจ้งให้ทราบภายใน 3 วัน นับจากวันที่แจ้งผลการเสนอราคาซื้อหลักทรัพย์
ส่วนอีกร้อยละ 75 ให้ชำระภายใน 7 วัน โดยจ่ายเป็นแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายกองทุนฟื้นฟูฯ (กรุงเทพธุรกิจ)
3. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค.50 เบื้องต้น ทุกตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 5 เดือน ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ
ม.หอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค.50 เบื้องต้น ซึ่งเป็นการสำรวจผู้บริโภค 842 คนทั่วประเทศ ระหว่างวันที่
8-9 ม.ค.50 เพื่อตรวจสอบผลกระทบของการระเบิดในเขตกรุงเทพฯ ในช่วงสิ้นปี 49 โดยพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทุกตัวปรับลดลงต่ำสุดในรอบ
5 เดือน นับตั้งแต่เดือน ก.ย.49 และเป็นดัชนีที่มีค่าต่ำสุดของรัฐบาลชุดปัจจุบัน สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเดือน ม.ค.50
เท่ากับ 74.3 ลดลงจากเดือน ธ.ค.49 ที่ดัชนีเท่ากับ 76.5 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำเท่ากับ 75.6 ลดลงจากเดือน
ธ.ค.ที่ดัชนีเท่ากับ 77.4 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตเท่ากับ 90.5 ลดลงจากเดือน ธ.ค.ที่อยู่ที่ระดับ 93.2 ทั้งนี้ ดัชนีความ
เชื่อมั่นที่ลดลงเป็นผลมาจากเหตุการณ์ระเบิด เพราะทำให้ประชาชนมีความกังวลต่อเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตสูงขึ้น และความเชื่อมั่นของ
ผู้บริโภคยังลดลงจากการที่รัฐบาลไม่มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน รวมทั้งมาตรการป้องกันเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นของธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) ซึ่งปัจจัยดังกล่าวผู้บริโภคเห็นว่าจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนาคต (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, ไทยรัฐ,
เดลินิวส์, มติชน, ข่าวสด)
4. สบน.เปิดขายพันธบัตรชดเชยขาดดุลวงเงิน 6,500 ล้านบาท ผอ.สำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยผลการ
ประมูลพันธบัตรรัฐบาลเพื่อชดเชยการขาดดุล งปม.ในปี 50 งวดแรกจำนวน 6,500 ล้านบาท จากวงเงินที่ต้องประมูลพันธบัตรจำนวนประมาณ
1.46 แสนล้านบาท โดยกล่าวว่า สบน.ได้ดำเนินการประมูลพันธบัตรดังกล่าวเป็นครั้งแรกในวันพุธที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา ผลปรากฏว่า สามารถ
ขายได้ทั้งจำนวน โดยมีสถาบันการเงินสนใจเข้าร่วมประมูลจำนวนมากคิดเป็น 5 เท่าของวงเงินที่เปิดประมูล ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลดังกล่าวได้
เปิดประมูลไว้ 2 รุ่น คือ รุ่นอายุ 7 ปี วงเงิน 5,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 5.25 ต่อปี แต่อัตราดอกเบี้ยที่ประมูลได้
คือร้อยละ 4.95 ต่อปี ส่วนรุ่นอายุ 12 ปี วงเงิน 1,500 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 5.625 ต่อปี แต่อัตราที่ประมูลได้คือร้อยละ
5.27 ต่อปี โดยพันธบัตรออมทรัพย์อายุ 3 ปีจะออกขายในเดือน ม.ค.50 ที่จำนวน 500 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.5 ถือเป็นพันธบัตร
งวดที่ 4 ของปี งปม 50 โดยประชาชนผู้สนใจสามารถซ้อได้ที่ ธ.กรุงเทพทุกสาขา (กรุงเทพธุรกิจ, โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 30 ปีของ สรอ. สูงขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 50 ผลการ
สำรวจของบริษัทสินเชื่อจำนอง Freddie Mac เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 30 ปีของ สรอ. เพิ่มขึ้นที่ร้อยละ
6.21 จากร้อยละ 6.18 เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า เช่นเดียวกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 15 ปีเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 5.96 จากร้อยละ 5.94
เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะเวลา 1 ปีที่ปรับได้ (one-year Adjustable Rate Mortgages - ARM)
เพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 5.44 จากร้อยละ 5.42 เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นก็ตามแต่คาดว่าตลอดปี 50
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 30 ปีจะยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 6.5 โดยนาย Frank Nothaft รองประธานบ. Freddie Mac
คาดว่าผู้ซื้อบ้านจะกู้ ARM น้อยลง ทั้งนี้เมื่อปีที่แล้วอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 30 ปี 15 ปี และอัตราดอกเบี้ย ARM อยู่ที่ร้อยละ 6.15
5.71 และร้อยละ 5.15 ตามลำดับ ขณะที่การจ้างงานในเดือน ธ.ค.ที่เปิดเผยโดย ก.แรงงานว่ามีการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้นถึง
167,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านั้นรวมทั้งค่าจ้างแรงงานรายชั่วโมงเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 0.5 ช่วยให้ความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ
ในประเทศผ่อนคลายลง แต่การจ้างงานที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และอัตราค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นส่งผลกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อ ซึ่งอาจทำให้ธ.กลางสรอ.
ต้องปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้สูงขึ้น (รอยเตอร์)
2. ธ.กลางอังกฤษปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นเป็นร้อยละ 5.25 สูงสุดในรอบเกือบ 6 ปี รายงานจากกรุงลอนดอน
ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 11 ม.ค.50 ธ.กลางอังกฤษปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 ไปอยู่ที่ระดับร้อยละ 5.25 ซึ่งเป็นระดับ
สูงสุดในรอบเกือบ 6 ปี และเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 3 นับตั้งแต่เดือน ส.ค.49 การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้สร้างความประหลาดใจให้
กับหลายฝ่ายที่คาดการณ์ไว้ว่าน่าจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าการตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้น่า
จะมาจากการที่ ธ.กลางอังกฤษได้เห็นข้อมูลทางเศรษฐกิจบางอย่างที่จะเปิดเผยในสัปดาห์หน้าที่ส่งสัญญาณว่าอัตราเงินเฟ้ออาจจะเพิ่มขึ้นสูงเกิน
ระดับร้อยละ 3 ซึ่งเป็นสิ่งที่ ธ.กลางอังกฤษให้ความสำคัญมาโดยตลอด โดยอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษในเดือน พ.ย.49 พุ่งสูงขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ
2.7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีการเริ่มต้นเก็บรวบรวมสถิติเปรียบเทียบเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ธ.กลางอังกฤษจะต้องทำหนังสือชี้แจงต่อรัฐบาล
ถ้าตัวเลขเปลี่ยนแปลงไปจากเป้าหมายที่วางไว้มากเกินกว่าร้อยละ 1.0 (รอยเตอร์)
3. ผลผลิตโรงงานอุตสาหกรรมของอังกฤษเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ในเดือน พ.ย.49 เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.49 เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรก
ในรอบ 3 เดือน รายงานจากลอนดอน เมื่อ 11 ม.ค.50 สนง.สถิติแห่งชาติรายงานผลผลิตโรงงานอุตสาหกรรมของอังกฤษในเดือน พ.ย.49
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.49 เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนและเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบต่อปี โดยหากเทียบผลผลิต
ในช่วง 3 เดือนแล้ว ผลผลิตโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1 ในช่วง 3 เดือนสิ้นสุดเดือน พ.ย.49 เมื่อเทียบกับช่วง 3 เดือน
ก่อนหน้า ต่ำสุดในรอบเกือบ 1 ปี ในขณะที่ผลผลิตอุตสาหกรรมโดยรวมซึ่งรวมภาคพลังงานด้วยนั้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ต่อเดือนและร้อยละ 0.8
เมื่อเทียบต่อปี นับเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดเมื่อเทียบต่อเดือนนับตั้งแต่เดือน มี.ค.49 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะสูงขึ้นร้อยละ 0.3
ต่อเดือน อย่างไรก็ดี ผลผลิตเมื่อเทียบต่อปีมีแนวโน้มลดลงจากผลกระทบของค่าเงินปอนด์ที่สูงขึ้นส่งผลลบต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้า
จากอังกฤษ โดยเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ.ค่าเงินปอนด์ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปีที่ใกล้กับ 1.985 ดอลลาร์ สรอ.ต่อปอนด์เมื่อเดือน
ธ.ค.49 ที่ผ่านมาและผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่าจะขึ้นแตะระดับ 2 ดอลลาร์ สรอ.ต่อปอนด์ในสัปดาห์นี้ (รอยเตอร์)
4. ECB คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 3.5 รายงานจากแฟรงเฟิร์ตเมื่อ 11 ม.ค.50 ธ.กลางสหภาพยุโรป
(ECB) เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 3.5 ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์
ของนักเศรษฐศาสตร์ เป็นผลจากสินเชื่อตลอดปี 49 ขยายตัวอยู่ในระดับที่ค่อนข้างคงที่ จึงไม่ก่อให้เกิดแรงกดดันต่อการดำเนินนโยบายการเงิน
มากนัก ซึ่งสะท้อนว่า ECB มีความจำเป็นน้อยในการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ ผู้ว่าการ ธ.กลางสหภาพยุโรป
กล่าวว่า ECB จะให้ความสำคัญกับความเสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการติดตามผลจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
อย่างแข็งแกร่งของ 13 ประเทศในเขตเศรษฐกิจยุโรปที่ใช้เงินสกุลยูโร (ยูโรโซน) ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนภาพที่ว่าภาวะเศรษฐกิจของยูโรโซน
กำลังขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่ปี 43 แม้ว่าตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมของฝรั่งเศสซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยูโรโซนจะ
มีทิศทางที่ชะลอตัวก็ตาม นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ยังคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายว่า อาจมีการปรับเพิ่มอีกร้อยละ 0.25
ในช่วงไตรมาสแรกของปี โดยนักเศรษฐศาสตร์ร้อยละ 36 เห็นว่าอาจปรับเพิ่มในเดือน ก.พ. ขณะที่ร้อยละ 98 เห็นว่าอาจปรับเพิ่มในเดือน
มี.ค.50 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 12 ม.ค. 50 11 ม.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 36.023 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 35.8164/36.1739 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.11688 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 637.63/21.58 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,400/10,500 10,400/10,500 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 48.63 49.54 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.99*/22.94** 25.99*/22.94** 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเมื่อ 9 ม.ค.50 ** ปรับเมื่อ 6 ม.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.อยู่ระหว่างติดตามภาวะการใช้จ่ายในประเทศ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.อยู่ระหว่าง
ติดตามภาวะการใช้จ่ายในประเทศว่าเป็นเช่นไร หลังจากเกิดเหตุระเบิดหลายจุดในกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะกรรมการนโยบาย
การเงิน (กนง.) เดือน ธ.ค.49 ธปท.ก็เริ่มเห็นการใช้จ่ายในประเทศแผ่วลงแล้ว ดังนั้น ในการประชุม กนง.วันที่ 17 ม.ค.นี้ ธปท.คงต้องนำ
เรื่องภาวะการใช้จ่ายในประเทศมาพิจารณาประกอบด้วย นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงกรณีโบรกเกอร์ต่างชาติมองว่า การแก้ไขกฎหมายธุรกิจต่างด้าว
จะส่งผลให้ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์ สรอ.อ่อนค่าลงร้อยละ 5 ว่า กฎหมายดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของผู้ลงทุน ซึ่งก็คงจะทำให้ค่าเงินบาทอ่อน
ค่าลง แต่จะอ่อนค่าต่ำลงเท่าไหร่นั้นไม่สามารถประเมินได้ อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมา ธปท.ไม่เห็นเงินทุนต่างชาติไหลเข้าออกมากผิดปกติ
(เดลินิวส์, แนวหน้า, ข่าวสด)
2. กองทุนฟื้นฟูฯ ประกาศขายหุ้นสามัญที่ไม่ได้จดทะเบียนใน ตลท.จำนวน 30 บริษัท กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบ
สถาบันการเงินประกาศขายหุ้นสามัญที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถืออยู่จำนวน 30 บริษัท โดยกำหนดให้ยื่นซองเสนอราคา
ตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.ถึง 9 ก.พ.นี้ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทั้งนี้ หุ้นของบริษัทไม่จดทะเบียนดังกล่าว เดิมเป็นหุ้นที่อยู่ในกรรมสิทธิ์ของ
สถาบันการเงิน 56 แห่งที่ปิดตัวไปในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ และกองทุนฟื้นฟูฯ ได้รับมาบริหารจัดการต่อ โดยผู้ที่ชนะการประมูลที่ดินกองทุนฟื้นฟูฯ
ครั้งนี้จะต้องวางเงินมัดจำร้อยละ 25 ของราคาเสนอซื้อหรือตามที่กองทุนแจ้งให้ทราบภายใน 3 วัน นับจากวันที่แจ้งผลการเสนอราคาซื้อหลักทรัพย์
ส่วนอีกร้อยละ 75 ให้ชำระภายใน 7 วัน โดยจ่ายเป็นแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายกองทุนฟื้นฟูฯ (กรุงเทพธุรกิจ)
3. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค.50 เบื้องต้น ทุกตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 5 เดือน ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ
ม.หอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค.50 เบื้องต้น ซึ่งเป็นการสำรวจผู้บริโภค 842 คนทั่วประเทศ ระหว่างวันที่
8-9 ม.ค.50 เพื่อตรวจสอบผลกระทบของการระเบิดในเขตกรุงเทพฯ ในช่วงสิ้นปี 49 โดยพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทุกตัวปรับลดลงต่ำสุดในรอบ
5 เดือน นับตั้งแต่เดือน ก.ย.49 และเป็นดัชนีที่มีค่าต่ำสุดของรัฐบาลชุดปัจจุบัน สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเดือน ม.ค.50
เท่ากับ 74.3 ลดลงจากเดือน ธ.ค.49 ที่ดัชนีเท่ากับ 76.5 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำเท่ากับ 75.6 ลดลงจากเดือน
ธ.ค.ที่ดัชนีเท่ากับ 77.4 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตเท่ากับ 90.5 ลดลงจากเดือน ธ.ค.ที่อยู่ที่ระดับ 93.2 ทั้งนี้ ดัชนีความ
เชื่อมั่นที่ลดลงเป็นผลมาจากเหตุการณ์ระเบิด เพราะทำให้ประชาชนมีความกังวลต่อเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตสูงขึ้น และความเชื่อมั่นของ
ผู้บริโภคยังลดลงจากการที่รัฐบาลไม่มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน รวมทั้งมาตรการป้องกันเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นของธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) ซึ่งปัจจัยดังกล่าวผู้บริโภคเห็นว่าจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนาคต (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, ไทยรัฐ,
เดลินิวส์, มติชน, ข่าวสด)
4. สบน.เปิดขายพันธบัตรชดเชยขาดดุลวงเงิน 6,500 ล้านบาท ผอ.สำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยผลการ
ประมูลพันธบัตรรัฐบาลเพื่อชดเชยการขาดดุล งปม.ในปี 50 งวดแรกจำนวน 6,500 ล้านบาท จากวงเงินที่ต้องประมูลพันธบัตรจำนวนประมาณ
1.46 แสนล้านบาท โดยกล่าวว่า สบน.ได้ดำเนินการประมูลพันธบัตรดังกล่าวเป็นครั้งแรกในวันพุธที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา ผลปรากฏว่า สามารถ
ขายได้ทั้งจำนวน โดยมีสถาบันการเงินสนใจเข้าร่วมประมูลจำนวนมากคิดเป็น 5 เท่าของวงเงินที่เปิดประมูล ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลดังกล่าวได้
เปิดประมูลไว้ 2 รุ่น คือ รุ่นอายุ 7 ปี วงเงิน 5,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 5.25 ต่อปี แต่อัตราดอกเบี้ยที่ประมูลได้
คือร้อยละ 4.95 ต่อปี ส่วนรุ่นอายุ 12 ปี วงเงิน 1,500 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 5.625 ต่อปี แต่อัตราที่ประมูลได้คือร้อยละ
5.27 ต่อปี โดยพันธบัตรออมทรัพย์อายุ 3 ปีจะออกขายในเดือน ม.ค.50 ที่จำนวน 500 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.5 ถือเป็นพันธบัตร
งวดที่ 4 ของปี งปม 50 โดยประชาชนผู้สนใจสามารถซ้อได้ที่ ธ.กรุงเทพทุกสาขา (กรุงเทพธุรกิจ, โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 30 ปีของ สรอ. สูงขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 50 ผลการ
สำรวจของบริษัทสินเชื่อจำนอง Freddie Mac เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 30 ปีของ สรอ. เพิ่มขึ้นที่ร้อยละ
6.21 จากร้อยละ 6.18 เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า เช่นเดียวกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 15 ปีเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 5.96 จากร้อยละ 5.94
เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะเวลา 1 ปีที่ปรับได้ (one-year Adjustable Rate Mortgages - ARM)
เพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 5.44 จากร้อยละ 5.42 เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นก็ตามแต่คาดว่าตลอดปี 50
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 30 ปีจะยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 6.5 โดยนาย Frank Nothaft รองประธานบ. Freddie Mac
คาดว่าผู้ซื้อบ้านจะกู้ ARM น้อยลง ทั้งนี้เมื่อปีที่แล้วอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 30 ปี 15 ปี และอัตราดอกเบี้ย ARM อยู่ที่ร้อยละ 6.15
5.71 และร้อยละ 5.15 ตามลำดับ ขณะที่การจ้างงานในเดือน ธ.ค.ที่เปิดเผยโดย ก.แรงงานว่ามีการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้นถึง
167,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านั้นรวมทั้งค่าจ้างแรงงานรายชั่วโมงเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 0.5 ช่วยให้ความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ
ในประเทศผ่อนคลายลง แต่การจ้างงานที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และอัตราค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นส่งผลกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อ ซึ่งอาจทำให้ธ.กลางสรอ.
ต้องปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้สูงขึ้น (รอยเตอร์)
2. ธ.กลางอังกฤษปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นเป็นร้อยละ 5.25 สูงสุดในรอบเกือบ 6 ปี รายงานจากกรุงลอนดอน
ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 11 ม.ค.50 ธ.กลางอังกฤษปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 ไปอยู่ที่ระดับร้อยละ 5.25 ซึ่งเป็นระดับ
สูงสุดในรอบเกือบ 6 ปี และเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 3 นับตั้งแต่เดือน ส.ค.49 การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้สร้างความประหลาดใจให้
กับหลายฝ่ายที่คาดการณ์ไว้ว่าน่าจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าการตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้น่า
จะมาจากการที่ ธ.กลางอังกฤษได้เห็นข้อมูลทางเศรษฐกิจบางอย่างที่จะเปิดเผยในสัปดาห์หน้าที่ส่งสัญญาณว่าอัตราเงินเฟ้ออาจจะเพิ่มขึ้นสูงเกิน
ระดับร้อยละ 3 ซึ่งเป็นสิ่งที่ ธ.กลางอังกฤษให้ความสำคัญมาโดยตลอด โดยอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษในเดือน พ.ย.49 พุ่งสูงขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ
2.7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีการเริ่มต้นเก็บรวบรวมสถิติเปรียบเทียบเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ธ.กลางอังกฤษจะต้องทำหนังสือชี้แจงต่อรัฐบาล
ถ้าตัวเลขเปลี่ยนแปลงไปจากเป้าหมายที่วางไว้มากเกินกว่าร้อยละ 1.0 (รอยเตอร์)
3. ผลผลิตโรงงานอุตสาหกรรมของอังกฤษเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ในเดือน พ.ย.49 เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.49 เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรก
ในรอบ 3 เดือน รายงานจากลอนดอน เมื่อ 11 ม.ค.50 สนง.สถิติแห่งชาติรายงานผลผลิตโรงงานอุตสาหกรรมของอังกฤษในเดือน พ.ย.49
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.49 เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนและเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบต่อปี โดยหากเทียบผลผลิต
ในช่วง 3 เดือนแล้ว ผลผลิตโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1 ในช่วง 3 เดือนสิ้นสุดเดือน พ.ย.49 เมื่อเทียบกับช่วง 3 เดือน
ก่อนหน้า ต่ำสุดในรอบเกือบ 1 ปี ในขณะที่ผลผลิตอุตสาหกรรมโดยรวมซึ่งรวมภาคพลังงานด้วยนั้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ต่อเดือนและร้อยละ 0.8
เมื่อเทียบต่อปี นับเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดเมื่อเทียบต่อเดือนนับตั้งแต่เดือน มี.ค.49 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะสูงขึ้นร้อยละ 0.3
ต่อเดือน อย่างไรก็ดี ผลผลิตเมื่อเทียบต่อปีมีแนวโน้มลดลงจากผลกระทบของค่าเงินปอนด์ที่สูงขึ้นส่งผลลบต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้า
จากอังกฤษ โดยเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ.ค่าเงินปอนด์ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปีที่ใกล้กับ 1.985 ดอลลาร์ สรอ.ต่อปอนด์เมื่อเดือน
ธ.ค.49 ที่ผ่านมาและผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่าจะขึ้นแตะระดับ 2 ดอลลาร์ สรอ.ต่อปอนด์ในสัปดาห์นี้ (รอยเตอร์)
4. ECB คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 3.5 รายงานจากแฟรงเฟิร์ตเมื่อ 11 ม.ค.50 ธ.กลางสหภาพยุโรป
(ECB) เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 3.5 ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์
ของนักเศรษฐศาสตร์ เป็นผลจากสินเชื่อตลอดปี 49 ขยายตัวอยู่ในระดับที่ค่อนข้างคงที่ จึงไม่ก่อให้เกิดแรงกดดันต่อการดำเนินนโยบายการเงิน
มากนัก ซึ่งสะท้อนว่า ECB มีความจำเป็นน้อยในการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ ผู้ว่าการ ธ.กลางสหภาพยุโรป
กล่าวว่า ECB จะให้ความสำคัญกับความเสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการติดตามผลจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
อย่างแข็งแกร่งของ 13 ประเทศในเขตเศรษฐกิจยุโรปที่ใช้เงินสกุลยูโร (ยูโรโซน) ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนภาพที่ว่าภาวะเศรษฐกิจของยูโรโซน
กำลังขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่ปี 43 แม้ว่าตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมของฝรั่งเศสซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยูโรโซนจะ
มีทิศทางที่ชะลอตัวก็ตาม นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ยังคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายว่า อาจมีการปรับเพิ่มอีกร้อยละ 0.25
ในช่วงไตรมาสแรกของปี โดยนักเศรษฐศาสตร์ร้อยละ 36 เห็นว่าอาจปรับเพิ่มในเดือน ก.พ. ขณะที่ร้อยละ 98 เห็นว่าอาจปรับเพิ่มในเดือน
มี.ค.50 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 12 ม.ค. 50 11 ม.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 36.023 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 35.8164/36.1739 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.11688 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 637.63/21.58 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,400/10,500 10,400/10,500 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 48.63 49.54 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.99*/22.94** 25.99*/22.94** 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเมื่อ 9 ม.ค.50 ** ปรับเมื่อ 6 ม.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--